หลังจากกล่าวทักทายซึ่งกันและกันแล้ว เฮ่อฉางเหอเจี่ยเหวยเกิ่ง และจวงตงเฟิงต่างรวมกลุ่มสนทนากันทันที ส่วนเด็กรุ่นหลังทั้ง 3คนนั้น... หลินเยว่กับจางฮุยิเริ่มคุยกันเื่การทดสอบในวันนี้แต่จวงเมิ่งเตี๋ยกลับเชิดหน้าไม่ชายตาแลพวกเขาทั้ง 2 คนนี้เลย เธอเบี่ยงตัวหันหลังใส่พวกเขาและเหม่อมองไปยังูเาอันไกลโพ้น
“เป็อย่างไรบ้าง? มั่นใจหรือเปล่า?”จางฮุยิถามขึ้น
“ถึงจะมีความมั่นใจก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ไม่รู้ว่าคณะกรรมการพวกนั้นจะตั้งคำถามยากๆเพื่อแกล้งกันหรือเปล่า? ขอแค่อย่าให้ยากจนเกินไปก็พอแล้ว เออใช่แล้วคุณรู้ไหมว่ามีใครมาเป็กรรมการบ้าง?”
เมื่อมองสายตาที่เต็มไปด้วยความข้องใจของหลินเยว่จางฮุยิจึงรู้สึกประหลาดใจและมองอีกฝ่ายกลับด้วยสายตาแปลกประหลาดทันที
คงไม่ได้เป็อย่างนั้นหรอกมั้ง?หรือว่าอาจารย์ของเขาจะไม่ได้บอกกับเขาอย่างนั้นหรือ?
จางฮุยิสังเกตสีหน้าท่าทางของหลินเยว่อย่างละเอียดถี่ถ้วนเมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้แกล้งทำท่าสงสัยออกมา สายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของเขาจึงกลายเป็ความตกตะลึง
มันเป็อย่างนี้ไปได้อย่างไร!
“ทำไมหรอ?”
เมื่อหลินเยว่เห็นว่าจางฮุยิไม่ได้พูดอะไรออกมาสักทีเขาจึงถามขึ้นอย่างข้องใจ
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย”
จางฮุยิหัวเราะฮ่าๆแต่ทว่าไม่ว่าเขาจะพยายามกลบเกลื่อนมากเพียงไหนแต่สายตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง
คนอื่นๆ ต่างทยอยเดินทางมาถึง และในเวลา 8.20น.ผู้เฒ่าหลิวก็มาถึงคฤหาสน์แห่งนี้เช่นกัน
ตอนนี้เหลือเวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึงเวลาเริ่มการทดสอบส่วนที่ 2
ผู้เฒ่าหลิวส่งยิ้มให้กับเหล่าผู้าุโที่อยู่ท่ามกลางลูกศิษย์ของตนพร้อมพูดขึ้น“ขอเชิญทุกท่านเข้าไปด้านในเนื่องจากทางจิ่งเต๋อเจิ้นขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถ ดังนั้นครั้งนี้จึงต้องรบกวนทุกท่านแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้าุโทั้ง 10 คนต่างยิ้มออกมาในเวลาเดียวกันหลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าเดินเข้าไปในคฤหาสน์
หืม?
เมื่อเห็นอาจารย์เฮ่อฉางเหอของตนก็เดินเข้าไปคฤหาสน์ด้วยเช่นกันหลินเยว่ก็ถึงกับอึ้งไปในทันที นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เป็เขาที่ต้องเข้าไปทำการทดสอบไม่ใช่หรือ?แล้วอาจารย์ของเขาจะเข้าไปในคฤหาสน์ทำไมล่ะ?
“อาจารย์...... นี่คือ...?”
เมื่อได้ยินคำถามจากหลินเยว่ร่างกายของทุกคนจึงเกิดอาการเกร็งค้างขึ้นทันทีพวกเขาต่างมองอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่มีทางเป็ไปได้หรอกมั้ง?คนที่เป็อาจารย์ไม่ได้บอกอะไรกับลูกศิษย์ของตนเลยอย่างนั้นหรือ?
“ฮ่าๆ ซื่อบื้อจริงๆ ตอนนี้ยังมองไม่ออกหรือไง?อาจารย์ของคุณกับคนอื่นๆ เป็กรรมการในการทดสอบครั้งที่ 2 น่ะสิ”
อาจารย์เฮ่อฉางเหอหัวเราะ “ฮ่าๆ”
“เอ่อ?” หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปอีกครั้งหลังจากนั้นเขาจึงส่งยิ้มอย่างอ่อนใจ “อาจารย์ก็ปิดเงียบเชียวนะ คงอึดอัดแย่เลย”
หลินเยว่ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากรรมการในการทดสอบครั้งที่2 จะมีอาจารย์ของตนเองรวมอยู่ด้วยอาจารย์กับผู้าุโคนอื่นๆ ทั้ง 10 ท่านจะเป็กรรมการในครั้งนี้และอาจารย์ของตนก็รู้เื่นี้อยู่แล้วแต่กลับไม่มีการพูดเื่นี้กับเขาเลย
ทำไมอาจารย์ถึงไม่บอกเขาล่ะ?
หรือว่ากลัวว่าเขาจะชะล่าใจ?
ไม่ว่าหลินเยว่จะคิดอย่างไรเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ทว่าการที่อาจารย์ของเขาเป็หนึ่งในกรรมการด้วยก็ต้องเป็เื่ที่ดีอย่างแน่นอนเพราะอาจารย์คงไม่แกล้งถามคำถามเขายากจนเกินไป อิอิ...... แต่ทว่า ยังมีตาแก่เฉินเฟยคนนั้นอยู่ในนั้นด้วยตาแก่นี่ต้องตั้งใจกลั่นแกล้งเขาที่สุดอย่างแน่นอน หึ!
มีทั้งผลดีและผลร้าย รวมๆ ออกมาถือว่าเป็ผลลัพธ์ที่ไม่เลวสักเท่าไร
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างอาจารย์ลูกศิษย์คู่นี้แล้วคนรุ่นหลังทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างใทันที
ยังมีคนที่เป็อาจารย์แบบนี้ด้วยหรือ? ทั้งๆที่ลูกศิษย์ของตัวเองกำลังจะเข้าทำการทดสอบ และตนเองก็ยังเป็หนึ่งในคณะกรรมการแต่กลับไม่ได้บอกลูกศิษย์ของตัวเองเกี่ยวกับการทดสอบเลย?
เป็เพราะเขามั่นใจในตัวลูกศิษย์ของตนเองมาก?
หรือว่าทางจิ่งเต๋อเจิ้นกำหนดว่าไม่ให้เขาบอกลูกศิษย์ของตนเอง?
ขณะที่ทุกคนกำลังเกิดความสงสัยนั้นผู้าุโส่วนหนึ่งที่รู้จักนิสัยของเฮ่อฉางเหอเป็อย่างดีถึงจะรู้คำตอบนี้เฮ่อฉางเหอเป็คนที่ไม่คิดจะสร้างข้อได้เปรียบจากเื่พวกนี้เลย เขายอมที่จะให้ลูกศิษย์ของตนเองได้ที่สุดท้ายแต่ไม่ว่าอย่างไรผลการแข่งขันนั้นจะต้องออกมาอย่างใสสะอาดเช่นนี้เขาถึงจะไม่รู้สึกผิดต่อตนเอง
อาจารย์เป็เช่นนี้ลูกศิษย์ก็เป็เช่นนี้เหมือนกัน
พวกเขาไม่เห็นสีหน้าโกรธเคืองหรือน้อยใจจากหลินเยว่เลยเพราะหลังจากเข้าใจเื่ทั้งหมดแล้ว หลินเยว่มีความประหลาดใจอยู่ชั่วครู่หลังจากนั้นก็เป็การยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นอย่างสบายใจเหมือนปกติ
คนเป็ลูกศิษย์ก็ไม่เคยคิดจะเอาเปรียบเช่นกันพฤติกรรมเช่นนี้ทำให้หลายๆ คนรู้สึกนับถือยิ่งนัก
แต่ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็มีบางคนที่รู้สึกละอายใจจนต้องก้มศีรษะทางจิ่งเต๋อเจิ้นกำหนดไว้ว่าให้กรรมการแต่ละคนตั้งคำถาม 2 คำถามพวกเขาก็ได้บอกกับลูกศิษย์ของตนว่าจะตั้งคำถามเกี่ยวกับอะไรบ้างเรียบร้อยแล้วซึ่งก็แสดงว่าลูกศิษย์ของพวกเขาจะไม่มีทางเสียคะแนนไปกับคำถามของอาจารย์ของตนเอง
แต่ทว่าตอนนี้ พวกเขาก็คิดได้ว่า... พวกเขาไม่ได้ถูกตัดคะแนนไปแม้แต่คะแนนเดียวแต่กลับถูกตัดคะแนนไปกับพฤติกรรมของคนที่เป็กรรมการแล้วนั่นเอง
นี่มันเป็ผลดีหรือผลเสียกันแน่?
หลายๆ คนก็มีคำตอบของตนเองอยู่ในใจ
แต่เฉินเฟยกลับมองเฮ่อฉางเหออย่างเย้ยหยันนี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ยังมีวิธีคิดที่แสนคร่ำครึโบร่ำโบราณอย่างนี้อีกตอนนี้คือการแข่งขัน ไม่ได้เป็เวลาที่จะอวดความมีคุณธรรมของตนเองขอแค่สุดท้ายคุณสามารถคว้าชัยชนะมาได้ แล้วจะมีใครสนใจว่าคุณทำอะไรมาบ้างไหมล่ะ!
ยังทำตัวเหมือนตอนเป็เด็กเลยซื่อบื้อโง่เง่าเป็ที่สุด!
หลี่เฉียนโจวยิ้มอย่างเ้าเล่ห์และหันไปมองหลินเยว่ในใจของเขากำลังหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเต็มที่
อาจารย์งี่เง่าไม่ยอมบอกข้อสอบหลินเยว่ ฮ่าๆครั้งนี้เขาต้องเสียเปรียบกว่าใครๆ หึๆ การทดสอบครั้งนี้ผมต้องเหยียบหัวอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
หวังเยว่เหลือบมองรอยยิ้มเ้าเล่ห์ของหลี่เฉียนโจวมุมปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มอันแสนเ็าเช่นกัน
ยิ้มไปเถอะ ยิ้มให้สุดๆ ไปก่อนเดี๋ยวคุณก็รู้ว่ามันเป็ยังไงกันแน่!
ผู้เฒ่าหลิวมองหลินเยว่พร้อมรอยยิ้มเป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้จริงๆ อาจารย์เป็แบบไหน ลูกศิษย์ก็เป็แบบนั้นจริงๆ
เฮ่อฉางเหอเจอลูกศิษย์ที่สามารถถ่ายทอดวิชาทั้งหมดได้อย่างแท้จริงลูกศิษย์คนนี้นอกจากจะสืบทอดนิสัยตรงไปตรงมาของอาจารย์แล้วเขายังมีพร์อีกด้วย
ผู้เฒ่าหลิวเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าวงการการพิสูจน์เครื่องเคลือบจะต้องมีดวงดาวที่เจิดจรัสดวงใหม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนและคนอื่นๆ คงเป็ได้เพียงตัวประกอบเท่านั้น
บางทีอาจจะไม่ต้องรอนานถึงขนาดนั้นก็ได้!
เมื่อรอให้ผู้าุโทั้ง 10 ท่านเดินเข้าไปยังด้านในของคฤหาสน์แล้วผู้เฒ่าหลิวก็เริ่มกล่าวถึงกฎกติกาในการแข่งขันของวันนี้
“บางทีพวกคุณอาจจะรู้กฎกติกาและข้อสอบบางส่วนในวันนี้แล้วแต่ว่ายังมีบางคนที่ยังไม่รู้ ตอนนี้ผมจำเป็ต้องพูดชี้แจงอย่างเป็ทางการให้กับพวกคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างเข้าใจทันทีว่าใน 10คนนี้มีเพียงหลินเยว่คนเดียวที่ยังไม่รู้อะไรเลยและการที่ผู้เฒ่าหลิวพูดถึงข้อสอบ ก็เป็การฉีกหน้าพวกเขาอย่างแรง
“ประเดี๋ยวพอพวกคุณเข้าไปด้านในแล้วจะมีปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบทั้งหมด 10 ท่านรวมทั้งอาจารย์ของพวกคุณที่ผลัดกันตั้งคำถามทดสอบพวกคุณ แต่ละคนจะตั้งคำถามได้ 2คำถาม ลักษณะคำถามไม่มีการกำหนดตายตัวดังนั้น จึงไม่สามารถระบุเวลาได้อย่างชัดเจนแต่ว่าเวลาในการตอบของแต่ละคำถามมีเพียง 3 นาทีในสนามสอบจะมีเ้าหน้าที่ที่ทำการจับเวลาโดยเฉพาะเขาจะเริ่มจับเวลาั้แ่พวกคุณเริ่มตอบ คำถามแต่ละข้อมีคะแนนเต็ม 5 คะแนน คะแนนรวมทั้งหมด 100 คะแนน กรรมการผู้ตั้งคำถามข้อนั้นๆจะเป็คนให้คะแนนพวกคุณ ไม่ทราบว่ายังมีข้อสงสัยอีกหรือเปล่า?”
พวกเขาทั้ง 10 คนต่างมองหน้ากันหลังจากนั้นจึงหันหน้าไปมองหลินเยว่กันทั้งหมด
เมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่มองมาหลินเยว่จึงได้แต่ฝืนยิ้มและตอบขึ้น “ไม่มีปัญหาครับ”
“อืม แล้วใครจะเป็คนแรก?”
“ผมเอง!”
ผู้เฒ่าหลิวเพิ่งพูดจบ ก็มีใครคนหนึ่งที่ก้าวเท้าออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าวพร้อมยกมือและพูดขึ้น
พวกเขาจึงหันไปมองทางคนผู้นี้จึงพบว่าคนที่แย่งเข้าไปเป็คนแรกคือหวังเยว่
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจมองมาที่ตนเองหวังเยว่ก็รู้สึกภูมิใจยิ่งนัก
ในที่สุดผมก็มีวันนี้! มันมีความสุขจริงๆ!
หลี่เฉียนโจวมองการเสนอตัวของหวังเยว่อย่างข้องใจหวังเยว่เป็คนที่ไม่เห็นกระต่ายไม่มีวันปล่อยเหยี่ยวออกมาหากไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเขาไม่มีทางลงมืออย่างเด็ดขาด แล้วทำไมครั้งนี้เขาถึงแย่งเสนอตัวก่อนล่ะ?
หรือว่าจะมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่?
ขณะที่หลี่เฉียนโจวกำลังสงสัยอยู่นั้นเขาพลันรับรู้ถึงสายตาที่หวังเยว่มองมา สายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความมั่นใจราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงความนัย... บอกให้หลี่เฉียนโจววางใจได้ เขาจะยอมเข้าไปลุยกับะเิก่อน!
สายตาของหวังเยว่ทำให้หลี่เฉียนโจวอึ้งไปชั่วขณะไอ้นี่มันโง่จริงๆ มันคงไม่ได้มีน้ำใจเห็นแก่มิตรภาพขนาดนั้นหรอกนะ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้