“หืม… คนเช่นเ้าน่ะหรือ?” ผู้าุโเว่ยปรายตามอง แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงขึงขัง “หากเ้าไม่ไป ท่านเ้าสำนักอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าข้าส่งคนไปสอดแนมในสำนักฝูเซิง ฮึ่ม… อย่างไรเสีย พวกเ้าต้องออกไปจากจวนเดี๋ยวนี้!”
ชายชราเกรงว่าเว่ยฉีหรานจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ดังนั้น แม้รู้ว่าอีกฝ่ายอับจนหนทาง แต่ก็ไม่อาจออกหน้าช่วยเหลือ เพราะต้องเห็นแก่ทุกคนในคณะงิ้วสกุลเหมย
ส่วนเหมยอี่เหลียนก็รู้สึกลำบากใจ จึงได้แต่ยืนนิ่งงัน
โจวชิงหวากัดฟันอดทนต่อความเ็ปดั่งร่างถูกฉีกทึ้ง พยายามหยัดกายลุกขึ้นไปหาหนีเจียเอ๋อร์ พลางพูดเบาๆ “อาหนี เราอาจจะทำให้แม่นางเหมยเดือดร้อนได้ เช่นนั้น อย่าอยู่เป็ภาระพวกเขาเลย ไปกันเถอะ!”
หญิงสาวย่อมตระหนักดี ว่าไม่ควรดึงผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่อาจทนดูโจวชิงหวาตายด้วยพิษฝ่ามือน้ำแข็ง หากยังมีความหวัง ต่อให้ริบหรี่เพียงใด นางจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้หรือ?
หนีเจียเอ๋อร์ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าผู้าุโเว่ย แอบหยิกตัวเองเพื่อบีบน้ำตา
นอกจากฝ่าาและบิดา นี่เป็ครั้งแรกที่นางคุกเข่าให้ผู้อื่น…
แต่หญิงสาวไม่มีอะไรจะเสียแล้ว นับประสาอะไรกับศักดิ์ศรีของตน!
หนีเจียเอ๋อร์้าช่วยชีวิตโจวชิงหวา เมื่อเทียบกับสิ่งที่อีกฝ่ายเคยเสียสละเพื่อนางแล้ว การคุกเข่าแค่นี้ ถือว่าเล็กน้อยยิ่งนัก
โจวชิงหวามองสตรีที่คุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้า โดยไม่อาจบรรยายความรู้สึกแปลกพิกลในใจได้... ช่างบีบคั้นจนแทบทนไม่ไหว!
ดังนั้น ชายหนุ่มจึงทรุดตัวลงคุกเข่าเคียงข้างอีกฝ่าย
ในเมื่อนางสามารถคุกเข่า เพื่อให้เขามีชีวิตรอด...
เขาก็ย่อมสามารถคุกเข่า เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ดูแลนางต่อไปเช่นกัน!
เหมยอี่เหลียนเบิกตากว้าง รีบยื่นมือไปพยุงร่างหนีเจียเอ๋อร์ “เ้าจะทำอะไร ลุกขึ้น เร็วเข้า!”
ทว่า หญิงสาวยังคงดื้อดึง
ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ นางก็ขอลองเสี่ยงดูสักตั้ง จึงเล่าถึงชะตากรรมอันเลวร้ายที่ตระกูลหนีต้องประสบในชาติก่อน ด้วยหวังว่าเหมยอี่เหลียนจะนึกเห็นใจ
“ในปีนั้น พี่ชายกับข้าพากันกลับบ้าน หลังจากมิได้ไปเยี่ยมเยียนเสียนาน แต่แล้วก็ต้องมาเห็นโลหิตหลั่งไหลเป็สายน้ำั้แ่หน้าเรือน ทว่าไม่กล้าผลักประตูเข้าไป เพราะไม่อาจยอมรับได้”
“แต่ความจริงย่อมไม่อาจหลีกหนี เมื่อพวกเราเข้าไป ก็พบกับร่างไร้ิญญาของผู้คนในครอบครัว เหล่าพี่น้องล้วนนอนตายอย่างน่าสังเวช อีกทั้งบนร่างยังมีรอยแผลรูปดาราอยู่ด้วย”
“ข้าไม่มีวันลืมภาพเ่าั้ พวกเราจึงรอเวลาที่จะได้แก้แค้น แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน โอกาสนั้นก็มาถึง แต่ไม่คิดเลย ว่าเว่ยฉีหรานจะมีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ นอกจากจะสังหารเขามิได้แล้ว พี่ชายยังาเ็สาหัสอีกด้วย”
โจวชิงหวามองความโศกเศร้าและไฟแค้น ที่ทะลักล้นออกมาจากดวงตาของหนีเจียเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ โดยไม่อาจเอ่ยอันใดออกมาได้ ความกังขาที่ฝังลึกภายในใจ ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
เหตุใดท่าทางของนางถึงสมจริง ราวกับเคยเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนั้นมาก่อน?
นี่คือตัวตนของหนีเจียเอ๋อร์ ที่เขารู้จักจริงๆ หรือ?!
ในตัวเ้า มีความลับซุกซ่อนอยู่มากมายแค่ไหน?
ผู้าุโเว่ยและเหมยอี่เหลียน เป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดง ย่อมมองสีหน้าผู้คนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ว่าผู้ใดโกหกผู้ใดพูดความจริง
หลังจากฟังคำบอกเล่าของหนีเจียเอ๋อร์แล้ว ผู้าุโเว่ยก็ไม่ติดใจสงสัยคำพูดของนางแม้แต่น้อย ทั้งยังออกปากด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “รอยแผลดารา คือสัญลักษณ์ที่ศิษย์สำนักฝูเซิงมักจะทิ้งไว้บนศพผู้ตาย…”
เหมยอี่เหลียนที่อยู่อีกด้าน ดวงตาแดงก่ำ กำหมัดแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว
เมื่อนึกถึงบิดา ความแค้นเคืองของนางก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หญิงสาวเคยสาบานว่าจะเอาคืนเว่ยฉีหราน ด้วยการฆ่าอีกฝ่ายด้วยมือของตัวเอง แล้วนำเืมาเซ่นไหว้ที่หน้าหลุมศพของผู้เป็พ่อ
ชะตากรรมของนาง ช่างคล้ายคลึงกับสิ่งที่สองพี่น้องได้ประสบพบเจอ
พวกเขาลำบากยากเข็ญถึงเพียงนี้ หญิงสาวจึงไม่อาจหาเหตุผลที่จะไม่ช่วยเหลือ
ทว่าผู้าุโเว่ยยังคงไม่เห็นด้วย เหมยอี่เหลียนจึงตัดบทไปว่าตนเป็ผู้ที่มีอำนาจสูงสุด และได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะช่วยคนทั้งสอง ผู้าุโจึงเถียงไม่ออก ได้แต่แสดงท่าทีโมโหที่อีกฝ่ายไม่ฟังตน
เหมยอี่เหลียนหันไปรับปากหนีเจียเอ๋อร์ ว่าจะช่วยเกลี้ยกล่อมผู้าุโเว่ยให้มารักษาโจวชิงหวา ระหว่างนั้น ก็ให้พวกเขาอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ
...
่บ่าย หลังกลับมาจากข้างนอก หนีเจียเอ๋อร์ก็ได้ยินว่ามีคนของคณะงิ้วจะเดินทางเข้าเมืองหลวง จึงเขียนจดหมายฝากคนผู้นั้นไป
เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เว่ยฉีหรานสงสัย นางจึงให้ชายคนนั้นนำจดหมายไปส่งที่จวนของต้วนอวิ๋นหลาน และให้เขาส่งต่อไปยังหนีเจียเฮ่อ
หนีเจียเอ๋อร์ยัดเงินยี่สิบตำลึงให้คนผู้นั้น ช่วยเก็บเื่ส่งจดหมายไว้เป็ความลับจากเหมยอี่เหลียน เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้เข้า
เงินจำนวนมากมายเช่นนี้ ต่อให้ทุ่มเทร้องงิ้วเป็เวลาหนึ่งปีก็ยังไม่อาจได้มา ชายผู้นั้นจึงรับปาก ดวงตาหรี่แคบหันซ้ายหันขวาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดมาเห็นจดหมาย ที่ตนจะนำไปส่งที่จวนแม่ทัพต้วน
...
ตกกลางคืน ร่างกายของโจวชิงหวายิ่งเย็นลง แม้จะห่อตัวด้วยผ้าห่มสองผืนก็ไม่เพียงพอ หนีเจียเอ๋อร์จึงจุดเตาไฟเพิ่มอีก ทว่าไร้ประโยชน์
เพียงหนึ่งก้านธูปต่อมา คิ้วของชายหนุ่มเริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอย่างน่าประหลาด ริมฝีปากของเขาซีดเผือด ประหนึ่งกลีบดอกอิง[1]สีขาว
หนีเจียเอ๋อร์บอกบ่าวตัวน้อยให้ช่วยดูแลโจวชิงหวาก่อน ส่วนตัวเองก็รีบพุ่งไปหาผู้าุโเว่ย แต่ไม่ว่าจะะโเรียกอย่างไร ก็ไร้เสียงขานรับ
เหมยอี่เหลียนสวมชุดคลุมออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงร้อนรนของนาง หลังร้องเรียกอยู่สองสามครั้งก็ยังไม่มีคนตอบ ด้วยอารมณ์อันเร่งร้อน หญิงสาวจึงยกขาขึ้นเตะประตูเปิดผาง พลางคว้ามือของหนีเจียเอ๋อร์ ปรี่เข้าไปหาชายชราซึ่งนอนอยู่บนเตียง
จากนั้น เหมยอี่เหลียนก็พูดเสียงดัง “ชีวิตคนกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายรอให้ท่านไปช่วยเหลือ หากท่านไม่ลงมือแล้วใครจะทำ ยังไม่รีบอีก!”
ผู้าุโเว่ยนั้น นับว่าเป็ชายชราร่างใหญ่ผู้หนึ่ง แต่ยามนี้กลับถูกสตรีทั้งสองหิ้วออกมาจากห้องอย่างง่ายดาย
พวกนางทิ้งร่างของเขาไว้ที่หน้าห้อง ส่วนผู้าุโเว่ยก็ประท้วงด้วยการเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว หนีเจียเอ๋อร์จึงยิ่งโมโหหนัก จนถึงขนาดดึงมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ และจี้เข้าไปที่คอของชายชรา พลางเอ่ยถาม “ท่านจะไปหรือไม่?”
พอคมมีดเย็นๆ ทาบมาบนลำคอ ผู้าุโเว่ยก็ตื่นตระหนก แล้วร้องโพล่งออกมา “ไม่ไป!”
ขีดความอดทนพลันขาดสะบั้น หนีเจียเอ๋อร์ขบกรามแน่น ทำท่าจะกดปลายมีดลง...
เหมยอี่เหลียนรีบเข้าไปจับมืออีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจดึงนางกลับมาได้
หนีเจียเอ๋อร์กับผู้าุโเว่ย เผชิญหน้ากันโดยไม่มีผู้ใดล่าถอย
เหมยอี่เหลียนเกรงว่านางจะทำร้ายผู้าุโจริงๆ จึงเตือนสติเสียงเคร่ง “อาหนี วางมีดลง!”
หนีเจียเอ๋อร์เม้มปากแน่น ดวงตาแดงก่ำไม่ต่างไปจากเปลวไฟอันลุกโชน หมายจะท้าทายผู้าุโเว่ยจนถึงที่สุด
ทว่า ผู้าุโเว่ยยังคงยืนกรานปฏิเสธ ต่อให้มีดมาจ่อถึงคอแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเปลี่ยนใจ
เมื่อมองไปยังคนดื้อดึงทั้งสอง เหมยอี่เหลียนก็ยิ่งกังวล ขณะเดินวนไปมาที่หน้าห้อง นางก็เอ่ยเบาๆ “อาหนี เขาเป็ญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของข้า เห็นแก่ข้าเถอะนะ ช่วยวางมีดลงก่อนได้หรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์มองเหมยอี่เหลียน พลางกัดฟันแน่น แล้วค่อยๆ ลดมือลง แต่กระนั้นก็ยังคงยืนจังก้า ไม่ยอมล่าถอย
เหมยอี่เหลียนพลันตบหน้าอกด้วยความโล่งใจ
ผู้าุโเว่ยปรายตามองหนีเจียเอ๋อร์ พูดตามตรง เขาค่อนข้างถูกใจนิสัยของนาง หากมิใช่ว่าตอนนี้พวกตนกำลังถูกเว่ยฉีหรานเพ่งเล็ง เขาคงยินดีที่จะช่วยเหลือคนทั้งสอง
-------------------------------------
[1] ดอกอิง (櫻花: อิงฮวา) คือ ดอกซากุระ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้