สัปดาห์นี้คือสัปดาห์ที่จะต้องสอบเข้าชั้นมัธยมปลาย ก่อนถึงเวลานั้นที่โรงเรียนยังมีการทดสอบก่อนสอบจริงครั้งสุดท้าย
ซึ่งจะคล้ายกับการสอบย่อยรายเดือนในโรงเรียน ครูจากหลายๆ วิชาจะช่วยกันคิดข้อสอบ จากนั้นนักเรียนก็จะสลับที่นั่งกันโดยมีครูทำหน้าที่คุมสอบและทำข้อสอบทั้งระดับชั้น
อันที่จริงการแจกกระดาษข้อสอบเพียงไม่กี่แผ่นแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เลย แต่เื่ง่ายๆ เช่นนี้ ทางโรงเรียนก็ยังเก็บเงินนักเรียนทุกคนคนละห้าสิบหยวน
หน้าเงินอะไรขนาดนั้น…
“นี่…”
เมื่อถูกสายตาหลายคู่จับจ้อง ปลายจมูกของครูใหญ่หลี่ก็เริ่มมีเหงื่อออก
อันที่จริงปกติเขาก็ไม่ได้หน้าเงินขนาดนั้น ส่วนมากก็ไม่เกินยี่สิบหยวน สามสิบหยวน
แต่นักเรียนห้องที่จะเรียบจบนั้นค่อนข้างแตกต่าง ใกล้จะสอบขึ้นชั้นมัธยมปลายแล้ว หลังสอบเสร็จนักเรียนเหล่านี้ก็จะเรียนจบออกไป จึงไม่ควรปล่อยโอกาสที่จะกำขนแกะสักกำมือไว้ เพราะแกะตัวอ้วนเหล่านี้กำลังจะหลุดไปอยู่ฝูงของคนอื่น
คนที่สามารถเข้ามาเรียนในโรงเรียนทดลองนี้ได้ ครอบครัวส่วนใหญ่อย่างน้อยที่สุดก็เป็พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับเงินเดือนตรงเวลา เงินเพียงไม่กี่สิบหยวนถือว่าไม่ใช่เื่ใหญ่ การที่เขาเก็บเงินห้าสิบหยวนจึงถือว่าไม่มากเกินไป
แต่ปัญหาคือ วันนี้เลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง
อีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาที่มีนัยลึกซึ้ง ครูใหญ่หลี่เข่าอ่อนจนลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น
“ไม่…ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวและทุกๆ ท่าน พวกคุณฟังผมอธิบายก่อน”
เลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวเดินไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร ก่อนจะหยิบกระดาษข้อสอบขึ้นมาดู เขาใช้ชีวิตอยู่กับกองทัพมาก่อน ตอนวัยรุ่นผ่านการฝึกฝนทหารอย่างหนักหน่วงและเข้มงวด ซึ่งได้หล่อหลอมนิสัยขยันขันแข็งและเด็ดขาดของเขา เมื่อได้มาทำงานด้านการศึกษาที่มณฑล D เขาจึงไม่ใช่คนที่ตาสูงแต่มือต่ำ[1] ทว่าเป็คนที่เจาะลึกเข้าไปเพื่อทำความเข้าใจในทุกๆ ด้าน
แค่ัั เขาก็รู้ว่ากระดาษเหล่านี้ไม่ได้มีคุณภาพดี ราคาไม่แพงไม่ใช่กระดาษแผ่นละหลายหยวน แต่เป็กระดาษที่หนึ่งเฟิน[2]ก็สามารถซื้อได้หลายๆ แผ่น
“อืม พูดมา”
เขาวางกระดาษข้อสอบลงก่อนจะเอามือไขว้หลัง เดินไปรอบๆ ห้องถ่ายเอกสารและพลิกดูเอกสารต่างๆ ตามใจชอบ
“ผมเป็ครูใหญ่ คุณครูหลี่อวี้จือเปรียบดั่งกระดูกสันหลังของโรงเรียน พวกเราทำงานร่วมกัน เธอตั้งใจตรากตรำทำงานที่นี่มาตั้งหลายปี แน่นอนว่าย่อมคุ้นเคยกัน ทุกท่านได้โปรดอย่าเข้าใจผิด”
“ส่วนเื่ที่ทำไมกระดาษข้อสอบเหล่านี้มีราคาแพง เื่นั้นมีต้นสายปลายเหตุ ท่านเลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวอาจจะไม่รู้ พวกเราได้เชิญผู้เชี่ยวชาญประจำเมืองมาออกข้อสอบให้ ผู้เชี่ยวชาญคนนี้เข้าร่วมทำงานในการสอบขึ้นชั้นมัธยมปลายของนักเรียนมาหลายครั้ง จึงมีประสบการณ์สั่งสมหลายปี เมื่อเป็เช่นนี้แนวข้อสอบที่ได้ก็จะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุด ผมตั้งใจว่าก่อนสอบจะให้นักเรียนได้เติมเต็มความรู้ แล้วพยายามอย่างเต็มที่ในการสอบขึ้นชั้นมัธยมปลายครับ”
ครูใหญ่หลี่แค่หาข้ออ้างไปเรื่อย แต่เมื่อเอ่ยถึงตอนสุดท้าย เขาก็พูดเอาดีเข้าตัว
เมื่อเอ่ยปากอีกครั้ง ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“เงินที่ต้องจ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญถือว่าเป็จำนวนไม่น้อย แต่ถ้าเงินเพียงห้าสิบหยวนสามารถแลกกับคะแนนสอบที่ดีขึ้น ผมเชื่อว่าผู้ปกครองหลายคนต้องยินยอม”
สองข้อหลังที่เขาพูดมานั้นถือว่าไม่ผิด โจวโฮ่วเซิงพยักหน้า แล้วหยิบกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมา
“ผู้ออกข้อสอบ หลินซิ่ว…นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่ครูใหญ่หลี่กล่าวถึงเมื่อครู่ใช่ไหม”
หลินซิ่ว
ชื่อนี้ทำไมคุ้นหูนักนะ
ไหล่ของซูอินกระตุก ราวกับกำลังข่มใจไม่ให้ตนเองหลุดยิ้มอีกครั้ง
หลังจากสงบจิตสงบใจและแววตาได้แล้วเธอจึงกล่าวว่า “ท่านเลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวและทุกๆ ท่านคะ คุณครูหลินซิ่ว คือครูที่ปรึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามห้องสองค่ะ และเป็ครูที่สอนวิชาภาษาและวรรณกรรมให้กับนักเรียนห้องหนึ่งและห้องสอง คุณครูหลินตั้งใจสอนมาก เธอทำให้คะแนนสอบวิชาภาษาจีนของห้องหนึ่งและห้องสองสูงเป็อันดับหนึ่งและสองของระดับชั้นเลยค่ะ แต่ว่าเธอไม่น่าจะเป็ผู้เชี่ยวชาญนะคะ”
ซูอินนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าวันศุกร์ ครูสาวผู้มองเธอด้วยแววตาเป็ห่วง ในความทรงจำของเธอ คุณครูหลินยังอายุไม่ถึงสามสิบปี ทุกครั้งที่มีการประเมินครูดีเด่นประจำปี มักจะถูกหลี่อวี้จือสกัด ไม่มีทางเป็ผู้เชี่ยวชาญที่คุณครูใหญ่หลี่ว่าจ้างอย่างแน่นอน
กระดาษสีน้ำตาลฉบับนั้นถูกเจาะ ครูใหญ่หลี่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกจับแก้ผ้า คงไม่ต้องบอกนะว่าการเปลือยกายวิ่งในที่สาธารณะนั้นน่าอับอายมากแค่ไหน
“เอาละ ในส่วนนี้ฉันพอจะเข้าใจแล้ว แม่สาวน้อย ไปกันเถอะ พวกเราไปดูที่อื่นกัน”
สถานีที่สองที่ซูอินนำเลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวไปก็คือโรงอาหาร
เพิ่งจะเลยสิบโมง ยังเหลือราวๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนจะถึงเวลาอาหารกลางวัน ทว่าบรรยากาศในโรงอาหารในตอนนี้กลับคึกคักเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เมื่อใกล้ถึงทางเข้าห้องครัว บนโต๊ะและเก้าอี้เต็มไปด้วยเนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อปลา พนักงานในโรงอาหารที่สวมผ้าปิดปากและหมวกสีขาวกำลังยุ่งอยู่กับการฆ่าไก่แล่ปลา
ราวกับเมื่อครู่ได้นำพลังทั้งหมดที่มีออกมาใช้ ร่างที่เหมือนศพเดินได้ของครูใหญ่หลี่เดินตามหลังทีมตรวจสอบได้ฟื้นคืนชีพแล้ว
เบียดขึ้นมาอยู่ด้านหน้าสุด เอ่ยกับเหล่าทีมสำรวจด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
“โรงเรียนของเรามีทั้งหมดเก้าระดับชั้น ซึ่งเป็่วัยกำลังเจริญเติบโต โดยเฉพาะ่นี้ที่ใกล้สอบปลายภาค นักเรียนระดับชั้นอื่นๆ ก็ใกล้จะสอบปลายภาค การเรียนต้องใช้ความรับผิดชอบมาก รับแรงกดดันสูง จึงจำเป็ต้องเสริมสร้างคุณค่าทางโภชนาการ โรงอาหารจึงได้มอบอาหารที่เป็มื้อสำคัญให้แก่นักเรียน แน่นอนว่าไม่สามารถทำแบบส่งๆ ซึ่งผมได้กำชับหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ไม่ต้องห่วงเื่เงิน แต่ต้องทำอาหารให้เต็มที่ อร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ พยายามเต็มที่เพื่อเติมเต็มโภชนาการที่นักเรียน้า”
ซูอินพยักหน้า
นักเรียนของโรงเรียนทดลองส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ค่อนข้างดี และด้วยความสัมพันธ์ในเชิงนโยบาย นักเรียนประมาณเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ล้วนเป็ลูกคนเดียว การกินการอยู่ที่บ้านถือว่าไม่เลว
ครูใหญ่หลี่เป็คนละโมบ แต่ก็ไม่สามารถทำแบบโจ่งแจ้ง อาหารไม่ได้แตกต่างจากโรงเรียนอื่นนัก อาหารของโรงเรียนทดลองมีเกรดค่อนข้างสูง ซึ่งติดอันดับต้นๆ ของโรงเรียนทั้งหมดในเมืองผิง
แน่นอนว่าราคาก็สูงเป็อันดับต้นๆ ด้วยเช่นกัน
“รับประทานอาหารกลางวันแค่มื้อเดียว ค่าอาหารทุกเดือนต้องจ่ายหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน เฉลี่ยแล้วเท่ากับวันละห้าหยวน ต่อให้วันเสาร์และวันอาทิตย์จะไม่ได้รับประทานอาหารที่โรงเรียน แต่ก็ยังต้องจ่ายอยู่ดี”
ซูอินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า ในใจของครูใหญ่หลี่ตอนนี้อยากจะบีบคอซูอินให้ตายเสียเหลือเกิน
เขาเผยรอยยิ้มประหม่า ทำได้เพียงกัดฟันอธิบาย “เื่นี้…ท่านเลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวและทุกๆ ท่าน พวกคุณก็เห็นว่าค่าใช้จ่ายของพวกเราอยู่ตรงนี้ พวกเราทำอะไรไม่ได้”
ซูอินมองเนื้อไก่ เนื้อเป็ด และเนื้อปลาที่กองพะเนินเทินทึก ปีนี้หัวหมูครึ่งกิโลกรัมราคาหกหรือเจ็ดหยวน คนส่วนใหญ่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์ทุกวัน หากวัดจากความอุดมสมบูรณ์นี้ ราคาอาหารมื้อละห้าหยวนถือว่าไม่แพง
แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่ได้รับประทานอาหารเช่นนี้ทุกวัน
ซูอินอยากพูดออกไป แต่เธอไม่มีหลักฐาน ในขณะที่กำลังตรึกตรองอยู่นั้น ก็มีลมพัดเข้ามา เธอเห็นแสงวาบสีดำคุ้นตาที่หลังผ้าม่าน
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งที่เป็ไปได้ จากนั้นเธอก็หันไปส่งสายตาให้เลขาธิการผู้อำนวยการกองโจวเพื่อขอตัวสักครู่ เมื่ออีกฝ่ายอนุญาตเธอจึงเดินไปที่หลังห้องครัว
เมื่อเปิดประตูอะลูมิเนียมที่อยู่ระหว่างห้องครัวและโรงอาหาร เปิดม่านพลาสติกที่กั้นระหว่างห้องครัวและสวนด้านหลังออก ก็เห็นรถซานตาน่าหัวเหลี่ยม
กระโปรงหลังถูกเปิดออก ด้านหลังบรรจุผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากสัตว์น้ำอยู่เต็ม
“นี่…ไม่ใช่รถของคุณครูใหญ่หลี่หรอกหรือ”
น้ำเสียงใของเธอ ทำให้ครูใหญ่หลี่ที่สั่นไหวอยู่แล้วไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป แข้งขาอ่อนแรงจนเขาตกลงไปอยู่ในถังเหล็กล้างปลาขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง
----------------------------------------------------------------------------
[1] ตาสูงแต่มือต่ำ หมายถึง วางมาตรฐานสูง แต่ไม่สามารถบรรลุสิ่งที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ได้
[2] เฟิน หมายถึง หน่วยเงินที่เล็กที่สุดของจีนเรียงจาก หยวน เจี่ยว เฟิน