เมื่อตัวประกอบทะลุมิติมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียวยุค 80's

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    ภายนอกเขาคือสามีที่ใส่ใจภรรยา แต่เ๱ื่๵๹ในบ้านไม่มีใครรู้ และยิ่งทุกอย่างกลายเป็๲ความดำมืดที่ไม่มีใครล่วงรู้ก็คือ วันหนึ่งฮุ่ยชิวรับโทรศัพท์จากตำรวจซึ่งแจ้งว่าพบรถยนต์ของคุณกั๋วคังเหรินตกเขา สภาพรถพังเสียหาย ในที่เกิดเหตุพบศพหญิงสาวที่มาทราบภายหลังว่าเป็๲นักร้องไนท์คลับแห่งหนึ่ง แต่ไม่พบร่างของกั๋วคังเหริน ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของกั๋วคังเหรินกับผู้หญิงคนนั้น แต่แน่นอนว่าข่าวที่ออกไปไม่ดีนัก ในปีนั้นเองที่หลินเหยาซื่อตั้งครรภ์อ่อนๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่ากั๋วคังเหรินรู้หรือไม่ว่าภรรยาสาวตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว 

    หญิงสาวเดินเข้าในห้องครัว เด็กชายหญิงหน้าตาละม้ายคล้ายกันหันมามองแล้วสิ่งยิ้มกว้าง เด็กทั้งสองนั่งแกว่งเท้าไปมาบนเก้าอี้เด็ก หลินเหยาซื่อส่งยิ้มกว้าง เดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาดเอวอย่างรวดเร็วและเตรียมลงมือป้อนอาหารเช้าให้เด็กทั้งสอง

    “คุณผู้หญิงค่ะ ไก่ที่สั่งไว้มาส่งแล้วนะคะ”

    “ไก่มาแล้วหรือ?” เธอหันไปมองนาฬิกา “มาแต่เช้าเลยรึ? หรือว่าฉันตื่นสาย”

    ป้าฮุ่ยชิวแอบค้อนเข้าให้ “คุณผู้หญิงไม่น่าให้เงินไปก่อนเลยเ๽้าค่ะ คราวหน้าคราวหลังได้ของแล้วค่อยให้เงินนะเ๽้าค่ะ”

    “แค่ไก่ไม่กี่ตัว เขาคงไม่โกงเราหรอก” หลินเหยาซื่อหัวเราะแล้วป้อนโจ๊กให้ลูกๆ

    “ไก่” เด็กๆ ออกเสียงตามผู้เป็๲มารดา

    “ไก่” เธอออกเสียงชัดๆให้เด็กๆพูดตาม “บ้านเรามีไก่ก็จะมีไข่กินทุกวันแล้วนะ”

    “คุณผู้หญิง...”

    “ป้าค่ะ” หลินเหยาซื่อส่งยิ้มให้ “ถ้าเราไม่อยากขายบ้านนี้ก็ต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ดินหลังบ้านยังว่าง เราทำแปลงผักกันนะคะ”

    “ขายบ้าน?” เด็กแฝดพูดตามมารดาทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายนัก หลินเหยาซื่อหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่มุมปากของเด็กๆ แล้วพูด

    “จางลี่ จางหย่ง ชอบบ้านหลังนี้ไหมจ๊ะ”

    เด็กแฝดหันมามองหน้ากันก่อนพยักหน้าหงึกหงัก

    “ชอบก็ดีแล้ว แม่ก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน”  เธอยิ้มแล้วป้อนข้าวให้เด็กๆต่อ

    ขอให้การ ‘ขายบ้าน’ เป็๲ทางเลือกสุดท้ายของเธอก็แล้วกัน ถึงจะมาอยู่ร่างนี้ไม่นาน แต่เธอก็ชอบบ้านหลังนี้เหมือนกัน.        

           ความทรงจำ

           “บ้านหลังนั้นสวยจัง”

           “ตึกสไตล์ยุโรป แสดงว่าเ๯้าของบ้านต้องมีฐานะดีแน่ๆ” 

           “แต่แค่สองชั้นเองนะ”

           “ดูสภาพสิน่าจะเกินห้าสิบปีแน่ๆ”

           “นี่ๆ คุยกันพอหรือยัง ได้เวลาเข้าฉากแล้ว” เสียงหนึ่งดังเตือนบรรดาตัวประกอบให้เข้าฉาก “เหยาซื่อ เธอนะจำไว้ว่าเป็๲แค่ตัวประกอบ ไม่ต้องทำตัวเด่นเกินหน้านักแสดงหรอกนะ”

           “ค่ะ” 

           หลินเหยาซื่อยิ้มทะเล้นพลางก้มศีรษะเป็๲เชิงขอโทษ เพื่อนร่วมป้องปากหัวเราะอย่างรู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ใส่ใจกับเสียงหัวเราะนี้นัก

           “จากตัวประกอบเดินไปเดินมาจนได้เป็๞ตัวประกอบที่มีบทพูด กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลยนะ” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างชื่นชม

    “ฉันนับถือเลย”

           หลินเหยาซื่อแค่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วเตรียมตัวไปเข้าฉาก แม้จะเป็๞แค่ ‘ตัวประกอบ’ แต่เธอก็เคยเรียนการแสดงมาก่อน  ยืดอกรับเลยล่ะ เธออยากเป็๞ดารา อยากเป็๞นักแสดงที่เจิดจรัสเป็๞ที่รู้จัก  แม้เป็๞ความฝันที่คนอื่นพากันหัวเราะเยาะว่าหญิงสาวที่เติบโตในสถานสงเคราะห์อย่างเธอจะใฝ่สูง ๻ั้๫แ๻่จำความได้ เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น แม่บุญธรรมบอกว่า เธอถูกนำมาวางไว้ที่ประตูซึ่งก็เหมือนเด็กหลายๆ คนที่พ่อหรือแม่ไม่กล้านำมามอบให้ต่อหน้าเ๯้าหน้าที่ เด็กๆ ในสถานสงเคราะห์ต่างคาดหวังว่าจะมีครอบครัวใจดีมารับไปอยู่ด้วย เธอเองก็เช่นกัน เธอพยายามอย่างที่สุด ตั้งใจเรียน ฝึกเขียนอักษร วาดภาพ เล่นดนตรี แต่สุดท้าย...ไม่มีใครเลือกเธอเลย แม้ว่าเธอจะอยู่มานานแค่ไหนก็ตาม เธออยากเป็๞ดารา อยากเป็๞คนที่มีแต่คนรุ่มล้อม ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวและผิดหวังครั้งแล้วครั้งแล้ว เธอทำงานพิเศษ เก็บเงินไปเรียนการแสดง แต่เมื่อไปสมัครเป็๞นักแสดงก็ได้เพียงบทเล็กๆ น้อยๆ เดินผ่านกล้องไปมา แต่ความมุ่งมั่นของเธอทำให้เริ่มได้รับแสดงที่มีบทพูด แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ได้เห็นหน้าตัวเองตั้งหลายวินาที

           แต่ยังไม่ทันได้เป็๲ดารา เธอก็ประสบอุบัติเหตุรถทัวร์ตกเขาแล้วโผล่มาในปี 1980 นี้แล้ว

           หลินเหยาซื่อที่เริ่มปรับตัวกับชีวิตใหม่ได้แล้วสะบัดศีรษะไปมา เ๹ื่๪๫ที่ผ่านมาแล้วก็ช่างมันเถิด ตอนนี้คือต้องใช้ชีวิตที่นี่ต่อไป โดยเฉพาะตอนนี้เธอมีลูกแฝดวัยสามขวบต้องเลี้ยงดู มือเรียวหยิบกรอบรูปที่มีรูปชายหญิงคู่หนึ่ง ผู้หญิงในภาพคือ ‘หลินเหยาซื่อ’ ส่วนผู้ชายในภาพน่าจะเป็๞...

           “พ่อ!”

           เด็กสองคนส่งเสียงพร้อมกัน ยื่นมือมาหมายจะจับกรอบรูป หลินเหยาซื่อย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าทำให้เด็กๆ ได้จับรูปได้ถนัดมือ

           “แม่!”

           “อื้ม ถูกต้อง นี่แม่ แล้วนี่ก็พ่อ”  หลินเหยาซื่อเอ่ยชมเด็กฝาแฝดทั้งสองคน ป้าฮุ่ยชิวเห็นว่าเธอจำอะไรไม่ค่อยได้จึงเล่าเ๹ื่๪๫ราวความหลังช่วยฟื้นความทรงจำให้ หลินเหยาซื่อเองก็ยอมรับว่า บางครั้งจะมีภาพบางภาพปรากฏแวบๆ ขึ้นมาในหัว เดาเอาว่าเป็๞ความทรงจำของเ๯้าของร่างนี้

           เลี้ยงเด็กสามขวบสองคนไม่ใช่เ๱ื่๵๹ยากสำหรับหลินเหยาซื่อ การที่เธอเติบโตในสถานสงเคราะห์เด็กทำให้ต้องช่วยดูแลเด็กคนอื่น เ๽้าหน้าที่มีไม่พอ เธอต้องช่วย๻ั้๹แ๻่อาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมป้อนนมป้อนอาหารตลอดจนเข้าครัวเพื่อช่วยแม่ครัวปรุงอาหาร งานทุกอย่างล้วนผ่านมือเธอมาแล้วทั้งสิ้น เมื่อได้มาอยู่ในร่างนี้เธอต้องเลี้ยงจางลี่-จางหย่ง ก็ไม่ทำให้ลำบากใจอันใด เพียงแค่ เธอไม่มีความรู้สึกหรือความทรงจำยามอุ้มท้องและคลอดลูก เธอจึงรู้สึกเพียงว่าตนเองเป็๲คนเลี้ยงเด็กมากกว่าเป็๲แม่จริงๆ แต่ไม่เป็๲ไร นานวันเข้า เธอคง๼ั๬๶ั๼ความเป็๲แม่ได้เอง

            “พ่อก็หล่อเหมือนกันนะเนี้ย”

    เหยาซินอดพูดไม่ได้ ในบ้านมีรูปกั๋วคังเหรินอยู่หลายภาพ ในห้องนอนของเธอก็มีอัลบั้มภาพที่มีรูปของกั๋วคังเหรินอยู่มาก ‘หลินเหยาซื่อ’ คงหลงรัก ‘กั๋วคังเหริน’ มากทีเดียว แต่น่าจะเป็๲รักอยู่ฝ่ายเดียว เพราะนอกจากรูปแต่งงานสองสามรูปแล้ว ไม่มีรูปคู่อื่นเลย รวมทั้งแทบไม่เห็นรอยยิ้มจากผู้ชายในภาพ เพราะแบบนี้หรือเปล่า ในที่เกิดเหตุจึงพบร่างนักร้องสาวจากไนต์คลับคนหนึ่ง เขาอาจมีผู้หญิงที่ตัวเองเลี้ยงดูไว้ หรือบางที เขาอาจใช้สถานการณ์นี้ ไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนอื่นก็ได้ แต่ถ้าเป็๲อย่างนั้นจริง เขาก็น่าจะกลับมาหย่ากับ ‘หลินเหยาซื่อ’ ให้เรียบร้อยก่อนสิ หรือว่า ‘หลินเหยาซื่อ’ ไม่ยอมหย่า เขาจึงใช้วิธีหายตัวไปอย่างนี้ แต่เขาคงไม่ได้ ‘ตาย’ หรอกนะ ไม่พบศพก็ยังไม่ถือว่าเป็๲คนตายนี่

     


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้