เี๋เี่าเชื่อว่าเื่ที่นางพูดออกไปก่อนหน้านี้ต้องมีประโยชน์บ้างแล้ว
อย่ามองคนที่อยู่บนศาลาขึ้นฟ้านี้เลย ต้องรวมถึงเหล่าอาจารย์ที่คุณธรรมสูงส่งมีหน้ามีตานั่นก็ด้วย ทุกคนล้วนเอ่ยปากชื่นชมเ่ิูกันเป็พัลวัน ลงความเห็นว่าเ่ิูเป็อัจฉริยะฟ้าประทานในอนาคตอันใกล้ของสำนักกวางขาว ทว่าใครจะรู้เล่าว่าใต้ใบหน้ากรุณานุ่มนวลนั้น ใครที่จริงใจและใครที่เสแสร้ง จะแยกออกได้อย่างไรกันนะ?
และอาจเป็ไปได้ว่าเหล่าคนที่กำลังนิยมชมชอบเ่ิู สีหน้าเมตตาและตื้นตันนั้น ในไม่กี่อึดใจต่อจากนี้ จะทำทุกวิถีทางเพื่อสิ่งที่เรียกว่าสมบัติสูงสุดแม้จะเป็ในมุมมืด รับมือกับเ่ิู กระทั่งดับสิ่งที่ขนานนามว่าความหวังแห่งสำนักกวางขาวด้วยมือตัวเองด้วยเลยกระมัง
เพียงเ่ิูแสดงออกได้งดงามและลึกลับซับซ้อนเท่าใด คนเหล่านี้ก็จะยิ่งสงสัย ว่าตัวเขาจะมีสมบัติอยู่จริงหรือไม่ สิ่งที่นางทำไป เป็เพียงการกวนน้ำให้ขุ่นเท่านั้น เติมเชื้อเพลิงให้กองไฟ รอวันปะทุเหมือนปลูกเมล็ดพันธุ์ที่เรียกว่าใจต่ำช้าลงไป ต้นอ่อนจะเติบใหญ่ในไม่ช้าก็เร็ว
“เพราะงั้น เพื่อนสมัยเด็กของข้า แสดงออกมาให้งดงามเลยนะ”
เี๋เี่าหัวเราะในใจ
กระทั่งนางในยามนี้ยังอดสงสัยมิได้เลยว่าเ่ิูจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่กับกายจริงๆ หรือไม่ แล้วเขาจะสำแดงฝีมือได้แสบสันขโมยทุกสายตาถึงเพียงนี้รวมถึงหาคำจำกัดความมิได้ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร...ใช่แล้ว การสวมบทบาทเอาคืนของเ่ิูหลายวันมานี้ บางทีอาจเป็เพราะพึ่งพลังของสมบัติลึกลับนั่นก็เป็ได้กระมัง?
แต่ว่าเสียดายจริงนะ คนบริสุทธิ์อับโชคเพราะความรุ่งโรจน์ของเขาเอง
รอเ้าสูญเสียความลับในตัวเอง สูญเสียสมบัติล้ำค่า ไม่มีที่ให้พึ่งพิง เ้าจะเกลือกกลั้วกลายเป็เศษผง กลับไปเป็ไอ้สวะที่น่าสมเพชเวทนาเช่นก่อนเก่า พอถึงเวลานั้นแล้ว ดูซิว่าใครจะกู่ร้องให้เ้า ช่วยเหลือเ้า แล้วยังมีใครกล้าเป็ที่รักของเ้าได้อีก
...
...
“รูปแบบทั้งสี่แห่งเทพราชันเกราะทองแกร่งยิ่งนัก กระทั่งพลังระดับสวี่เกอยังต้านทานได้ยาก โดยเฉพาะตอนจู่โจมเข้าปะทะติดต่อกัน มีพลังเหมือนควบคุมได้เบ็ดเสร็จ ทำให้คู่แข่งตอนถูกซัดกระเซ็นออกไปยากจะกระตุ้นกำลังภายในได้ ร่างกายจึงสูญเสียการควบคุม หมดสิทธิ์มีเรี่ยวแรงขัดขืน...”
เ่ิูเหยียบแนวคลื่นไปคิดในใจไป
ตราบจนวันนี้ สี่รูปแบบเทพราชันเกราะทอง ‘ธงรบแผ่นดิน’ และ ‘โผัเกรี้ยว’ ได้ชิงไพ่เหนือกว่าไว้อย่างเด็ดขาด ทำให้เ่ิูยิ่งรอคอยพลังอำนาจที่จักได้มาหลังบรรลุกระบวนยุทธ์นี้จนสัมฤทธิ์ผล และยิ่งจะรอคอยสิ่งของในท่วงทำนองยุคเทพมารอีกมากโข
จุดบกพร่องเพียงข้อเดียวก็คือการใช้กระบวนาเหล่านี้ จะผลาญกำลังภายในมหาศาลนัก
และด้วยสภาพกำลังภายในของเ่ิูในตอนนี้นั้น อย่างมากที่สุดก็แสดงสามรูปแบบออกได้สองครั้งเท่านั้น หรือไม่ก็แสดงรูปแบบสุดท้ายได้เพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ต้องหาที่พักพิงฟื้นฟูบ่มเพาะกำลังภายในของตัวเองขึ้นมาใหม่
ทว่าเื่นี้ก็เป็ไปตามทฤษฎีอยู่ปะไร
เหล่าคณาจารย์ของสำนักกวางขาวได้ย้ำนักย้ำหนากับลูกศิษย์มาโดยตลอดว่ากระบวนายิ่งแข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งผลาญกำลังมหาศาลเท่านั้น พลังอำนาจของกระบวนยุทธ์ต้องเผาพลังภายใน นี่เป็ของตายอย่างที่สุด
เ่ิูโลดแล่นว่องไวอยู่บนกลุ่มคลื่นหลั่งไหลขุ่นๆ
เขาคิดขยับในใจ ทะเลสำนึกพลันปรากฏภาพจากต่างสถานที่ ตอนที่เขาเพิ่งจากมานั้น เขาแอบติดตั้งผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่งไว้ข้างสนามรบอันหนึ่งแล้ว และก่อนหน้านั้นที่ชายขอบถนนสายอุดรเขาก็ติดตั้งมันไว้แล้วเช่นกัน นี่ย่อมแสดงว่า ในสิบสองชั่วโมงต่อจากนี้ ขอเพียงเขาปรารถนาเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งบังเกิดขึ้นบนถนนสองสายนี้จักสามารถเข้าสู่ความรับรู้ของเขาอย่างแจ่มแจ้ง
“ถนนสายอุดรกับพายัพสงบเรียบร้อยดี ทว่าถนนทิศอีสาน เซี่ยโหวอู่ได้ตายในสมรภูมิไปแล้ว คาดว่าศิษย์จากหงส์ฟ้าผู้นั้นต้องนำทัพปีศาจอักขระเข้าบุกทางสายนี้ ต้องไปดูแลเสียหน่อยแล้ว...อื้ม พอดีเลยที่ข้าต้องไปทำบางอย่างที่เขตพงไพรใกล้ทิศอีสาน เช่นนั้นก็ไปถนนหุบเขาสายอีสานสักรอบหนึ่งแล้วกัน”
เ่ิูมีแผนการในชั่วอึดใจเดียว
เขาฝ่าแนวคลื่นด้วยความเร็วสูงสุด ตรงไปยังทิศทางแห่งถนนหุบเขาสายอีสาน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
สมรภูมิถนนสายอีสาน
ตู่ชาแห่งสำนักหงส์ฟ้าตายในสมรภูมิ
ทัพปีศาจหลายร้อยตนอยู่ใกล้กับเทวรูปปกปักของสำนักกวางขาว ถูกเ่ิูกวัดแกว่งหอกยาวกวาดล้างจนราบคาบ รางวัลพลังจำนวนมากหลั่งจากศพปีศาจที่สิ้นใจเข้าสู่ภายในร่างเ่ิู หายนะที่ป่าวประกาศในถนนทิศอีสานพลันคลี่คลายไปในบัดดล
โชคยังดีที่เ่ิูมาทันเวลา หากช้าไปแค่อีกสิบห้านาที น่ากลัวว่าแนวอารักขาชั้นแรกของถนนทิศอีสานนี้จะถูกฆ่าล้างและทำลายจนยับเยินไปแล้ว
ตอนที่สังหารจนตายคาสนามรบนั้นเอง ร่างของเซี่ยโหวอู่ก็ได้โผล่ขึ้นที่หลังเทวรูปปกปัก แข้งขาอ่อนเผละจนแทบทรงตัวไม่อยู่
เขาเบิกตาอ้าปากค้างกับทุกสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทว่ายังเงียบงันเช่นเดิม
ว่ากันตามตรงแล้ว เซี่ยโหวอู่ฟื้นคืนชีพมาั้แ่ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า แล้วก็รีบรุดมาจนถึงสมรภูมิ เสียดายที่เขาสูญเสียความกล้าหาญที่จะสู้ศึกไปหมดสิ้น ทำได้เพียงมองดูอยู่ไกลๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ตู่ชาเด็กหนุ่มปานแดงในระยะพันเมตรเลยแม้แต่น้อย เมื่อเ่ิูเผยตัวออกมา เขาก็ไม่กล้าออกไปช่วยร่วมรบ
เขาไม่นึกเลย ว่าเ่ิูจะสังหารตู่ชาได้ในเวลาไม่ถึงสิบอึดใจ
และเ่ิูเ้ากรรมก็ขี้คร้านจะสนใจพลพรรคชั้นสูงที่ได้สิทธิ์เข้าสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนี้มาด้วยวิธีการอย่างอื่นเต็มที หลังจากเก็บกวาดเหล่าทหารปีศาจหมดจดแล้ว เด็กหนุ่มก็หันกาย เดินเข้านทีหลั่งทราย เหยียบแนวคลื่นจากไป
แน่นอนว่า ก่อนหน้าที่จะไปนั้น เ่ิูได้ติดตั้งผู้พิทักษ์ทะลุปรุโปร่งไว้อีกอันหนึ่ง
เขามิได้เอ่ยกำชับอันใดกับเซี่ยโหวอู่
เพราะเ่ิูมองออก ว่าเซี่ยโหวอู่หลังตายในสนามรบไปครั้งหนึ่ง ก็หมดสิ้นความกล้าแล้ว ไม่อาจเข้าสู่สมรภูมิได้อีกต่อไป ครั้นจะพึ่งอุปนิสัยที่ขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ไปกำกับแนวรบย่อมไร้หนทาง ทำได้เพียงคอยเสริมดาบอยู่ข้างสนามเป็บางครั้งบางคราวเท่านั้น ไม่มีทางทำลายแผนการของเขาลงได้...
...
ครึ่งชั่วโมงถัดมา
“ถ้าสมุดนั่นบอกไม่ผิด ก็ต้องเป็ที่นี่แหละ...”
เ่ิูเหยียบคลื่นขุ่นห่างจากธารสายหลัก ผ่านหุบผาลึกและร่องน้ำกัดเซาะสองสามแห่ง ที่สุดก็มาถึงปากหุบเขาอันเงียบสงัดสีดำ นี่คือสถานที่ซึ่งแสงอาทิตย์สาดส่องไม่ถึง อากาศธาตุเป็พิษตัดกันตลบ กลิ่นอายมัจจุราชอ่อนๆ ใบไม้ใบหญ้าล้วนแล้วแต่เป็สีดำ ราวกับความสงบเงียบเฉกเช่นที่คนตายพึงมี ไม่มีแม้กระทั่งเสียงการ้องหรือเสียงหนอนคืบคลาน ประหนึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่เลย
ความรู้สึกมืดมิดแน่นขนัดดั่งที่ประทับของเทพมรณะอบอวลไปทั่วหุบเขาทั้งลูก
ตามที่สมุดเล่มเล็กนั่นบันทึกไว้ ที่นี่ก็เหมือนเช่นหุบเขาหมาป่าอสูร เป็หนึ่งในสิบแห่งต้องห้ามในสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง สิ่งที่อาศัยอยู่ ณ หุบเขาแห่งนี้น่ากลัวกว่าพวกหมาป่าอสูรแน่ๆ เป็สัตว์ที่พลังแห่งเปลวเพลิงต้องห้าม ‘อสูรอัคนี’ ตามตำนานเล่าขานกันมาว่าพวกนี้เองที่ได้พลังอัคคีศักดิ์สิทธิ์มาจากพระหัตถ์แห่งทวยเทพ อานุภาพร้ายแรงพอจะผลาญเผาสิ่งมีชีวิตเป็หมื่นๆ ชนิด น่ากลัวเป็ที่สุด
สังหารอสูรอัคนี สามารถได้รางวัลพลังจำนวนมากเสียด้วย
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เมื่อได้ดูดซึมโลหิตแห่งอสูรอัคนีเข้าไปโดยการดื่มกิน นักยุทธ์จะได้รับการปลุกพลังแห่งอัคนีลุกโชนในเวลาชั่วระยะหนึ่ง เพิ่มพูนพลังโจมตี พลังโชติ่ประกอบอยู่ในพลังภายใน ใช้ประโยชน์ได้ไม่จำกัด นี่เองก็เป็อีกไม้ตายหนึ่งที่เ่ิูจะใช้เอาชนะพวกสำนักหงส์ฟ้าให้สิ้น
เ่ิูหยุดยืนอยู่หน้าหุบเขา ปรับสภาพให้พร้อมสรรพที่สุดแล้วจึงเดินเข้าไปอย่างมาดมั่น
ไม่ถึงชั่วเทียนละลาย ในหุบเขาพลันมีเสียงร้องก้องแห่งเพลิงที่ะเืทั่วพิภพ ราวกับถูกฝันร้ายในยามหลับลึกกระชากให้ตื่น บรรยากาศโเี้และน่ากลัวพุ่งออกมาจากทั่วสารทิศ กลางอากาศรุ่มร้อนขึ้นมาในบัดดล หมอกสีแดงแวววาวสาดส่องกินบริเวณครึ่งหนึ่งของอาณาเขต หินผาสีดำกำลังหลอมละลายลงสู่เบื้องล่างอย่างไม่น่าเชื่อ...
เสียงแห่งการต่อสู้อื้ออึงไม่ได้หยุด
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ความเคลื่อนไหวในหุบเขาจึงได้หยุดชะงักลง
เ่ิูเนื้อตัวเปรอะไปด้วยเืและหอบหายใจถี่ เขายืนอยู่ตรงหน้าศพสัตว์อสูรั์สูงสิบเมตร
ศึกครานี้เกือบจะเรียกได้ว่าผลาญกำลังภายในทั้งหมดที่มีเลยก็ว่าได้ หากไม่มีสี่รูปแบบเทพราชันเกราะทอง หากมิได้วิธีพิชิตศึกและจุดอ่อนของอสูรอัคนีที่บันทึกไว้ในคัมภีร์แล้วไซร้ เ่ิูต้องเสียใจในภายหลังเป็แน่ เพราะเขาอาจไม่ใช่แค่ฆ่าอสูรอัคนีไม่ได้ กลับกันจะต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำจากความพ่ายแพ้เสียด้วย
อีกนิดเดียวก็เกือบกลับบ้านเก่าแล้ว
ยังดีที่สุดท้ายแล้วก็ฆ่าสัตว์อสูรพวกนี้สำเร็จจนได้
เด็กหนุ่มกลืนหญ้าวิเศษลงไปสองสามชนิดอย่างไม่คิดจะเคารพ รีบซ่อมแซมกำลังภายในอย่างรวดเร็ว เ่ิูมองไปรอบทิศทาง
สัตว์อสูรชนิดนี้รูปร่างภายนอกคล้ายมนุษย์ ทว่ามีสามหัว แต่ละหัวไร้ซึ่งหูหรือจมูก มีเพียงตาเดียวปากเดียว ร่างกายมีเถาวัลย์พิษพันรอบ เนื้อหนังดั่งหินแข็ง อกข้างซ้ายมีรูกลวงโบ๋ เืสดพุ่งพล่านออกมาเป็สายธารโกรกผา เ่ิูจึงเปียกชุ่มไปทั้งตัว...
กายอาบเืแห่งอสูรอัคนี
อาภรณ์บนกายเ่ิูพลันสลายเป็เถ้าถ่าน กระทั่งคิ้ว หนวดหรือผมของเขาก็ยังถูกแผดเผาไปพริบตา เืสดนั่นประหนึ่งเป็วารีอัคนี ความร้อนผลาญเผาน่ากลัวนัก ทว่าสิ่งที่แปลกก็คือ มันไม่ได้ลวกผิวกายเด็กหนุ่มเลย
เมื่อแรงร้อนโชติ่ดั่งลาวาผ่านเข้ามา เ่ิูก็ไม่สนใจสิ่งอื่นอีก รีบนำขวดหยกอักขระที่เตรียมไว้ก่อนหน้าแล้วตามที่สมุดเล่มเล็กบอก รับเอาเือสูรอัคนีมากักเก็บ รวบรวมเือสูรชั้นเยี่ยมไว้ให้ได้มากที่สุด
ยามนี้เองที่พลังแผดเผาเร่าร้อนบนกายค่อยๆ เลือนหาย
เ่ิูถึงเพิ่งพบว่าเือสูรอัคนีนั้นเมื่ออาบทั่วตัวเขาแล้ว จักกลายเป็อักขระเล็กๆ น่าพิศวง ประหนึ่งสลักเสลาด้วยดาบกล้า ประทับตราบนผิวเนื้อของเขา มองผ่านๆ อาจนึกว่าเป็ริ้วลายภาพวาดสีแดงชาด ทั้งนิ่งไม่ไหวติง ทั้งเคลื่อนย้ายเล็กน้อย ยามใดที่ขยับเยื้อนจักมีรัศมีที่งามเกินหาคำอธิบาย!
“นี่เองคือพลังเพิ่มเติมของโลหิตอสูรอัคนี!”
เ่ิูประหม่าในใจเล็กน้อย เขาลองวาดหมัดออกไป อากาศธาตุพลันลุกท่วมด้วยเปลวเพลิง พลังผ่าวร้อนแผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศ ความแข็งแกร่งแห่งอำนาจและกำลังเทียบเคียงได้กับกระบวนยุทธ์เปลวเพลิงกล้าแกร่งเลยทีเดียว