คล้อยหลังสวี่ฮุ่ย ลู่ฉี่เสียนหันหลังกลับไปก็พบว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนกำลังมองเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ตอนนี้แต่ละคนกำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน แกล้งไม่สนใจ
ลู่ฉี่เสียนไม่ได้สนใจสายตาของเพื่อนร่วมงาน เดินตรงไปยังห้องทำงานใหญ่ของทีมสืบสวนคดีอาญา 1
เมื่อเ้าหน้าที่ตำรวจกะดึกที่อยู่ในห้องโถงเห็นเขาเดินออกไปจนลับตาแล้ว ก็รวมตัวพูดคุยกันทันที
"หัวหน้าลู่สนใจสาวน้อยคนนั้นหรือเปล่า?"
"น่าจะใช่นะ พวกนายเคยเห็นหัวหน้าลู่ทำดีกับผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่าล่ะ? แม้แต่กุญแจบ้านยังให้ยัยหนูนั่นเลย"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
"เธอยังเด็กมาก คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหัวหน้าลู่จะชอบสาวน้อยแบบนี้"
ตำรวจคนหนึ่งเน้นย้ำว่า "ไม่ได้ชอบสาวน้อย แต่ชอบสาวน้อยสวย ๆ ต่างหาก"
ทุกคนซุบซิบนินทาเื่ของลู่ฉี่เสียนอย่างสนุกสนาน หลูเจียิ่ ตำรวจหญิงที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์พูดด้วยความไม่พอใจว่า "อย่านินทาเื่ส่วนตัวของหัวหน้าลู่!"
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ต่างพากันปิดปากเงียบ
สาวน้อยคนสวย สวี่ฮุ่ยหาอาคาร 6 ห้อง 202 ของบ้านพักของสถานีตำรวจตามที่อยู่ที่ลู่ฉี่เสียนบอกเจออย่างรวดเร็ว
สวี่ฮุ่ยเปิดประตูเข้าไปในบ้าน สำรวจข้างประตูอยู่พักหนึ่งแล้วคลำหาสวิตช์ไฟ เปิดไฟในห้องนั่งเล่น
เธอมองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น ผนังสีขาวสะอาด พื้นปูนขัดมัน
ห้องนั่งเล่นขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้ประโยชน์ได้สองอย่าง มีทั้งโซฟาไม้เดี่ยวหนึ่งคู่ โต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมที่มีเก้าอี้สี่ตัวล้อมรอบ และตู้ลิ้นชักห้าชั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว
สวี่ฮุ่ยเห็นกรอบรูปวางอยู่บนตู้ลิ้นชัก เธอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ด้วยหลักการที่ว่าเ้าของบ้านไม่อยู่บ้าน ไม่ควรแตะต้องสิ่งของของผู้อื่น สวี่ฮุ่ยจึงไม่ได้หยิบกรอบรูปขึ้นมาดู เพียงแต่ยืนดูอยู่หน้าตู้ลิ้นชัก
ในรูปเป็รูปถ่ายคู่ของเด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งกับเด็กสาววัยไล่เลี่ยกัน
ทั้งสองคนยืนแนบชิดกัน ยิ้มให้กล้อง รอยยิ้มนั้นสว่างไสวยิ่งกว่าดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ดูก็รู้ว่าเป็คู่รักกัน
เื้ัพวกเขาเป็ูเาและแม่น้ำสีเขียวขจี แม้จะเป็ภาพถ่ายขาวดำ แต่ยังเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามได้ชัดเจน
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็ลู่ฉี่เสียนตอนเด็ก
ส่วนเด็กสาวข้าง ๆ ลู่ฉี่เสียนก็สะสวย มีไฝเม็ดหนึ่งอยู่กลางหน้าผาก
ทั้งสองคนดูเหมาะสมและน่ามองมากเมื่อยืนด้วยกัน
สวี่ฮุ่ยขมขื่นในใจ ผู้มีพระคุณของเธอมีคนที่ชอบแล้ว
เธอรู้สึกสงสัยเล็กน้อย พี่ลู่บอกว่าเขาโสดไม่ใช่เหรอ หรือ...เด็กสาวในรูปเป็คนที่เขาแอบชอบ?
งั้นตัวเธอก็หมดหวังแล้ว
ความคิดที่จะตามจีบลู่ฉี่เสียนที่เพิ่งผุดขึ้นมาของสวี่ฮุ่ยดับวูบลงทันที
สวี่ฮุ่ยจ้องมองรูปถ่ายอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เธอเดินไปเปิด เห็นคุณป้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
คุณป้าคนนั้นมองเธอด้วยสายตาไม่เป็มิตร "เธอเป็ใคร? ทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านอาเสียน?"
สวี่ฮุ่ยคิดในใจ ฉันเป็อะไรกับพี่ลู่กันนะ?
เธอใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ฉันเป็เหยื่อในคดีอาญาที่ตำรวจลู่ช่วยไว้ค่ะ เพราะมืดแล้วกลับบ้านไม่ได้ ตำรวจลู่เลยให้ฉันมาพักค้างคืนที่บ้านเขาค่ะ"
พอป้าคนนั้นได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็อ่อนลงเล็กน้อยแล้วอธิบายว่า "ฉันคือป้าหลู ภรรยาอาจารย์ของอาเสียน วันนี้อาเสียนต้องทำงานล่วงเวลาทั้งคืน ฉันเห็นไฟบ้านเขาเปิดอยู่ นึกว่ามีขโมยขึ้นบ้านก็เลยมาดู อย่าถือสาฉันเลยนะ"
สวี่ฮุ่ยยิ้มอย่างสุภาพ "ไม่เลยค่ะ!"
หลังจากน้าหลูกลับไป สวี่ฮุ่ยก็ปิดประตู แล้วไปต้มน้ำที่ห้องครัว
นี่มันเมืองเอกชัด ๆ เพิ่งปี 85 ในเมืองก็ใช้แก๊สหุงต้มแล้ว
ตอนที่เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในชาติก่อนก็ปี 1995 แล้ว ตอนนั้นตำบลเถาฮวาก็ใช้แก๊สหุงต้มแล้ว เพราะงั้นเธอจึงรู้วิธีใช้แก๊สหุงต้ม ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงต้มน้ำอาบให้ตัวเองไม่ได้
หลังจากต้มน้ำอาบเสร็จ สวี่ฮุ่ยก็ไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าในห้องลู่ฉี่เสียนมาเปลี่ยนตามที่เขาบอก
มีห้องนอนสองห้อง สวี่ฮุ่ยไม่รู้ว่าห้องไหนเป็ห้องนอนของลู่ฉี่เสียน
เธอผลักประตูห้องนอนห้องหนึ่งเข้าไป ด้านในมีพื้นที่ประมาณหกตารางเมตร มีเตียงเดี่ยว โต๊ะเขียนหนังสือ ตู้เสื้อผ้าอย่างละหนึ่งชิ้น ไม่มีอย่างอื่นอีก
ห้องเล็กขนาดนี้ น่าจะเป็ห้องพักแขก
สวี่ฮุ่ยผลักประตูอีกห้องหนึ่งเข้าไป เป็ห้องขนาดใหญ่ จากการประมาณด้วยสายตาแล้วน่าจะสักดูประมาณสิบกว่าตารางเมตร ห้องนี้น่าจะเป็ห้องของลู่ฉี่เสียน
มีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่กลางห้อง บนโต๊ะหัวเตียงมีกรอบรูปตั้งอยู่สวี่ฮุ่ยเดินเข้าไปดูรูปถ่ายในกรอบรูป ก็ยังคงเป็รูปถ่ายคู่ของลู่ฉี่เสียนตอนเด็กกับเด็กสาวคนนั้น
สวี่ฮุ่ยมั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าเด็กสาวในรูปเป็คนที่พี่ลู่แอบชอบ
เพราะชอบ ถึงได้วางรูปถ่ายคู่ไว้ในห้องนั่งเล่นและบนโต๊ะข้างเตียงจะได้เห็นหญิงสาวในดวงใจได้ทุกเมื่อที่บ้าน
อย่างไรก็ตามสวี่ฮุ่ยก็ไม่คิดว่าเด็กสาวในรูปเป็น้องสาวของลู่ฉี่เสียน
ผู้หญิงมักจะมีลางสังหรณ์ อีกอย่างคงไม่มีผู้ชายคนไหนเอาภาพถ่ายคู่กับน้องสาวมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงหรอก
สวี่ฮุ่ยถอนหายใจให้กับความรักที่เพิ่งผลิบานแล้วจำต้องตัดใจของเธอเอง และเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ข้างประตูห้อง เปิดลิ้นชักตามที่ลู่ฉี่เสียนบอก
เมื่อสวี่ฮุ่ยเปิดลิ้นชักนั้น ถึงเพิ่งรู้ว่าคำที่ลู่ฉี่เสียนเว้นไว้ไม่พูดต่อคืออะไร มันคือกางเกงในตัวใหม่ของเขา
ให้ผู้หญิงใส่กางเกงในของตัวเอง พี่ลู่คงไม่กล้าพูดเลยไม่ได้พูดจนจบ
สวี่ฮุ่ยก็อายที่จะใส่กางเกงในของผู้ชายเหมือนกัน แต่...อากาศร้อนขนาดนี้ ไม่เปลี่ยนกางเกงในคงอึดอัดแย่!
เธอกัดฟันหยิบเสื้อเชิ้ตและกางเกงในตัวใหม่ของลู่ฉี่เสียนไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ
คิดไปคิดมา ก็ต้มน้ำสระผมด้วยดีกว่า
พี่ลู่รักสะอาดมาก บ้านผู้ชายวัยฉกรรจ์คนนี้ไม่มีฝุ่นเลยสักเม็ด เธอก็ต้องทำความสะอาดตัวเองให้เรียบร้อย ไม่ให้เขารู้สึกว่าเธอสกปรก
...ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เธอก็ต้องสร้างความประทับใจที่ดีต่อเขา
ตอนสระผม สวี่ฮุ่ยเพิ่งสังเกตว่าที่คาดผมพลาสติกสีแดงดอกกุหลาบที่เธอใส่อยู่หายไป คงจะทำตกหายที่เกิดเหตุ
สวี่ฮุ่ยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย อาจารย์ใหญ่โจวอุตส่าห์ซื้อให้ เธอใส่ยังไม่ครบวันก็ทำหายเสียแล้ว
หลังสระผมเสร็จ สวี่ฮุ่ยก็ซักเสื้อผ้าของเธอ ตากไว้ที่ระเบียง จากนั้นก็ยืนเป่าผมที่ระเบียงจนแห้ง แล้วจึงค่อยไปนอนที่ห้องรับแขก
บนเตียงเดี่ยวในห้องรับแขกมีแค่เสื่อไม้ไผ่ผืนเดียว ไม่มีผ้าห่ม
สวี่ฮุ่ยไม่กล้าไปหาผ้าห่มในตู้เสื้อผ้าห้องลู่ฉี่เสียน เลยนอนทั้งแบบนั้น
อากาศร้อนขนาดนี้ จะห่มผ้าห่มหรือไม่ห่มมีค่าเท่ากัน ตอนอยู่ที่บ้านเธอก็ไม่เคยห่ม
ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนสถานที่นอนก็เลยไม่คุ้นเคยหรือเปล่า สวี่ฮุ่ยถึงกระสับกระส่าย นอนไม่หลับเลย
พอหลับตาลงทีไร ก็เห็นแต่หน้าลู่ฉี่เสียนเต็มไปหมด จนกระทั่งใกล้รุ่งสางถึงหลับไป
เมื่อคืน ทั้งต้องสอบปากคำผู้ร้ายที่ถูกจับกุมกะทันหัน ทั้งต้องจับสมาชิกคนอื่น ๆ ของแก๊งอาชญากรรมทั้งคืน ลากยาวจนหกโมงเช้ากว่าจะเลิกงาน
ลู่ฉี่เสียนหอบร่างเหนื่อยล้าขับรถจี๊ปกลับไปที่บ้านพัก
ป้าหลูกำลังรำไทเก๊กกับผู้สูงอายุหลายคนในละแวกนั้นอยู่
พอเห็นรถจี๊ปของลู่ฉี่เสียน เธอก็เดินเข้ามาหาเขา ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า "อาเสียน เมื่อคืนนี้เธอให้เหยื่อคดีมาพักที่บ้านเหรอ?"
ลู่ฉี่เสียนจอดรถและลดกระจกลงั้แ่ป้าหลูเดินมาหาเขา
ลู่ฉี่เสียนพยักหน้า "ครับ"
แล้วถามต่อว่า "ป้ารู้ได้ยังไงครับ?"
"ป้าเห็นไฟในบ้านเธอเปิดอยู่ ก็เลยวิ่งไปเคาะประตู ดูว่าเธออยู่บ้านหรือเปล่า สุดท้ายก็เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็คนบอกฉันเอง"
ลู่ฉี่เสียนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ป้าหลูมักจะถามถึงเื่ของเขาอยู่เสมอ ทำให้เขาเหนื่อยใจมาก
แต่เธอเป็ภรรยาอาจารย์ อาจารย์ฝากฝังให้เขาดูแลภรรยาและลูกสาวของเขาให้ดีก่อนจะเสียชีวิต ในฐานะลูกศิษย์ เขาก็น้ำท่วมปาก
ป้าหลูพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อาเสียน ป้าจะพูดตรง ๆ เธออย่าถือสานะ ครอบครัวเธอฐานะดี หน้าที่การงานดี มีอนาคตสดใส อย่าไปหลงผู้หญิงสวย ๆ เข้าล่ะ ผู้หญิงบางคนถึงจะอายุน้อย แต่ก็ร้ายกาจไม่เบา อย่างเด็กผู้หญิงที่เธอหวังดีให้มาพักที่บ้านเมื่อวาน ป้าเห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร เหมือนนางจิ้งจอกเ้าเล่ห์ เธอรีบไล่หล่อนไปเลยนะ! "
ลู่ฉี่เสียนไม่ต่อความกับป้าหลู แต่กลับถามว่า “ป้าหลูมีธุระอื่นอีกไหมครับ?”
ป้าหลูตบแขนเขาเบา ๆ “วันนี้เธอหยุดพักใช่มั้ย? ป้าจะตุ๋นกระดูกหมูรากบัว เที่ยงนี้มากินข้าวที่บ้านป้าสิ เธอชอบกินซุปกระดูกหมูรากบัวมากไม่ใช่เหรอ ป้าตั้งใจตุ๋นไว้ให้เธอโดยเฉพาะเลย”
ลู่ฉี่เสียนยิ้มอย่างรู้สึกผิด “วันนี้ผมไปไม่ได้ครับ คุณย่าผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ผมต้องไปรับท่าน”
ป้าหลูผิดหวังเล็กน้อย “งั้นวันนี้ป้าไม่ตุ๋นซุปกระดูกหมูใส่รากบัวแล้ว เธอหยุดพักคราวหน้า ป้าค่อยตุ๋นใหม่ละกัน”
ลู่ฉี่เสียนไม่รับปาก บอกว่าเขาเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับไปพักก่อนแล้วขับรถจากไป
ป้าหลูโบกมือลา “รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว!”
เมื่อรถขับออกไปไกล สีหน้าของป้าหลูก็เปลี่ยนเป็บูดบึ้ง
ลู่ฉี่เสียนจอดรถที่ชั้นล่างแล้วขึ้นไปบนบ้าน
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ทั้งบ้านก็เงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงใด ๆ
เขาเดินย่องไปที่หน้าห้องพักแขก คิดจะเคาะประตูดูว่าเด็กสาวกลับไปแล้วหรือยัง
เด็กสาวดูเขินอายมากเวลาเจอเขา เขากลัวเธอจะแอบหนีไปแล้วเพราะอยากหลบหน้ากัน
มือของลู่ฉี่เสียนเพิ่งจะยกขึ้น ประตูก็เปิดออก สวี่ฮุ่ยในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้า
สวี่ฮุ่ยนอกจากผอมบางไปสักหน่อย ก็สูงตั้งหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดเิเไม่ได้เตี้ยเลย
แต่เมื่อเทียบกับลู่ฉี่เสียนที่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบหกแล้ว ก็นับว่าตัวเล็กน่าทะนุถนอม
สวี่ฮุ่ยสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่และหลวมโพรกของลู่ฉี่เสียน ไม่เพียงขับเน้นให้เธอดูเอวบางร่างน้อยเท่านั้น ยังดูล่องลอยเหมือนนางฟ้าอีกด้วย
สวี่ฮุ่ยไม่คิดว่าลู่ฉี่เสียนจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ลู่ฉี่เสียนเองก็ไม่คิดว่าสวี่ฮุ่ยจะเปิดประตูออกมา
ทั้งสองจ้องตากันนิ่ง