หลิงมู่เอ๋อร์จัดเก็บห้องเสร็จเรียบร้อย ครั้นเดินออกมาก็เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มของหลิงต้าจื้อ
นางไม่ได้ไปรบกวนเขา ถึงอย่างไรเขาก็เป็พ่อคน เป็ผู้าุโ ก็ย่อมต้องรักหน้าตา ถ้าหากถูกผู้น้อยกว่ามาพบปัญหาของตนเอง เกรงว่าน่าจะกระอักกระอ่วนจนวางตัวไม่ถูก!ไม่ว่าจะเป็ผู้าุโยุคสมัยใดล้วนชอบให้ผู้น้อยเคารพพวกเขาทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าหลิงต้าจื้อจะเป็คนธรรมดาสามัญ แต่ก็เป็บิดาของลูกหลาน ย่อมต้องอยากได้รับความยกย่องจากพวกลูกหลานทั้งสิ้น
ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่ถามเขา แต่นางก็พอจะคาดเดาได้ถึงความกลุ้มใจของเขา
สถานการณ์ของครอบครัวย่ำแย่ขนาดนี้ หลิงจื่อเซวียนต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวเป็เวลาหลายเดือน ภาระทั้งหมดล้วนตกอยู่ที่ตัวของบุรุษผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็บุรุษที่อยู่ใน่วัยที่แข็งแกร่งที่สุด แต่กลับถูกภาระอันหนักอึ้งกดทับให้หลังโก้งโค้ง เส้นผมก็เริ่มปรากฏสีขาวเป็สีของดอกเลา
เป็เช่นนี้ไม่ได้การแล้ว นางต้องพลิกผันสถานการณ์ของทางบ้าน
คิดอยากเปลี่ยนแปลงความยากจน เช่นนั้นก็มีเพียงแค่สองวิธี วิธีแรกคือไปทำงาน ด้วยอายุของนาง สามารถไปเป็สาวใช้ในครอบครัวสูงศักดิ์ได้ย่อมไม่มีปัญหา แต่ว่านางไม่ชอบการใช้ชีวิตที่ต้องคอยสังเกตสีหน้าของผู้คน
ในเมื่อวิธีนี้ทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เหลือเพียงอีกหนึ่งวิธีเท่านั้น
นั่นก็คือทำการค้า
มีแต่ทำการค้าขายเท่านั้นที่จะหาเงินได้เร็วที่สุด หากมีเงินก้อนแรกแล้ว ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ยากลำบากของครอบครัวได้ ในภายหลังย่อมดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะยากจนตลอดไป
ที่จริงแล้วด้วยวิชาแพทย์ของนาง ถ้าสามารถเป็หมอได้ ก็สามารถหาเงินก้อนโตได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ทว่าในยุคโบราณไม่มีสตรีเป็หมอ สตรีออกเรือนที่ดูแลรักษาคนไข้ สตรีพวกนั้นเรียกว่าอีผอ [1] อีผอคือคนที่ไม่ได้ผ่านการเล่าเรียนตามตำรา พวกนางแค่มีประสบการณ์มาเป็เวลานาน คนรอบข้างค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวพวกนาง จึงเรียกพวกนางให้ไปดูแลคนไข้ที่เป็สตรี
ตำแหน่งอีผอในที่นี้ไม่ได้สูงส่ง ทั้งยังต้องเป็หญิงที่ออกเรือนแล้วถึงจะสามารถเรียกเป็อีผอได้
หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนอย่างหลิงมู่เอ๋อร์ ทั้งยังเกิดในครอบครัวชาวนา ถ้าหากนางกล่าวว่านางรู้วิชาแพทย์ เรียกร้องขอคนไข้ให้มาหานางเพื่อรับการรักษา ถ้าไม่ถูกผู้คนรุมโยนไข่เน่าใส่ ก็ต้องถูกผู้คนจับเผาให้ตายอย่างเช่นสัตว์ประหลาดแน่
ผ่านการคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนของนาง ตอนนี้นางทำได้เพียงให้คนในครอบครัวรู้ว่านางมีความรู้วิชาแพทย์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ่เริ่มแรกก็ไม่สามารถแสดงความน่าแปลกใจจนเกินไปนัก ทำได้แต่เพียงแสดงความสามารถตนเองตามขั้นตอนทีละขั้นทีละขั้นเท่านั้น
หลิงมู่เอ๋อร์ตัดสินใจแล้วว่านางจะทำการค้า เพียงแต่ว่าตอนนี้จะสามารถทำการค้าอันใดได้ล่ะ?
เงินหนึ่งร้อยอีแปะที่หลิงต้าจื้อนำกลับมา ถูกใช้ไปซื้อยาสมุนไพรรักษาขาให้กับหลิงจื่อเซวียนแล้ว ที่เหลือก็เอาไปซื้อข้าวและธัญพืช พวกเขาไม่มีเงินทุนที่จะทำการค้า บนโลกใบนี้ ยังมีการค้าใดที่ไร้ซึ่งเงินทุนแต่ก็ยังสามารถทำการค้าได้บ้าง?การค้าที่ไร้เงินทุนยังจะสามารถเรียกว่าการค้าได้อยู่อีกหรือ?
“มู่เอ๋อร์ คิดสิ่งใดอยู่หรือ?” หยางซื่อเห็นหลิงมู่เอ๋อร์นั่งจับเส้นผมอยู่ หญิงสาวมองนางอย่างเป็กังวล
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินเสียงหยางซื่อ ก็เงยแก้มน้อยๆ ขึ้นแล้วกล่าว “ท่านแม่ ไม่ได้เป็อันใด แค่คันผมเล็กน้อยเ้าค่ะ ”
“คงไม่ใช่เป็เหาแล้วหรอกหรือ?แม่จะช่วยเ้าดูให้” หยางซื่อได้ยิน ก็รีบร้อนวางสิ่งของที่อยู่ในมือลง สาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้ามา
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดของหยางซื่อ ก็คิดได้ว่าร่างกายนี้ไม่ได้สระผมมานานมากแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็เหมันต์ฤดู แต่ก็ไม่สามารถไม่สระผมมาเป็เวลาหนึ่งเดือนได้มิใช่หรือ?ไม่ได้!ยิ่งคิดก็ยิ่งทรมาน เดิมทีไม่ได้คันแต่อย่างใด ตอนนี้เริ่มคันขึ้นมาเสียแล้วจริงๆ
ด้วยเหตุนี้หลิงมู่เอ๋อร์จึงผ่อนคลายความสับสนในใจลง ขั้นแรกจะต้องต้มน้ำให้ตนเองอาบน้ำสระผมเสียก่อน ชำระล้างทำความสะอาดั้แ่หัวจรดเท้าหนึ่งรอบ เช่นนี้จึงจะสบายตัวขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย
ถึงแม้พูดว่าอากาศหนาวเหน็บเป็อย่างยิ่ง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่นับว่าเป็อันใด เมื่อคิดถึงว่าอาจจะมีเหา นางยินยอมที่อาบน้ำอีกหนึ่งรอบเสียยังดีกว่า
“อาบสะอาดแล้วใช่หรือไม่?เ้าเด็กคนนี้ ตอนนี้ยิ่งพิถีพิถันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” หยางซื่อเทน้ำให้หลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์คิดถึงพละกำลังที่แข็งแกร่งของตนเอง แล้วทอดมองกายที่ผอมบางของหยางซื่ออีกครั้ง บิดผมไปพลางกล่าวไปพลาง “ท่านแม่ ข้าทำเองเ้าค่ะ!งานหนักพวกนี้เป็งานของข้า ท่านดูสิพระเ้าให้ร่างกายที่มหัศจรรย์นี้กับข้า ก็เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระให้ท่านอย่างไรล่ะเ้าคะ!”
หยางซื่อหลุดหัวเราะคิกคัก ถลึงตามองนางอย่างเคืองๆ “เ้าบิดผมเ้าให้ดีๆ เวลานี้อากาศหนาวเย็นขนาดนี้ เพียงแค่หายใจก็กลายเป็น้ำแข็งไปหมดแล้ว เ้าจะสระผมให้ได้ ถ้าหากได้รับไอความเย็นขึ้นมาจะทำอย่างไร?เด็กผู้หญิงไม่ต้องลมเย็นได้เป็ดีที่สุด”
“ร่างกายอย่างข้าจะรับไอความเย็นเข้าไปได้อย่างไรเ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “ท่านแม่…เมื่อครู่ข้าคิดอยู่นานแล้ว มีเื่หนึ่งข้าอยากจะกล่าวกับท่านแม่และท่านพ่อ พวกท่านลองฟังดูก่อน หากคิดว่ามีเหตุผล พวกเราก็มาปรึกษาหารือกัน ถ้าคิดว่าไม่ดี ก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดสิ่งใดแล้วกันเ้าค่ะ”
หยางซื่อมองบุตรสาวคนนี้ นางหยุดการเคลื่อนไหวในมือลง เอามือเช็ดน้ำ แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “เื่อันใดหรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์เม้มริมฝีปาก กล่าวอย่างเกรงใจ “ท่านแม่ ข้าอยากทำการค้า”
หลิงต้าจื้อเดินเข้ามาจากด้านนอกพอดี ด้านนอกหนาวเหน็บ แต่ว่าอากาศดี ่นี้เขามีความกลัดกลุ้มใจ คิดอยากจะสูบบุหรี่ มีแต่ตอนที่สูบบุหรี่เท่านั้นที่ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นบ้าง ครั้นเดินเข้าประตูมาก็ได้ยินคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์ เขาจึงหยุดลงและมองไปที่นาง
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นหลิงต้าจื้อ ก็ไม่ได้ปิดบังอันใด กล่าวว่า “พี่ชายต้องพักรักษาตัว ตอนนี้อากาศหนาวมากถึงเพียงนี้ บ้านของพวกเราไม่มีแม้แต่ผ้าห่มหนา พี่ชายต้องนอนอยู่บนเตียงเป็เวลานาน ไม่เพียงแต่้าผ้าห่มมาคลุมขา ยังต้องกินอาหารอย่างดีบำรุงร่างกาย การาเ็ที่ขาของพี่ชายเป็เื่ที่สำคัญมาก ตอนนี้พวกเราต้องให้ความสำคัญกับเื่นี้มากๆ เพราะฉะนั้น เหตุนี้จึง้าเงิน มีเพียงแต่การค้าเท่านั้น ที่เงินได้อย่างรวดเร็วที่สุดเ้าค่ะ”
“มู่เอ๋อร์ พ่อกับแม่รู้ว่า้าเงิน ผู้ใดไม่อยากได้เงินบ้าง?ขอเพียงแค่มีเงิน ปัญหาทุกอย่างก็จะไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าเด็กน้อย พวกเราล้วนไม่มีฝีมือ ทำการค้าง่ายเพียงนั้นหรือ?” หยางซื่อส่ายหัว กล่าวอย่างจนปัญญา
“ท่านแม่ ข้าคิดดีแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์เห็นว่าหยางซื่อไม่คัดค้าน เพียงแค่เป็กังวลเื่การค้าเท่านั้น
เมื่อครู่นางครุ่นคิดดีแล้ว ครอบครัวไม่มีเงิน ถ้าอยากได้เงินก้อนแรก เช่นนั้นก็ต้องหาวัตถุดิบ
ดังนั้นนางนึกถึงอะไรได้หนึ่งอย่าง นั่นก็คือข้าวห่อไข่ [2]
วัตถุดิบสำหรับทำข้าวห่อไข่นั้นง่ายมาก ไข่ไก่ ข้าวผัด และเครื่องปรุงรสอันโอชา
ไข่ไก่และข้าวผัดนั้นไม่ต้องกล่าวมากความ เพียงแค่ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ประจำบ้านก็สามารถทำได้แล้ว แต่ส่วนของเครื่องปรุงรสนั้น นางวางแผนที่จะทำเครื่องปรุงรสขึ้นมาเอง แต่ว่าของพวกนี้ก็จำเป็ต้องมีวัตถุดิบ โชคดีที่ครั้งที่แล้วได้จับปลาตัวน้อยมาจำนวนไม่น้อยมาไว้ในมิติ นางสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งของเล็กน้อยที่อยู่ในมิติในการทำเครื่องปรุงรสอาหารทะเลได้
ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้สามารถเป็ไปได้
ถ้าเป็ไปไม่ได้ อย่างมากก็แค่กลับไปที่จุดเริ่มต้น ถึงอย่างไรครอบครัวพวกเขาก็ไม่ได้เสียเปรียบอันใด
หยางซื่อเห็นว่าหลิงมู่เอ๋อร์วางแผนมาแล้ว นางอดสงสัยไม่ได้ว่าครั้งนี้จะมีความคิดอันใดออกมาอีก
หลิงต้าจื้อหยิบบุหรี่ออกมาอีกครั้ง
หยางซื่อจ้องเขม็งเขาไปหนึ่งที เขาหัวเราะออกมาอย่างละอายใจ แล้วก็วางสิ่งของกลับไปไว้ที่เดิม
สองสามีภรรยาฟังสิ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวต่อไป
“ตอนที่ข้าอยู่ในความฝัน ท่านปู่ท่านนั้นเลี้ยงข้าวให้ข้ากิน เป็อาหารอย่างหนึ่งที่อร่อยยิ่ง ข้าอยากทำอาหารชนิดนั้นเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้พูดชื่อของข้าวห่อไข่ ข้าวห่อไข่เป็ของญี่ปุ่น ผู้คนที่นี่ไม่เคยได้ยิน นางจนปัญญาที่จะอธิบายความเป็มาของมัน
“เป็ความฝันอีกแล้ว?” หยางซื่อใ “มู่เอ๋อร์ เ้าไม่ได้…โดนสิ่งอัปมงคลใช่หรือไม่?”
หยางซื่อรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย เหตุใดหลิงมู่เอ๋อร์ถึงฝันถึงสิ่งของแปลกประหลาดเหล่านี้?เหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยฝันเล่า?
คนชรามักกล่าวไว้ว่า เด็กที่อายุไม่มากจะสามารถมองเห็นสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น ถึงแม้หลิงมู่เอ๋อร์จะโตเป็วัยสาวแล้ว แต่ว่ามีจิตใจที่ไร้เดียงสา ดังนั้นไม่แน่ว่าอาจจะมีสิ่งที่สกปรกบางอย่างมาปิดตานางอยู่ก็เป็ได้
“ท่านแม่ ท่านอย่าพูดเช่นนี้ ท่านไม่เชื่อความฝันของข้า ก็เท่ากับว่าไม่เชื่อวิธีรักษาขาให้พี่ชาย” หลิงมู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว มองท้องฟ้าอย่างเคารพยำเกรง “ผู้วิเศษท่านนั้นไม่แน่ว่าอาจจะเป็เทพเซียนบนท้องฟ้าก็เป็ได้ หากเขาได้ยินจะต้องพิโรธเป็แน่”
หยางซื่อได้ยิน ก็รีบร้อนคุกเข่าลง แล้วก้มหัวคำนับท้องฟ้าไม่หยุด ในปากกล่าวคำพูดขอความเมตตา “ท่านเทพเซียนโปรดให้อภัย ข้าน้อยไม่มีความรู้ เป็หญิงชาวบ้านผู้โง่เขลาคนหนึ่ง ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่”
หลิงมู่เอ๋อร์จนปัญญา พยุงหยางซื่อพลางกล่าว “ท่านาุโไม่ใช่คนที่ใจแคบ เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ท่านอย่าได้พูดเช่นนี้อีกเลยเ้าค่ะ”
“ได้ได้ได้ หลังจากนี้แม่จะไม่พูดแล้ว เมื่อครู่แม่ผิดไปจริงๆ ไม่ควรไปลบหลู่เทพเซียน” สำหรับหยางซื่อแล้ว การาเ็ที่ขาของหลิงจื่อเซวียนนั้นเป็แผลในใจนาง นางสามารถยอมแพ้ได้ทุกอย่าง แต่จะไม่ยอมแพ้ความหวังในการรักษาขาของเขาได้
“หนูมู่ สิ่งที่เ้าจะทำนี้จะต้องมีวัตถุดิบสิ่งใดบ้าง?” หลิงต้าจื้อเป็คนที่ออกไปเจอโลกกว้าง เขาไม่เหมือนหยางซื่อที่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ แต่กลับพูดตรงประเด็นออกมา
“ไข่ไก่ ข้าว แล้วก็เครื่องปรุงเล็กน้อยเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว “เครื่องปรุงง่ายๆ ข้าสามารถไปหาบนูเาได้ ตอนนี้หิมะเริ่มละลายแล้ว ทุกอย่างบนูเาก็เริ่มฟื้นคืนสภาพกลับมาแล้ว แล้วก็อีกอย่าง ข้าอยากทำเครื่องปรุงรส สิ่งนั้นต้องไปดูที่บ้านท่านยาย พวกเขาอยู่ที่นั่นมีแม่น้ำ ข้าอยากไปจับปลาจับกุ้งตัวน้อยที่นั่น เท่านั้นเครื่องปรุงก็จะสำเร็จแล้วเ้าค่ะ”
“พ่อของลูก ท่านว่าพอจะทำได้หรือไม่?” หยางซื่อมองหลิงต้าจื้อ
หยางซื่อไม่มีความคิดเห็น เื่ที่สำคัญมากถ้าไม่ฟังหลิงจื่อเซวียน ก็ฟังหลิงต้าจื้อ ขอเพียงแต่หลิงต้าจื้ออยู่ที่บ้าน เื่ใหญ่ๆ เล็กๆ ในบ้านล้วนเป็การตัดสินใจของหลิงต้าจื้อ อย่างไรเสียเขาก็คือหัวหน้าครอบครัว
หลิงมู่เอ๋อร์โชคดีมากที่ครอบครัวนี้ค่อนข้างสุภาพมีมารยาท ถ้าไปเจอท่านพ่อท่านแม่ที่นิสัยเหมือนท่านปู่หลิงซงกับท่านย่าหวังซื่อ นางยอมคิดหาวิธีข้ามมิติกลับไปยังโลกปัจจุบันดีกว่า ก็ไม่อยากอยู่รับความทุกข์ทรมานจากพวกเขาอยู่ที่นี่
“ลูกอยากลองก็ให้นางลองเถิด!พวกเราล้วนแก่แล้ว บางครั้งก็ต้องฟังความคิดเห็นจากลูก” หลิงต้าจื้อกล่าว “ถ้าไม่ได้ คนในครอบครัวพวกเราก็สามารถกินเองได้ พวกนั้นล้วนเป็ของกิน ไม่สิ้นเปลือง”
“แต่ว่าข้าวสารและแป้งทั้งหมดในบ้านของพวกเราก็มีไม่มากเท่าไหร่ ถ้าหากล้มเหลว ข้าวพวกนั้นก็ต้องกินให้หมดในคราเดียว” หยางซื่อจิ้มที่หน้าผากของหลิงมู่เอ๋อร์ กล่าวอย่างเคืองๆ “ท่านพ่อเ้าตามใจเ้า เ้าคิดดูเอาเองเถิด!”
“ท่านแม่ก็ตามใจข้า” หลิงมู่เอ๋อร์ดึงหยางซื่อมาออดอ้อน
หลิงต้าจื้อมองดูแม่ลูกด้วยความชื่นใจ นิสัยเมื่อก่อนของหลิงมู่เอ๋อร์เป็คนค่อนข้างนิ่ง ไม่ชอบพูด ตอนที่อยู่ด้านนอกผู้คนล้วนรังแกนางได้ อยู่บ้านนางก็ทำแต่งานไม่ชอบแสดงความคิดเห็น กลับมาครั้งนี้นางเปลี่ยนไปมาก
ถึงแม้นางจะไม่ชอบอยู่ใกล้ชิดเขา แต่ขอเพียงแค่นางใกล้ชิดกับแม่ของนางก็เพียงพอแล้ว
“ไข่ไก่…สิ่งนี้หาไม่ง่าย บ้านของพวกเราไม่มีไก่” หยางซื่อกล่าวอย่างลำบากใจ “ไม่เช่นนั้น เ้าจะไปขอยืมไข่ไก่กับป้าสะใภ้ใหญ่ของเ้า?ป้าสะใภ้ของเ้าเป็คนไม่เลว บางทีนางอาจจะช่วยพวกเราได้”
“ท่านแม่ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ไม่เลวจริงๆ แต่นิสัยของท่านย่านั้น…ท่านลืมแล้วหรือครั้งที่แล้วเพื่อไข่หนึ่งใบ นางถึงตามมาด่าทอพวกเรา สุดท้ายยอมให้ไข่ใบนั้นแตกก็ดีกว่าให้พวกเรานะคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวปฏิเสธ “ข้าจะคิดหาวิธีหาไข่ไก่เอง จะไม่ขอร้องพวกเขา ข้าไม่้าสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยความยากลำบาก แล้วถูกพรากไปโดยพวกเขาในสักวันหนึ่ง หน้าของพวกเขายังหนามากกว่ากำแพงเสียอีก”
“ตอนข้าไม่อยู่ พวกเขารังแกเ้า?” หลิงต้าจื้อกล่าวด้วยความขุ่นเคือง
“ไม่มี ไม่นับว่ารังแกอันใด ่เวลานี้ทุกคนล้วนมีชีวิตที่ยากลำบาก แม้ว่าพวกเขาอยากจะช่วยพวกเรา ก็ไม่มีแรงเหลือที่จะช่วย” หยางซื่อรีบกล่าว
เชิงอรรถ
[1] อีผอ หมายถึง แพทย์หญิง หรือสตรีพื้นบ้านที่เชี่ยวชาญเื่ตรวจชีพจร
[2] ข้าวห่อไข่ หมายถึง omurice (โอมุไรซ์) หรือข้าวห่อไข่สไตล์ญี่ปุ่น