อวี๋หรูไห่มองไปยังลานเรือนเมื่อเห็นผู้ดูแลสกุลจางและฉีเกอเอ๋อร์จึงรีบเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “คือภรรยาเ้าห้าในจวนของข้านางค่อนข้างมีพร์ในด้านวิชาหมอ ข้าจึงสอนวิชาให้นางเล็กน้อย”
คนในหมู่บ้านได้ฟังจึงกล่าวชื่นชมอีกครั้ง“ท่านหมออวี๋ช่างจิตใจดีงามยิ่งนักกระทั่งหลานสะใภ้ที่ซื้อตัวมายังถ่ายทอดวิชาหมอให้นางโดยไม่หวงแหน”
บนใบหน้าของอวี๋หรูไห่แย้มยิ้มภายในใจกลับกลัวว่าอวี๋เจียวจะพลั้งปาก รีบหยัดกายลุกขึ้นเอ่ย“ในลานเรือนคือผู้ดูแลสกุลจาง ก่อนหน้านี้พาบุตรชายมาให้ข้ารักษาโรคลมชักวันนี้น่าจะมาตรวจโรคอีกครั้ง ข้าไปดูสักหน่อย”
หลังจากอวี๋หรูไห่ออกไปจากห้องโถงเพื่อนบ้านสกุลหวังเอ่ยกับสตรีข้างกาย“เหตุใดข้าดูแล้ววิชาหมอของสกุลอวี๋พัฒนาขึ้น เมื่อก่อนก็แค่รักษาโรคปวดหัวตัวร้อนยามนี้โรคที่ตรวจล้วนแต่ร้ายแรงเสียแล้ว”
สตรีอีกคนเอ่ยเสียงเบาเช่นกัน “น่าแปลกจริงๆอาจเพราะวิชาหมอที่สืบทอดจากบรรพบุรุษสกุลอวี๋ล้ำเลิศจริงๆลือกันว่าบรรพบุรุษของสกุลอวี๋มีคนเคยเป็หมอหลวงในวังไม่ใช่หรือ?”
ครั้นเห็นสตรีแซ่อวี๋โจวมองมาผู้แซ่หวังและสตรีนางนั้นรีบปิดปาก เอ่ยเบี่ยงประเด็นว่า “พี่หญิงโจว หลังฤดูใบไม้ผลิจิ่นเหยียนในจวนเ้าจะสอบชิงตำแหน่งจวี่เหรินแล้วใช่หรือไม่?”
สตรีแซ่อวี๋โจวหัวเราะ “ไม่เพียงแต่จิ่นเหยียนจิ่นซูก็จะสอบเช่นกัน”
“ไอหยา ข้าช่างอิจฉาเ้าจริงๆท่านหมออวี๋ในสกุลของเ้ามีความสามารถ ลูกหลานทั้งสกุลล้วนแต่เป็ปัญญาชน!”ผู้แซ่หวังเอ่ยพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เสียงหัวเราะภายในห้องครึกครื้นอวี๋หรูไห่เดินมาในลานเรือน เอ่ยทั้งรอยยิ้มอย่างเป็มิตรว่า“พาฉีเกอเอ๋อร์มาตรวจอาการอีกครั้งหรือ?”
ผู้ดูแลสกุลจางเอ่ยทั้งรอยยิ้ม“ร่างกายของฉีเกอเอ๋อร์ดีขึ้นเรื่อยๆ นี่คือภรรยาแซ่ฉินของข้า ตั้งใจจะมาขอบพระคุณแม่นางเมิ่งโดยเฉพาะ”
อวี๋หรูไห่ได้ฟังคำกล่าวแล้วหันไปมองภายในห้องโถงเมื่อเห็นทุกคนภายในห้องต่างพูดคุยหยอกล้อ น่าจะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยภายในลานเรือนครั้นเห็นอวี๋เจียวชักมือกลับจากจับชีพจรให้จึงเอ่ยถามว่า “เป็อย่างไรบ้าง? โรคลมชักของฉีเกอเอ๋อร์หายดีแล้วหรือไม่?”
ผู้ดูแลสกุลจางกับภรรยาได้ฟังต่างหันไปมองอวี๋เจียวด้วยความตื่นเต้น
อวี๋เจียวลูบหัวฉีเกอเอ๋อร์ แย้มยิ้มเอ่ย“ลมปิดทวารภายในกายสลายไปแล้ว ใช้อ้ายจิ่วติดต่อกันอีกครึ่งเดือนภายหน้าโรคลมชักของฉีเกอเอ๋อร์ก็จะไม่กำเริบอีกเพียงแต่ยามปกติจะต้องรักษาตัวสักหน่อย กินอาหารมีฤทธิ์เย็นให้น้อย”
ผู้ดูแลสกุลจางและภรรยาของเขาได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกสตรีแซ่จางฉินดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรนางจับมือของอวี๋เจียวแล้วกล่าวอย่างร่าเริงว่า “ขอบคุณแม่นางเมิ่งมากจริงๆข้าไม่รู้จะขอบคุณเ้าอย่างไรดีอาการป่วยของฉีเกอเอ๋อร์กดทับอยู่ภายในใจของข้ามาตลอดหลายปีนี้ โชคดีจริงๆที่พบกับเ้า...”
อวี๋เจียวหัวเราะตามเช่นกันเมื่อได้รับคำขอบคุณจากคนไข้ถึงเพียงนี้ย่อมรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างมาก นางเอ่ยว่า“ท่านไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ ผู้ดูแลสกุลจางจ่ายเงินค่ารักษาแล้วการรักษาโรคของฉีเกอเอ๋อร์ให้หายดีย่อมเป็สิ่งที่ข้าควรทำ”
ผู้ดูแลสกุลจางที่อยู่ด้านข้างเอ่ยพลางทอดถอนหายใจ“ยามนี้ในใต้หล้ามีคนที่วิชาหมอล้ำเลิศและถ่อมตนเช่นแม่นางเมิ่งอยู่น้อยนิดยิ่งนักมีท่านหมอเช่นแม่นางเมิ่ง ถือเป็โชคดีของคนเจ็บไข้ได้ป่วยจริงๆ!”
อวี๋หรูไห่ถูกหมางเมินไว้ด้านข้างรอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปไม่น้อยเพราะเกรงว่าสองสามีสกุลจางจะส่งเสียงดังจนถูกคนในหมู่บ้านได้ยินเขารีบเอ่ยเสียงเบาว่า “ในใต้หล้านี้การที่สตรีเป็หมอนับเป็เื่ยากลำบาก คำเล่าลือภายนอกสามารถทำลายคนทั้งสองท่านควรระวังวาจาสักหน่อย ภายในห้องยังมีคนนอกอยู่ด้วย”
ผู้ดูแลสกุลจางนึกถึงสิ่งที่อวี๋หรูไห่กำชับก่อนหน้านี้อีกทั้งรู้ว่าคนในใต้หล้ามีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับหมอที่เป็สตรีเพราะกลัวว่าจะทำร้ายอวี๋เจียวจึงรีบเงียบเสียงอีกทั้งยังกระตุกชายแขนเสื้อของสตรีแซ่จางฉิน “พูดให้น้อยลงอย่าได้ทำลายชื่อเสียงของแม่นางเมิ่ง”
สตรีแซ่จางฉินกดข่มความตื่นเต้นภายในใจแต่มือของนางยังคงจับมือของอวี๋เจียวไว้แน่น แสดงออกถึงความตื่นเต้นภายในใจ
อวี๋เจียวมองไปทางอวี๋หรูไห่ มุมปากหยักยิ้มไม่ได้เปิดโปงคนมีชีวิตอยู่เพื่อหน้าตาหวังสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ของเขา