วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถึงกลางเดือนสามต้นฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็่สอบเข้าสำนักศึกษาสตรี วันเกิดของเฉียวเยว่ตรงกับ่หน้าร้อน แต่การสอบครานี้มิได้เข้มงวดเกินไปนัก เพียงมีคนฝากฝังก็สามารถเข้าสอบได้
เฉียวเยว่เดินวนไปเวียนมาอยู่ในบ้านแต่เช้า ท่าทางเคร่งเครียดและตื่นเต้น เฉพาะน้ำอย่างเดียวก็ดื่มไปหลายกาแล้ว
อิ้งเยว่นั่งมองอยู่ด้านข้าง ก็ใช้เหตุผลเกลี้ยกล่อมนางอย่างจริงจัง "หากเ้ายังเป็เช่นนี้ต่อไป คงต้องเข้าสุขาหลายรอบทำให้เสียเวลาในการสอบ"
เฉียวเยว่นิ่วหน้าอย่างน่าสงสาร "ก็ช่วยไม่ได้นี่! ข้ามักมีนิสัยตื่นเต้นง่ายอยู่แล้ว"
อีกอย่างการสอบครานี้เทียบเท่ากับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นนางก็สวมชุดชั้นในสีแดง
โอ๊ะ จริงด้วยสิ!
นึกมาถึงตรงนี้ นางก็ละล่ำละลัก "แย่แล้ว แย่แล้ว ข้าลืมสวมกางเกงในนำโชค"
"มันคือสิ่งใด?" อิ้งเยว่มีสีหน้างุนงง แต่หลังจากนึกถึงที่เฉียวเยว่พูดให้ฟังเมื่อคืน นางแสดงความละเหี่ยใจออกมา "การสอบคือสิ่งที่ต้องอาศัยความสามารถที่แท้จริง ไม่ใช่สวม... สีแดงตัวหนึ่งก็ใช้ได้ นั่นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ ข้าว่าเ้าอย่างมงายเกินไปดีกว่า อย่าเป็เหมือนหลันหมัวมัวไปอีกคน"
พูดมาถึงตรงนี้ หลันหมัวมัวก็รีบท้วงติง "คุณหนูห้า ท่านปรักปรำบ่าวแล้ว พูดตามตรง ข้าไม่เคยนึกเื่เหล่านี้เลย คุณหนูเจ็ดคิดเองคนเดียวทั้งนั้น เพียงแต่ข้ารู้สึกว่านี่เป็ความคิดที่ดียิ่ง สีแดงคือสีมงคลนะเ้าคะ"
การสอบเข้ากั๋วจื่อเจียนกับสำนักศึกษาสตรีไม่ใช่วันเดียวกัน ฉีอันสอบเสร็จแล้ว เขานั่งกินผิงกั่วอยู่ข้างๆ พูดขึ้นว่า "เ้าอาศัยความสามารถของตนเองไปสอบเถอะ ไม่ได้ก็ยังมีปีหน้า ไม่มีใครหัวเราะเ้าสักหน่อย"
สีหน้าของเฉียวเยว่เผยแววกลัดกลุ้ม ถอนหายใจตอบไปว่า "เหตุผลข้าเข้าใจ แต่หม่อมฉันทำมิได้"
ฉีอันหัวเราะพรืดออกมา
อิ้งเยว่ถอนหายใจ "ข้าว่า เ้าอย่ามัวแต่ร่ำรี้ร่ำไรเช่นนี้ รีบเก็บแล้วไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาอยู่กับสิ่งไร้สาระ ไม่รู้ว่าเ้าตื่นเต้นจริงๆ หรือคิดฟุ้งซ่านไปเอง"
"ต้องเป็จริงอยู่แล้ว" เฉียวเยว่ทำหน้าเหมือนถูกปรักปรำ
แต่พอนึกดูแล้วก็กำหมัด "ไม่ได้ ข้าต้องไปเปลี่ยนเป็สีแดง มิเช่นนั้นจะไม่มั่นใจ"
หลังจากนั้นก็วิ่งจู๊ดออกไป
อิ้งเยว่ถอนหายใจอย่างละเหี่ยเป็ที่สุด "หากจะสอบไม่ผ่าน ก็เพราะนางดื่มน้ำเยอะเกินไปจนต้องวิ่งเข้าสุขาตลอดเวลานี่แหละ"
ฉีอันขำพรืดอีกหน
...
"พวกเ้าทุกคนล้วนแต่เป็..." อาจารย์าุโที่อยู่ด้านหน้ายังคงให้โอวาทต่อไปเรื่อยๆ เฉียวเยว่มองไปรอบด้าน ประเมินอยู่ในใจ ผู้เข้าร่วมสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีวันนี้มีราวร้อยกว่าคน
แต่ถึงจะมีเป็พันก็ไร้ประโยชน์หากสอบไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
การสอบของสำนักศึกษาสตรีแบ่งเป็สามหมวด หมวดแรกคือวิชาพิณ หมาก อักษร และภาพเขียน ถึงแม้จะเลือกเพียงสามในสี่วิชา แต่ทั้งสามวิชาต้องผ่านเกณฑ์ทั้งหมด ส่วนหัวข้อที่สองก็คือวิชาคำนวณ อันนี้เป็วิชาบังคับเลือกไม่ได้ หากไม่ผ่านก็จบเห่ หมวดที่สามก็คือขี่ม้ายิงธนู สามหมวดนี้ต้องผ่านทั้งหมด ถึงจะได้รับคัดเลือก
คะแนนการสอบคัดเลือกจะไม่ประกาศในวันสอบ แต่จะประกาศหลังจากนั้นสามวัน แต่ถ้ามีความตั้งใจจริง ผู้สอบก็สามารถประเมินเองได้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน โดยประเมินจากผลงานและท่าทีของผู้คุมสอบ
"ครานี้ ฝ่าาทรงส่งท่านอ๋องอวี้เสด็จมาเป็..."
แต่คำพูดตอนท้ายๆ ของอาจารย์าุโเฉียวเยว่ก็ฟังไม่ได้ยินแล้ว ชั่วขณะนี้นางนึกถึงแต่สุขา ้าหาที่ปลดทุกข์อย่างเร่งด่วน
อวี้อ๋องสวมอาภรณ์สีแดงดูเป็สิริมงคลอย่างยิ่ง ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยเสียงเบา "วันนี้ข้าสวมอาภรณ์สีแดง ก็หวังว่าจะเป็การจุดประกายความรุ่งโรจน์โชติ่ให้กับการเริ่มต้นที่ดีของพวกเ้า"
เขาหยุดเว้นจังหวะ ก่อนจะพูดต่อ "พรุ่งนี้ข้าจะสวมสีชมพู เป็การอวยพรให้พวกเ้ามีอนาคตที่สวยสดงดงาม"
แม้ว่าคำอวยพรของอวี้อ๋องจะค่อนข้างพิลึกอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็ยังอดซาบซึ้งใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ใน่เวลาตึงเครียดเช่นนี้ การได้รับคำปลอบประโลมใจจากใครสักคนย่อมเป็สิ่งดีที่สุด
แต่พวกนางเพิ่งซาบซึ้งใจได้ไม่นาน ก็ได้ยินอวี้อ๋องกล่าวว่า "วันมะรืนข้าจะสวมสีเหลือง อืม... ก็หวังว่าวันสุดท้ายความเพียรพยายามอย่างหนักของพวกเ้าตลอดสองวันที่ผ่านมาจะไม่กลายเป็เพียงความฝันหวงเหลียง [1] "
พรืด!
เฉียวเยว่สำลักออกมาไม่อาจสะกดกลั้น
แน่นอนว่าเวลานี้ไม่มีใครสนใจว่านางจะเป็อย่างไร เพราะพวกเขานึกแต่อยากทุบใครบางคน
หากพูดไม่เป็ไม่ต้องพูดก็ได้ จะพูดจาหาเื่เช่นนี้เพื่อ!?
นึกมาถึงตรงนี้ ก็น่าโมโหจริงๆ
แต่เฉียวเยว่กลับรู้สึกว่าเขาก็เป็อย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร หากใครคิดว่าอวี้อ๋องเหมือนคนทั่วไป เขาก็แพ้แล้ว
เฉียวเยว่ถอนหายใจ ก่อนลุกขึ้นมายืนให้ดี สายตาของนางประสานกับอวี้อ๋อง เขาเลิกคิ้วให้ราวกับไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังบั่นทอนขวัญกำลังใจผู้อื่นแม้แต่น้อย
"ตอนนี้แยกย้ายกันพักผ่อนสักครู่ หลังจากหนึ่งเค่อ ให้ทุกคนแบ่งกลุ่มแล้วมาลงทะเบียนเพื่อเข้าสอบรายหมวดวิชากับข้าทางนี้ หลังจากนั้นก็รับป้ายแล้วไปเข้าแถวตามหมวดหมู่ที่จะสอบ"
เฉียวเยว่ถอนหายใจเฮือก นางดื่มน้ำเยอะเกินไปจริงๆ
หลังออกมาจากสุขา เห็นท่านหญิงฉางเล่อยืนมองตนเองอยู่ไม่ไกล ขณะเดินผ่านนางยังคุยข่มทับ "ข้าไม่ด้อยไปกว่าเ้าหรอก"
เฉียวเยว่มองท่าทางมั่นใจของนางแล้วก็ไม่ยี่หระ
"ถูกพี่สาวชิงรัชทายาทไป ในใจของเ้าคงจะเสียใจมากล่ะสิ?" ท่านหญิงฉางเล่อแค่นเสียงเยาะ "สวะไร้ค่าอย่างเ้า สมน้ำหน้าที่ไม่ได้เป็ชายารัชทายาท"
จริงๆ เลย เดินผ่านมาดีๆ ก็มาปะกับสุนัขเข้าได้ เฉียวเยว่รู้สึกน้อยใจในโชคชะตายิ่งนัก
นางหันไปถามอย่างจริงจัง "เ้าใช้สายตาข้างไหนเห็นว่าข้าเสียใจ? พี่สาวข้าได้อภิเษกกับเสด็จพี่รัชทายาทคือเื่ดีที่สุดแล้ว มีแต่คนจิตใจคับแคบดุจอกไก่เท่านั้นแหละที่จะนอนไม่หลับเพราะความอิจฉาริษยา แน่นอนว่ารวมถึงใครบางคนที่นึกว่าตนเองมีสมองอันฉลาดปราดเปรื่องอุตส่าห์สร้างงิ้วโรงใหญ่มาเพื่อความหรรษา แต่หารู้ไม่ว่าทุกสิ่งเป็ล้วนเกิดมาจากความเบาปัญญาของตนเองทั้งนั้น!"
"เ้าด่าใคร?" ท่านหญิงฉางเล่อหน้าดำทะมึน ถามอย่างฉุนเฉียว
เฉียวเยว่เลิกคิ้ว "ข้าไม่ได้ด่าใครทั้งนั้น เพียงแค่รำพึงรำพันเท่านั้นเอง เ้าคิดมากไปเอง"
ใบหน้าของนางระคนไปด้วยรอยยิ้ม "ข้าคิดว่าเ้าเอาเวลาที่มีไปรับป้ายก่อนจะดีกว่า มิเช่นนั้นแถวจะยิ่งยาวไปข้างหลัง อาจยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมาก ถึงอย่างไรเ้าก็เป็ท่านหญิง ไหนเลยจะต้องมาต่อแถวกับผู้อื่น จริงหรือไม่?"
เมื่อ้าเหน็บแนบใคร เฉียวเยว่ไม่เคยใช้ถ้อยคำหยาบคายอยู่แล้ว
"ซูเฉียวเยว่ เ้า..." ท่านหญิงฉางเล่อโกรธจัดกระทืบเท้า เตรียมจะเข้าไปลงมือ
"เ้าจะทำอันใด?" น้ำเสียงใสกังวานของชายหนุ่มดังขึ้น
หรงจ้านมองหรงฉางเกอซึ่งกำลังเงื้อมืออย่างโอหัง ก่อนทอยิ้มบางๆ หลังจากนั้นก็กวาดมองอีกฝ่ายั้แ่หัวจรดเท้า "มิน่าเล่าคุณหนูในห้องหอที่มีการศึกษาแท้จริงถึงคบหากับเ้าไม่ได้ ที่แท้ก็กลัวเ้าจะกางเล็บแยกเขี้ยวใส่เช่นนี้นี่เอง เฮ่อ... เดิมทีเ้าก็ไม่สวยอยู่แล้ว อย่าทำท่าเหมือนั์มารเช่นนี้เลย มิเช่นนั้นใครเห็นเข้าก็จะยิ่งถอยห่างออกจากเ้า"
เื่ปากคอเราะราย เฉียวเยว่คิดว่าหากพี่จ้านของนางเป็อันดับสอง ก็ไม่มีใครกล้าเป็อันดับหนึ่งแล้ว
ท่านหญิงฉางเล่อดวงตาแดงก่ำในบัดดล สตรีที่ไหนจะยินดีเมื่อถูกผู้อื่นว่าอัปลักษณ์ นางขบริมฝีปากแต่ไม่กล้าเถียงหรงจ้าน แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ น่าเวทนาเป็อย่างยิ่ง
"หากพวกเ้ายังไม่ไปอีก ก็คงได้ป้ายลำดับรั้งท้ายจริงๆ แล้วล่ะ" หรงจ้านยกมือขึ้นโบก
เฉียวเยว่ไม่สนใจอะไรมาก นางเป็คนคล่องแคล่วว่องไว เพียงครู่เดียวก็วิ่งหายไปแล้ว
เห็นเฉียวเยว่ทำเช่นนี้ หรงฉางเกอก็ไม่เกรงใจวิ่งเหมือนกัน
พิณ หมาก อักษร ภาพเขียน
เฉียวเยว่ดูแล้ว ก็ตัดสินใจเลือกสามอย่างหลัง
อันที่จริงพิณนางก็เล่นได้ เพียงแต่ของสิ่งนี้ต้องใช้พร์และความตั้งใจมากเกินไป เฉียวเยว่คิดว่าตนเองไม่นับว่ามีความสามารถโดดเด่นด้านนี้ และไม่รู้ว่าผู้อื่นเก่งกันระดับไหน นางจึงทิ้งวิชานี้ไปเสีย
นางเลือกสอบวิชาที่ตนเองถนัดก่อน นางเดินมายังสนามสอบหมากล้อมโดยไม่ลังเล
ทางนี้มีการจัดกลุ่มแล้ว นางสังเกตดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้กฎเกณฑ์คร่าวๆ แม้ว่าพวกนางแต่ละคนจะต้องเล่นหมากกับอาจารย์ แต่แท้จริงแล้วพวกนางล้วนแข่งกับตนเอง เฉียวเยว่กวาดมองรอบหนึ่ง นอกจากเกณฑ์ที่กำหนดยี่สิบแต้ม ก็ยังมีคนบันทึกว่าพวกเขาเดินไปกี่ก้าว แต่ละก้าวเดินอย่างไร นั่นแสดงว่าการสอบจะดีหรือไม่ดี ดูที่ระดับฝีมือของคนอื่นประกอบด้วย หากไม่มีใครผ่านเกณฑ์ยี่สิบแต้มเลย แล้วลำดับของเ้าอยู่ค่อนไปทางลำดับต้นๆ ก็สามารถสอบผ่านได้เหมือนกัน
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็การคาดคะเนของเฉียวเยว่
นางค่อนข้างจะมั่นใจต่อการเล่นหมากล้อม แม้ว่าตอนเด็กๆ ทักษะจะไม่เท่าไร แต่ของแบบนี้ต้องดูคู่ต่อสู้ว่าเป็ใครจริงๆ คู่ต่อสู้ของนางหากไม่ใช่ท่านตาก็เป็บิดา ด้วยเหตุนี้ระดับของนางจะสูงขึ้นแบบก้าวะโ ขนาดพี่หญิงใหญ่ซึ่งตอนนั้นยังไม่ออกเรือนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
นางโค้งคำนับหลังจากนั้นก็นั่งลง ขณะที่พวกเขาวางหมากคนอื่นๆ สามารถเข้าชมได้ เพื่อความยุติธรรม
อาจารย์เป็ฝ่ายวางหมากก่อน เฉียวเยว่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หากให้นางลงมือก่อน ก็จะยิ่งเป็ปลาได้น้ำยิ่งกว่านี้
ผลเป็ไปตามคาด เฉียวเยว่แข่งกับอาจารย์สี่ห้าสิบก้าวแล้วก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ
ก้าวที่ห้าสิบเอ็ด ถึงยอมแพ้
แต่แม้จะพ่ายแพ้ นางก็ยังนำหน้าผู้ที่ได้ลำดับหนึ่งก่อนหน้านี้ถึงยี่สิบก้าว
"ดีมาก" อาจารย์าุโผงกศีรษะ เพื่อให้การดำเนินการไปสู่ขั้นตอนต่อไปเร็วขึ้น พวกเขามักจะวางหมากให้ดูซับซ้อนั้แ่เริ่มต้น แต่ไม่นึกว่านางจะยืนหยัดต่อสู้ได้นานถึงเพียงนี้ คำนวณดูแล้ว นางสามารถทำลายสถิติของการสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีในรอบหลายปีที่ผ่านมา
"ตึงๆๆ"
มีคนผู้หนึ่งลักษณะเป็บัณฑิตขึ้นไปลั่นกลอง หลังจากนั้นก็มีการแก้ไขเพิ่มเติมบนกระดาน เฉียวเยว่หันไปมองปราดหนึ่ง แม้แต่นางเองก็ยังใ นี่คือผู้บันทึกสถิติคะแนนสูงสุดในการสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีตลอดหลายปีที่ผ่านมา และนางก็เป็ผู้ทำลายสถิติที่อิ้งเยว่พี่สาวของนางทำไว้สี่สิบแปดแต้ม
เฉียวเยว่หันกลับมาด้วยรอยยิ้ม คำนับอาจารย์อีกครั้ง แล้วเดินไปต่อแถวสนามสอบ "อักษร" เป็ลำดับต่อไป
อาจารย์าุโอมยิ้ม
อักษร : แม้ว่าเฉียวเยว่จะไม่ได้เก่งกาจเป็พิเศษ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าใครหลายคน แทบจะเป็ด่านที่นางรู้สึกสบายมาก
ภาพเขียน : เฉียวเยว่กับฉีอันวาดภาพมาั้แ่เล็ก ย่อมไม่เหลือบ่ากว่าแรง
เฉียวเยว่รู้แก่ใจว่าวิชาที่นางอ่อนไม่อยู่ในวันแรก ชาติก่อนนางถนัดแต่วิชาศิลปะ จึงอ่อนคณิตศาสตร์ แต่ครานี้วิชาคำนวณของนางนับว่าพอใช้ได้ ่สองปีมานี้นางฝึกฝนอย่างหนัก จึงไม่ใช่ปัญหา
จุดอ่อนของนางเพียงอย่างเดียวแท้จริงแล้วคือการขี่ม้ายิงธนูของวันสุดท้าย
แม้ว่าวิชาอักษรและภาพเขียนจะใช้วิธีปิดรายชื่อลงคะแนน แต่เฉียวเยว่ก็ไม่วิตกกังวล หลังสอบเสร็จวันแรกนางก็ออกจากสนามสอบอย่างผ่อนคลาย
เพียงแต่เพิ่งเดินมาถึงประตูก็ถูก "ใครบางคน" มาขวางไว้ก่อน
"ทางที่ดีเ้าควรไปให้หมอหลวงตรวจดีกว่า" อวี้อ๋องเอ่ยกับนางอย่างจริงจัง
"เอ๋? เพราะเหตุใดหรือ?" เฉียวเยว่ถาม
เขาโบกพัด ตอบอย่างสุขุม "วันนี้เ้าเข้าสุขาสิบแปดรอบ เ้า... ไม่มีปัญหาแน่รึ?"
เฉียวเยว่สูดหายใจลึก "ท่านถึงกับสอดแนมแม่นางอย่างข้าว่าเข้าสุขากี่หน นี่มันใช่เื่หรือไม่?"
มารดามันเถอะ!
...
[1] สีเหลือง 黄 ภาษาจีนออกเสียงว่า หวง ในที่นี้้าเล่นคำว่า หวง กับสำนวนที่ว่า 黄粱一梦 หวงเหลียงอี๋เมิ่ง ซึ่งแปลความหมายว่า ความฝันตื่นหนึ่งขณะหุงข้าวหวงเหลียง (หวงเหลียง คือ ข้าวฟ่าง) หรือฝันหวานเพียง่สั้นๆ นั่นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้