เปลี่ยนจาก 天宸 (เทียนเฉิน) เป็ 天辰 เทียนเฉินอย่างนั้นหรือ?
นี่คือการฉ้อโกงทางสัญญา
ทังหงเอินยกยิ้มมุมปาก “เถ้าแก่หลิวเทียนเฉวียนชาวฮ่องกงคนนี้ทำธุรกิจไม่ซื่อตรงเอาเสียเลย นึกว่าอยู่เผิงเฉิงแล้วจะใช้วิธีการเดียวกับฮ่องกงได้หรือ เขากับเครือเชิงหรงของฮ่องกงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน การลงทุนจากฮ่องกงทางเราย่อมยินดีต้อนรับอย่างแน่นอน แผ่นดินใหญ่้าปฏิรูปเศรษฐกิจ หาก้าพัฒนาประเทศคงไม่อาจหลีกเลี่ยงเงินทุนและเทคโนโลยีจากต่างชาติ... แต่พวกนายทุนที่วนเวียนอยู่ในพื้นที่สีเทา อย่างไรพวกเราก็ต้องระมัดระวังเช่นกัน”
สำหรับทังหงเอิน เื้ัของหลิวเทียนเฉวียนก็คือนายทุนที่ทำธุรกิจสีเทาแอบแฝงคนหนึ่งนั่นเอง
เบื้องลึกเื้ัเครือเชิงหรงไม่จำเป็ต้องสืบเสาะอย่างละเอียด ตู้เชิงหรงนั้นมีประวัติอย่างไร คนที่ฮ่องกงล้วนรู้กันทั่ว
สาเหตุที่ทังหงเอินระวังตัวกับหลิวเทียนเฉวียน ก็เพราะหลิวเทียนเฉวียนอยากได้ผลประโยชน์จากธุรกิจท่าเรือของเผิงเฉิง เดิมทีเครือเชิงหรงก็ทำธุรกิจสีเทาอยู่แล้ว ทังหงเอินจึงไม่้าให้เผิงเฉิงกลายเป็์ของการลับลอบค้าของเถื่อน ซึ่งเขาเกลียดเื่เช่นนี้เป็อย่างมาก
ตอนแรกเขานึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางมาเผิงเฉิงเพื่อเป็ลูกค้าของพวกค้าของเถื่อน หากเป็เช่นนั้น ทังหงเอินคงไม่สนใจเธออีก ไม่ว่าเธอจะปากหวานหรือทำงานเก่งสักแค่ไหน ทังหงเอินก็ไม่จำเป็ต้องให้ความสนใจกับพวกลักลอบค้าของเถื่อนคนหนึ่ง
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับบอกว่าอยากทำธุรกิจตกแต่งภายใน และความจริงก็พิสูจน์แล้วว่าเธอได้เลือกเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง ทังหงเอินถึงได้เต็มใจไปมาหาสู่กับเธอ
ทังหงเอินพูดเช่นนี้แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจทันทีว่าทำไมหลิวเทียนเฉวียนถึงทังหงเอินถูกหมางเมินเช่นนี้
ทังหงเอินคือด่านที่ขวางกั้นการบุกตลาดเผิงเฉิงของหลิวเทียนเฉวียน ส่วนที่ว่าทำไมเขาถึงมาบุกเผิงเฉิงนั้น คงเพราะ้ามาดูลู่ทางให้กับเครือเชิงหรงล่วงหน้า เผิงเฉิงในฐานะเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีตลาดแฝงขนาดใหญ่เกินกว่าจะสามารถจินตนาการได้ ไม่ว่าจะขายของอะไรให้กับแผ่นดินใหญ่ ด้วยจำนวนประชากรที่มีมากเช่นนี้ ใครบุกตีตลาดก่อนย่อมทำกำไรได้ก่อน ขายสินค้าทางอุตสาหกรรมยังพอไหว กลัวก็แต่สิ่งที่หลิวเทียนเฉวียนนำพามาจะเป็สิ่งผิดกฎหมายน่ะสิ
“หลิวเทียนเฉวียนเป็น้องเมียปลายแถวของตู้เชิงหรง ได้ยินว่าตอนนี้พวกเมียน้อยของตู้เชิงหรงกำลังแก่งแย่งชิงดีกันอย่างดุเดือด...”
หลิวเทียนเฉวียนอยากช่วยงานตู้เชิงหรงเพื่อเพิ่มหมากในมือของน้องสาวตัวเองอย่างนั้นหรือ?
ทังหงเอินใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ “ธุรกิจของเธอเพิ่งเท่าไรกันเอง สืบเื่ของตระกูลตู้ไปเพื่ออะไรกัน ตู้เชิงหรงไม่ใช่คนที่เธอจะสามารถหาเื่ได้นะ”
ที่จริงหลิวเทียนเฉวียนก็ไม่ใช่คนที่เซี่ยเสี่ยวหลานควรมีเื่ด้วยเช่นกัน
ต่อให้ตัดเื่มีแก๊งมาเฟียคอยหนุนหลัง เพียงความแตกต่างของขนาดธุรกิจทั้งสองฝ่าย หลิวเทียนเฉวียนก็สามารถบดขยี้ ‘หย่วนฮุย’ ของหลิวหย่งได้อย่างสบายๆ
แต่ทังหงเอินรู้ อาจเพราะหลิวหย่งมีเซี่ยเสี่ยวหลานคอยชี้แนะ ‘หย่วนฮุย’ ถึงได้พยายามหลีกเลี่ยงหลิวเทียนเฉวียนทุกวิถีทางเช่นนี้ ทว่าหลิวหย่งถูกหลิวเทียนเฉวียนตามตื๊ออยู่หลายเดือน สุดท้ายย่อมมีวันที่พลั้งพลาด และตกหลุมพรางของหลิวเทียนเฉวียนจนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้โต้เถียงกับเขา ทังหงเอินรู้ดีว่าเื่นี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ทำอะไรผิด เขาจึงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เซียงมี่หูคือโครงการที่เริ่มต้นขึ้นก่อนฉันจะเข้ารับตำแหน่ง โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 1981 ปัจจุบันเข้าสู่การก่อสร้าง่สุดท้ายแล้ว คาดการณ์ว่าปีหน้าจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็ทางการ ดังนั้นเครือเท่อเหนิงกับเจิ้งไท่ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเื่วุ่นวายเด็ดขาด แน่นอนว่าภาครัฐของเผิงเฉิงก็ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เป็อย่างมาก หลิวเทียนเฉวียนใช้โครงการนี้เป็เหยื่อล่อ ไม่แปลกที่ลุงของเธอจะพลาดท่า”
เื่นี้ช่างเกินไปจริงๆ
หลิวเทียนเฉวียนทำธุรกิจอย่างไร้ความเกรงกลัว นำวิธีการของฮ่องกงมาใช้ที่เผิงเฉิง!
เขานึกว่าเผิงเฉิงคือฮ่องกงในยุค 70 หรืออย่างไร? ยุคนั้นแก๊งมาเฟียวางอำนาจบาทใหญ่ ทั้งยังติดสินบทเ้าหน้าที่ตำรวจของฮ่องกง ตำรวจ 10 นายมีตำรวจมาเฟียอยู่ถึง 9 นาย โดยจะคอยเก็บส่วยเป็กองหนุนให้กับพวกแก๊งมาเฟียเ่าั้
“เงินเก้าหมื่นไม่ใช่น้อยๆ เลย เธออยากให้ฉันช่วยจัดการอย่างนั้นหรือ”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า “เงินแค่เก้าหมื่นคงไม่จำเป็ต้องรบกวนคุณอาทังหรอกค่ะ เทียบกับปัญหาเล็กน้อยในสัญญา ฉันอยากบอกคุณอาว่า ตอนนี้ห้องเต้นรำที่กำลังได้รับความนิยมในเผิงเฉิงต่างหากที่เป็ปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะห้องเต้นรำหนานเฉิง เถ้าแก่หลังม่านอาจจะเป็หลิวเทียนเฉวียนก็ได้... เขาใช้เด็กนั่งดริงก์กลุ่มหนึ่งคอยทำงานแทน หากอิทธิพลเช่นนี้แผ่ขยายออกไปแล้วเรามาจัดการภายหลังคงไม่ง่ายใช่ไหมล่ะคะ”
การฟ้องต้องมีชั้นเชิง จับจุดอ่อนเล็กน้อยของหลิวเทียนเฉวียนนั้นมันไม่มีประโยชน์
คนอย่างหลิวเทียนเฉวียนคือผู้ซึ่งกำลังทำลายสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจของเผิงเฉิง
อยากเจรจาธุรกิจต้องไปที่ห้องเต้นรำ?
ดื่มเหล้าพลางโอบกอดเด็กนั่งดริงก์ ยังจะคุยธุรกิจอะไรกันได้อีก
ลุงของเธอพลาดติดกับ แต่เขาย่อมไม่ใช่คนแรกที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ หลิวเทียนเฉวียนใช้กลยุทธ์บุกทุกช่องทาง ทั้งสุรานารีและเงินทองคอยยั่วเย้า คนที่ไม่พลาดท่าเสียทีคงมีแค่หยิบมือ
พูดถึงเด็กนั่งดริงก์ ประเทศจีนเพิ่งเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจแค่กี่ปีกัน พวกรัฐวิสาหกิจกับข้าราชการที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายมีหรือจะเคยพบเจอของแบบนี้
“เธอพูดถูก”
ทังหงเอินฟังจบก็เอ่ยปาก เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ทันทีว่าทังหงเอินคงมีแผนการอยู่ในใจแล้ว
ทังหงเอินไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เห็นเขาป่วยออดๆ แอดๆ แต่ก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจของเผิงเฉิงมาก ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานเจอเขาอีกครั้งที่เผิงเฉิง ทังหงเอินกำลังตรวจโครงการก่อสร้าง จากนั้นเธอก็เจอเขาที่ริมทะเลอีกรอบ นอกจากเสี่ยวหวังแล้วก็ไม่มีใครติดตามเขาเลย เซี่ยเสี่ยวหลานจึงสงสัยว่าทังหงเอินกำลัง ‘ตรวจงานนอกเครื่องแบบ’ ด้วยการเดินทางไปสืบข่าวตามหมู่บ้านชาวประมง เพื่อให้รู้สถานการณ์การลักลอบค้าของเถื่อนหรือเปล่า
หากเขาลงพื้นที่ตรวจสอบในฐานะ ‘นายกเทศมนตรี’ คงไม่มีทางรู้สถานการณ์จริงอย่างแน่นอน พวกระดับปฏิบัติการณ์ย่อมเอาผักชีมาโรยหน้า นายหน้าค้าของเถื่อนเองก็ไม่ใช่คนโง่ ชาวบ้านร่วมมือค้าของเถื่อนกันทั้งหมู่บ้าน เมื่อเผชิญหน้ากับเบื้องบนย่อมช่วยกันปกปิดความผิดน่ะสิ
ประเด็นเื่หลิวเทียนเฉวียนจบลงเพียงเท่านี้ เซี่ยเสี่ยวหลานเริ่มพูดถึงจี้เจียงหยวนที่พยายามรักษาระยะห่างกับเธอ
“ทุกคนค่อนข้างยุ่งกับการเรียน เจอกันแค่ครั้งเดียวตอนสอบแข่งขันภาษาอังกฤษรอบแรก”
“ครั้งก่อนฉันตำหนิเธอว่าอย่างไร อย่าเอาวิธีการคุยธุรกิจมาใช้ที่นี่ไม่ใช่หรือ หรือเธอคิดว่าถ้าเธอไม่ได้เป็เพื่อนนักศึกษากับเจียงหยวน ฉันจะไม่ยอมทานอาหารมื้อนี้ด้วย?”
ตอนแรกทังหงเอินตื่นเต้นจนลืมตัว แต่เขาเป็คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานักต่อนัก ไม่ทันไรก็สามารถเรียกสติกลับคืนมาได้แล้วเริ่มครุ่นคิด แน่นอนเขาย่อมอยากใกล้ชิดกับจี้เจียงหยวน นั่นคือลูกชายในไส้ของเขานะ อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่มีแผนการที่จะแต่งงานใหม่ ดังนั้นชาตินี้เขาคงจะมีลูกชายแค่คนเดียวเท่านั้น
ทว่าพ่อลูกไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แถมจี้เจียงหยวนก็เติบโตที่อเมริกา จะห่างเหินกับเขาก็เป็เื่ที่สมควรแล้ว
ความผูกพันของพ่อลูกต้องค่อยๆ สร้างขึ้น เื่แบบนี้ไม่สามารถบีบบังคับกันได้ ตอนนี้ถือว่าเป็สถานการณ์ที่ดีที่สุดแล้ว แม้อดีตภรรยาของเขาจะฟูมฟายเพียงใด แต่อย่างน้อยเธอก็อบรมสั่งสอนจี้เจียงหยวนได้เป็อย่างดี เด็กคนนั้นได้ร่ำเรียนที่หัวชิง ดูจากภายนอกเป็คนสดใสกระตือรือร้น แล้วทังหงเอินยังจะ้าอะไรอีก?
ถึงอย่างไรก็ดีกว่าการที่สองพ่อลูกต้องอยู่ห่างกันคนละซีกโลก ไม่ได้ข่าวคราวกันและกันตลอด 12 ปี
เซี่ยเสี่ยวหลานคงต้องบอกว่าคุณอาทังช่างเข้าใจโลกนี้ดีเหลือเกิน
คนเรามีจิตใจกว้างขวางแตกต่างกัน ทังหงเอินทุ่มเทให้กับเื่งานเป็ส่วนใหญ่ คนนอกมีสิทธิสงสารคนอย่างเ้าพ่อทังด้วยหรือ ก็เหมือนโลกอนาคตที่มักมีคนบอกว่าสงสารดาราคนนู้นคนนี้ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี แต่เพียงความคิดเห็นเดียวที่ตอบกลับไปก็สามารถกำหลาบพวกแฟนคลับไร้สมองได้อย่างราบคาบ
ดูยอดเงินคงเหลือในธนาคารตัวเองก่อนแล้วค่อยสงสารคนอื่นจะได้ไหม!
ยอดเงินฝากของเซี่ยเสี่ยวหลานมีเยอะกว่าทังหงเอิน แต่เธอก็ยังตั้งใจทำงาน ไม่กล้าประมาทเลิ่นเลอ นักธุรกิจตัวจ้อยจะเอาตัวเองไปเปรียบกับเ้าพ่ออย่างทังหงเอินไปทำไมกัน ที่ทังหงเอินมีวันนี้ได้ เขาต้องผ่านการต่อสู้ฝ่าฝันมาตั้งหลายสิบปี
เ้าพ่อทังได้ยินว่าครั้งนี้ที่มาเผิงเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานพาคนทั้งบ้านมาด้วยกัน ตอนเซี่ยเสี่ยวหลานขอตัวกลับเขาจึงเสริมอีกประโยคว่า “เงินเดือนเดือนนี้ของฉันมากพอจะเลี้ยงอาหารครอบครัวเธอได้ ครั้งก่อนมีปัญหาบางอย่างต้องรบกวนแม่เธอให้คอช่วยเหลือ ก่อนพวกเธอจะกลับจากเผิงเฉิง ฉันจะให้เลขาเผิงจองร้านอาหารไว้แล้วกัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้