“ตรวจสอบต่อไป” มู่หรงอวี้ไม่เชื่อว่าคนๆ หนึ่งจะสามารถหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยได้จริงๆ “ทางแคว้นตงฉู่มีข่าวอะไรส่งมาหรือไม่?”
“เมื่อครู่มีข่าวส่งกลับมา ยังไม่พบร่องรอยของสตรีที่ท่านอ๋อง้าตามหาพ่ะย่ะค่ะ”
“ตามหาต่อไป ทั่วทั้งแคว้นตงฉู่ก็อย่าเหลือไว้แม้แต่ที่เดียว”
“พ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่เข้าใจ สตรีผู้นั้น...”
“อู๋หยิง เ้าพูดมากเกินไปแล้ว” ใบหน้าของมู่หรงอวี้เ็าลงหลายส่วน
“ขออภัยท่านอ๋อง กระหม่อมพูดมากเกินไป” อู๋หยิงแปลงกายเป็เหยี่ยวราตรีตัวหนึ่ง ก่อนจะบินออกไปและกลืนหายไปกับม่านราตรี
มู่หรงอวี้หยิบม้วนภาพออกมาจากบรรดาม้วนภาพมากมาย เขาค่อยๆ คลี่มันออก ใบหน้าดุดันปรากฏความอ่อนโยนขึ้นมาหลายส่วน
ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่พบกันที่ตรอกเถาฮวา ร่างของนางอาบไล้ไปด้วยแสงแดดระยิบระยับ งดงามทว่าเ็า เทียบกับท่าทางตอนที่อยู่ใต้ร่างของเขาในคืนนั้นแล้วยิ่งงามขึ้นไปอีก
เขาจ้องไปยังดวงตาสุกใสเหมือนจะเอ่ยวาจาได้คู่นั้น แม้ว่าจะต้องขุดหลุมลึกถึงสามหมี่[1] เปิ่นหวางก็จะต้องหาเ้าให้พบให้ได้!
.....
กระทั่งเวลาเที่ยง มู่หรงฉือเพิ่งได้ทราบข่าวว่าเซียวกุ้ยเฟยจัดงานเลี้ยงร้อยบุปผาที่วังหลัง
หรูอี้เห็นสีหน้าถมึงทึงขององค์รัชทายาทก็พูดปลอบด้วยความกังวล “เตี้ยนเซี่ย เื่มาถึงขนาดนี้แล้ว มิสู้คิดหาวิธีรับมือจะดีกว่านะเพคะ”
ที่องค์รัชทายาทโกรธมากขนาดนั้น เพราะในตำหนักบูรพามีอนุอยู่สองคนแล้ว ปกติพวกนางก็มายุ่งวุ่นวายกับเตี้ยนเซี่ย จนพระองค์รู้สึกรำคาญมากพออยู่แล้ว หากมีสตรีเพิ่มขึ้นมาอีกคนสองคน อย่างพระชายา หรือนางสนมอะไรพวกนี้ เตี้ยนเซี่ยคงจะยิ่งไม่สามารถทำตามใจชอบได้
อีกอย่าง ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน้าที่จะแทรกคนเข้ามาในตำหนักบูรพา ใส่หูตาเพิ่มเข้ามา ด้วยอำนาจของเขา เตี้ยนเซี่ยมีหรือจะปฏิเสธได้?
งานเลี้ยงร้อยบุปผาจะเริ่มขึ้นในยามโหย่ว[2] แต่ว่าเหล่าฮูหยินและบุตรีตระกูลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงจะเข้าวังมา่เวลาหลังเที่ยง เวลานี้ก็เริ่มมีสตรีทยอยกันเข้าวังมาแล้ว
หรูอี้มองฉินรั่วอย่างอับจนหนทาง “ฉินรั่ว สมองของเ้าใช้การได้ดี เ้ารีบคิดหาวิธีเถิด”
ฉินรั่วเบะปากส่ายหน้า “ข้าเองก็คิดอะไรไม่ออก”
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงประกาศจากองครักษ์ฝ่ายใน “เตี้ยนเซี่ย บ่าวรับใช้ของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาส่งข่าว เชิญเตี้ยนเซี่ยไปที่สวนอวี้ฮวาหลังจากนี้หนึ่งชั่วยามพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงฉือได้ยินประโยคนี้ก็ยิ่งฉุนจัด
จากนิสัยเอาแต่ใจของมู่หรงอวี้ คงจะต้องทำให้การจับคู่ในงานเลี้ยงร้อยบุปผาครั้งนี้ยุ่งเหยิงไปให้หมดเป็แน่
ประเดี๋ยวนางก็เดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ ประเดี๋ยวก็นวดหว่างคิ้ว ประเดี๋ยวก็หลับตาคิด… ช่างเถิด อย่าเพิ่งรีบร้อนไป ถึงตอนนั้นก็มีทางแก้ไขเอง
ฉินรั่วเสนอความคิด “เตี้ยนเซี่ย เช่นนั้นมิสู้ท่านบอกว่าประชวรแล้วไม่ไปดีหรือไม่เพคะ?”
“หากเตี้ยนเซี่ยบอกว่าทรงประชวร ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็จะส่งหมอหลวงมารักษา เช่นนั้นแผนก็จะแตกไม่ใช่หรือ?” หรูอี้เอ่ยกับฉินรั่ว
“ให้เตี้ยนเซี่ยไปที่งานเลี้ยง ถึงตอนนั้นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็จะจับคู่ให้ เตี้ยนเซี่ยสามารถบอกได้ว่าทรงประชวรเป็โรคที่ไม่อาจบอกได้ ทำให้สตรีเ่าั้ลำบากใจแล้วถอยออกไปเองดีหรือไม่เพคะ” ฉินรั่วเสนอความคิดต่อ
“หรูอี้ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เปิ่นกง” มู่หรงฉือเดินไปยังห้องบรรทม หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความหมองคล้ำ
…..
สวนอวี้ฮวามีพื้นที่ว่างอยู่ที่หนึ่ง วันนี้ถูกนำมาใช้เป็สถานที่จัดงานเลี้ยงร้อยบุปผา
มวลดอกไม้รายล้อมอยู่รอบด้าน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้พัดโชยมา ยิ่งทำให้บรรดาฮูหยินและคุณหนูมากมายแลดูงดงามอ่อนช้อยมากขึ้น
ยังไม่ถึงยามโหย่ว องค์รัชทายาทเองก็ยังไม่มา บรรดาคุณหนูที่แต่งตัวทำผมมาอย่างงดงามก็เดินชมดอกไม้ในสวน พูดคุยหยอกเย้ากัน เสียงหัวเราะลอยมาตามสายลมแห่ง่ต้นฤดูใบไม้ผลิ
งานเลี้ยงในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยเซียวกุ้ยเฟย เื่น้อยใหญ่ทั้งสิ้นล้วนส่งต่อให้นางกำนัลข้างกายเป็คนจัดการ ส่วนเซียวกุ้ยเฟยในเวลานี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหวีผมแต่งหน้าแต่งตัว
ถึงแม้ว่านางจะอายุยี่สิบปีแล้ว แต่เมื่อเทียบกับสตรีอายุสิบแปดปีที่ยังไม่ได้ออกเรือนกลับนับได้ว่างดงามเย้ายวนกว่าอยู่มาก เหมือนผลลูกท้อสุกงอม เปลือกบางน้ำเยอะ ยิ่งหอมหวานละมุนมีแรงดึงดูด
วันนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็มาร่วมงานด้วย นางจะต้องแต่งตัวให้งดงามเสียหน่อย เมื่อเทียบกับเหล่าสตรีที่อยู่ในวัยออกเรือนเ่าั้แล้วนางจะต้องดูดีกว่า เช่นนี้ สายตาของเขาก็จะไม่ถูกคนอื่นดึงไป
ที่น่าหงุดหงิดก็คือ ฮ่องเต้ที่ประชวรครั้งนี้กลับยังรอดชีวิตกลับมาได้ อาการประชวรของพระองค์ดีวันดีคืน
เดิมทีนางยังคิดว่าเมื่อฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ไป ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็จะสามารถสังหารองค์รัชทายาทได้ไม่ยาก จากนั้นก็สามารถขึ้นรับตำแหน่งฮ่องเต้ได้อย่างชอบธรรมผ่าเผย เป็กษัตริย์ของใต้หล้า ส่วนนางก็สามารถกลายเป็สตรีของเขา จนอาจจะถึงขั้นได้เป็ฮองเฮา มารดาของใต้หล้า
คอยปรนนิบัติรับใช้ดูแลฝ่าามาหกปี นางเบื่อจะตายอยู่แล้ว อยากจะให้ฮ่องเต้องค์นี้ตายจากไปไวๆ เสียที
ตอนนี้เองที่องครักษ์ฝ่ายในของตำหนักชิงหยวนเข้ามาแจ้ง “กุ้ยเฟย ฝ่าา้าพบพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวกุ้ยเฟยหรี่ตาลงอย่างหงุดหงิด เวลานี้ยังแล้วไม่พักผ่อนอีกหรือ จะให้นางไปทำอะไร?
“เ้ากลับไปทูลฝ่าาแทนเปิ่นกงว่า เปิ่นกงต้องคอยตรวจสอบงานเลี้ยงร้อยบุปผา มีหลายสิ่งต้องทำมากนักจนปลีกตัวไปไม่ได้ ่เย็นๆ ข้าถึงจะไปเข้าเฝ้าฝ่าา”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ถอยออกไปอย่างนอบน้อม
นางมองใบหน้ารูปไข่ห่านอันงดงามของตนเองในคันฉ่อง ปรากฏรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมา
ณ สวนอวี้ฮวา
บรรดาฮูหยินและคุณหนูจากตระกูลที่มีชื่อเสียงต่างนั่งประจำตำแหน่ง โต๊ะงานเลี้ยงของเซียวกุ้ยเฟยเป็เหล่าบรรดาเฟยนั่ง ทางด้านเหนือมีโต๊ะสองตัวคือของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน และขององค์รัชทายาท
คุณหนูที่มีชื่อเสียงเ่าั้ต่างรอคอยท่านอ๋องและองค์รัชทายาท โดยเฉพาะบุตรสาวของสี่ตระกูลใหญ่ที่ตั้งความหวังกับงานเลี้ยงร้อยบุปผาอย่างเต็มเปี่ยม
จวนอัครเสนาบดีสกุลกง จวนมหาเสนาบดีสกุลหยาง ชิ่งกั๋วกง[3] สกุลถัง และหรงกั๋วกงสกุลฟาง ครอบครัวสี่ตระกูลใหญ่เป็ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ร่ำรวยมาหลายร้อยปี บ่มเพาะคนมีความสามารถออกมาไม่น้อย บุตรสาวของพวกเขา โดยเฉพาะบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกจะถูกอบรมสั่งสอนอย่างดี ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากมายกว่าจะเลี้ยงมาจนเติบโตอย่างดีเช่นนี้ ทั้งดีดฉิน เดินหมาก คัดอักษร หรือวาดภาพ บุตรสาวของพวกเขาก็ล้วนทำได้ดีไปเสียหมด
บุตรชายของตระกูลใดที่สู่ขอบุตรสาวของสี่ตระกูลใหญ่นี้ไปได้ ต่างมีความสุขราวกับสามารถเดินเหินบนเมฆ เสพสุขไปกับความร่ำรวยได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทว่าพวกนางมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก หากว่าไม่ใช่บุรุษที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้านี้ พวกนางไม่มีทางชายตาแล
ตอนนี้เองที่มีเสียงประกาศจากองครักษ์ฝ่ายในดังขึ้น “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเสด็จ! องค์รัชทายาทเสด็จ!”
บรรดาสตรีที่เดิมกำลังพูดคุยกันอยู่ เวลานี้ก็พากันทยอยลุกขึ้นหันมองไป
เซียวกุ้ยเฟยเองก็หันหน้าไปมองเช่นกัน หัวใจนางเต้นรัวเร็วดั่งกลอง
คนที่นำอยู่ด้านหน้าคือองค์รัชทายาทสวมชุดสีเหลืองปักลายั ด้านหลังเป็ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนสวมชุดสีดำปักด้วยด้ายสีทอง
องค์รัชทายาทร่างกายผอมบาง บ่างุ้มไปด้านหน้า ไร้ซึ่งสง่าราศี ส่วนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนนั้นกลับสง่าผ่าเผย ก้าวย่างมั่นคง ดูมีราศีมากกว่า
ใบหน้าขององค์รัชทายาทหล่อเหลางดงาม มีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอด ทั้งยังหันไปขยิบตาหยอกล้อกับบรรดาสตรี
ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนหน้าตาหล่อเหล่าจนยากที่จะเทียบ ทว่าดวงตากลับมองตรง ใบหน้าแข็งกร้าว ดูแข็งแกร่งกว่าองค์รัชทายาทอยู่หลายส่วน ให้กลิ่นอายความเป็บุรุษ ทำให้คนเห็นแล้วยากจะลืม
เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ ก็สามารถตัดสินได้แล้ว
บรรดาสตรีที่ตอนแรกมอบความหลงใหลแก่องค์รัชทายาทต่างพากันผิดหวัง แล้วมองไปทางท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนอย่างพิจารณา พวกนางลอบหวังว่าจะสามารถดึงความสนใจของเขาได้
องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่อ่อนแอ เสเพล ทั้งยังขี้ขลาด มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าเป็คนที่ไม่ได้เื่
ส่วนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนนั้น ตอนอายุสิบปีก็ติดตามพี่ชายไปรับตำแหน่งอวี้หวางในกรมทหาร อายุสิบสี่ทำาจนมีชื่อเสียง อายุสิบแปดบัญชาการทหารสองแสนนายเอาชนะศัตรูที่มีถึงสี่แสนนาย พออายุยี่สิบก็เป็ผู้บัญชาการทหารทั้งสามกองทัพ มีผลงานโดดเด่น ห้าปีก่อนเขาถูกฮ่องเต้เรียกกลับมาก่อนฮ่องเต้จะแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้เขาเป็ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนด้วยพระองค์เอง เขาดูแลทั้งราชสำนัก ตรวจสอบงานอย่างชาญฉลาด ทำงานอย่างขยันขันแข็ง บริหารได้อย่างครอบคลุม ถึงขนาดที่หากเขาจะสืบทอดแคว้นเยี่ยนต่อ เชื่อว่าข้าราชบริพารก็ไม่มีทางต่อต้าน
สรุปแล้วก็คือ กระทั่งนิ้วหัวแม่โป้งขององค์รัชทายาทก็ไม่อาจเทียบกับท่านอ๋องได้
เมื่อเป็เช่นนี้ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจึงได้รับความหลงใหลจากสตรีทุกคนในงานเลี้ยงั้แ่เริ่มงานกันเลยทีเดียว
เห็นท่าทีที่พากันหลงใหลในตัวท่านอ๋องอย่างหน้าไม่อายของเหล่าสตรีพวกนั้น เซียวกุ้ยเฟยก็โกรธจนกัดฟัน
มู่หรงฉือนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของโต๊ะงานเลี้ยง หัวเราะฮี่ๆ พร้อมกล่าวว่า “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”
มู่หรงอวี้เหมือนจะคุ้นชินกับเื่ทั้งหมด เอ่ยเสียงกังวาน “ฮ่องเต้ร่างกายไม่แข็งแรง งานเลี้ยงวันนี้มีองค์รัชทายาทกับเปิ่นหวางเป็เ้าภาพ องค์รัชทายาทไม่สนใจพิธีการ ทุกท่านเองก็ไม่ต้องมากพิธี รีบทานรีบดื่มกันเถิด”
จากนั้นงานเลี้ยงก็ได้เริ่มต้นอย่างเป็ทางการ
เซียวกุ้ยเฟยยกจอกสุราขึ้นตรงหน้าเขา ซึ่งเขาก็พยักหน้านิ่งแล้วดื่มไปครึ่งจอกเป็มารยาท
ในใจของนางผิดหวังมาก เหตุใดสายตาที่ท่านอ๋องมองมาที่ตนถึงได้เ็าเพียงนี้? หรือว่าวันนี้นางแต่งตัวไม่งามพอ? หรือเมื่อนางอยู่กับแม่นางน้อยเ่าั้แล้วจึงดูแก่ชรา? จะต้องเป็เช่นนี้แน่
พวกสตรีมากเล่ห์พวกนี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง วันฟ้าใสเช่นนี้ พวกนางกลับกล้ามองไปทางท่านอ๋องอย่างไม่ละอายใจ
“องค์รัชทายาทอายุก็ไม่น้อยแล้วจึง้าเลือกชายาสักสองสามคนมาคอยดูแลที่ตำหนักบูรพา เื่นี้ก็เป็ความปรารถนาของฮ่องเต้” ั์ตาดำของมู่หรงอวี้เฉียบแหลม “กุ้ยเฟย เ้ามีความคิดดีๆ อะไรหรือไม่?”
“ท่านอ๋อง ได้ยินมาว่าบุตรีจากตระกูลที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองหลวงล้วนเป็คนมากความสามารถทั้งสิ้น มิสู้ให้พวกนางแสดงความสามารถออกมา แล้วให้องค์รัชทายาทเลือกดีหรือไม่” เซียวกุ้ยเฟยยิ้มน้อยๆ อย่างงดงาม
“เป็ความคิดที่ดี”
“เช่นนั้นก็เริ่มที่คุณหนูสกุลกง สกุลหยาง สกุลถังและสกุลฟางเถิด” นางพูดเสียงออดอ้อน แสดงเสน่ห์ของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่
มู่หรงอวี้มองไปทางฮูหยินกับบุตรสาวของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ดวงตาเฉียบคมจ้องไปยังพวกนางจนเริ่มนั่งกันไม่สงบ
มู่หรงฉือปรบมือ หัวเราะด้วยความตื่นเต้น “จะเลือกชายาให้เปิ่นกงหรือ? ดียิ่ง! ไม่จำเป็ต้องแสดงความสามารถ พวกเ้ามาหาเปิ่นกงตรงนี้ ดูแลเปิ่นกงดื่มสุรา หากเปิ่นกงรู้สึกว่าคนไหนถูกใจที่สุดก็จะเลือกนางผู้นั้น”
ดวงหน้าหล่อเหลาของมู่หรงอวี้ดำทะมึน สายตาเ็า
ความจริงแล้วเขารู้ว่าองค์รัชทายาทจงใจ นี่เป็กลยุทธ์ที่ให้เขารับมือ
ฮูหยินกับคุณหนูเ่าั้ต่างมองหน้ากันไปมา บางคนก็ก้มหน้าลง บางคนแค่นเสียงหัวเราะหึ บางคนก็หน้าแดง
องค์รัชทายาทช่างหยาบคายและไร้ยางอาย ไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ ในวังหลวง นิสัยเดียวกับฝ่าาอย่างกับถอดออกมา
มู่หรงฉือยกยิ้มร้าย “พวกเ้าดื่มกันให้หมดสิ ดื่มด้วยกันถึงจะสนุก”
“เตี้ยนเซี่ย!” มู่หรงอวี้พูดเสียงดุ ไม่ได้หันหน้าไปมองคนข้างกาย “อย่าก่อเื่!”
“เปิ่นกงไม่ได้ก่อเื่เสียหน่อย ท่านจะให้เปิ่นกงเลือกไม่ใช่หรือ?” นางพูดอย่างน้อยใจเยี่ยงคนใสซื่อ “ก็ได้ เปิ่นกงไม่ให้พวกนางมาดูแลแล้ว”
พูดจบนางก็ผุดลุกขึ้น เดินลงจากแท่นที่นั่งลงมายืนตรงกลาง ดวงตาพราวระยับ “แม่นางทุกท่านงดงามราวดอกไม้ราวหยก ทั้งหน้าตาและมารยาทล้วนดีไปหมดเสียทุกอย่าง เปิ่นกงไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร พวกเ้าเข้ามาใกล้ๆ ให้เปิ่นกงดูดีๆ เสียหน่อย”
ภายใต้การจับตามองของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน สตรีเ่าั้แม้ไม่พอใจแต่ก็ต้องเดินเข้าไปอย่างไม่ยินยอม
มู่หรงฉือหรี่ตามองพวกนางแสดงท่าทางเหมือนน้ำลายจะไหลออกมา
ยิ่งเห็นเช่นนี้ พวกนางต่างพากันถอยกรูดออกไป อดมองหน้ากันไปมาไม่ได้ องค์รัชทายาทเป็เช่นนี้ใครอยากแต่งงานด้วยเล่า?
ทันใดนั้นมู่หรงฉือก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากด้านในเสื้อ เอามาปิดที่ตาของตัวเอง “เปิ่นกงคิดวิธีที่ดีมากขึ้นมาได้วิธีหนึ่ง พวกเ้าจงยืนอยู่ตรงนี้ ห้ามเดินไปไหน หากเปิ่นกงจับตัวคนไหนได้คนนั้นจะต้องแต่งให้กับเปิ่นกง”
สตรีเ่าั้ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา ดวงหน้าหมดอาลัยตายอยาก
์โปรดเมตตา องค์รัชทายาทผู้นี้จะทำเป็เล่นเกินไปแล้ว! หากพวกนางจะต้องแต่งงานกับองค์รัชทายาทที่เหลวไหลเช่นนี้ พวกนางยอมตายยังจะดีเสียกว่า
คิ้วเรียวของมู่หรงอวี้กระตุก ดวงตาดุดัน เตี้ยนเซี่ย เ้านี่ช่างสร้างเื่เก่งจริงๆ
ไม่เพียงแต่พวกนางไม่อยากแต่ง บิดามารดาของพวกนางเองก็คงไม่หวังจะได้องค์รัชทายาทที่เป็เช่นนี้มาเป็บุตรเขย
การกระทำเช่นนี้เกินไปแล้วจริงๆ!
เชิงอรรถ
[1] หมี่ คือเมตร
[2] ยามโหย่ว (酉时) คือเวลา 17.00 น.–19.00 น.
[3] 國公 “กั๋วกง” ตำแหน่งบรรดาศักดิ์สำหรับเชื้อพระวงศ์ชาย ขั้น 1 ชั้นรอง กั๋วกงเป็ตำแหน่งเริ่มต้นสำหรับพระโอรสในองค์จักรพรรดิทุกพระองค์ หากมีผลงานก็สามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็จวิ้นอ๋องและเป็อ๋องได้ตามลำดับ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้