โจรปล้นธนาคารต่างยิงปืนไปทั่วห้องโถงด้วยความคึกคะนอง
"ปัง ปัง ปัง! ปัง!..."
โคมระย้าคริสทัลถูกยิงจนแตกกระจายดังกังวานเต็มห้องโถงพร้อมกับเสียงหญิงสาวที่กรีดร้องอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อกลุ่มโจรบุกเข้ามาในธนาคารพวกมันก็กระจายกำลังไปตามที่ต่างๆ ในทันที
"ทุกคนอย่าขยับ! เอามือไขว้หลังนั่งยองๆ หันหลังแล้วก้มไปกับพื้น ห้ามเงยหน้าขึ้นมาเด็ดขาด ะุปืนไม่มีตาหากใครกล้าขัดขืนข้าจะยิงมันเป็คนแรก!" หนึ่งในชายสวมหน้ากากะโสั่งขึ้น
หยางเฉินรู้สึกถึงอาการหวาดกลัวของถังหว่านที่อยู่ด้านหลังเธอเป็เพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง จึงหลบหมอบอยู่ด้านหลังหยางเฉินด้วยความหวาดกลัวแม้จะรู้สึกละอายใจที่ทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อหลบหนี แต่หากต้องเผชิญหน้ากับ่เวลาเป็ตายเช่นนี้แล้วไม่ว่าใครก็ต่างรักชีวิตตัวเองแต่เมื่อเธอมองมายังแผ่นหลังของหยางเฉินที่ยังคงไม่หนีไปไหน ถึงกับยืนปกป้องเธอไว้ถังหว่านก็รู้สึกประทับใจในตัวหยางเฉินขึ้นมา ผู้ชายคนนี้ยังไม่เลวร้ายเท่าใดนัก
ทันใดนั้นเองพนักงานธนาคารวัยกลางคนก็รวบรวมความกล้า เขาคลานต่ำเงียบๆ และพยายามที่จะกดปุ่มสัญญาณเตือนภัย
แต่ดูเหมือนฟ้าจะไม่เป็ใจโจรที่มากประสบการณ์ผู้หนึ่งสังเกตเห็นเข้าพอดี เขาหัวเราะและกล่าวว่า
"อยากจะเรียกตำรวจที่กำลังกินอาหารหมูมาหรือไงคิดหรือว่าจะพึ่งพวกนั้นได้?!"
พูดจบโจรผู้นั้นก็ยิงเข้าไปที่ต้นขาของพนักงานธนาคารทำให้เขากลิ้งไปมาบนพื้นพร้อมกับเืที่ไหลนองด้วยความเ็ปจนหญิงสาวต่างร้องไห้และกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
หยางเฉินขมวดคิ้วเขาสามารถหยุดโจรกลุ่มนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น หากโจรกลุ่มนี้ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงเขาก็จะปล่อยให้เป็หน้าที่ของตำรวจ นั่นเพราะเขาไม่ใช่ฮีโร่ที่สวมชุดหนังรัดติ้วและรวมกางเกงในสีแดงไว้ด้านนอก
แม้กาลก่อนเขาอาจจะไปจากที่นี่โดยไม่สนใจสิ่งใดแต่ตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป
คนทุกคนต่างเห็นแก่ตัวหยางเฉินก็เช่นกัน แม้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ต้องจบชีวิตไปจะน่าเศร้าก็ตาม
แต่สถานะของหยางเฉินในเวลานี้ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับคนธรรมดาทั่วไป... เขาคล้ายกับมนุษย์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารกำลังมองมดตัวเล็กๆตามพื้นดินอย่างเย้ยหยัน
ทั่วทั้งห้องโถงธนาคารถูกควบคุมไว้ทั้งหมดในขณะที่โจรสองคนรีบวิ่งไปชั้นสอง และตรงไปยังสำนักงานของผู้บริหารธนาคารแล้วจับเหล่าผู้บริหารหมอบลงกับพื้นเช่นเดียวกับข้างล่าง
กลุ่มโจรชำนาญการเป็อย่างมากพวกมันเริ่มขนเงินออกจากตู้เซฟ แล้วโยนเข้ากระเป๋าที่เตรียมมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นประมาณห้านาที ด้านนอกของธนาคารก็มีเสียงไซเรนดังขึ้น
"วี้หว่อ! วี้หว่อ!"
ตำรวจแปดนาย รีบเข้าปิดล้อมธนาคารไว้ด้วยอาวุธครบมือ ไช่เอี๋ยนที่สวมชุดเกราะก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกันตอนนี้ใบหน้าอันละเอียดอ่อนของเธอปกคลุมไปด้วยสีหน้าอึมครึมไม่พอใจถึงขีดสุด
นี้คือการปล้นธนาคารครั้งที่สามแล้วในสัปดาห์เดียว ดังนั้นเธอจึงเตรียมนายตำรวจอาวุธครบมือไว้ดักรอโจรกลุ่มนี้มานานแล้วแน่นอนว่าเธอสาบานว่าเธอจะต้องจับโจรกลุ่มนี้ให้ได้
ตำรวจนายหนึ่งหยิบโทรโข่งขึ้นมาและกล่าวขึ้นว่า
"โจรภายในจงฟัง! พวกแกถูกล้อมไว้หมดแล้ว! เราได้นำกำลังตำรวจชุดเฉพาะกิจมาเพื่อจัดการพวกแกโดยเฉพาะตอนนี้ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือวางอาวุธและยอมจำนนซะ..."
ชายชุดดำสวมหน้ากากคว้าลูกค้าหญิงคนหนึ่งเดินออกมาที่หน้าธนาคารออกมาพร้อมจ่อปืนไปที่หัวของเธอมันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้ะโกนว่า
"ไหนลองพูดอีกทีซิ! แล้วข้าจะได้ฆาตกรรมหมู่พวกข้างในทิ้งซะฮ่า ฮ่า ฮ่า!"
โจรคนนั้นพูดจบก็กราดะุใส่เ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที!
ะุพุ่งเข้าปะทะกับโล่ตำรวจจนเกิดความโกลาหลเล็กน้อย เหล่าตำรวจต่างหลบเข้าที่กำบังและยกโล่ขึ้นมาป้องกันอย่างฉุกละหุก
ไช่เอี๋ยนมีใบหน้าที่โกรธแค้นเป็อันมากเห็นได้ชัดว่าโจรกลุ่มนี้มีความฮึกเหิมและไม่เกรงกลัวผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เลยแม้แต่น้อย
เ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งวิ่งไปหาไช่เอี๋ยนพร้อมกล่าวว่า
"สารวัตรไช่ครับข้างในมือตัวประกันราวสามสิบคน เราจะทำอย่างไรดีครับ"
"มือสไนเปอร์มาถึงหรือยัง?" ไช่เอี๋ยนถามอย่างใจเย็น
"อีกราวสิบนาทีครับ"
"สิบนาที!?" ไช่เอี๋ยนโกรธอย่างมากจนเกือบขว้างปืนลงพื้น
"ช้ามาก ตรึงกำลังไว้รอจนกว่ามือสไนเปอร์จะมา!"
นายตำรวจมือเก๋าถอนหายใจเสียงดัง
"สารวัตร ความจริงมือสไนเปอร์นั้นจะไร้ประโยชน์หากเจอกลุ่มโจรที่มากประสบการณ์พวกโจรจะซ่อนตัวอยู่ในธนาคาร ผมไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสถ้าหากเราถ่วงเวลาเพื่อรอสไนเปอร์มาถึง พวกโจรที่เหลืออาจสงสัยและลงมือทำร้ายตัวประกันได้"
ไช่เอี๋ยนไม่ได้ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
"แล้วนายจะรอจนพวกโจรหน้าโง่นั่นนำเงินหลบหนีไปหรือยังไง!? หากพวกมันไปถึงชานเมืองเมื่อไหร่พวกเราก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว"
"เห็นได้ชัดว่าพวกโจรกลุ่มนี้มีเื้ัที่ไม่ธรรมดาเพียงแค่พวกเราอาจเป็เื่ยากที่จะจัดการ"
นายตำรวจาุโกล่าวว่า "ผมว่าเราควรขอความร่วมมือจากทหาร"
"การปล้นธนาคารครั้งนี้อยู่ในเมืองจงไห่แต่เรากลับไปขอความช่วยเหลือจากทหาร! แล้วตำรวจอย่างพวกเราจะมีไว้เพื่ออะไรกัน!?" ใบหน้าของไช่เอี๋ยนหมองหม่นลงอย่างมาก
ทันใดนั้นเองเสียงอึกทึกของตำรวจก็ดังขึ้นไม่ไกล
ไช่เอี๋ยนหันไปมองที่มา ประกายตาที่ดูไม่พอใจก็หายไปทันที แทนที่ด้วยรอยยิ้มพอใจ
"พี่สาว พี่มาได้ยังไงกัน!?"
หญิงสาวที่มาใหม่กับไช่เอี๋ยนนั้นคล้ายคลึงกันอย่างมากแต่หญิงสาวดูสูงและอวบกว่าไช่เอี๋ยนเล็กน้อย ผมดำยาวที่ปล่อยลงมา ร่างกายของเธอถูกปกปิดไว้ด้วยชุดหนังสีดำและกางเกงยีนสีอ่อนเข้ารูป เธอไม่ได้มีลักษณะที่กล้าหาญเหมือนกับไช่เอี๋ยน แต่กลับมีเสน่ห์บางที่ดึงดูดอย่างที่สุด
เวลานี้สองพี่น้องคู่นี้ต่างดึงดูดสายตาของทุกคนเป็อย่างมาก
หนึ่งในแปดกองกำลังของสะพานเหล็กอัคคีเหลือง บุปผาพิรุณ พี่สาวฝาแฝดของไช่เอี๋ยน หรืออีกชื่อคือ ไช่หนิง นั่นเอง
ไช่หนิงมองไปที่ธนาคารแล้วกล่าวขึ้นว่า
"เมื่อเห็นเธอในทีวีพ่อกับแม่เลยให้ฉันมาดูว่า สามารถช่วยอะไรเธอได้บ้างหรือเปล่า"
ไช่เอี๋ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ฉันลืมไปจริงๆ ว่าพี่กลับมาที่บ้านแล้วพวกนั้นต้องไม่รอดแน่ๆ!"
"ไม่หรอก ฉันก็แค่คนธรรมดา" อารมณ์ของไช่หนิงไม่ได้แปรปรวนเหมือนน้องสาวของเธอ
เหล่าตำรวจที่อยู่โดยรอบต่างตกตะลึงที่สารวัตรไช่มีพี่สาวฝาแฝดแต่ละคนต่างกระซิบกระซาบคุยกันถึงสองสาวอย่างออกรส
ไช่เอี๋ยนหันกลับมาทำตาขวางและพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า
"คุยอะไรกัน กลับไปประจำที่เดี๋ยวนี้!" สิ้นเสียงสั่งการที่เฉียบขาดของสารวัตรสาว กลุ่มตำรวจต่างยืนตรงและรีบแยกย้ายกันไปทันที
"พี่พวกโจรจับตัวประกันไว้ภายใน พวกเราไม่รู้จะทำอย่างไรกับพวกมันแล้ว!" ไช่เอี๋ยนบ่นขึ้นเงียบๆ
ดวงตาของไช่หนิงส่องประกายเจิดจ้า
"เธออยู่กับตำรวจข้างนอกที่นี่แหละไม่ต้องเข้าไป"
"พี่จะเข้าไปคนเดียวหรือไง?"
"ทำไมล่ะ?"
"ข้างในนั้นอันตรายมาก!" ไช่เอี๋ยนเป็กังวลอย่างมาก
"ฉันรู้ดังนั้นฉันจึงจะเข้าไปคนเดียว"ไช่หนิงกล่าว
ไช่เอี๋ยนพึมพำ
"พี่? พี่ทำงานอะไรกันแน่ทำไมพ่อไม่เคยบอกฉัน หรือใครคนอื่นให้ได้รู้เลย"
"มันสำคัญมากหรือไง?"
"แน่นอน! พี่คือพี่สาวแท้ๆ ของฉันนะ!" ไช่เอี๋ยนยืนยันด้วยเสียงอันหนักแน่น "เราเติบโตมาด้วยกันทำไมตอนอายุสิบเอ็ดปี พี่ถึงเป็คนเดียวที่ออกจากบ้านไปและจะกลับมาเพียงปีละครั้งเท่านั้น ฉันสงสัยไม่ได้เลยหรือยังไง? นอกจากนี้เท่าที่รู้แม้แต่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ไม่อาจนิยามสมาชิกของครอบครัวเราได้พวกเราไม่ใช่ครอบครั้วธรรมดาหรือยังไง... ฉันอยากรู้เื่นี้มาโดยตลอด..."
ไช่หนิงเผยรอยยิ้มออกมาเธอััใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของไช่เอี๋ยนอย่างนุ่มนวล
"ที่พี่ไม่ได้บอกเธอก็เป็เหตุผลเดียวกับเธอนั่นแหละเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของประเทศหากเธอสามารถไปได้ถึงจุดๆ หนึ่ง เธอจะรู้ว่าพี่ทำอะไรอยู่ดังนั้นเธอต้องพยายามให้มาก แน่นอนว่าน้องสาวของฉันนั้นเป็คนที่สวยและมีความสามารถ"
ไช่เอี๋ยนพยักหน้า "ฉันเข้าใจแล้วพี่ต้องระวังตัวให้มากนะ"
"อืม"
ไช่หนิงก้าวเดินไปข้างหน้าเธอตรงไปยังประตูด้านหน้าของธนาคาร