"ศิษย์พี่ตงหยางมาทำอันใดที่อาคารส่วนกลางตำหนักของข้าตั้งเเต่เช้าเช่นนี้หรือขอรับ??" เห็นท่าทางที่ชวนหน้าหมั่นไส้ของชายหนุ่ม เเต่ด้วยความสงสัยที่มีมากกว่าหนิงอ้ายจึงเลือกที่จะมองข้ามและถามกลับอีกฝ่ายไปด้วยความอยากรู้
"ท่านเ้าสำนักไหว้วานให้มาเอาตำราเล่มหนึ่ง ฟังว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับภารกิจสำคัญในครั้งถัดไป แล้วเ้าเล่าเหตุใดจึงมาเเต่เช้าเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าผู้าุโเหวินหวู่ให้เ้าพักผ่อนอย่างนั้นรึ??" เฟยหลงถามกลับหนิงอ้ายไปตามสิ่งที่ตนได้รับรู้มาก่อนหน้า
"ข้าพึ่งเริ่มเข้าสู่วิถีฝึกตนเพียงไม่กี่ปีความรอบรู้นับว่ายังอ่อนด้อยยิ่งนัก ดังนั้นข้าจึงอยากจะใช้ทุกเวลาที่มีให้คุ้มค่ามากที่สุดขอรับ..." เด็กหนุ่มตอบกลับไปตามที่ตนคิด เพราะทุกอย่างในโลกนี้นับว่าค่อนข้างแปลกใหม่เป็อย่างมาก ซึ่งเขานั้นยังต้องเรียนรู้ในอีกหลายสิ่งอย่าง
"ศิษย์น้องหนิงอ้ายกล่าวได้ถูกต้องผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้คนผู้นั้นต้องใช้ทุกสิ่งอย่างที่ตนมีให้คุ้มค่ามากที่สุด..." เสียงของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นทางด้านหลัง เรียกความสนใจของทั้งสองคนคนให้ละสายตาจากกัน
"ไม่คิดว่าจะเจอเ้าที่นี่เเต่เช้านะตงหยาง ภารกิจจากท่านเ้าสำนักในครั้งก่อนเรียบร้อยดีใช่หรือไม่??" ชายหนุ่มในชุดสีเดียวกันกับหนิงอ้ายได้เอ่ยถามขึ้น
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีเเต่ข้าก็ไม่คิดว่าจะเจอเ้าที่นี่นะเหยียนฮุ่ย ตำรากับเ้าเป็สิ่งที่ข้าคาดเดาไม่ถึงเลยทีเดียว" ตงหยางตอบกลับไปพร้อมกับตบไหล่ของอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อ
"คำนับศิษย์พี่สี่ขอรับ!!" หนิงอ้ายทักทายศิษย์พี่ของตนพร้อมกับสังเกตท่าทางสนิทสนมของสองคนตรงหน้าที่ดูท่าเเล้วอีกฝ่ายคงแอบอ้างนามของศิษย์พี่ตงหยางมานานเเล้ว ซึ่งคงมากพอที่จะผูกมิตรกับคนมากหน้าหลายตา นับว่าเป็การแฝงตัวสืบค้นข้อมูลที่แเีเสียจริง
"เ้าทั้งสองรู้จักกันแล้วอย่างนั้นรึศิษย์น้องหนิงอ้าย??" เหยียนฮุ่ยถามด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าศิษย์น้องของเขาที่พึ่งเข้าสำนักได้เพียงไม่กี่วันกลับรู้จักเ้าตงหยางสหายของตนผู้นี้เสียเเล้ว อย่างน้อยหากเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้ฝากฝังกับเ้านี่ให้ดูเเลศิษย์น้องเเทนตนได้ในวันข้างหน้า
"เมื่อวานหลังจากที่ศิษย์พี่ไป๋พาข้าไปโรงครัวและพบกับสหาย บังเอิญว่าเกิดเื่นิดหน่อยแล้วศิษย์พี่ตงหยางกับสหายได้ยื่นมือมาช่วยพวกข้าขอรับ..."
"มีเื่นิดหน่อยมีคนหาเื่ศิษย์น้องอย่างนั่นรึ??" เหยียนฮุ่ยถามกลับเด็กหนุ่มไป
"เป็เฉินหลาน..." สิ้นเสียงของตงหยางที่ตอบเเทนเด็กหนุ่ม ทำเอาเหยียนฮุ่ยที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกโมโหเป็อย่างมาก
"เ้าอันตพาลแซ่เฉินนั่นถึงกับหาเื่ศิษย์น้องเล็กของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาอย่างนั้นรึ?? เเล้วเ้าได้รับาเ็ตรงที่ใดหรือไม่??"
"ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวลเป็ศิษย์พี่ตงหยางและสหายที่เข้ามาช่วยพวกข้าได้ทัน ต่อไปข้าจะระวังตัวให้มากขึ้นขอรับ..."หนิงอ้ายตอบกลับศิษย์พี่ของตนไป
"ตงหยางข้าฝากเ้าดูเเลศิษย์น้องเล็กของพวกข้าด้วยเล่า..." เมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจจากหนิงอ้ายเเล้ว เหยียนฮุ่ยจึงหันหน้าคุยกับตงหยางราวกับว่า้าฝากฝังสิ่งนี้ ทางหนิงอ้ายที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเข่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ใครจะ้าให้คนตรงหน้าตนนี้มาคอยดูเเลกัน
"ข้าไม่รบกวนเวลาของพวกเ้า ได้ตำราที่้ามาเเล้วข้าควรที่จะกลับไปเสียที..."
"ไว้ค่อยเจอกันเหยียนฮุ่ย ศิษย์น้องหนิงอ้าย" ตงหยางกล่าวลาเล็กน้อยพร้อมกับขอเเยกตัวจากไป ตามความคิดของหนิงอ้าย เขารับรู้ได้เลยว่าความหมายของคำว่าเจอกันใหม่ที่อีกฝ่ายได้เอ่ยขึ้นกับเขาและศิษย์พี่เหยียนฮุ่ยนั้น คงแตกต่างกันเป็อย่างมาก
เอาวันคืนที่สงบคืนข้ามาเสียเถอะ หรือว่าเขาจะลองเขียนบทเวทย์คลุมทับเรือนพักของตนดีกัน ศิษย์พี่ตัวปลอมหน้าเหม็นผู้นี้จักได้ไม่ต้องมารบกวนตน...
"ศิษย์พี่เหยียนฮุ่ยมาทำอะไรที่นี่เเต่เช้าเหมือนกันขอรับหรือท่านก็มาเลือกเอาตำราไปศึกษาเช่นกัน..." หนิงอ้ายถามชายหนุ่มไปเพราะพึ่งนึกขึ้นได้
"ศิษย์น้องอย่าได้กล่าวคำที่น่ากลัวเช่นนี้ศิษย์พี่ของเ้ากับตำรานั้นควรที่จะอยู่เเยกกันไปเป็การดีที่สุดเ้ารู้หรือไม่..."
"ก่อนหน้าศิษย์พี่ไปหาเ้าที่เรือนพักมา บรรดาคนรับใช้แถวนั้นบอกว่าเ้ามาทางนี้ เลยคาดเดาว่าจุดหมายน่าจะเป็อาคารส่วนกลางเเห่งนี้ เเล้วเ้าได้ตำราที่สนใจไปแล้วหรือยังเล่า??"
"เหล่าศิษย์พี่ได้ปรึกษากันถึงแม้ท่านอาจารย์จะให้เวลาเ้าพักผ่อนใน่นี้ก่อนที่จะเข้าสู่การเรียนรู้อย่างเต็มตัว..."
"เเต่ถึงอย่างไรนั้นเ้าก็ควรที่จะมีพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจอยู่บ้าง เช่นนั้นเวลาหลังจากนี้เหล่าศิษย์พี่เเต่ละคนจะช่วยเ้าในเื่นี้เอง..."
"ศิษย์น้องไปดูตำราที่สนใจก่อนเถิดเดี๋ยวศิษย์พี่จะไปรอเ้าที่ชั้นล่างจะไปคุยกับเหล่าซุนเื่โอสถสำหรับฝากขายอีกด้วย" เอ่ยจบร่างกายสูงใหญ่ของอีกฝ่ายนั้นได้ส่งยิ้มเอ็นดูให้เด็กหนุ่ม ก่อนที่ตัวคนนั้นจะหันหลังละตรงไปยังบันไดเพื่อไปชั้นล่าง
เขาโชคดีมากที่ได้เป็ศิษย์ในตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเเห่งนี้ ศิษย์พี่ของเขาเเต่ละคนนั้นต่างเป็คนดี แม้จะมีนิสัยเเปลกประหลาดไปบ้างในความรู้สึก อย่างไรนั้นหนิงอ้ายก็รอโอกาสที่จะได้เจอ ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองและศิษย์พี่สามของตนว่าจะเป็เช่นไร โดยเฉพาะศิษย์พี่ใหญ่นั้นทางศิษย์พี่ไป๋เองที่ไม่ค่อยเอ่ยถึงบุรุษสักเท่าใด ยังบอกกับเขาว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขานั้นหล่อเหลาและเป็ที่หมายปองเป็อย่างมากไม่น้อยไปกว่าศิษย์พี่ตงหยางเลยทีเดียว
เวลาได้ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามหนิงอ้ายในตอนนี้ในแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มที่โอบอุ้มอยู่ที่ต่างเต็มไปด้วยตำราต่าง ๆ ที่เด็กหนุ่มสนใจ ไม่ว่าจะเป็ประวัติความเป็มาของสำนัก ข้อมูลที่เกี่ยวข้องของบรรพชนผู้ก่อตั้งรวมไปถึงเ้าเเห่งตำหนักทั้งสี่ ตำราสมุนไพรวิเศษหาได้ยากและยังมีอีกหบายเล่มที่ดูจากปกนั้นกล่าวได้ว่าคงมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี
เนตรเเห่ง์ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเป็ตำราระดับสูงโบราณเล่มหนึ่ง แม้เขาเองจะเเปลกใจที่เห็นมันในชั้นหนังสือธรรมดาซึ่งคล้ายกับมีแรงดึงดูดที่น่าประหลาด จนท้ายที่สุดหนิงอ้ายก็เลือกหยิบตำราเล่มนี้เสียจนได้...
"ศิษย์น้องเรียบร้อยเเล้วใช่หรือไม่?? เเล้วนั่นเ้าอย่าได้ฝืนตัวเองมากเล่า อะไรที่ตึงเกินไปย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก..." เหยียนฮุ่ยที่เห็นว่าศิษย์น้องของตนลงมาจากชั้นสองเเล้ว ทั้งสองแขนของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยตำรามากมายนับสิบเล่ม จึงอดไม่ได้ที่จะเตือนอีกฝ่าย ก่อนที่จะมีเสียงเคาะดังขึ้นพร้อมกับเสียงที่เ็ปของชายหนุ่ม
"โอ้ย...เหล่าซุนเขกหัวข้าทำไมขอรับ??"
"ก็เขกหัวให้เ้าตั้งสติอย่างไร ตนเองเกลียดตำราแล้วจะให้ศิษย์น้องเป็ไปตามตนเองอย่างนั้นรึ??"กล่าวจบชาบชราทำท่าจะเขกหัวชายหนุ่มอีกครั้ง ทำเอาร่างสูงใหญ่นั้นหลบหลีกแทบไม่ทัน
"เ้าอย่าไปเชื่อศิษย์พี่แสนี้เีคนนี้ของเ้ามากนักเล่า ความรู้มีค่ามากกว่าทรัพย์สิน มีค่ามากอนันต์ ยิ่งศึกษาเท่าใดก็ยิ่งเพิ่มคุณค่าจดจำเอาไว้เสียเล่า..."
"วางตำราทั้งหมดที่เ้าเลือกมาไว้บนโตะเเล้วเอาป้ายหยกประจำตัวของเ้ามาด้วย ข้าจะได้คลายผนึกบนตำราในเเต่ละเล่มนี้ จะมีเพียงเ้าที่ศึกษาได้...."
"หากจะกล่าวให้ถูกคือตำราทุกเล่มกรือทุกสิ่งที่อยู่ในอาคารเเห่งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิย่อมเป็พวกเ้าศิษย์ทั้งสิบสามคนของตำหนักและผู้าุโบางท่านเท่านั้น ตำราหรือสิ่งที่อยู่ในตำราเนื้อหาเหล่านี้นั้นพวกเ้าจะไม่สามารถถ่ายทอดหรือจดบันทึกเพื่อส่งต่อให้คนภายนอกที่ไม่ข้องเกี่ยวกันให้รับรู้ได้ไม่ต่างกัน"
เมื่อได้ป้ายหยกประจำตัวของหนิงอ้ายแล้ว ชายชราจึงวาดมือขึ้นลงตวัดด้วยท่วงท่าที่ประหลาด กลิ่นอายที่เล็ดลอดออกทำให้หนิงอ้ายรู้ได้ว่านี่เป็ค่ายกลปลดผนึกบทหนึ่งที่มีความเก่าแก่เป็อย่างมาก ความพิศดารเหล่านี้ต่างได้จุดประกายบางสิ่งอย่างที่หนิงอ้ายจะนำมาผสานเป็สิ่งใหม่ที่ใกล้เคียงกันนี้ เเต่นั่นเป็เื่ของอนาคตอีกหลายปีจากนี้
ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ ผู้าุโซุนก็ได้จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นพร้อมกับส่งคืนป้ายประจำตัวให้กับเด็กหนุ่มรวมไปถึงตำราสิบกว่าเล่มที่ได้เลือกไว้ จากนั้นทั้งเหยียนฮุ่ยกับหนิงอ้ายเองจึงเอ่ยลาพร้อมกับคำนับผู้าุโ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินมุ่งตรงไปยังเรือนพักของหนิงอ้ายที่อยู่ไม่ไกลนักไปทางฝั่งขวามือของอาคารเเห่งนี้
"เรือนพักของศิษย์น้องร่มรื่นยิ่งนัก ดูแนวป่าไผ่ที่ขึ้นเป็ดั่งซุ้มทางเดินนั่นช่างดูงดงามเสียจริง..." เหยียนฮุ่ยเมื่อมาถึงหน้าเรือนพักของเด็กหนุ่มจึงมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเอ่ยชื่นชมออกมา
หนิงอ้ายยิ้มรับคำชมนั้นโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะขอตัวสักครู่ไปเก็บตำราที่ตนหยิบยืมมาให้เรียบร้อยก่อนที่จะบอกให้ศิษย์พี่ของตนนั้นนั่งรอตนที่ศาลากลางทุ่งสวนไม้
"ตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาฟังชื่อดูเเล้วเหมือนว่าจะเป็เพียงเื่ของสมุนไพร โอสถหรือการรักษาอาการาเ็ เเต่นั่นเป็สิ่งที่คนภายนอกได้รับรู้หรือจะบอกว่าเป็สิ่งที่พวกเรา้าให้รู้เช่นนั้นก็ไม่เกินจริงไปนัก..."
"ความจริงเเล้วทุกสิ่งอย่างที่อยู่โดยรอบตัวเรานั้นสามารถนำมาปรับใช้เข้ากับการรักษาได้ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็ทั้งปราณฟ้าดินบริสุทธิ์ สมุนไพรต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งเครื่องดนตรีก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน"
"แน่นอนว่าพื้นฐานนั่นยังคงเป็สมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาที่ทั้งสามารถใช้ได้โดยตรงหรือ้าหลอมรวมเป็โอสถเสียก่อน วันนี้ศิษย์พี่จะสอนเ้าเกี่ยวกับสมุนไพรทุกชนิดทั้งในเื่ของพื้นที่เติบโต สรรพคุณทางการรักษา การดูเเลสมุนไพรต่าง ๆ ถือเป็ความรู้พื้นฐานที่ในวันข้างหน้าเ้าสามารถนำมาใช้กับการหลอมสร้างโอสถของเ้าได้...." เหยียนฮุ่ยเอ่ยขึ้นกับเด็กหนุ่มด้วยท่าทางที่จริงจังผิดกับในยามปกติ ด้วยเพราะว่าหากนับดูเเล้ว เื่ราวที่เกี่ยวข้องของสมุนไพรนั้นย่อมเป็เขาที่คุ่นชินมากกว่าทุกคนในที่นี้
ด้วยเพราะตระกูลของเขาต่างอยู่ในเส้นสายที่มีอาชีพเป็หมอรักษามายาวนานหลายร้อยปี รวมไปถึงมีร้านค้าสมุนไพรและโอสถที่มากมายหลายสาขา ดังนั้นในฐานะที่เขาเป็นายน้อยของตระกูลที่ในวันข้างหน้าจักต้องขึ้นปกครองตระกูลต่อไป
ตั้งเเต่เด็กเขาจึงคลุกคลีศึกษาเื่ราวของสมุนไพร และโอสถมาไม่น้อย เเต่ถึงอย่างไรนั้นการที่เขาได้เป็ศิษย์ในตำหนักนี้ย่อมเปิดประสบการณ์เป็อย่างมาก ยามปกติหากเขาไม่ออกท่องยุทธภพเพื่อหาสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อบันทึกเป็ความรู้เเล้ว บางครั้งเขาก็จะเก็บตัวอยู่เเต่เรือนพักของตนด้วยเพราะคิดค้นและทดลองหลอมสร้างโอสถอยู่เสมอ
เวลาได้ผ่านไปหลายชั่วยามจนถึงขั้นที่ว่าเเสงสีส้มทองอันเป็สัญลักษณ์ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลาลับอัสดงได้ปรากฎขึ้นโดยรอบ ทุกสิ่งอย่างที่เหยียนฮุ่ยได้ศึกษามาตลอดกลายสิบปีต่างถูกถ่ายทอดให้เด็กหนุ่มตรงหน้า ผู้เป็ศิษย์น้องของตนอย่างไม่ปิดกั้น
จนมาถึงในตอนนี้ความกังขาเล็ก ๆ ในใจของชายหนุ่มได้หายไปสิ้น ยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าก่อนหน้านี้ เขาเองนั้นก็สบประมาทเด็กหนุ่มคนนี้อยู่บ้าง ด้วยเพราะอีกฝ่ายอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น หากตัวคนเป็เพียงศิษย์น้องเล็กของตนก็คงไม่รู้สึกกังขาเช่นนี้ ออกจะยินดีมากเสียกว่าด้วยซ้ำ
ทว่าเด็กหนุ่มน้อยคนนี้กลับถูกท่านอาจารย์เลือกให้เป็ถึงศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนัก เป็ตำแหน่งที่ถูกว่างเว้นมาหลายปีเเล้ว ในความเห็นคิดว่าตำแหน่งนี้ควรจะเป็ของศิษย์พี่ใหญ่ของเขาเสียมากกว่า เพราะอีกฝ่ายนั้นถือว่าเป็สุดยอดรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่มากไปด้วยพร์ยิ่ง
หลายชั่วยามที่ผ่านมานี้ เด็กหนุ่มตรงหน้าได้สร้างความประหลาดใจและประทับใจแก่เขาเป็อย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าความรู้ ความเข้าใจรวมไปถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายปีของตนนั้น กลับถูกถ่ายทอดให้เด็กหนุ่มจนหมดสิ้น ครั้นเมื่อตนถามสิ่งใดไปเด็กหนุ่มกลับตอบได้อย่างละเอียดแม่นยำ เมื่อเทียบกับเขาใน่อายุเดียวกันนั้นเขาจะนับเป็อะไรได้กัน
"ศิษย์น้องเ้าทำเอาข้าละอายเสียจริง ตอนที่อายุเท่ากันกับเ้าข้ากำลังทำอะไรอยู่กัน วันนี้ถือว่าก้าวหน้ามากเเล้ว อย่างไรวันนี้ก็จบเเต่เพียงเท่านี้เถอะ..."
"ขอบคุณสำหรับวันนี้ขอรับศิษย์พี่ ข้าสัญญาว่าจะเรียนรู้และจะศึกษาให้มากขึ้นขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับประสานมือให้อีกฝ่าย
เมื่อศิษย์พี่ของตนเดินจากไปแล้ว ในใจของหนิงอ้ายนั้นถือถืออีกฝ่ายมากขึ้นอีกหลายเท่า แม้ว่าภายนอกของศิษย์พี่ของเขานั้นจะดูทำตัวแปลกปละหลาดไปบ้าง เเต่เขานั้นกลับััได้ถึงบางสิ่งที่อีกฝ่ายต้องเเบกรับ ซึ่งเขาเองก็เข้าใจได้เพราะเเต่ละคนนั้นย่อมมีวิธีจัดการเป็ของตัวเอง ดั่งคำที่ว่าคนเราไม่สามารถตัดสินผู้อื่นได้จากภายนอก
กลับเข้าในเรือนพักของตนเเล้วหนิงอ้ายไม่รอช้าที่จะอาบน้ำและจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นหนิงอ้ายก็พบว่าในตอนนี้เ้าต้าเฮยได้ขดตัวอยู่บนกองผ้าบนเตียง คอยาวยืดของอีกฝ่ายขยับไปมาชวนให้รู้สึกเอ็นดูยิ่ง ก่อนที่หนิงอ้ายนั้นจะห่มผ้าให้กับเ้าตัวน้อยก่อนที่จะกลับไปด้วยความอ่อนเพลีย...
่กลางดึกนั้น ดวงตาสีเเดงฉานนั้นได้ลืมตาขึ้นมาในความมืด ก่อนที่จะหลับตาลงไปอีกครั้ง...
''ต่อไปนี้เ้าจงอยู่ข้างกายคอยปกป้องหนิงอ้ายให้ดี อย่าปล่อยให้ชายใดเข้าใกล้นายหญิงของเ้ามากกว่าที่จำเป็เข้าใจหรือไม่??''
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้