สวี่รั่วโหรวรู้สึกทึ่งกับความโปรดปรานที่เธอได้รับเธอไม่เคยคิดเลยว่าซูปเปอร์ไวเซอร์ของแผนกการขายจะเรียกเธอมาคุยเื่พวกนี้ในระหว่างทำงาน
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำพูดของฉินเฟิงในตอนแรกหรือว่าหัวหน้าหลี่จะเป็กันเองกับเธอเพื่อไว้หน้าฉินเฟิง? สวี่รั่วโหรวคิดกับตัวเองว่าหากตอนไหนมีเวลาเธอควรจะซื้อถุงน่องให้หลี่อวี่เฉินสักคู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน
นี่คือความสำคัญของเส้นสายระหว่างหัวหน้าระดับสูงกับพนักงานธรรมดา
“หัวหน้าหลี่ บริษัทก็ดีค่ะ และเพื่อนร่วมงานทุกคนก็ดูแลฉันดีฉันมีความสุขมากค่ะที่ทำงานที่นี่ และฉันก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายอีกด้วย”สวี่รั่วโหรวกล่าว
“อืม นั่นก็ดีแล้ว ดีแล้ว” หลี่อวี่เฉินกล่าวอย่างเลื่อนลอยเธอเปลี่ยนหัวข้อ “รั่วโหรว มีผู้หญิงไม่มากนักในแผนกการขายของเราเธอเป็คนที่ขยันและจริงจังมาก เพราะงั้นฉันก็เลยชอบเธอ”
“ถ้าเป็ไปได้ นอกเวลางานเรามาเป็พี่น้องที่ดีกันไหม? คิดว่าไง?” สวี่รั่วโหรวไม่เข้าใจทั้งหมดแต่เธอก็พยักหน้า
“ในเมื่อเราเป็พี่น้องกันแล้ว ฉันก็อยากจะถามอะไรเธอสักหน่อยเธอเป็สมาชิกตระกูลฉินเหรอ?” สุดท้ายแล้วหลี่อวี่เฉินก็ถามคำถามร้อนแรงทันทีหลังจากถามออกไปแล้วหัวใจของเธอก็จุกอยู่ที่คอ
สวี่รั่วโหรวไม่แน่ใจว่าทำไมหลี่อวี่เฉินถึงถามอย่างนั้นแต่หัวหน้าหลี่ตำแหน่งสูงกว่า และตัวเธอเองก็มีนิสัยยอมคนจึงเป็ธรรมดาที่เธอไม่กล้าถามมากนัก เธอหยุดคิดว่าเธอไม่ใช่สมาชิกของตระกูลฉินแต่เธอทำงานที่บ้านของพวกเขา ตามกำหนดของตระกูลฉิน เธอก็ถือว่าเป็สมาชิกจริงๆ“ค่ะ ก็คงนับได้อย่างนั้น”
แม้คำตอบจะดูคลุมเครือแต่หลี่อวี่เฉินก็ตื่นเต้นมากเห็นได้ชัดว่าสมาชิกตระกูลฉินทำงานในบริษัทของตัวเองและเริ่มต้นในฐานะพนักงานฝ่ายขายพวกเขากำลังมองหาประสบการณ์ชีวิต แล้วเธอจะเข้าเื่อย่างไรดี?
คำตอบคลุมเครือนี้พิสูจน์ทุกสิ่ง
“รั่วโหรว เธอเป็สมาชิกตระกูลฉินนี่เอง งั้นเธอก็ต้องรู้จักนายน้อยฉิน...หรือว่าเธอเป็น้องสาวของนายน้อยฉิน?”หลี่อวี่เฉินจับมือของสวี่รั่วโหรวและถามอย่างตื่นเต้น
“ฮะ? ฉะ...ฉันเปล่า” สวี่รั่วโหรวกลัวจนแข็งทื่อ
หลี่อวี่เฉินรู้ว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เธอจึงดึงมือกลับและยิ้มแบบอึดอัด “รั่วโหรว ธะ...เธอมีวิธีติดต่อนายน้อยฉินใช่ไหม? บอกฉันได้หรือเปล่า?”
สวี่รั่วโหรวจ้องหลี่อวี่เฉินแบบงงๆเธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่อวี่เฉินถึงอยากได้มัน วันนี้หัวหน้าหลี่มาแปลกจริงๆ
อย่างไรก็ตามในเมื่อหัวหน้าหลี่มีตำแหน่งสูงกว่าในที่ทำงานสวี่รั่วโหรวจึงไม่กล้าถาม เธอคิดสักพักก่อนจะพูดว่า “หัวหน้าหลี่คะ ฉันรู้แค่ QQ ของนายน้อยฉินเท่านั้นเอง”
“นั่นแหละๆ แค่ QQ ก็ได้ บอกฉันเร็ว”หลี่อวี่เฉินพูดตรงๆ
เธอรู้ว่าเธอเดาถูกแล้วดูเหมือนว่าสวี่รั่วโหรวจะเป็สมาชิกของบ้านตระกูลฉินจริงๆ ถ้าเธอได้ QQ ของนายน้อยฉินมา และค่อยๆ สานสัมพันธ์กับเขา เธอคงจะมีความหวังแม้จะน้อยนิดในการแต่งเข้าตระกูลฉินก็ตาม
สวี่รั่วโหรวหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิด QQของฉินเฟิงและอ่านเสียงดัง หลี่อวี่เฉินหยิบปากกาออกมาจดทันที
หลังจากได้วิธีติดต่อนายน้อยฉินมาแล้วหลี่อวี่เฉินก็ตื่นเต้นสุดๆเธอเริ่มพูดกับสวี่รั่วโหรวแบบผิวเผินอีกครั้งจนเมื่อสวี่รั่วโหรวเริ่มจะออกไป“หัวหน้าหลี่คะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้าๆ ตามสบายเลยนะ” หลี่อวี่เฉินยิ้มอย่างเป็มิตร จู่ๆเธอดูเหมือนนึกอะไรออกและเลิกคิ้วถามทันที “จริงสิน้องรั่วโหรวฉินเฟิงก็เป็คนของตระกูลฉินเหรอ?”
หัวใจของสวี่รั่วโหรวสั่นไหวอย่างรุนแรงทำไมวันนี้หัวหน้าหลี่ถามมากจัง? หลังจากลังเลสักพักเธอก็พยักหน้า “ค่ะ เขาก็เหมือนกับฉัน ไม่ได้มีตำแหน่งสูงนักในตระกูลฉิน”
ครั้งนี้หลี่อวี่เฉินเข้าใจทุกอย่างแล้วไม่สงสัยเลยว่าทำไมรองผู้จัดการฝ่ายบริหารถึงปกป้องฉินเฟิงไม่สงสัยเลยที่เธอเห็นฉินเฟิงกับสวี่รั่วโหรวเข้าออกที่ทำงานด้วยกันพวกเขาทั้งคู่เป็สมาชิกตระกูลฉินนี่เอง
ไม่สำคัญว่าจะมีตำแหน่งสูงหรือไม่ถ้าพวกเขาเป็สมาชิกตระกูลฉิน พวกเขาก็เป็คนที่คนธรรมดาไม่สามารถไปมีเื่ได้หลี่อวี่เฉินประสบอย่างลึกซึ้งกับอันตรายที่อยู่ทุกแห่งหนในที่ทำงาน โชคดีที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้หาเื่ฉินเฟิงหรือสวี่รั่วโหรวไม่งั้นเธอคงจูบลาตำแหน่งซูปเปอร์ไวเซอร์ไปได้เลย
สวี่รั่วโหรวรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยก่อนที่เธอจะออกไป เธอมองหลี่อวี่เฉินอีกครั้ง “หัวหน้าหลี่คะอย่าบอกคนภายนอกเื่นี้นะคะ ฉะ...ฉันก็อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเหมือนกัน”
“น้องรั่วโหรวอย่าห่วงเลย ฉันไม่พูดอะไรแน่นอน”หลังจากรับคำสัญญาของหลี่อวี่เฉินแล้ว สวี่รั่วโหรวก็โล่งใจเธอจึงกลับไปที่โต๊ะทำงาน
“เป็ไงบ้าง เธอพูดชื่อที่โด่งดังของฉันให้หัวหน้าหลี่ฟังหรือเปล่า?หล่อนไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?” ฉินเฟิงถามโพล่งออกมาเมื่อเห็นสวี่รั่วโหรวกลับมา
สวี่รั่วโหรวส่ายหน้าเธอคิดและตัดสินใจว่าจะไม่บอกฉินเฟิงเื่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเธอกลัวว่าฉินเฟิงจะตะคอกใส่เธอถ้าเขารู้ว่าเธอปล่อยข้อมูลเื่นายน้อยฉิน
“เปล่าค่ะ หัวหน้าหลี่แค่เรียกฉันไปพูดคุยเื่ธรรมดา”
นี่เป็ครั้งที่สองที่สวี่รั่วโหรวโกหกหลังจากพูดเสร็จแล้วเธอก็หน้าแดงเธอก้มหัวและแกล้งทำเป็ทำงานเพื่อไม่ให้ฉินเฟิงรู้ในทางกลับกันฉินเฟิงกลับไม่ได้สนใจอะไร เขาคิดเื่ภารกิจต่อไป
ในขณะเดียวกันบรรยากาศในออฟฟิศของหวังเชาได้เย็นะเือย่างมาก
หวังเชานั่งบนเก้าอี้ขณะหันหน้าไปหาขี้ข้าคนใหม่เสี่ยวจาง ตอนที่เสี่ยวจางรู้ว่าหวังเชาหน้าตาดูเหมือนไปกินอึที่ไหนมาเขาก็ฝืนยิ้มและถาม “หัวหน้าหวัง คุณกำลังมองหาผมเหรอครับ?”
“บัดซบเอ๊ย หงุดหงิดฉิบหาย ไอ้ฉินเฟิงนี่มันเริ่มหยิ่งยโสขึ้นทุกวี่ทุกวันั้แ่ตอนโรงอาหารแล้ว มันมีชื่อเสียงเลื่องลือมากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะตอนเดินเข้าที่ทำงานหรือยืนหน้าลิฟต์แกจะได้ยินพวกพนักงานพูดเื่มันไปเสียทุกที่ แถมส่วนใหญ่ยังเป็การชมมันอีกรสนิยมคนพวกนี้มันเป็แบบไหนกัน?”
หวังเชาดูไม่เหมือนกำลังพูดคุยกับเสี่ยวจางแต่เหมือนหญิงวัยกลางคนกำลังบ่นมากกว่า “ไอ้เด็กนี่ไม่ได้มาทำงาน 3 วัน มันไม่แม้แต่จะมาทักทายฉันไม่ต้องกล่าวถึงเื่ลาหยุดเลย...บรรยากาศของแผนกการขายที่เคยดีและทุกคนก็เชื่อฟังฉันอย่างดีแต่พอฉินเฟิงมาถึงทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้องจริงๆ”
“ดูสวี่รั่วโหรวสิ ตอนแรกเธอเป็เด็กที่น่ารักไร้เดียงสาแต่ตอนนี้เธอกลับเกาะติดกับไอ้ขยะอย่างฉินเฟิงและในไม่ช้าเธอก็จะกลายเป็ผู้หญิงชั้นต่ำ...ส่วนหัวหน้าหลี่ฉันคิดว่าเธอก็เริ่มมีอะไรกับฉินเฟิงด้วยเหมือนกัน”
“สาวสวยทุกคนในแผนกการขายมันตาบอดกันหรืออย่างไร? พวกเธอไม่แม้แต่จะมองคนหล่อและมีพร์อย่างฉันแต่กลับคบหากับไอ้กุ๊ยไม่มีอนาคตอย่างฉินเฟิงแทน ฉันบอกได้สี่คำเลยว่า”
“ไม่มีทางเจริญ”
หวังเชาพร่ำบ่นอย่างกับสวดมนต์หัวของเสี่ยวจางอยากจะะเิ เขาอยากจะวิ่งไปเย็บปากของหวังเชาให้เงียบลงแต่ในความเป็จริง เขาทำได้แค่ยิ้มและทำเป็ฟังคำบ่นของหวังเชาอย่างตั้งใจ