Chapter 6
หลังจากที่พวกเรากินอาหารที่ร้านเนื้อย่างจนครบตามเวลาที่ทางร้านกำหนด ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ทว่าใกล้ต้องเดินมารอพี่ฟ้าที่ลานจอดรถด้านหลังของห้าง เพราะเ้าตัวบอกให้เขามารอเอาของขวัญวันเกิด พี่ฟ้ารีบไปที่ร้านจนลืมหยิบของขวัญติดมือไปให้เขาด้วย
สาเหตุของความรีบร้อนคงไม่ต้องเดาว่ามาจากอะไร
พี่ฟ้ากลัวเ้าของแก้มย้อยๆ จะรอเก้อน่ะสิ...ก็เลยรีบมาปรากฏตัวก่อน
คู่นี้แคร์ความรู้สึกกันดีจริงๆ เลยนะ
น่ารักกันจังเลย :)
“กุ้งยี่สิบตัวที่อยู่ในท้องส่งผลให้เพื่อนกูยิ้มค้างไม่เลิกเลยเหรอเนี่ย?”
กันต์ที่มายืนรอพี่ฟ้าเป็เพื่อนหลังจากที่เมย์กับพายขอแยกกลับไปก่อนพูดแซวด้วยรอยยิ้ม เมื่ออยู่กับเพื่อนสนิทแค่สองคน ใกล้จึงเผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่เก็บกลั้น
วันนี้ใกล้ใจมีความสุขที่สุด
เขาอยากจะยิ้มกว้างๆ ให้โลกใบกลมๆ อิจฉาไปเลย
:)
“เราไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะกินหมด...” คนตัวเล็กเอ่ย ก่อนจะก้มหน้าอมยิ้มพลางเอาเท้าเขี่ยเศษฝุ่นบนพื้นแก้เขิน “...แต่จะกินไม่หมดได้ยังไง พันลี้อุตส่าห์ตั้งใจแกะกุ้งให้เป็ของขวัญวันเกิดเลยนะ”
“เอ็นดูมึงจริงๆ เลย”
“แล้วกุ้งสองถาดของเรา กันต์แบ่งใครกินบ้าง? ...มันเยอะมากๆ เลยนะ”
“กูสามคนก็ช่วยกันกินไง...คลื่นไส้ไปหมดเลยเนี่ย ไม่กินก็ไม่ได้ ถ้าเหลือก็กลัวโดนปรับอีก”
ใกล้หัวเราะร่าเมื่อเห็นเพื่อนสนิทยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองพระจันทร์เสี้ยวที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าสีหม่น วันนี้ไม่มีดวงดาวอยู่เคียงคู่พระจันทร์เลยสักดวง แม้สิ่งที่ได้เห็นจะชวนให้รู้สึกเหงา แต่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวเลยสักนิด
เพราะใกล้รู้ดีว่า...ในทุกๆ วัน
คุณพระจันทร์ยังมีเขา
เขายังมีคุณพระจันทร์
เรายังมีกันและกัน...ในระยะเฝ้ามอง
“พี่ฟ้าไปไหนอะ? ...ทำไมให้พวกเรามายืนรอที่ลานจอดรถ”
คนโดนถามละสายตาจากพระจันทร์เสี้ยวตรงหน้าแล้วหันกลับมาตอบเพื่อน “เมื่อกี้พี่ฟ้าบอกว่าขอไปส่งที่รักที่รถพี่ดอมก่อน เดี๋ยวจะรีบกลับมาเอาของขวัญให้”
“อ๋อ”
“นั่นไง...พี่ฟ้ามาแล้ว”
ใกล้เอ่ยพร้อมยกนิ้วชี้คนตัวโตที่กำลังเดินมาทางเขา พี่ฟ้าพยักหน้าเป็เชิงรับรู้ว่าเขายืนรออยู่ ก่อนที่เ้าตัวจะวิ่งไปที่รถคันหนึ่ง ไม่นานนักพี่ฟ้าก็เดินมาพร้อมถุงกระดาษสีขาวใบใหญ่
“ขอโทษที่ให้รอนานนะ พอดีลานจอดรถของดอมอยู่อีกฟากเลย”
“ไม่เป็ไรครับ พี่ฟ้า” ใกล้ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณรุ่นพี่ก่อนจะรับถุงนั้นมา “พี่ฟ้าจะกลับเลยใช่ไหมครับ?”
พี่ฟ้าพยักหน้ารับเขา “ใกล้กลับยังไง...ไม่ได้เอารถมาเหรอ?”
“ครับ ใกล้ว่าจะกลับแท็กซี่ครับ แต่จะแวะไปส่งกันต์ที่ป้ายรถเมล์ก่อน”
“ให้พี่ไปส่งใกล้กับเพื่อนไหม?”
“ไม่เป็ไรครับพี่ฟ้า ใกล้กับกันต์กลับกันเองได้ครับ...พี่ฟ้าขับรถกลับบ้านดีๆ นะครับ”
“ครับ เดินทางกลับกันดีๆ ”
ใกล้ยกมือขึ้นไหว้พี่ฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กันต์เป็เชิงชวนออกไปจากลานจอดรถ เขากับเพื่อนสนิทเดินคุยเล่นกันมาเรื่อยๆ จนถึงป้ายรถเมล์ที่อยู่บริเวณห้างดัง
“กันต์...ทำไมวันนี้รถเมล์มาช้าจังเลย กันต์จะกลับถึงบ้านกี่โมงเนี่ย?”
“ปกติรถเมล์สายนี้ซิ่งจะตาย ทำไมวันนี้ถึงได้มาช้านะ” กันต์หันมามองเขา ก่อนเอ่ยต่อ “มึงกลับไปก่อนเลยก็ได้นะใกล้ กูยืนรอรถคนเดียวได้”
ใกล้เงยหน้ามองท้องฟ้าครึ้มๆ ที่คาดว่าอีกไม่นานคงจะมีสายฝนโปรยปรายลงมา เขาส่ายหน้าไปมาก่อนเอ่ย “ไม่เป็ไร เดี๋ยวเราอยู่ส่งกันต์ก่อน...ถ้าไม่เห็นกันต์ขึ้นรถไปก่อนที่ฝนจะตกลงมา เราคงเป็ห่วง”
“ใกล้เอ๊ยยย...อย่าดีไปมากกว่านี้เลย”
ใกล้หัวเราะก่อนจะเบิกตาโตแล้วชี้รถเมล์คันสีส้มที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง “นั่นไง...รถเมล์ของกันต์มาแล้ว”
“กูนึกว่าโดมินิค โทเร็ตโตขับ...เร็วสัดๆ ” กันต์พูดปนหัวเราะ ก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่เขาด้วยความเร่งรีบ ใกล้พยักหน้าเป็เชิงรับรู้ว่าเพื่อนต้องรีบไป เพราะรถเมล์คันนั้นที่จอดเลยป้ายรถไปอีกหน่อยคงไม่รอเ้าตัวนานนัก “กูไปก่อนนะใกล้...ถ้าขึ้นรถแล้วส่งเลขทะเบียนมาให้ทางไลน์ด้วยนะ”
“โอเค~ เดินทางปลอดภัยนะกันต์”
“เหมือนกันนะมึง”
คนตัวเล็กโบกมือลาเพื่อนสนิทที่กำลังวิ่งขึ้นรถคันสีส้ม ก่อนจะเดินย้อนกลับไปหน้าห้างที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เพราะบริเวณนั้นจะมีรถแท็กซี่ขับผ่านเยอะกว่า
ทว่าวันนี้แทบไม่มีแท็กซี่ว่างขับผ่านมาเลย ใกล้ที่เดินมาหยุดยืนรอรถได้สักพักมองรถแท็กซี่หลายคันที่มีผู้โดยสารขับผ่านหน้าไปด้วยแววตาละห้อย ใกล้ไม่เห็นวี่แววว่าตัวเองจะเรียกรถแท็กซี่ได้ก่อนที่ฝนจะตกเลย
คนตัวเล็กกวาดสายตามองไปโดยรอบเพื่อเตรียมหาที่หลบในตอนที่ฝนตก ใกล้เผยยิ้มบางเมื่อเห็นร้านชานมไข่มุกที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
ถ้าฝนตกจริงๆ
ใกล้คงต้องขออาศัยหลบใต้หลังคาร้านหน่อย
แต่ใกล้จะซื้อชานมไข่มุกตอบแทนนะครับ
เมื่อเห็นว่ามีที่หลบฝนเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็ลูกหมาตกน้ำในตอนที่ฝนเทลงมา ใกล้จึงหันกลับมารอรถอย่างใจจดใจจ่อ เวลาล่วงเลยไปสักพักใหญ่ๆ คนตัวเล็กที่หิ้วถุงพะรุงพะรังทั้งสองมือยังคงยืนรอรถอยู่ที่เดิม
ทำไมวันนี้รถน้อยจังเลยนะ...
“เฮ้ออ...” ใกล้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้ามองพระจันทร์เสี้ยวพลางคิดว่า ‘ตอนนี้คุณพระจันทร์คงถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วแน่ๆ ’
แปะ!
เปลือกตาสีอ่อนกะพริบปิดด้วยความรวดเร็วเมื่อโดนหยดน้ำที่หล่นลงมาจากท้องฟ้าสีเข้มััที่ดวงตา สัญญาณเตือนแบบนี้ทำให้ใกล้เริ่มทำใจว่าต้องกลับถึงคอนโดดึกแน่ๆ
แต่เขายังหวังว่าจะมีรถแท็กซี่ว่างผ่านมาสักคัน เพราะใกล้ยังมีความหวังจึงอดทนรออีกสักนิด หากฝนโปรยปรายลงมามากกว่านี้ เขาถึงจะไปหลบที่ร้านชานมไข่มุก
ดวงตาเรียวรีมองรถปอร์เช่สีขาวที่เพิ่งเลี้ยวออกมาจากห้างพลางคิดว่าคล้ายรถของพ่อเลย เพียงแต่รถคันนี้เป็รุ่นใหม่กว่า และกระจกติดฟิล์มมืดสนิทจนไม่เห็นคนขับที่อยู่ด้านใน
รถสปอร์ตที่มีหลังคาเปิดประทุนสีแดงตัดกับตัวรถสีขาวเคลื่อนผ่านหน้าเขาไปอย่างช้าๆ ใกล้ละสายตาออกจากรถคันนั้นแล้วตั้งหน้าตั้งตารอรถแท็กซี่ต่อไป
ทว่าหางตาเห็นเหมือนรถสปอร์ตสีขาวหยุดจอดอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ใกล้จึงหันไปมองเพื่อให้แน่ใจว่ารถคันนั้นหยุดจอดจริงๆ แต่สิ่งที่ใกล้เห็นในวินาทีถัดมาคือรถคันสีขาวที่จอดเทียบอยู่บริเวณฟุตปาธกำลังเคลื่อนถอยหลังมา จนกระทั่งหยุดจอดตรงหน้าเขา
ใกล้เห็นสีหน้ามึนงงของตัวเองผ่านเงาสะท้อนของกระจกรถสีดำ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะถูกกระจกรถที่เลื่อนลงลบเลือนจนหมดไป
คนตัวเล็กถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวแล้วเพ่งมองเ้าของรถเพราะภายในนั้นมืดมาก แสงไฟสลัวๆ จากด้านนอกที่สาดกระทบเข้าไปในรถไม่ได้ทำให้เขาเห็นคนที่อยู่ด้านในชัดสักเท่าไหร่ แต่ในวินาทีถัดมาที่ใกล้กำลังจะก้าวถอยออกไปอีก เขาเห็นคนที่อยู่หลังพวงมาลัยกำลังขยับตัวทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะมีแสงสว่างเกิดขึ้นภายในรถ
แสงสว่างครั้งนี้ทำให้หัวใจใกล้เต้นเร็ว
เพราะมันเป็แสงสว่างที่มาจากดวงจันทร์
ตึก ตัก ตึก ตัก
และหัวใจเต้นเร็วมากยิ่งขึ้น
เมื่อรู้ว่า...
“ใกล้...ลี้เอง”
รอยยิ้มของคุณศศิน
สว่างสดใสยิ่งกว่าสิ่งใด
“พะ พันลี้”
คนตัวเล็กยืนตัวแข็งทื่อพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เ้าของรถปอร์เช่สีขาวที่นั่งยิ้มอยู่หลังพวงมาลัยพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ เ้าตัวใช้มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยไว้แล้วใช้มืออีกข้างกวักเรียกเขาที่ยืนอยู่บนฟุตปาธ
“ขึ้นรถเร็ว...” พันลี้กวักมือเรียกอีกครั้ง ก่อนจะชี้นิ้วขึ้นบนหลังคารถคล้ายกำลังจะบอกบางอย่าง “ฝนตกแล้วครับ”
ใกล้เงยหน้ามองเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมา แล้วก้มมองถุงของขวัญในมือตัวเอง “เอ่อ...”
“ใกล้...” เสียงเอ่ยเรียกของคนในรถทำให้ใกล้หยุดทุกความคิดเพื่อสบตากับเ้าตัว รอยยิ้มสดใสค่อยๆ เลือนหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยแววตาจริงจัง “ไม่ต้องคิดแล้ว...เดี๋ยวลี้ไปส่งเอง”
“...”
ซ่า~
ใกล้ตัดสินใจขึ้นรถของคุณพระจันทร์ในตอนที่ฝนโหมกระหน่ำลงมา คนตัวเล็กที่ขึ้นมานั่งอยู่บนเบาะสีแดงข้างๆ คนขับกะพริบตาปริบๆ ขณะมองคุณพระจันทร์ที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจ
“ลี้บอกแล้วว่าให้รีบขึ้นรถ...”
พันลี้พูดพลางกวาดสายตามองหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะคว้าห่อพลาสติกสีขาวเล็กๆ ที่อยู่ข้างประตูฝั่งคนขับ เ้าตัวหยิบทิชชูออกมาหนึ่งแผ่น มือหนาที่ถือกระดาษทิชชูเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขา ใกล้เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะกลั้นหายใจ และเมื่อเราได้สบตากันอีกครั้ง คุณพระจันทร์ก็ชะงักมือแล้วยื่นทิชชูให้เขาแทน
“…”
“ลี้ไม่มีผ้าเช็ดหน้า...ใกล้ใช้ทิชชูเช็ดหน้าแทนได้ไหม?”
ใกล้ส่ายหน้าแล้วรวบรวมถุงของขวัญวางไว้บนตักตัวเอง ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดหยดน้ำบนใบหน้าลวกๆ “ไม่ต้องใช้ทิชชูหรอก เราใช้มือเช็ดได้”
“แล้วหยดน้ำที่อยู่ตามเส้นผมล่ะ...จะใช้มือเช็ดได้ยังไงครับ?” คุณพระจันทร์ที่เคยมีแววตาและรอยยิ้มขี้เล่นได้หายไปแล้ว ตอนนี้ใกล้เห็นแต่คุณศศินคนดุ สายตาของเ้าตัวคล้ายผู้ใหญ่ที่กำลังพูดตักเตือนเด็กที่ดื้อรั้น
“เอ่อ...” มือเรียวทั้งสองข้างกำหูหิ้วถุงของขวัญแน่นขึ้นในตอนที่พันลี้เคลื่อนมือเข้ามาใกล้ศีรษะของเขา
ดวงตาเรียวยาวจ้องมองที่เรือนผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตไม่ละสายตา พันลี้ค่อยๆ เอาทิชชูซับหยดน้ำที่ไหลลงมาที่ปลายผมข้างหน้าของใกล้ให้อย่างแ่เบา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“ดื้อนัก”
เพราะอะไร...ที่ทำให้คำว่า ‘ดื้อ’ ไม่ได้มีความหมายไปในทางถูกตำหนิ แต่กลับทำให้ใกล้รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเขาเลื่อนสายตาขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ใกล้ถึงได้รู้ว่าคงเป็เพราะสายตาจริงจังและการกระทำของอีกคน
เพราะสองสิ่งนี้ที่ทำให้คำว่า ‘ดื้อ’ มีอีกหนึ่งความหมาย
คำว่า ‘ดื้อ’ ที่หมายถึง ‘เป็ห่วง’
ใกล้หลุบตาลงต่ำเมื่อหัวใจเริ่มเต้นแรง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา “พันลี้...ปกติผมเราแห้งเร็วมากๆ เลย เราว่า...”
“หยุดดื้อได้แล้ว” พันลี้พูดแทรกขึ้น ทั้งที่ใกล้ยังเอ่ยไม่จบประโยค เ้าตัวยังคงเอาทิชชูเช็ดไล่หยดน้ำที่ค้างอยู่บริเวณปลายผมให้ “...ใกล้ต้องเช็ดน้ำที่ผมออกให้หมดนะ...รู้ไหมครับ?”
“อะ อื้อ” เพราะคำว่า ‘รู้ไหมครับ?’ คำเดียวที่ทำให้ใกล้กลายเป็เด็กดีของคุณพระจันทร์
คนตัวเล็กยอมเชื่อฟังคุณพระจันทร์แล้วทำหน้าที่ของเด็กดีด้วยการนั่งนิ่งๆ ให้เ้าตัวใช้ทิชชูซับน้ำฝนที่ผมให้ ตอนนี้จุดพักสายตาที่ดีที่สุดคงเป็เกียร์รถ เพราะใกล้ไม่กล้ามองใบหน้าของพันลี้หรอก
ถ้าได้มองพันลี้ใกล้ขนาดนี้
ใกล้ต้องแย่แน่ๆ เลย...
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ใกล้พยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมของตัวเองที่เปียกหมาด ก่อนเอ่ย “ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณเหมือนกันครับ”
“...”
คนตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองคุณพระจันทร์ที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง เ้าตัวจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้นก่อนจะอมยิ้มน้อยๆ ใกล้ไม่เข้าใจว่าพันลี้ขอบคุณเขาเื่อะไร และเหมือนเ้าตัวพอจะเดาออกว่าเขากำลังสงสัยบางอย่าง พันลี้จึงเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณที่ไม่ดื้อกับลี้”
ใกล้ไม่ดื้อกับคุณศศินหรอก
แต่หัวใจดวงน้อยๆ น่ะ...
ตึก ตัก ตึก ตัก
ดื้อที่สุด...เวลาอยู่ใกล้คุณพระจันทร์
บทสนทนาของเราสองคนจบลงเพราะใกล้ไม่รู้จะตอบอีกคนอย่างไร เขาทำได้แค่ก้มหน้ามองถุงของขวัญที่อยู่บนตักพลางฟังเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนข้างกาย
“ผู้โดยสารครับ”
“ครับ?” ใกล้เผลอขานรับ ก่อนจะหันมองคนข้างกายที่หัวเราะอยู่ นอกจากเขาจะเป็เด็กดีของเ้าตัวแล้ว ตอนนี้ใกล้ยังเป็ผู้โดยสารของพันลี้ด้วย
“รัดเข็มขัดด้วยครับ”
ใกล้พยักหน้าตอบรับแล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงเข็มขัดมาพาดที่ลำตัว ก่อนเอ่ย “เรารัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วนะ”
“โอเคครับ” พันลี้ตอบพลางจ้องมองเขา ก่อนเอ่ยต่อ “ใกล้จะให้ลี้ไปส่งที่ไหนครับ?”
“คอนโดเรา...พันลี้ขับเลยไปสองไฟแดงแล้วก็เลี้ยวซ้าย ตรงไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรแล้วเลี้ยวขาว...” ใกล้หยุดเว้น่และพูดช้าลงเพราะมัวแต่มองคุณพระจันทร์ที่ฟังเขาอย่างตั้งใจพร้อมพยักหน้ารับตลอดเวลา
คุณพระจันทร์...
น่ารักเป็บ้าเลย
“ทางไปคอนโดคุ้นๆ ...” พันลี้เอ่ยพลางขมวดคิ้วคล้ายครุ่นคิด “ใกล้อยู่คอนโดเอสพีใช่ไหม?”
“ใช่ๆ ...พันลี้รู้จักคอนโดนี้ด้วยเหรอ?”
“รู้จักครับ...เพราะเพื่อนของลี้ก็อยู่คอนโดนี้ ลี้เคยไปดูบอลที่ห้องเพื่อนบ้าง”
“อ๋อ”
พันลี้พยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มให้เขา เ้าตัวหันกลับไปมองถนนข้างหน้า ก่อนรถที่จอดสนิทจะเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ใกล้ลอบมองคนข้างกายที่ขับรถด้วยท่าทางสบายๆ พันลี้เร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อยในตอนที่ถนนข้างหน้าเริ่มว่างโล่ง
ใกล้นั่งรถสปอร์ตสองที่นั่งของพ่อเป็ประจำ เขาไม่เคยรู้สึกว่าภายในรถอึดอัดหรือคับแคบเลย แต่วันนี้ใกล้กลับรู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก ทั้งที่รถของพ่อกับพันลี้ไม่ต่างกันมากนัก นั่นคงเพราะข้างกายเขามีพระจันทร์ดวงกลมๆ อยู่แน่ๆ เลย
ใกล้นั่งเกร็งไปหมดเลย...
คนตัวเล็กหลุบตามองถุงของขวัญบนตัก ก่อนจะวาดแขนทั้งสองข้างกอดกระชับถุงทั้งหมดให้เข้ามาแนบลำตัว เป็ในตอนนี้ที่ใกล้รู้สึกว่ารถถูกชะลอความเร็วลงทั้งที่ทางข้างหน้าไม่มีรถมากนัก เขาจึงหันไปมองคนข้างกาย
“ลี้ขับเร็วไปหรือเปล่า?” พันลี้ถาม สายตาของเ้าตัวยังคงมองถนนอยู่
“ไม่ๆ ...พันลี้ขับได้ปกติเลยนะ ไม่ต้องเป็ห่วงเรา”
“ปกติลี้เป็คนขับรถเร็ว ถ้าใกล้กลัว...บอกลี้ได้นะ”
“…” ถึงจะขับรถเร็ว...แต่คุณศศินน่ะ ขับรถนิ่มมากๆ เลยนะ
“แล้วปกติลี้ก็ไม่ค่อยขับรถให้ใครนั่งด้วย...เมื่อกี้ลี้เลยเผลอขับเร็วไปหน่อย”
“…”
พันลี้ละสายตาจากทางข้างหน้าเพื่อหันมาสบตากับเขา ก่อนเอ่ย “…ให้อภัยกันนะครับ”
ครืด~
ใกล้ที่กำลังพยักหน้ารับอีกคนหยุดชะงักแล้วเอามือลูบบริเวณกระเป๋ากางเกงเมื่อได้ยินเสียงสั่นครืดที่คล้ายเสียงสั่นแจ้งเตือนของโทรศัพท์ตัวเอง ทว่าเสียงแจ้งเตือนไม่ได้มาจากโทรศัพท์ของเขา
พันลี้ที่ขับรถด้วยความระมัดระวัง ค่อยๆ ละมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัยแล้วล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องสีดำออกมาจากกระเป๋ากางเกง เ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองหน้าจอโทรศัพท์สลับกับทางข้างหน้า
“ลี้รู้ว่ารับโทรศัพท์ตอนขับรถอยู่มันไม่ดี...” พันลี้พูด สายตายังคงมองถนน และในมือยังถือโทรศัพท์ที่สั่นแจ้งเตือนอยู่ “แต่สายนี้สำคัญมาก...ขอลี้รับสายหน่อยนะครับ?”
พันลี้กำลังขออนุญาตเขาอยู่เหรอ
“…”
“ใกล้อนุญาตให้ลี้รับสายระหว่างขับรถไหมครับ?”
ใช่...พันลี้กำลังขออนุญาตเขาจริงๆ
“ได้ครับ...ใกล้อนุญาต”
คุณพระจันทร์อมยิ้มก่อนจะหันมาสบตากับเขาเพียงชั่วครู่ เ้าตัวเอ่ยเสียงแ่เบาคล้ายอยากได้ยินประโยคคำพูดนี้เพียงคนเดียว “ขอบคุณครับ...คุณคนใจดี”
คนตัวเล็กละสายตาจากคุณพระจันทร์ที่เพิ่งเอ่ยชมเขา ก่อนจะพักสายตาไว้กับถุงของขวัญที่อยู่ในอ้อมแขน เขาพยายามกลั้นยิ้มพลางคิดว่า...
วันนี้เขากลายเป็ ‘เด็กดี’ ‘ผู้โดยสาร’ และ ‘คุณคนใจดี’
สำหรับคุณศศิน...ใกล้เป็ให้ได้ทุกอย่างเลย
แต่สำหรับใกล้ใจ...
เขาอยากให้พระจันทร์ดวงกลมๆ กลายเป็โลกแทน
เป็โลกทั้งใบของใกล้ใจ...
“สวัสดีครับ”
“…”
“ครับ ศศินรับสายครับ”
“…”
“ตอนนี้เสร็จแล้วใช่ไหมครับ?”
“…”
“โอเคครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเข้าไปรับรถที่ศูนย์เองครับ”
“…”
“ครับผม...ขอบคุณมากครับ”
เมื่อใกล้ได้ฟังบทสนทนาของพันลี้กับใครบางคนที่คาดว่าเป็พนักงานจากศูนย์รถ เขาจึงไม่แปลกใจที่เ้าตัวไม่ได้ขับรถคันโปรดมา ใกล้คิดว่ารถคันโปรดของเ้าตัวคงมีปัญหา เขาที่เผลอมองคุณพระจันทร์ั้แ่ตอนไหนไม่รู้รีบละสายตาออกจากเ้าตัวเมื่อรถเริ่มชะลอตัวช้าลง
สัญญาไฟจราจรตรงหน้าที่เปลี่ยนจากสีเหลืองเป็สีแดงทำให้รถทุกคันหยุดจอดอยู่กับที่ ใกล้รู้ดีว่ารถจะติดนานมากบริเวณสี่แยกนี้ เขาจึงพยายามคิดหาบทสนทนาดีๆ เพื่อคุยกับคนข้างกาย แต่ใกล้ยังไม่ค่อยรู้ว่าเ้าตัวชอบและสนใจในเื่อะไรเป็พิเศษ การจะเปิดประเด็นคุยกับอีกคนจึงเป็เื่ยากพอสมควร
ตอนนี้ใกล้อิจฉาพายมากๆ เลย
เพื่อนเป็คนที่เข้ากับคนอื่นง่ายมาก
ผิดกับใกล้ใจคนนี้เลย...
แต่เมื่อใกล้ลอบมองคุณพระจันทร์ที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรบางอย่าง ใกล้จึงรู้ทันทีว่า...บทสนทนาของเราคงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ พันลี้คงเล่นโซเชียลแก้เซ็งขณะรถติด และเขาก็นั่งมองตัวเลขบนสัญญาณไฟจราจรที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ
แต่...โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ นะ
ใกล้ใจ...พยายามหน่อยสิ
คนตัวเล็กพยักหน้าเพื่อให้กำลังใจตัวเองก่อนจะรวบรวมความกล้าอีกครั้งแล้วหันไปหาคนข้างกาย เพื่อจะชวนคุยด้วย ทว่าใกล้กลืนน้ำลายลงคอตอนที่เห็นคุณพระจันทร์จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“รถติดแบบนี้...เบื่อไหม?”
“เอ่อ...” พูดอะไรสักอย่างเถอะใกล้ อย่ามัวแต่ ‘เอ่อ’ สิ
พันลี้อมยิ้ม ก่อนเอ่ย “เบื่อรถติดได้นะ...แต่ห้ามเบื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ”
“…”
“โอเคไหมครับ?”
ใกล้น่ะ...โอเค
แต่หัวใจ...ไม่ค่อยโอเคเลย
ใกล้พยักหน้าหงึกหงักแล้วหันกลับไปมองถุงของขวัญที่กอดอยู่ เพราะเขาสู้สายตาขี้เล่นของเ้าตัวไม่ไหวจริงๆ “เรา...เราไม่เบื่อพันลี้หรอก”
ใกล้ชอบพันลี้มากกว่า ‘ตั้งเยอะ’ ไปแล้ว
จะเบื่อได้ยังไง…
“ไม่เบื่อ...แต่ไม่ยิ้มให้กันเลย”
เมื่อได้ยินประโยคคำพูดนี้ ใกล้จึงรีบหันไปฉีกยิ้มกว้างให้คุณพระจันทร์ทันที เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้เบื่อเ้าตัวจริงๆ เป็ในตอนนี้ที่ใกล้เห็นพันลี้หลุดหัวเราะออกมา เขามองคนตรงหน้าที่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะหุบยิ้มแล้วก้มหน้ามองถุงของขวัญเหมือนเดิม
ใกล้น่ะ...อยากมองพันลี้นานๆ เลยนะ
แต่ทุกครั้งที่เห็นคุณพระจันทร์ยิ้ม
ใกล้ใจ...สู้ไม่ไหวจริงๆ
ขอเวลาสร้างภูมิคุ้มกันหน่อยนะ
“เรายิ้มให้พันลี้แล้วนะ...เราไม่เบื่อพันลี้จริงๆ ” ใกล้ตอบขณะมองถุงของของขวัญที่อยู่บนตัก
“ยิ้มให้แค่นี้เองอะ...” พันลี้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “แต่ยิ้มให้แค่นี้...ก็ทำให้โลกสดใสขึ้นตั้งเยอะแล้ว”
ใกล้ก้มหน้ามากกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคคำพูดของคุณพระจันทร์ เขากลัวเ้าตัวจะจับได้ว่ากำลังกลั้นยิ้มอยู่ ตอนนี้ใกล้ใจปวดแก้มสุดๆ เพราะคำว่า ‘ตั้งเยอะ’ ของพันลี้ทำให้เขาอยากยิ้มกว้างๆ เลย
ถ้ารอยยิ้มของใกล้ใจทำให้โลกสดใสขึ้นตั้งเยอะ...
...แล้วพอจะมีสิทธิ์ไหมที่รอยยิ้มของใกล้ใจจะทำให้ดวงจันทร์สดใสขึ้นตั้งเยอะบ้าง
“ใกล้...”
ใกล้หันมองตามเสียงเรียก เขาเห็นพันลี้กำลังหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลใบเล็กๆ มาจากคอนโซลรถฝั่งคนขับ เ้าตัวเปิดถุงดูของข้างในแล้วใช้มือล้วงลงไปจับอะไรบางอย่างเหมือนพยายามจัดของที่อยู่ภายในนั้นให้เรียบร้อย เพียงชั่วครู่ถุงสีน้ำตาลเล็กๆ ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเขาพร้อมกับรอยยิ้มของอีกคน
“พันลี้ให้เราเหรอ?”
“ครับ”
“…”
“ลี้คิดว่ากุ้งยี่สิบตัวเป็ของขวัญวันเกิดที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่...” เ้าตัวพูดพร้อมใช้มือข้างหนึ่งอ้าปากถุงเพื่อดูบางอย่างที่อยู่ภายในนั้นให้แน่ใจอีกครั้ง “ลี้ถึงตัดสินใจซื้อของขวัญชิ้นนี้มาให้ใกล้อีก”
“…”
“ตอนแรกว่าจะฝากพี่ดอมเอาไปให้ใกล้ เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วๆ นี้” คุณพระจันทร์ละสายตาจากถุงกระดาษแล้วสบตากับเขา ก่อนรอยยิ้มขี้เล่นจะปรากฏขึ้น “แต่ดีที่เราบังเอิญเจอกันก่อน...ลี้เลยมีโอกาสให้ของขวัญกับใกล้เอง”
ใกล้เผยรอยยิ้มบาง แล้วรับถุงของขวัญมาจากอีกคน “จริงๆ แค่ได้กุ้งยี่สิบตัวเป็ของขวัญวันเกิด...เราก็ดีใจมากแล้ว”
“…”
“มันเป็ของขวัญที่พิเศษมากเลยนะ…” ใกล้หยุดเว้น่เพราะประโยคคำพูดต่อไปที่อยู่ในหัวทำให้เขารู้สึกหน้าร้อนไปหมด ใกล้ไม่รู้ว่าเป็เพราะพันลี้สู้สายตาเก่งหรือเขาอ่อนหัดเอง ใกล้ถึงต้องละสายตาจากเ้าตัวแล้วมองถุงของขวัญที่อยู่ในมือแทน “เราประทับใจของขวัญของพันลี้มากๆ ”
“…”
“ลี้ได้ยินแบบนี้ก็โล่งแล้ว”
คนตัวเล็กหายใจเข้าลึกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับคุณพระจันทร์ที่นั่งอมยิ้มอยู่ “ขอบคุณสำหรับของขวัญทั้งสองอย่างเลยนะ”
“ครับ” ตอบพลางชี้นิ้วมาที่ถุงของขวัญ ก่อนเอ่ยต่อ “ลองเปิดดู...ลี้คิดว่าใกล้น่าจะชอบ”
ใกล้พยักหน้ารับแล้วเปิดถุงสีน้ำตาลเล็กๆ เขาเผลอยิ้มกว้างในตอนที่เห็นต้นกระบองเพชรเล็กๆ อยู่ในนั้น มือเรียวล้วงหยิบเ้าต้นกระบองเพชรจิ๋วที่อยู่ในกระถางสีขาวออกมา บนกระถางดินเผาสีขาวมีลวดลายน่ารักๆ ที่ใกล้คิดว่าคนวาดมีฝีมือดีพอสมควรเลย เพราะลายเส้นที่ใช้วาดรูปต่างๆ บนกระถางดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
และสิ่งที่ทำให้เขายิ้มกว้างกว่าเดิมคือรูปจรวดเล็กๆ ที่กำลังพุ่งไปหาพระจันทร์เสี้ยวที่มีดวงดาวหลายดวงอยู่เคียงข้าง เมื่อใกล้หมุนกระถางดูโดยรอบจึงเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เขียนว่า ‘HBD’ อยู่อีกด้าน
“เรามีต้นกระบองเพชรอยู่ที่คอนโดหนึ่งต้น...ได้ต้นนี้มาเพิ่มก็ดีเลย จะได้เอาไปเป็เพื่อนกัน” ใกล้พูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงดีใจ ก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่นั่งอมยิ้มอยู่ “ขอบคุณนะพันลี้ เราชอบของขวัญชิ้นนี้มากๆ เลย”
“ดีใจที่ชอบนะครับ”
“…”
“หลังจากออกมาจากร้านลี้ก็ไปเดินห้างต่อ...ไปเดินหาซื้อของขวัญให้ใกล้นั่นแหละ แต่ไม่มีอะไรถูกใจเลย”
“...”
“จะว่าไม่ถูกใจลี้ก็ไม่ใช่...ลี้แค่รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่น่าจะทำให้ใกล้ประทับใจได้เลย”
“…”
“จนลี้ตัดสินใจกลับบ้าน ตรงประตูทางออกก่อนถึงลานจอดรถมีร้านต้นไม้เล็กๆ ตั้งอยู่ พอเห็นแวบแรกก็รู้เลยว่า...ได้ของขวัญให้ใกล้แล้ว”
ใกล้พยักหน้าขณะฟังอีกคนเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้ของขวัญชิ้นพิเศษมาอย่างตั้งใจ
“ร้านนี้มีต้นไม้จิ๋วเยอะมาก ลี้ไม่รู้ว่าจะเลือกต้นไหนให้ใกล้ดี...” พันลี้หยุดเว้น่แล้วล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องสีดำออกมาโชว์เขา “ลี้ก็เลยเสิร์ชหาความหมายของต้นไม้แต่ละต้นเลย”
ถ้าพันลี้ไม่ใช่คนที่ใส่ใจคนอื่นมากๆ
เ้าตัวก็คงเป็คนที่ละเอียดอ่อนสุดๆ เลย
“พันลี้เสิร์ชหาความหมายของต้นไม้หน้าร้านเลยเหรอ?”
“ครับ ลี้ก็บอกเ้าของร้านว่า...รอสักครู่นะครับ ผมขอหาความหมายของต้นไม้ก่อน พอดีจะซื้อไปเป็ของขวัญวันเกิด ผมเลยเลือกส่งๆ ไม่ได้”
เป็อีกครั้งที่ใกล้อยากพูดว่า...
คุณศศินน่ารักเป็บ้าเลย
:)
“แต่ที่ลี้ตัดสินใจเลือกต้นกระบองเพชรเพราะมีเว็บหนึ่งบอกว่ามันหมายถึง...ป้องกันภัย”
“…”
“ความหมายของต้นกระบองเพชรในแต่ละเว็บไม่เหมือนกันหรอก...จริงๆ ลี้คิดว่าความหมายของมันขึ้นอยู่กับโอกาสที่เรามอบให้อีกคน”
“…”
“แต่ในโอกาสที่ลี้ซื้อต้นกระบองเพชรให้ใกล้เป็ของขวัญวันเกิด ลี้อยากให้ความหมายว่า...” พันลี้ค่อยๆ เผยรอยยิ้มสดใส เ้าตัวเอานิ้วชี้มาจิ้มเ้าต้นกระบองเพชรจิ๋วที่อยู่ในมือของเขา ก่อนจะละนิ้วชี้ออกจากหนามเล็กๆ นั่นแล้วเคลื่อนมาแตะที่ปลายจมูกของเขาเบาๆ “...ต้นกระบองเพชรต้นนี้จะปกป้องใกล้จากทุกความเสียใจ”
ใกล้ไม่แปลกใจเลยที่จู่ๆ รู้สึกแสบซ่าที่ปลายจมูก เพราะประโยคคำพูดของพันลี้ทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจที่เต็มไปด้วยแผลเป็ถูกปลอบประโลมและโอบกอดอย่างทะนุถนอม เป็ในตอนนี้ที่ใกล้หลุบตาลงต่ำ เขาจ้องมองกระถางต้นไม้แสนน่ารักเพื่อให้น้ำตาที่ไม่รู้มาเอ่อล้นั้แ่ตอนไหนค่อยๆ จางหายไป แต่เพราะเขารู้ดีว่าคุณพระจันทร์กำลังััหัวใจของเขาอย่างอ่อนโยน ก้อนความรู้สึกบางอย่างที่ตีตื้นขึ้นมาอยู่บริเวณลำคอจึงไม่หายไปง่ายๆ
การร้องไห้ต่อหน้าคนที่แอบชอบ
และเพิ่งใกล้ชิดกันครั้งแรก
คงน่าอายน่าดูเลย..
อย่าร้องนะใกล้...ห้ามร้องเด็ดขาดเลย
“ใกล้...”
ใกล้เผลอเงยหน้าขึ้นสบตากับพันลี้ทั้งที่น้ำตายังเอ่อล้นอยู่ เขากำลังจะก้มหน้าหลบสายตาอีกครั้ง ทว่าคุณพระจันทร์เบิกตาโตเล็กน้อย และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใ
“ใกล้...เป็อะไรครับ?”
“คือเรา...เราชอบของขวัญชิ้นนี้มากไปหน่อย เวลาที่เราประทับใจอะไรมากๆ เราจะชอบร้องไห้ออกมา”
ใช่...คนที่ไม่ชอบโกหกอย่างเขา
หาข้ออ้างได้แค่นี้แหละ...
คุณพระจันทร์แกล้งเชื่อใกล้หน่อยนะ
พันลี้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนเอ่ย “เอ็นดูจังเลย”
ใกล้เม้มริมฝีปากแล้วหลุบตาลงต่ำอีกครั้ง เขาแอบพรูลมออกจากปากตอนได้ยินคำว่า ‘เอ็นดู’ ใกล้ยอมรับว่าตัวเองปรับอารมณ์ไม่ทัน เพราะประโยคคำพูดของคุณพระจันทร์ทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายในเวลาไล่เลี่ยกัน
เมื่อกี้ยังรู้สึกอุ่นใจจนจะร้องไห้อยู่เลย
วินาทีถัดมาต้องเขินแล้ว...
ใกล้ต้องรีบสร้างภูมิคุ้มกันทางความรู้สึกเร็วๆ แล้ว
“เราขอโทษนะ…ที่ทำให้พันลี้ใ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก…เื่แค่นี้เอง”
“…”
“งั้นใกล้ชอบของขวัญชิ้นนี้ให้น้อยลงหน่อยดีไหม?”
ใกล้เงยหน้ามองคุณพระจันทร์ทันที ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ดีหรอก…เราจะชอบของขวัญชิ้นนี้มากๆ แบบนี้แหละ”
“ถ้าชอบมากแล้วมันทำให้ใกล้ต้องเสียน้ำตา…ลดความชอบลงหน่อยก็ได้ ลี้ไม่น้อยใจหรอกครับ”
พันลี้…
เป็คนที่ควรได้รับความรักเยอะๆ
มันถูกต้องแล้ว...
ใกล้สบตากับอีกคน ก่อนเอ่ย “...เราจะชอบของขวัญชิ้นนี้ในปริมาณเท่าเดิม แต่จะไม่ร้องไห้อีกแล้ว”
“ดีมากครับ น้ำตาไม่เหมาะกับใกล้หรอก…” พันลี้พูด ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ พลางอมยิ้ม “ถึงลี้จะพูดว่าน้ำตาไม่เหมาะกับใกล้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเวลาเห็นใกล้กำลังจะร้องไห้...”
“…”
“...มันน่าแกล้งให้ร้องไห้หนักกว่าเดิม” คุณพระจันทร์กัดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ “...ลี้ไม่ใช่คนใจร้ายที่ชอบแกล้งคนอื่นนะ คือจะพูดยังไงดี…มันคงคล้ายกับความรู้สึกตอนที่ลี้เห็นเด็กๆ ร้องไห้ แล้วก็อยากแกล้งให้ร้องงอแงมากกว่าเดิม”
“...”
“เพราะมันน่าเอ็นดู...และลี้ก็อยากเป็คนโอ๋ให้เลิกร้องไห้ด้วย”
คุณพระจันทร์เป็คนขี้แกล้งที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย...
“...”
“ใกล้...” พันลี้เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนเอ่ยต่อ “อย่าไปร้องไห้ให้ใครเห็นนะ”
“...”
“จะได้ไม่โดนใครแกล้ง”
ครั้งที่ 2...
กับความห่วงใยที่คุณพระจันทร์มอบให้
และเป็ครั้งที่ 100
...ที่ใกล้ตกหลุมรักคุณพระจันทร์
ปกติใกล้ไม่ค่อยร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นอยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าตอบรับ เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะทำตามที่พันลี้บอกได้ ใกล้ไม่รู้ว่าพันลี้แค่สั่งห้ามเล่นๆ หรือคิดจริงจัง แต่ไม่ว่าพันลี้จะคิดอย่างไร...
สิ่งที่เขาตอบ
สิ่งที่เขาพยายามจะบอก
ไม่มีสักครั้งเลยที่ใกล้คิดเล่นๆ
ใกล้เลี่ยงการสบตากับคุณพระจันทร์ด้วยการมองกระถางต้นกระบองเพชรที่อยู่ในมือแทน เพราะพันลี้มองเขาไม่วางตาเลย แม้ตอนนี้ใกล้จะไม่ได้มองอีกคน แต่เขายังรู้สึกเหมือนโดนดวงตาคู่นั้นจ้องมองอยู่ ใกล้คิดว่าคงเป็เพราะหูแดงๆ ที่ทำให้เขาตกเป็เป้าสายตา
ไม่รู้ตอนนี้หูแดงเท่าสีของลูกมะเขือเทศหรือยัง...
แต่มันคงแดงมากจนผิดสังเกตแหละ
T________T
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพันลี้ออกจากหูแดงๆ ของเขา ใกล้จึงเอ่ยขึ้น “ที่ร้านวาดรูปบนกระถางสวยจังเลยเนอะ”
“ใกล้ว่าสวยเหรอ?”
คนโดนถามเงยหน้าขึ้นสบตากับพันลี้ แล้วพยักหน้าหงึกหงัก “อื้อ สวยมากเลย”
พันลี้อมยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ เ้าตัวละสายตาจากเขาแล้วมองที่กระถางต้นกระบองเพชร เป็ในตอนนี้ที่ใกล้คิดว่ากำลังเข้าใจบางอย่างผิดไป
“พันลี้...เราเข้าใจถูกใช่ไหมว่าที่ร้านวาดรูปน่ารักๆ บนกระถางต้นกระบองเพชรมาให้”
คุณพระจันทร์ที่อมยิ้มอยู่เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา เ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธก่อนเอ่ย “เข้าใจผิดครับ...ลี้เป็คนวาดให้เอง”
ตอนนี้...
หูของเขาคงมีสีแดงไม่ต่างจากลูกมะเขือเทศแล้วแหละ
ใกล้หลุบตามองที่กระถางต้นกระบองเพชรอีกครั้ง เขาไม่อยากมองเ้าต้นไม้จิ๋วตลอดเวลาหรอก แต่เพราะสายตาของพันลี้อันตรายมากจริงๆ ใกล้คิดว่าควรหลบเลี่ยงสายตาขี้เล่น ถ้าหัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะถ้ายังฝืนตัวเองต่อไป
ใกล้จะควบคุมหัวใจที่เต้นเร็วแรงไม่ได้เลย...
ตอนนี้กำลังมีาขนาดย่อมเกิดขึ้นในสมองของใกล้ เพราะมีหลากหลายความคิดที่ตีกันจนวุ่นวายไปหมด เหมือนสมองของเขาแบ่งเป็สองฝ่าย กองทัพที่อยู่ด้านซ้ายบอกให้หาเื่ชวนคุยกับพันลี้ต่อ ส่วนกองทัพที่อยู่ด้านขวาบอกให้อยู่เงียบๆ ถ้าไม่อยากโดนพันลี้โจมตีด้วยคำพูดน่ารักๆ อีก
ใกล้ไม่ได้เชื่อกองทัพฝั่งไหนทั้งนั้น แต่เขาเลือกนิ่งเงียบเพื่อตั้งสติเตรียมรับมือกับพันลี้ต่อ เพราะทุกครั้งที่คุณพระจันทร์ยิ้มและพูดจาน่ารักๆ ใกล้เหมือนโดนซัดด้วยหมัดหนักๆ จนสมองตื้อไปเลย
และบางประโยคคำพูดของคุณพระจันทร์...
“ลี้เห็นใกล้ใส่สร้อยพระจันทร์เสี้ยว” พูดพลางชี้นิ้วที่จี้พระจันทร์เสี้ยวของเขา ก่อนเอ่ยต่อ “…ลี้เลยวาดรูปพระจันทร์เสี้ยวบนกระถาง”
“…”
ทำให้ใกล้ใจ...
“เพราะลี้คิดว่าใกล้น่าจะชอบพระจันทร์”
ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักอีกครั้ง
ใกล้คิดว่าเพราะตัวเองตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก เขาจึงเอ่ยประโยคนี้ออกไป “ใช่...เราชอบพระจันทร์มาก”
‘ใช่...เราชอบพระจันทร์มาก’
เป็ประโยค ‘สารภาพรัก’ ของใกล้ใจ
ทว่าความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ดังก้องอยู่ภายในใจของเขาเท่านั้น ใกล้ส่งสารที่มีความหมายลึกซึ้งไปไม่ถึงดวงจันทร์ดวงเดิมสักที และคงไม่มีวันส่งไปถึงแน่นอน
เพราะการเฝ้ามองอยู่ห่างๆ แบบนี้
ดีที่สุดแล้ว...
ใกล้ไม่รู้สึกผิดหวังที่ไม่มีการตอบกลับใดๆ เพราะคุณพระจันทร์คงไม่เข้าใจประโยคคำพูดที่แฝงคำสารภาพรักของเขา แต่ใกล้คิดว่าดีแล้วที่เ้าตัวไม่รู้...เพราะใกล้กลัวคุณพระจันทร์จะรู้สึกอึดอัด ถ้ารู้ว่ามีใครบางคนคอยเฝ้ามองอยู่
เพราะถ้าวันหนึ่งดวงจันทร์ดวงเดิมหายไป
โลกของใกล้ใจคงแตกสลาย
บทสนทนาของเราสองคนถูกความเงียบเข้ามาแทรกั้แ่ตอนไหนก็ไม่รู้ เราสบตากันชั่วครู่หลังจากเขาพูดประโยคนั้นออกไป ก่อนที่พันลี้จะละสายตาจากเขาแล้วหันกลับไปมองถนนข้างหน้า เพราะสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีแดงเป็สีเขียว
คนตัวเล็กเอาต้นกระบองเพชรเก็บใส่ถุงอย่างเดิมในตอนที่รถเริ่มเคลื่อนตัว เขาเอาถุงของขวัญของพันลี้วางแทรกถุงอื่นเพื่อให้อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุด ทว่ารถวิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มชะลอความเร็วลงจนหยุดอยู่กับที่เหมือนเดิม ใกล้เหลือบมองมือหนาที่เคลื่อนมาเปลี่ยนเกียร์ ก่อนจะเงยหน้ามองสัญญาณไฟจราจรที่เปลี่ยนเป็สีแดงอีกแล้ว
“คุณตำรวจทำแบบนี้ก็ได้เหรอ? ...ถ้าจะปล่อยแบบนี้ อย่าปล่อยเลยดีกว่า”
ใกล้เม้มริมฝีปากแล้วก้มหน้างุดเมื่อได้ยินพันลี้พูดบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาคิดว่าอีกคนเริ่มเบื่อที่รถติดนานๆ ใกล้ไม่รู้จะทำยังไง จึงทำแค่นิ่งเงียบอย่างเดียว
การนั่งเงียบๆ มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก
แต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำให้คุณพระจันทร์หงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ใกล้...”
“ครับ?” ใกล้ขานรับแล้วหันไปมองคนข้างกาย เพราะพันลี้กัดริมฝีปากล่างแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเลยเดาว่าเ้าตัวกำลังหงุดหงิดมาก ใกล้จึงส่งยิ้มกว้างให้เ้าตัว ั้แ่เกิดมาเขาไม่เคยยิ้มกว้างขนาดนี้เลย
ใกล้ยิ้มกว้างที่สุดในชีวิตเลยนะพันลี้...
ตอนนี้ใกล้อยากขอบคุณที่ตัวเองเลือกส่งยิ้มกว้างให้คุณพระจันทร์ เพราะรอยยิ้มของเขาทำให้เ้าตัวหัวเราะได้ เขาค่อยๆ หุบยิ้มขณะมองอีกคนเอาศีรษะเอนพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ แล้วมองเขาด้วยสายตา…เป็สายตาที่ใกล้ไม่รู้ความหมายของมันหรอก
ใกล้รู้แค่ว่า...สายตาของพันลี้ในตอนนี้
...อ่อนโยนจนเกินไป
“ใกล้รู้ได้ยังไงครับ? ...ว่าลี้จะขอให้ใกล้ยิ้มให้”
ใกล้ส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนเอ่ย “เราไม่รู้หรอก...แต่เราคิดว่าในเวลาที่รถติดแบบนี้ การยิ้มให้กัน มันคงทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง”
“ไม่ใช่แค่รู้สึกดีขึ้นบ้าง...แต่ไม่น่าเชื่อว่าใกล้จะทำให้ลี้เลิกหงุดหงิดคุณตำรวจได้”
ใกล้ยิ้มแล้วเอ่ย “คุณตำรวจคงต้องมาขอบคุณเราแล้วล่ะ”
“ขอบคุณนะครับ”
“…”
“อันนี้คุณตำรวจไม่ได้ฝากลี้มาขอบคุณใกล้นะ”
“…”
“ลี้อยากขอบคุณใกล้เอง…ขอบคุณที่ทำให้ลี้ยิ้มได้”
ใกล้พยักหน้ารับแล้วเผยยิ้มบาง “ด้วยความยินดีเลยครับ”
“ใกล้พูดเพราะกับทุกคนปะ?”
ใกล้พยักหน้ารับ “ใช่ เราพูดแบบนี้กับทุกคน”
“กับเพื่อนสนิทก็พูดเพราะแบบนี้เหรอ?”
“กับเพื่อนสนิทแค่ไม่มีคำว่า ‘ครับ’ ลงท้าย...แต่ก็คุยเหมือนที่คุยกับพันลี้เลย”
“อ๋อ...” พันลี้อมยิ้ม ก่อนเอ่ย “งั้นลี้ขอเป็แค่คนรู้จักแล้วกัน”
“…”
“ลี้กลัวว่าถ้าสนิทกันแล้ว คำว่า ‘ครับ’ จะหายไป…ลี้อยากได้ยินใกล้พูดเพราะๆ ด้วย”
“…”
“คนที่พูดเพราะแล้วน่าฟัง...ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้นะ”
สนิทกันก็ได้นะพันลี้...อย่าเป็แค่คนรู้จักแบบนี้เลย เราสัญญาว่าจะพูดเพราะๆ กับพันลี้ตลอดไป
“แต่ถ้าลี้เผลอพูดไม่เพราะกับใกล้ ลี้ขอโทษนะครับ...เพราะปกติลี้ไม่ใช่คนพูดเพราะ”
“ไม่เป็ไรเลยพันลี้ พูดปกติกับเราได้เลยนะ เราโอเค”
พันลี้ยิ้ม ก่อนเอ่ย “ใกล้เป็คนใจดีเสมอเลยนะ”
ตึก ตัก ตึก ตัก
จู่ๆ หัวใจที่สงบนิ่งก็เต้นแรง ใกล้คิดว่าไม่ได้เป็เพราะประโยคคำพูดของคุณพระจันทร์เพียงอย่างเดียวที่ส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ แต่คงเพราะเ้าตัวใช้สายตาแบบนั้นอีกแล้ว บวกกับพันลี้พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางสบายๆ
ความเป็ธรรมชาติของพันลี้
ทำให้ใจสั่นเลย…
“ปกติใกล้เป็คนยิ้มยากไหม?”
ใกล้ใจโดนยิงคำถามรัวๆ เลย เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนตอบ “...ไม่ยากนะ แต่ถ้าไม่ค่อยสนิทกันก็ต้องใช้เวลาหน่อย”
“กับคนที่ไม่สนิทด้วย...ใกล้จะไม่ค่อยยิ้มให้เหรอ?”
“ไม่ใช่นะ...เราก็ยิ้มให้ แต่แค่ยิ้มให้น้อยกว่าคนที่สนิทด้วย...” ใกล้ยกมือขึ้นลูบที่บริเวณใบหูของตัวเอง เพราะเขารู้สึกเหมือนมีความร้อนวิ่งผ่าน “เราขี้อายน่ะ...เลยไม่ค่อยกล้ายิ้มหรือคุยกับคนอื่นสักเท่าไร”
“อ๋อ...ลี้เข้าใจแล้ว”
“แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบคุยกับคนอื่นนะ...เราอยากเป็เพื่อนกับทุกคนเลย แต่เราเข้าหาคนอื่นไม่เก่ง” ใกล้กลัวพันลี้จะคิดว่าเขาไม่มีความพยายามมากพอที่จะสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เขาจึงอธิบายต่อ “เราพยายามเปลี่ยนตัวเองอยู่...ตอนนี้กำลังหัดพูดให้เยอะขึ้น จะได้เข้ากับคนอื่นง่ายๆ ”
“ไม่เห็นต้องพยายามขนาดนั้นเลย...เป็ตัวเองนั่นแหละดีแล้ว”
“…”
“เดี๋ยวคนที่อยากรู้จักใกล้ก็หาวิธีทำความรู้จักกับใกล้เองแหละ”
“…”
“...เหมือนตอนนี้ที่ลี้กำลังหาวิธีทำให้ตัวเองได้เห็นรอยยิ้มแบบเมื่อกี้อีกครั้ง...” พันลี้พูดพลางยกโทรศัพท์เครื่องสีดำขึ้นมากด “คนไม่สนิทก็ต้องพยายามหน่อย”
ตอนนี้เหมือนใกล้กำลังอยู่ในความฝัน เขาไม่คิดว่าพันลี้จะอยากเห็นรอยยิ้มของตัวเอง เพราะในทุกวันที่เฝ้ามองคุณพระจันทร์ ใกล้อยากเห็นรอยยิ้มของเ้าตัวไม่ต่างกัน
แค่เท่านี้แหละ...
เพียงพอแล้ว
สำหรับคนแอบรัก
จู่ๆ ทำนองเพลงที่เคยได้ยินเมื่อหลายปีก่อนก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ของคุณพระจันทร์ เ้าตัวยังเอาศีรษะพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเดิม ใกล้มองอีกคนที่อมยิ้มขณะมองจอโทรศัพท์ และเมื่อมีเสียงของนักร้องเริ่มขึ้น คุณพระจันทร์ก็ละสายตาจากจอแก้วแล้วสบตากับเขา
‘โดนเธอเฝ้ามอง จับตาตลอดเวลาว่าฉันจะทำอะไรเหมือนเป็ผู้ชายเ้าชู้’
“เคยฟังเพลงนี้ไหม?”
ใกล้พยักหน้าตอบรับ “เคยครับ”
“วิธีนี้น่าจะได้ผล”
‘ชำเลืองดันเผลอไปมองผู้หญิงบางคน ผู้ชายทุกคนไม่ได้ตั้งใจ ก็ใจมันเผลอ พยายามจะคุยกับเธอ ให้เธอเข้าใจ ว่าทำไมผู้ชายชอบดู ชอบมองผู้หญิง’
ใกล้ไม่รู้ว่าพันลี้กำลังจะทำอะไร แต่รู้เพียงแค่ว่าต้องฟังเพลงต่อไป เพราะสายตาของคุณพระจันทร์บอกแบบนั้น
‘ธรรมดาถ้ามองไปเจอ คนสวยเหมือนเธอ ฉันนั้นก็คงไม่อาจห้ามใจ แค่เพียงอยากรู้’
“…”
‘รู้รักเธอแค่ไหน...แต่ไม่เคยไว้ใจฉันเลย ไม่เคยยอม รู้สึกอึดอัดใจ อยากระบายให้เธอได้รู้’
เป็ในตอนนี้ที่คุณพระจันทร์เริ่มร้องเพลงคลอไปกับเสียงของนักร้อง คงเพราะใกล้เคยฟังเพลงนี้มาก่อน เขาจึงพอรู้ว่าเนื้อเพลงท่อนถัดไปเป็การร้องแร็ปเร็วๆ
รอยยิ้มของพันลี้ที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้...
อย่าบอกนะว่าพันลี้จะ...
“Hey one two three ไม่ได้เป็คนที่เกเร แค่อยากจะบอกไม่ได้เ้าชู้ ถ้าเธอเข้าใจก็ OK ถ้าไม่เข้าใจคงเดินเซ พะวงมึนงงและโลเล ถ้าโดนเธอตอกคงเข้าอารมณ์ D A R K”
ใช่...คุณพระจันทร์กำลังแร็ปสดให้เขาฟังอยู่
“ก็อยากให้จำ ที่มองสาวสาว สวยสวย ทุกครั้งทุกคราวที่ผมทำ เป็เวรเป็กรรม ที่ชายทุกคนนั้น เป็ต้องเผลอกัน ถ้าไม่ตะขิดตะขวงในใจ ก็คงไม่บอกซื่อสัตย์ ไม่ได้หลอก เพียงแต่ผมไม่เคยจะบอก”
พันลี้ไม่ได้ยกมือทำท่าทางเหมือนที่ใกล้เคยเห็นแร็ปเปอร์ทำในรายการโทรทัศน์ แต่พันลี้แค่ยิ้มและสบตากับเขาขณะร้องท่อนแร็ป
ใกล้ส่ายหน้าเบาๆ เพราะไม่คิดว่าเ้าตัวจะกล้าทำแบบนี้ แต่ทั้งหมดที่พันลี้พยายามทำเพื่อให้เขายิ้มกว้างอีกครั้ง
คุณพระจันทร์ทำสำเร็จแล้ว...
เพราะความน่ารักของเ้าตัว
ทำให้เขายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก
คนตัวสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกดปิดเพลงในโทรศัพท์ ตอนนี้พันลี้อมยิ้มแล้วมองเขา ใกล้คิดว่าเ้าตัวกำลังอายอยู่ เพราะพันลี้ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเอง ก่อนจะชี้นิ้วมาทางเขา
“ยิ้มแล้ว...” เป็ในตอนนี้ที่มีรอยยิ้มสดใสเปื้อนบนใบหน้าหล่อเหลา “ลงทุนขนาดนี้...ถ้าไม่ยิ้มให้คงเสียใจน่าดู”
ใกล้หัวเราะ ก่อนเอ่ย “แสดงว่าพันลี้ต้องแร็ปบ่อยแน่ๆ ...เพราะเมื่อกี้แร็ปได้ดีมากๆ ไม่มีติดขัดเลย”
“ลี้ก็แร็ปไปเรื่อยเวลารถติด…แก้เซ็งอะ”
“…”
“แต่ไม่เคยแร็ปต่อหน้าใครแบบนี้”
แน่นอนว่า...คงมีใครหลายคนที่พันลี้เคยร้องเพลงให้ฟัง
แต่ถ้าเ้าตัวพูดแบบนี้...
แน่นอนว่า...ใกล้ใจเป็คนแรกที่พันลี้แร็ปให้ฟัง
ใกล้พยักหน้าทั้งที่ยิ้มกว้างอยู่ ครั้งนี้เขาหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ แม้พันลี้จะดูเขินอายกับสิ่งที่ทำลงไป แต่เ้าตัวยังคงสู้สายตากับเขาอยู่
“ลี้รู้นะว่าตัวเองจะอาย...แต่ก็อยากทำให้ยิ้มได้ไง”
“...”
“พอเห็นใกล้ยิ้มได้แล้วก็รู้สึกว่า...โคตรคุ้มเลย”
ใกล้ส่งยิ้มกว้างให้คุณพระจันทร์อีกครั้ง เพื่อตอบแทนในความพยายามของเ้าตัว “ขอบคุณนะที่ทำให้เรายิ้มได้”
“แลกกันไง...ใกล้ก็ทำให้ลี้ยิ้มได้เหมือนกัน”
รอยยิ้มของคุณพระจันทร์ในตอนนี้…
ทำให้ใกล้เพิ่งรู้ว่า...ความจริงแล้วพระจันทร์มีแสงสว่างที่พระอาทิตย์ไม่อาจเทียบได้ ใกล้ไม่ได้อ้างอิงจากทฤษฎีต่างๆ ที่เคยเรียนมาหรอก แต่เขาดูจากความจริงที่ปรากฏตรงหน้า
พระจันทร์ดวงนี้สดใสเกินกว่าพระอาทิตย์จะสู้ได้...
#ใกล้แค่พันลี้
“จอดข้างหน้าก็ได้พันลี้ เดี๋ยวเราเดินเข้าไปเอง”
“ใกล้ต้องถือของเยอะ เดี๋ยวลี้ขับเข้าไปส่งดีกว่า”
คุณพระจันทร์เลี้ยวรถเข้าไปในคอนโดของเขา ใกล้ชี้นิ้วไปที่บริเวณลานจอดรถ เพื่อบอกให้เ้าตัวจอดบริเวณนั้น เมื่อรถเคลื่อนไปจอดต่อท้ายรถคันหนึ่ง ใกล้ก็ปลดเข็มขัดแล้วหยิบถุงของขวัญที่อยู่บนตักเพื่อเตรียมตัวลงรถ ใกล้กลัวจะเผลอทำอะไรตกไว้ในรถ เขาจึงกวาดสายตามองรอบๆ เบาะอีกครั้ง เมื่อพันลี้เห็นเขากำลังหาอะไรบางอย่าง เ้าตัวก็เอื้อมมือกดเปิดไฟในรถ
“ใกล้หาอะไรครับ?”
“เปล่าๆ ...เราแค่ดูว่าทำอะไรตกไว้ไหม”
“อ๋อ...”
ก๊อกๆ
เสียงเคาะกระจกทำให้เราสองคนหยุดทุกการกระทำแล้วเงยหน้ามองทางต้นเสียง ใกล้ขมวดคิ้วขณะมองผู้ชายตัวสูงที่เคยเห็นอยู่ในคอนโด คนที่อยู่ข้างนอกเคาะกระจกฝั่งคนขับอีกครั้ง คล้ายอยากให้เปิดกระจก พันลี้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนเอ่ย
“ไอ้สัด...เสือกจำรถคันนี้ได้อีก”
ใกล้เดาว่าผู้ชายคนนี้คงเป็เพื่อนของพันลี้ คุณพระจันทร์เคลื่อนมือไปกดเลื่อนกระจกลง คนที่อยู่ด้านนอกส่งยิ้มให้เ้าตัวก่อนจะเอามือทั้งสองข้างมาเกาะขอบประตูและชะเง้อมองเข้ามาภายในรถ
“เพื่อนลี้~ วันนี้เราไม่มีนัดดูบอลกันนี่...แล้วมาทำอะไรที่คอนโดผมครับ?”
พันลี้หันมามองเขาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับไปตอบเพื่อน “กูมาส่งคุณใกล้”
‘คุณใกล้’
มีไม่กี่คนที่เรียกเขาด้วยสรรพนามนี้ ใกล้รู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่ได้ยินแม่เรียกว่า ‘คุณใกล้’ เพราะแม่เป็คนแรกที่เริ่มเรียกเขาแบบนี้ แต่เมื่อแม่จากไป ใกล้รู้สึกเหมือนคำว่า ‘คุณใกล้’ ได้จากไปพร้อมกับแม่ด้วย แม้พี่เจี๊ยบและลุงหมายจะเรียกเขาด้วยคำนี้ แต่เขาไม่เคยรู้สึกอบอุ่นหัวใจเหมือนตอนที่แม่เรียกเลย
ทว่าพันลี้ทำให้คำว่า ‘คุณใกล้’ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เ้าตัวทำให้เขารู้สึกอุ่นอยู่ในใจเมื่อได้ยิน ใกล้ยกมือขึ้นทาบบริเวณหน้าอกของตัวเองขณะมองอีกคนกำลังคุยกับเพื่อนอยู่
หัวใจของเขาไม่เต้นแรง
มันสงบนิ่ง...
และกำลังยิ้มด้วยความดีใจ
“เหมือนเราเคยเห็นเธอเลยอะ?”
“คุณใกล้อยู่คอนโดเดียวกับมึง...มึงก็ต้องเคยเห็นบ้างปะวะ?”
“ก็จริง...” เพื่อนของพันลี้พูดพร้อมส่งยิ้มให้เขา “เราชื่อ ‘เน’ นะ วันหลังถ้าเจอกัน ทักเราได้เลยนะ”
“ไอ้สัด เจ๊าะแจ๊ะเก่ง...” พันลี้พูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา ก่อนจะปัดมือเบาๆ เป็เชิงไล่อีกฝ่าย “มึงจะไปไหนก็ไป...เลิกเกาะรถกูได้แล้ว”
“รำคาญเพื่อนเก่งจริงๆ เลยน้า~”
“มึงรู้ว่าทำให้กูรำคาญก็ยังไม่ปรับปรุงตัวเนอะ”
คนชื่อเนหัวเราะชอบใจ แล้วแบมือข้างหนึ่งให้พันลี้ “ขอห้าร้อย…ถ้าได้แล้วจะไปให้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย”
“เหี้ยอะไรเนี่ย? ...อยู่คอนโดราคาเป็ล้าน แต่มาไถเงินเพื่อน”
“เมื่อเช้าเมียกูทำโทษด้วยการยึดกระเป๋าตังค์...แม่งทิ้งไว้ให้ร้อยเดียว กูกำลังจะไปเซเว่น คิดว่าร้อยเดียวไม่น่าจะพอ”
“แล้วถ้ามึงไม่เจอกู”
“ก็ต้องพอไง”
“ไอ้ควาย!”
“เอาน่า...ถือว่าช่วยต่อชีวิตให้เพื่อนหน่อย”
“ทาสเมียก็ลำบากแบบนี้แหละ” พันลี้พูดพลางล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เ้าตัวส่ายหน้าน้อยๆ ขณะหยิบแบงก์ใบสีม่วง “หัดเป็พ่อบ้านใจกล้าบ้างนะไอ้สัด”
“จ้า...เดี๋ยวถ้ามึงมีเมียแล้วจะรู้เลย”
“รู้ว่า?” พันลี้ที่ยื่นแบงก์ใบสีม่วงให้เพื่อนรีบชักมือกลับมาเพื่อรอฟังคำตอบ
“รู้ว่า...ต้องปฏิบัติตามกฎของเมียอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นจะมีสภาพเหมือนกู”
พันลี้หัวเราะชอบใจ ก่อนจะยื่นแบงก์ใบสีม่วงให้เพื่อน “ตอบดี...ตอนแรกก็จะให้มึงใช้คืนด้วย แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว เพราะกูชอบคำตอบของมึง”
“มีแววนะมึง”
“แววอะไร?”
“แววกลัวเมียไง”
“ไม่มีทาง”
“เดี๋ยวกูจะรอดู”
“ไปๆ ไอ้สัด...ไปหาข้าวแดกเถอะ”
“บาย”
ใกล้ยิ้มขณะมองคุณพระจันทร์ลอบถอนหายใจ เ้าตัวรีบกดปิดกระจกทันทีที่เพื่อนเดินจากไป พันลี้หันมามองเขาแล้วอมยิ้ม
“ขอโทษนะใกล้...เพื่อนลี้ชอบวุ่นวายแบบนี้แหละ’
“ไม่เป็ไร เราเข้าใจ”
“แต่ใกล้ไม่ต้องกลัวนะ เพราะปกติมันไม่ได้ไถเงินใครหรอก บ้านมันมีเงินอยู่ แต่ครั้งนี้มันคงโดนแฟนทำโทษหนักจริงๆ ”
ใกล้ส่งยิ้มให้อีกคนแล้วพยักหน้ารับ “เราไม่กลัวหรอก ไว้ถ้าเจอเพื่อนของพันลี้อีก เราจะทักเขาด้วย”
“ไม่ต้องทักมันหรอกใกล้...มันเป็พวกเพ้อเจ้อ คุยกับใกล้ไม่รู้เื่หรอก”
ใกล้หัวเราะเมื่อเห็นพันลี้ขมวดคิ้วขณะพูด ตอนนี้เ้าตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจเลย แต่ใกล้พอจะรู้เหตุผลที่พันลี้ไม่อยากให้คุยกับเพื่อนของเ้าตัว พันลี้คงกลัวเพื่อนตัวเองพูดไม่ดีกับเขา
แต่ใกล้ดูแล้ว...เนเป็คนอัธยาศัยดีพอสมควร
คงไม่เป็แบบที่พันลี้คิดหรอก...
เป็ในตอนนี้ที่ใกล้รวบรวมความกล้าแล้วมองหน้าพันลี้ เราสบตากันนานหลายนาที ก่อนหัวใจที่เริ่มเต้นเร็วแรงจะส่งสัญญาณให้เขาถอยทัพ ใกล้ส่งยิ้มให้คุณพระจันทร์ เพื่อขอบคุณที่วันนี้เ้าตัวทำให้เขายิ้มกว้างที่สุดในชีวิต
“ขอบคุณที่มาส่งเรานะ”
“ครับผม”
คนตัวเล็กเปิดประตูแล้วหิ้วถุงของขวัญลงมาจากรถสปอร์ตของคุณพระจันทร์ เขายืนส่งยิ้มให้คนที่อยู่ในรถ เพราะกระจกรถถูกติดฟิล์มมืดสนิท ใกล้จึงไม่เห็นคุณพระจันทร์
ถึงไม่รู้ว่าพันลี้จะหันมามองบ้างไหม
แต่ใกล้ก็จะอยู่ตรงนี้
จะคอยส่งยิ้มให้คุณพระจันทร์ตลอดไป...
ทว่ากระจกสีดำค่อยๆ เลื่อนลง และไฟภายในรถที่ถูกปิดไปแล้วกลับสว่างขึ้นอีกครั้ง ใกล้เห็นคุณพระจันทร์กำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่เหมือนกัน เ้าตัวละมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัย เพราะทั้งสองมือของใกล้เต็มไปด้วยถุงของขวัญ เขาจึงทำได้แค่พยักหน้ารับเ้าตัว
“ใกล้...”
“...”
“ถ้าใกล้เห็นลี้ที่มหา’ ลัย...ใกล้เข้ามาทักลี้ได้เลยนะครับ”
“...”
“แต่ถ้าลี้เป็ฝ่ายเห็นใกล้ก่อน...ลี้จะเข้าไปทักใกล้เอง”
เป็อีกครั้งที่ใกล้ยิ้มกว้างออกมา เขาพยักหน้ารับด้วยความดีใจก่อนเอ่ย “อื้อ...ไว้เราจะเข้าไปทักพันลี้นะ”
“ครับผม”
“...”
ประโยคสนทนาของเราจบลงแล้ว ทว่ากระจกรถยังไม่ถูกเลื่อนปิด ใกล้เลยได้เก็บภาพรอยยิ้มของคุณพระจันทร์อีกหน่อย
ใกล้มองคุณพระจันทร์จนวินาทีสุดท้าย ก่อนที่รอยยิ้มของเ้าตัวจะถูกกระจกสีดำบดบัง และเขายังยืนส่งจนรถของพันลี้เคลื่อนตัวออกจากคอนโด
คนตัวเล็กที่หิ้วของพะรุงพะรังเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าสีเข้ม แม้คุณพระจันทร์ดวงเดิมจะไปแล้ว แต่เ้าตัวยังฝากรอยยิ้มไว้กับเขาอยู่เลย
ใกล้จะจำไว้ว่า...
ในวันเกิดปีนี้
ดวงจันทร์โคจรรอบตัวเขานานหลายชั่วโมงเลย
:)
#ใกล้แค่พันลี้
X : @SP251566
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้