ส่วนเยวี่ยเจาหรานที่น่าจะกำลังกระวนกระวายยามนี้ กลับยังมีใจครุ่นคิดว่า เหตุใดจึงเป็คุณชายน้อย? หรือว่าสกุลเยี่ยนนี้ยังมีลูกนอกสมรสลับๆ ที่อายุมากกว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอีกงั้นหรือ?
อ๋อ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ๋ยเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ที่แท้เ้าคงจะเป็ลูกของเมียลับสินะ น่าสงสาร จะไม่ใช่คุณชายก็ถูกแล้วล่ะ
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอียงหัวเล็กน้อย รอให้หลิงหลงเอ่ยต่อด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ก็สมหวัง
“คือว่า… เมื่อครู่ฮูหยินใช้ให้ข้ามาเรียกท่านเ้าค่ะ!” ในที่สุดหลิงหลงที่แสดงอารมณ์ทั้งหมดจนครบแล้วก็พูดธุระต่อ โดยที่ใช้เวลาพูดไม่ถึงเสี้ยวอึดใจด้วยซ้ำ ฟังดูแล้วก็เป็เื่ธรรมดา เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงไม่เข้าใจว่านางจะกังวลเช่นนั้นไปทำไม หรือเพราะท่านแม่้าจะเรียกตนไปดุด่าว่ากล่าวจริง?
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยักหน้าเบาๆ นางเม้มปากแล้วเอ่ยในใจ ‘ขออภัยที่พูดตรงๆ ข้าไม่กลัวพ่อแม่ั้แ่อายุแปดขวบแล้ว!’
ทว่าเพื่อรักษาอารมณ์ให้สมบทบาท นางจึงวางมาดอย่างเต็มที่แล้วหันไปมองเยวี่ยเจาหรานอย่างลึกซึ้ง ทำท่าทางราวกับจะไปเสี่ยงตายในสนามรบและสาบานว่าจะกลับบ้านให้ได้ นางออกแรงตบไหล่เล็กบอบบางของเยวี่ยเจาหรานอย่างระมัดระวัง “ข้าไปไม่นานก็กลับมาแล้ว!”
เยวี่ยเจาหรานที่ยังคงครุ่นคิดว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและพี่ชายของนาง ที่เดิมทีควรจะกลายเป็สามีน้องสาวของเขาคนนั้น ใครโตกว่ากันแน่ เขาจมอยู่กับความคิดจึงไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ เพียงแค่รู้สึกได้ว่าไหล่ของตนแทบทรุดก็นึกอยากจะจัดการเ้าคนแรงเยอะให้ล้มคว่ำขาชี้ฟ้า ทว่าสุดท้ายศีลธรรมอันดีงามก็ช่วยฉุดรั้งเขาเอาไว้ จะถูกปรักปรำว่าเป็จอมหักหลังเพราะเื่เล็กๆ อีกไม่ได้
สุดท้ายเขาจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่นให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ‘สหายร่วมรบ’ ของตน แล้วเอ่ยว่า “เดินทางปลอดภัยนะ!”
หากไม่ใช่เพราะทั้งสองคนต่างรู้สึกว่าเื้ันั้นเกินจริงไปสักหน่อย น่ากลัวว่าอีกเดี๋ยวหลิงหลงคงจะร้องเพลงให้เข้ากับสถานการณ์ออกมา อย่างเช่น เพลงสิบส่งทหารแดง [1] อะไรแบบนั้น
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยัดกระบี่ในมือเข้าไปในอ้อมแขนของเยวี่ยเจาหราน แล้วจึงสาวเท้าเดินตามหลิงหลงไป เยวี่ยเจาหรานยืนอยู่กับที่ ตกอยู่ในภวังค์เนิ่นนานอย่างอาลัยอาวรณ์ เขากำลังลูบท้องน้อยๆ ที่หิวจนไส้กิ่วอยู่นั้น ไม่ทันได้ถามออกไปว่า… กินข้าวได้หรือยัง?
......
เรือนตะวันออกที่ฮูหยินแห่งจวนเยี่ยนอยู่นั้น ห่างจากเรือนแยกที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานอยู่พอสมควร นั่นจึงเป็เหตุผลว่าทำไมเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกับเยวี่ยเจาหรานทั้งสองคนถึงได้กำเริบเสิบสานอยู่ในอาณาเขตของตนได้ เพราะถึงอย่างไรในเรือนเล็กนี้ ก็อยู่ในอำนาจของตน ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น แต่เมื่อข้ามเส้นแบ่งระหว่างทั้งสองเขตมาแล้ว แม้แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็ยังอดเอาจริงเอาจังขึ้นมาไม่ได้
ถึงอย่างไรมารดาผู้นี้ของตนก็เป็ดั่งทะเลสาบเก่าแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับสิบปีในตระกูลจอมทัพ ปกติแล้วนางไม่รู้คำพูดมีพิธีรีตองของเหล่าแม่ผัวลูกสะใภ้อะไรแบบนั้นเลย แต่ในยุทธจักรเื่ดื่มเหล้าเล่นไพ่นกกระจอกกับเหล่าพี่น้องนักดื่มสุราผู้ห้าวหาญองอาจนั้น นางกลับช่ำชอง ดังนั้นเมื่อมารดาผู้ยึดมั่นในจิติญญาแห่งการเลี้ยงลูก เรียกตนจากเรือนเล็กมายังเรือนตะวันออกของเรือนหลักกะทันหัน ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้สึกตื่นระวังขึ้นมาก็นับว่าถูกต้องแล้ว
ประตูไม้แกะสลักลั่นเอี๊ยดอ๊าด หลิงหลงซึ่งเป็ผู้นำทางนั้นก็หายวับไปในชั่วพริบตา เมื่อมองให้ชัดดูอีกครั้ง จึงพบว่านางพุ่งพรวดไปอยู่ด้านหลังของฮูหยินเยี่ยนนานแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วลอบก่นด่าในใจ เ้าหมาป่าตาขาวเลี้ยงไม่เชื่อง ทำคุณให้แค่ไหน พอหันกลับมาก็กลายเป็กระต่ายหลบรัง!
“ท่านแม่ ท่านเรียกหาข้าหรือ?” เมื่อจัดการความคิดเสร็จแล้ว ในที่สุดเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงเอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงมีความไม่มั่นคงอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรในใจของตนตอนนี้ก็ไม่ได้ปลอดโปร่งนัก ไหนจะเื่น่าปวดหัวที่ไม่รู้อะไรก่อนหลังราวกับเชือกป่านพันกัน ไหนจะเื่ตัวตนของเยวี่ยเจาหราน ทั้งความเหลือทนต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่...
ฮูหยินเยี่ยนนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะของโต๊ะกลม ไร้ซึ่งท่าทีเรื่อยเฉื่อยเฉกเช่นยามปกติยิ่งทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยิ่งไม่มีความมั่นใจเข้าไปอีก มือทั้งสองกำเข้าหากัน พลันผุดเม็ดเหงื่อขึ้นมาเล็กน้อย
“อืม ข้าเรียกหาเ้า” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ และท้ายที่สุดก็กระแทกเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไม? ข้าเรียกหาเ้าไม่ได้หรือไร?!”
กระทั่งคำพูดนั้นเอ่ยออกมา เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและมารดาของนางจึงถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว นางเขยิบเข้าไปเบื้องหน้าของมารดา แล้วหมอบเอนตัวเข้าหาอย่างเชื่อฟัง
“ได้สิ ได้อยู่แล้ว ทำไมท่านไม่พูดแบบเสียแต่แรกเล่า? ทำข้ากลัวจนตื่นตระหนกเสียมากมาย”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยกมือขึ้นจับถ้วยเคลือบสีขาว ใช้ปลายนิ้วบีบคลึงเล่นอยู่พักหนึ่ง ผ่านไปครู่เดียวก็เห็นฮูหยินเยี่ยนกำลังยกมือขึ้นดีดหน้าผากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไปทีหนึ่ง แล้วเอ่ยฮึดฮัด “ที่เขาว่าแต่งสะใภ้แล้วลืมแม่ ท่าจะจริงสินะ! ั้แ่เ้าแต่งกับภรรยา… แต่งเป็ภรรยา...” หลังจากคิดหาคำเรียกใหม่อยู่นานก็ไม่เป็ผลสำเร็จ ฮูหยินเยี่ยนจึงเปลี่ยนคำพูด “ช่างเถอะๆ ั้แ่เ้าไปรับตัวเ้าสาวมาแทนพี่ชายเ้า... ไม่ได้มาหาข้านานแค่ไหนแล้ว? ฮึ!”
“โธ่ ท่านแม่ฟังข้านะ เหตุใดจึงน้อยใจกับเื่ไม่เป็เื่เล่า? ข้าคือลูกสาวที่น่ารักของท่านนะ จะลืมท่านเหมือนท่านพี่ได้อย่างไร!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยิ้มตาหยี เข้าไปดับเปลวไฟของมารดาลง จากนั้นจึงถือโอกาสลุกขึ้นไปนั่งอีกด้านหนึ่ง แล้วเกี่ยวกาชามารินชาร้อนๆ ให้ตัวเองเต็มถ้วยพร้อมเป่าเบาๆ
ฮูหยินเยี่ยนนั้นเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม นางเอี้ยวตัวกลับไปเล็กน้อย ใตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยออกมาอีกครั้ง “วันนี้ข้าเดินผ่านป่าท้อฝั่งเรือนเล็กของพวกเ้า เหตุใดจึงเห็นเ้ากับภรรยาของพี่ชายเ้า... แนบชิดกัน? ฟังข้านะเ้าเด็กคนนี้… ไม่สิ เ้าบ้านี่ อย่าคิดจะทำอะไรกับภรรยาพี่เ้าเชียวนะ?”
เมื่อได้ยินมารดาเอ่ยถ้อยคำคลุมเครือด้วยท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ น้ำชาที่เพิ่งจะเข้าปากก็พ่นกลับลงถ้วยทันที เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกระจ่างในฉับพลัน ในหัวนึกย้อนกลับไปถึงรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเยวี่ยเจาหราน รูปร่างเช่นนั้นที่ผสมไปกับท่าทางแปลกประหลาดของเขา ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลยจริงๆ
“อภัยให้ข้าด้วย อภัยให้ข้าเถอะ!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววางถ้วยลงอย่างแรง คว้าชายแขนเสื้อเช็ดคราบน้ำชาที่ปากของตนไม่หยุดด้วยความตื่นตระหนก เมื่อคิดดูอีกที ก็ไม่สามารถบอกความจริงกับมารดาตรงๆ ได้ว่าตนชอบคนที่เรียกว่าพี่สะใภ้ไม่ลงหรอก คิดดูแล้วช่างน่าปวดหัวเสียจริง
เมื่อเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือและสายตาที่เผยความสงสัยชัดเจนของฮูหยินเยี่ยน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่า หากตนไม่รีบอธิบาย น่ากลัวว่าคงถูกแม่แท้ๆ เข้าใจผิดว่ามีรสนิยมแปลกๆ เป็แน่! นางจึงเอ่ยเสริมขึ้นมาอย่างลนลาน “ไม่มีอะไรจริงๆ ที่ท่านเห็นเมื่อครู่นี้มันเป็ภาพลวงตาทั้งนั้น เพราะวันมะรืนต้องรับมือกับท่านที่อยู่ในวังท่านนั้น ข้าจึงจำใจต้องทำ...”
กระทั่งเอ่ยถึงท่านผู้นั้นในวังหลวง ฮูหยินเยี่ยนจึงเชื่อเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมากมายอีก เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโล่งใจ แล้วจึงถอนหายใจหนักๆ อีกครั้ง ไม่เอ่ยคำพูดใดอีก
“เช่นนั้นข้า...” เพียงกำลังจะเอ่ยปากลา ฮูหยินเยี่ยนกลับตวัดสายตาอีกครั้ง แล้วพูดต่อ “ช้าก่อน” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันตัวแข็งทื่อ หันกลับไปเอ่ยถามเสียงเบา “มะ มีอะไรหรือ?”
“การกลับไปคารวะพ่อแม่ฝ่ายหญิงในวันที่สามของคู่แต่งงานใหม่นับเป็เื่หยุมหยิมที่ทำให้เสียการเสียงาน แต่ประเพณีก็ไม่อาจเมินเฉย...” ฮูหยินเยี่ยนหันกลับมาช้าๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “รอพวกเ้ากลับมาจากวังหลวง ก็อย่าได้เสียเวลาอีก รีบเดินทางไปที่จวนเยวี่ยเสียเลย”
“ได้! ข้าเข้าใจแล้ว!” เมื่อเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้ยินว่าเป็เื่นี้ ก็ขานรับอย่างชื่นบาน แล้วะโผลุงตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เชิงอรรถ
[1] เพลงสิบส่งทหารแดง 《十送红军》ประพันธ์คำร้องโดย จางซื่อเซี่ย ( 张士燮) ประพันธ์ทำนองโดย จูเจิ้งเปิ่น (朱正本) เพลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงภาพความผูกพันอันลึกซึ้งของประชาชนกับกองทัพทหารแดง ที่กำลังก้าวสู่เส้นทางแห่งสมรภูมิ ทุกครั้งที่ทหารแดงออกรบ ชาวบ้านชาวเมืองจะออกไปส่งเหล่าทหาร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้