เล่มที่ 4 บทที่ 113
ท่านแม่ไม่ผิด พี่ชายไม่ผิด นางไม่ผิด และเฉินเทียนหยูก็ไม่ผิด
ด้วยความบังเอิญโดยไม่คาดคิด ท่านแม่ของนางได้พบกับเฉินเทียนหยู และนางก็กลายเป็สามีภรรยากับเฉินเทียนหยู เนื่องจากโชคชะตา นางจะสะสางความปรารถนาสุดท้ายของท่านแม่ให้สำเร็จลุล่วง นางจะต้องแก้แค้นและแก้แค้นให้ท่านพี่ของนางด้วย
อย่างไรก็ดีภาพของเฉินเทียนหยูยามแผดเสียงร้องะโและโขกศีรษะเข้ากับกำแพงทำให้หยาดน้ำตาถึงกับหลั่งไหลดุจสายฝน สภาพเช่นนั้นของเขาส่งผลให้ใจของนางเ็ปมาก นางอยากจะรับความเ็ปไว้ด้วยตัวเองเพราะอย่างน้อยนางก็รู้ว่า แม้ว่านางจะต้องทุกข์ทรมาน เฉินเทียนหยูจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดการทำร้ายตัวเองของนางด้วยเช่นเดียวกัน
คนโง่งมเช่นเฉินเทียนหยูแต่รักและดูแลนาง ทว่าเมื่อมองดูความเ็ปและการทำร้ายตัวเองของเขา นางกลับอับจนหมดหนทาง นางแทบไม่สามารถแม้กระทั่งหยุดการทำร้ายตัวเองของเขาได้
ดวงตาของนางเลือนรางเนื่องจากน้ำตา เห็นโลกที่เต็มไปด้วยประกายแสง ท่ามกลางสีสันหลากหลาย นางรู้สึกปวดใจจนหายใจไม่ออก นางเดินเข้าไปหาเฉินเทียนหยู นาง้าที่จะหยุดเขา นางจะต้องหยุดเขาให้ได้ ถ้ายังเป็เช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องตายด้วยมือตัวเอง
ทันทีที่เข้าใกล้ เฉินเทียนหยูก็ดูเหมือนสัตว์ป่าคลุ้มคลั่งแผดเสียงคำรามใส่นาง ก่อนฟาดนางด้วยฝ่ามือ แม้นางจะเตรียมการไว้ั้แ่เนิ่นๆ ถึงกระนั้นกลับไม่อาจหลบหลีกได้ทั้งหมด หลังจากถูกเขาฟาดฝ่ามือเข้าที่ไหล่ นางก็รู้สึกเ็ปสุดจะทนจนต้องก้าวเท้าถอยหลังออกไปสองสามก้าวอย่างมิอาจห้ามได้ ก่อนยกมือขึ้นกุมหน้าอกโดยกดลงบนหน้าอกที่กระเพื่อมอย่างรุนแรง เนื่องจากฝ่ามือของเฉินเทียนหยูใช้กำลังเต็มแรงเป็สาเหตุให้บริเวณมุมปากมีเืไหลออกมาอย่างมิอาจห้ามได้
“ท่านพี่… ข้าคือฉิงเอ๋อร์…” มู่หรงฉิงพยายามที่จะปลุกเฉินเทียนหยู ทว่าเฉินเทียนหยูกลับยกมือขึ้นอีกหนโดยหมายจะตบศีรษะ ฝ่ามือของเขาแข็งแกร่งมากถึงเพียงไหน หากถูกเขาตบ นางจะรอดชีวิตได้อย่างไรหรือ?
มู่หรงฉิงไม่ได้คิดอะไรอื่นอีกต่อไปแล้ว นางแค่คิดในใจว่า ปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ แม้จะต้องตาย อย่างมากก็แค่ตายไปด้วยกัน
ทันทีที่เท้าทั้งสองก้าวออกไปกลับถูกรั้งด้วยมืออันแข็งแกร่ง นางหันมองจึงเห็นจ้าวจื่อซิน เขารั้งตัวนางที่น้ำตาคลอเบ้าไว้ มู่หรงฉิงอดไม่ได้ที่จะสะอึกสะอื้น “จ้าวจื่อซิน ช่วยเขาด้วย... มีเพียงเ้าเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเขาได้... เ้าช่วยเขาได้หรือไม่? ได้หรือไม่?”
น้ำตาที่ไหลร่วงของนางบาดเข้าตาของเขาอย่างลึกล้ำ รอยเืสีแดงสดบนริมฝีปากของนาง และเืบนเสื้อของนาง ยิ่งทำให้เขาหายใจลำบากเพิ่มมากยิ่งขึ้น น้ำตาบนใบหน้าของนางยังไม่เหือดแห้ง น้ำตาใหม่ก็ไหลออกมาแทนที่แล้ว จ้าวจื่อซิน้าที่จะโอบกอดนาง และบอกนางว่ามีเขาอยู่ตรงนี้...
“จ้าวจื่อซิน ช่วยเขาด้วย...” เนื่องจากการเข้ามาอย่างกะทันหันของจ้าวจื่อซิน เฉินเทียนหยูจึงหยุดการเคลื่อนไหว และการหยุดจังหวะชั่วคราวนี้ทำให้มู่หรงฉิงมีโอกาสได้หายใจ นางพูดกับจ้าวจื่อซินว่า 'ช่วยเขา' ซ้ำๆ หลายหน เฉินเทียนหยูคำรามและกระแทกเข้าที่ผนังอีกหน ดูเหมือนว่าสติของเขาไม่ถึงกับสูญเสียไปโดยสมบูรณ์ เขารู้โดยจิตใต้สำนึกว่า ถ้าเกิดฟาดฝ่ามืออีกหน นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
“จ้าวจื่อซิน ช่วยเขาด้วย… ได้หรือไม่?” เสียงอ้อนวอนของนางเป็เสียงที่อ่อนแอและอับจนหนทางอย่างไม่เคยเป็มาก่อน จ้าวจื่อซินเลื่อนสายตามองเฉินเทียนหยูผู้ซึ่งทำร้ายตัวเองด้วยสายตาอันซับซ้อน ก่อนเข้าใจทันควันว่า นางได้ให้เฉินเทียนหยูกินยาแล้ว ไม่คาดคิดว่ายาจะมีให้ผลลัพธ์เช่นนี้
“จ้าวจื่อซิน…”
“หุบปาก ถ้าเ้ายังพูดมาก ข้าจะไม่สนใจเขาแล้ว” รำคาญนางที่ไม่รู้จักปกป้องตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าเฉินเทียนหยูไม่มีสติ แต่นางกลับยังคงกระโจนเข้าไปโดยไม่คิด ความฉลาดและไหวพริบของนางหายไปไหนแล้ว? เฉินเทียนหยูไม่มีอะไรมาก ไปกว่าการทำร้ายตัวเอง แต่นางกลับจะชดใช้ทั้งชีวิตของตัวเองเสียอย่างนั้นหรือ?
มู่หรงฉิงหุบปากทันทีที่จ้าวจื่อซินแผดเสียงดัง นางไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดอีกต่อไป เพียงแต่ดวงตาที่มีหยดน้ำตาใสยังคงจ้องมองจ้าวจื่อซินด้วยความคาดหวัง
จ้าวจื่อซินดึงมู่หรงฉิงไปนั่งลงบนเก้าอี้ แล้ววางดาบยาวลงบนโต๊ะพร้อมๆ กัน ก่อนจะฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างไปที่เฉินเทียนหยูด้วยความว่องไว
สติของเฉินเทียนหยูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจึงไม่สามารถคาดเดาการมาถึงของจ้าวจื่อซินได้ เมื่อเขากระแทกศีรษะของเขากับกำแพงซ้ำๆ หลายหน จ้าวจื่อซินก็สาวเท้าเดินไปข้างหน้าเพื่อยับยั้ง ขณะที่เขากำลังทุรนทุราย นิ้วทั้งสองของจ้าวจื่อซินได้ถูกส่งออกไปสกัดจุดเซวียของเฉินเทียนหยู
จากนั้นมู่หรงฉิงจึงเดินไปที่เตียงพร้อมกับร่างกายอันเ็ป เมื่อเห็นใบหน้าของเฉินเทียนหยูเปื้อนไปด้วยคราบเื หัวใจของนางก็รู้สึกเ็ป ถึงกับไม่สามารถบรรยายเป็คำพูดได้ ปี้เอ๋อร์เพิ่งกลับมาจากการซื้อกับข้าว ทันทีที่ก้าวเข้ามาในเรือนก็ได้ยินเสียงะโร้องของเฉินเทียนหยู นางถึงกับตะลึงพรึงเพริด และพุ่งเข้าไปหาโดยเห็นเฉินเทียนหยูถูกจ้าวจื่อซินจี้ที่จุดเซวียแล้ววางลงบนเตียง
ปี้เอ๋อร์ไม่รู้สาเหตุที่มาของคราบเืบนใบหน้าของเฉินเทียนหยู ถึงกระนั้นนางก็รีบไปยกน้ำเข้ามาด้วยความว่องไว ใช้ผ้าแพรชุบน้ำ บิดหมาดและเดินไปที่เตียงเตรียมที่จะเช็ดใบหน้าให้เฉินเทียนหยู
“ข้าทำเอง” เสียงของผู้พูดสั่นเทาทำให้ปี้เอ๋อร์ถึงกับตกตะลึง นางไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? แต่หลังจากมองดูสภาพมู่หรงฉิงซึ่งมีคราบเืปรากฏที่มุมปากและบริเวณเสื้อด้านหน้า นางจึง้าใช้ผ้าแพรเช็ดให้กับนายหญิง ทว่ามู่หรงฉิงกลับส่ายศีรษะก่อนหยิบผ้าแพรในมือของปี้เอ๋อร์นำไปเช็ดคราบเืบนใบหน้าของเฉินเทียนหยู
ขณะเช็ดที่หน้าผาก มือของมู่หรงฉิงยิ่งสั่นเทิ้มมากขึ้นเรื่อยๆ จวบจนกระทั่งคราบเืถูกเช็ดออกจนสะอาด รอยแตกบนหน้าผากของเขาทำให้นางรู้สึกหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะ
กัดริมฝีปากแน่นพยายามกลั้นน้ำตา จากนั้นสั่งให้ปี้เอ๋อร์ไปหยิบยารักษาาแ ปี้เอ๋อร์ไปและกลับมาด้วยความเร็วดุจสายลม ขณะส่งยาให้มู่หรงฉิง นางก็รู้สึกเศร้าอย่างมิอาจบรรยายเป็คำพูดได้
คุณชายรองคลุ้มคลั่งอีกแล้วหรือ? เขาถึงได้ทำร้ายคุณหนูใหญ่?
ทายาให้เฉินเทียนหยูด้วยความระมัดระวัง และกระบวนการทั้งหมดนั้นจริงจังมากราวกับวิตกกังวลว่า เขาจะกัดฟันด้วยความเ็ป จ้าวจื่อซินมองท่าทางจริงจังของนาง ในใจของเขาเหมือนถูกมีดจ้วงแทง ความเ็ปนี้เป็ความเ็ปที่บรรยายเป็คำพูดไม่ได้ เขารู้สึกเ็ปมากกว่าการกรีดร่างกายด้วยมีดเสียอีก
มู่หรงฉิง ถ้าคนที่นอนอยู่บนเตียงในเวลานี้เป็ข้า เ้าจะใส่ใจและจริงจังมากถึงเพียงนี้หรือไม่? เ้าจะระมัดระวังตัวถึงเพียงนี้หรือไม่? เ้าจะเศร้าโศกถึงเพียงนี้หรือไม่?
ในที่สุดก็ทนดูต่อไปไม่ไหว จ้าวจื่อซินหันกลับไปและหยิบดาบหมายจะออกจากห้อง อยู่ในห้องนี้เขารู้สึกหดหู่เป็อย่างมาก และเขาไม่สามารถรับรองได้ว่า ถ้าเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อไป เขาจะคลุ้มคลั่งหรือไม่?
จ้าวจื่อซินเพิ่งก้าวเท้าข้างหนึ่งออกจากห้องก็ได้ยินเสียงอุทานของปี้เอ๋อร์ “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูใหญ่?”
เสียงของปี้เอ๋อร์เต็มไปด้วยความวิตกกังวล จ้าวจื่อซินจึงหันกลับไปด้วยความเร็ว เมื่อหมุนตัวหันหลังกลับก็เห็นปี้เอ๋อร์กำลังพยุงมู่หรงฉิงจากพื้น ใบหน้าของมู่หรงฉิงซีดขาวทำให้รอยเืที่มุมปากของนางฉายชัดบาดตา
“บัดซบ” จ้าวจื่อซินก่นด่าเสียงต่ำ ก่อนก้าวไปข้างหน้าและประคองร่างของมู่หรงฉิงออกจากมือของปี้เอ๋อร์มาไว้ในอ้อมแขนของเขา เห็นๆ อยู่ว่าหลายอึดใจก่อนนางได้รับาเ็ และนางก็มัวแต่คิดเื่ไร้สาระถึงกับลืมว่าตนเองได้รับาเ็
อุ้มมู่หรงฉิงโดยเดินเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง จากนั้นวางนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะตรวจชีพจร
แม้ทักษะทางการแพทย์ของจ้าวจื่อซินจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ผู้ฝึกทักษะการต่อสู้เก่งกาจมากในด้านการรับรู้ถึงความเสี่ยงทั่วไป ฉะนั้นเมื่อแตะสองนิ้วมือ เขาก็ขมวดคิ้ว คราวนี้หัวใจของนางถูกความวิตกกังวลโจมตีเข้าจริงๆ มิหนำซ้ำนางยังได้รับาเ็ภายในไม่เบา หากไม่มีการปรับสภาพเป็เวลาสิบวันครึ่ง เกรงว่าจะฟื้นตัวได้ยาก
“เ้าดูแลนางให้ดี แล้วข้าจะกลับมา” หลังจากพูดประโยคดังกล่าว จ้าวจื่อซินก็หายตัววับดุจแสงในทันที
ถ้าบอกว่าใครสามารถทำให้นางฟื้นได้เร็วย่อมมีเพียงหมอเทวดา ่ก่อนหน้าต้องส่งจดหมายถึงหมอเทวดาหลายครั้งหลายหน เขาก็ยังลังเลและระแวดระวังโดยวิตกกังวลว่าจะถูกคนของราชสำนักพบร่องรอย แต่เนื่องจากมู่หรงฉิงได้รับาเ็สาหัส ส่วนจ้าวจื่อซินก็คิดแต่จะให้ตาเฒ่าคนนั้นมาที่นี่เท่านั้น ราชสำนักอะไรนั่น มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาหรือ?
ขณะนั้นหมอเทวดากำลังขมวดคิ้วพลางเล่นหมากรุกกับหลิงชิงป๋อ ในจังหวะที่ยังลังเลว่าจะวางตัวหมากอย่างไร จู่ๆ กระดานหมากกลับถูกพลิกคว่ำอย่างรุนแรง
ตามคำกล่าวที่ว่า ผู้ดูการเล่นหมากรุกต้องไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด และต้องไม่ทำลายการเล่นหมากรุกด้วยเช่นเดียวกัน แต่ครั้นหมากรุกที่เดินไปครึ่งแคว้นถูกใครบางคนทำลาย หมอเทวดาและหลิงชิงป๋อจึงเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าผู้มาเยือนด้วยสายตาโกรธขึ้งอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อทั้งคู่เห็นจ้าวจื่อซินที่แผ่ซ่านไอแห่งความเ็าที่ยากต่อการต้านทานได้ ทันใดนั้นหมอเทวดาก็ถึงกับกลืนคำพูดของเขา “เ้าเด็กเปรต เ้าทำลายการเล่นหมากรุกได้อย่างไร? การกระทำเช่นนี้เป็การกระทำของคนสันดานเลวจริงๆ”
“ผู้หญิงคนนั้นได้รับาเ็แล้ว เ้ารีบไปดูกับข้าเร็วเข้า” หลังจากพูดจบจ้าวจื่อซินก็ไม่สนใจว่าหมอเทวดาจะเข้าใจหรือไม่ เขาดึงผ้าปูโต๊ะก่อนห่อตัวหมอเทวดา อุ้มยกชายชราผู้ซึ่งกำลังก่นด่าพาออกจากกำแพงด้วยความว่องไวโดยไม่ทันได้โต้แย้ง
จากการปรากฏตัวของจ้าวจื่อซินจวบจนกระทั่งหมอเทวดาถูกนำตัวไป มันเป็่เวลาเพียงชั่วครู่เดียว ขณะทหารองครักษ์ได้ยินเสียงและมาที่นี่ พวกจ้าวจื่อซินสองคนก็หายตัวไปโดยปราศจากร่องรอย
ครั้นมองดูชิ้นหมากรุกที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น หลิงชิงป๋อได้แต่เงียบเสียงไม่พูดอะไร เขากุมมือไว้ด้านหลัง ค่อยๆ เดินไปทางห้องหนังสือ
เขาจำชายหนุ่มคนนั้นได้ ดูเหมือนจะเป็องครักษ์เคียงข้างฉิงเอ๋อร์ หากพิจารณาจากท่าทีของอีกฝ่ายในวันนั้น เขาคิดว่าชายหนุ่มคงจะสนใจฉิงเอ๋อร์ เพียงแต่คนที่อยู่ในสถานการณ์ย่อมมองไม่ทะลุปรุโปร่ง ในขณะที่ฉิงเอ๋อร์ก็เกรงว่าคงจะมองไม่เห็นความรักอันลึกซึ้ง ในดวงตาของชายหนุ่มคนนั้น บางทีตนอาจจะผ่านความผันผวนในชีวิตซึ่งมีแต่ความแปรปรวนมาแล้วจึงสามารถมองเห็นความรักที่ซุกซ่อนในดวงตาคู่นั้นได้
ชายหนุ่มพาตัวหมอเทวดาออกไปด้วยความกระวนกระวายใจ แล้ว 'ผู้หญิงคนนั้น' ที่ถูกพูดถึงเป็ใครหรือ? เป็ไปได้หรือไม่ว่าฉิงเอ๋อร์จะประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด?
คิดได้ดังนั้น เขาก็นึกถึงเฉินเทียนหยูที่ใช้กำลังกับนางอยู่บ่อยครั้ง ก่อนปรากฏความคิดบางอย่าง เขาสาวเท้าก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ และหลังจากประตูห้องหนังสือปิดลง เงาร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวยืนอยู่ด้านหลังเขา “ผู้น้อยไร้ซึ่งความสามารถ ผู้น้อยไม่อาจยับยั้งคนผู้นั้นยามเขาเข้ามาในจวน”
“ถ้าเขา้ามา เ้าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริงๆ” โบกมือไปมา บ่งชี้ให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจกับเื่นี้ “ไปตรวจสอบว่า ท่าทีร้อนรนของเขาเกิดจากสาเหตุใด? หลังจากนั้น สืบค้นว่าชายหนุ่มคนนั้นมีที่มาอย่างไร? ข้ามักจะรู้สึกว่า ต้นกำเนิดของชายหนุ่มผู้นั้นไม่ธรรมดาอยู่เสมอ”
“รับทราบ”
----------------------------
หมอเทวดาถูกจ้าวจื่อซินพาเข้ามาในห้องจึงได้เห็นมู่หรงฉิงนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว และปี้เอ๋อร์ได้เปลี่ยนชุดเปื้อนคราบเืของผู้เป็นายหญิงแล้ว จึงไม่น่าตกตะลึงจนเกินไป
“โธ่ ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงได้นอนอีกแล้วล่ะ? นี่ก็ผ่านไปสองสามวันเอง? ใบหน้าของนางซีดเซียวนัก?” ครั้นเห็นศิษย์สุดที่รักของเขาได้รับาเ็อีกหน หมอเทวดาก็พูดด้วยความใ วิ่งปรี่เข้าไปหยุดที่ด้านข้างเตียง จากนั้นวางสองนิ้วมือเพื่อตรวจชีพจรของนาง
การตรวจชีพจรทำให้เขาถึงกับใทันที “ให้ตายเถอะ ผู้ใดโเี้ถึงเพียงนี้? คิดไม่ถึงว่าจะลงมือกับศิษย์ที่ดีของข้าอย่างโเี้ ถ้าทำต่อไปอีก นางจะไม่ตายหรือ?”
“หยุดพูดพล่ามได้แล้ว รีบช่วยชีวิตคนก่อนเถอะ” จ้าวจื่อซินอยากจะชกหมอเทวดาอย่างเหลือทน นี่เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว? เขายังมีเวลาพูดพล่ามอยู่อีก
“ไม่จำเป็ต้องให้เ้าพูดมาก ข้าไม่ได้นำเข็มเงินมาที่นี่ หัวใจของนางถูกโจมตีโดยความเสียใจ นางหายใจลำบาก เป็การยากที่จะทำให้ลมปราณไหลเวียนดีโดยปราศจากเข็มเงิน” หมอเทวดาก็วิตกกังวลเช่นเดียวกัน เมื่อคิดได้ว่าในชีวิตนี้ เขาเพียง้าให้จ้าวจื่อซินเป็ศิษย์ของเขา แต่ผลที่ได้ก็คือ จ้าวจื่อซินไม่เต็มใจและไม่รับความหวังดีของเขา ไม่ใช่เื่ง่ายที่ในที่สุด เขาก็สามารถหลอกเป้ยหนิงให้เป็ศิษย์ของเขาได้ แต่นางเป็ศิษย์ที่ดื้อรั้น และเป็องค์หญิงอันธพาลที่ไม่เรียนรู้ทักษะการแพทย์ เป็เื่ยากที่จะรับศิษย์นิสัยดี มีวาสนาทางการแพทย์และยังมีใจอยากจะเรียนทักษะการแพทย์ เขาชอบนางเป็อย่างมาก แต่ไม่นึกไม่ฝันว่า จู่ๆ ใครบางคนก็ลงมือทำร้ายศิษย์ที่ดีของเขาอย่างโเี้ เขาสาบานว่า หลังจากเขาช่วยศิษย์ที่ดีของเขาได้ เขาจะต้องจัดการมือของคนผู้นั้นให้ใช้งานไม่ได้อีกต่อไปอย่างแน่นอน
จ้าวจื่อซินได้ยินถ้อยคำนั้นเขาก็ห่อหุ้มหมอเทวดาอีกหนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนพาตัวหมอเทวดาหายวับไปทันควัน เดินทางจากเรือนไปยังจวนของอาจารย์องค์ชายรัชทายาท และกลับมาจากจวนของอาจารย์องค์ชายรัชทายาท ปรากฏว่าเขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป
หมอเทวดารู้สึกวิงเวียนศีรษะ แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น เขานึกทึ่งกับวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมของจ้าวจื่อซินอย่างอดไม่ได้