ทว่าไป๋เซียงจู๋กลับยิ้มอย่างมั่นใจ “เพราะฉะนั้น หลี่ฟู่กุ้ย แม่เฒ่าตู้ เ้าทั้งสองบังอาจพูดจาเหลวไหลต่อหน้าท่านยายและท่านน้า ไม่เห็นท่านยายข้าอยู่อยู่ในสายตาเลยหรือ! มา! คนโกหกนี่ไม่ยอมพูดความจริง โบยต่อไปอีกห้าสิบไม้!”
หลี่ฟู่กุ้ยและแม่เฒ่าตู้ได้ยินดังนั้นก็กลัวจนแข้งขาอ่อนแรงในทันที ร้องห่มร้องไห้อ้อนวอน “ฮูหยินรองช่วยด้วย บ่าวแค่สับสนไปชั่วครู่ บ่าวจำไม่ได้ เราถูกปรักปรำจริงๆ ฮูหยินรองได้โปรดช่วยบ่าวด้วย...”
หากถูกโบยห้าสิบไม้ ไม่ตายก็อาการร่อแร่
อวี๋ซื่อตกหลุมพรางของไป๋เซียงจู๋ และบัดนี้ก็เสียหน้าอีก แต่นี่คือคนที่นางส่งไปใส่ร้ายป้ายสีไป๋เซียงจู๋ ไม่ช่วยก็ไม่ได้!
อวี๋ซื่ออดกลั้นอารมณ์โมโหนั่นไว้ “ท่านแม่ หลี่ฟู่กุ้ยคนนี้กับแม่เฒ่าตู้อายุมากแล้วจริงๆ จะลืมเลือนไปชั่วขณะก็เป็ไปได้ อีกอย่างสองคนนี้รับใช้ลูกมานานยิ่งนัก ลูกเองก็เคยให้รางวัลอยู่บ้าง ทั้งสองคงมัธยัสถ์ไม่เคยใช้เงินพวกนั้น ลูกคิดว่าพวกเขาไม่ทำเื่อะไรโง่เง่าแน่นอน”
ฮูหยินรองแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่า้าใช้สถานะตนเข้าช่วย
ฮูหยินเฒ่าขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจ
“ในเมื่อท่านน้าเชื่อมั่นว่าฟู่กุ้ยบริสุทธิ์ เช่นนั้นจู๋เอ๋อร์ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อท่านน้า” ไป๋เซียงจู๋คลี่ยิ้มบาง ดวงหน้างามล้ำประหนึ่งบุปผากำลังจะบานสะพรั่ง กอปรกับความสง่าของนางในเวลานี้ เรียกได้ว่าสวยอย่างน่าอัศจรรย์จนทำให้ผู้พบเห็นแทบเคลิบเคลิ้ม
นางเปลี่ยนประเด็นสนทนา แววตาฉายไปยังแม่เฒ่าตู้ที่ตัวสั่นงกอยู่ข้างๆ แทน “เช่นนั้นแล้วพวกเรามาสอบสวนแม่เฒ่าตู้ต่อกันเถิดเ้าค่ะ แม่เฒ่าตู้ เ้าเป็คนปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดข้าตลอดสามวันที่ขึ้นเขาไปไหว้พระขอพร หากเ้าพูดปดด้วย ห้าสิบไม้นี่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!”
เมื่อครู่แม่เฒ่าตู้เห็นตัวอย่างแล้ว ตอนนี้วาจาของไป๋เซียงจู๋ไม่ต่างจากพระบรมราชโองการ ไม่มีใครกล้าไม่ฟัง ถ้าให้นางโดนโบยหนึ่งร้อยไม้จริง นางก็ตายจริงๆ เช่นกัน!
ทว่าฮูหยินรองก็กำลังจ้องเขม็งมาทางตน หากขัดขืนฮูหยินรอง ทั้งตนกับครอบครัวจะเดือดร้อนกันหมด จู่ๆ นางก็นึกถึงสายตาตอนขึ้นรถม้าของคุณหนูใหญ่ในวันนั้นจนใจสั่นครั่นคร้ามขึ้นมา แต่ยังคงต้องกัดฟันยอมกินผลไม้รสขมนี่ลงไป
“คุณหนูใหญ่ บ่าวไม่มีเงิน”
พอไป๋เซียงจู๋ได้ยินนางก็ขำขันถูกอกถูกใจ แม่เฒ่าตู้ผู้นี้ฉลาดหลักแหลมกว่าหลี่ฟู่กุ้ย แต่เพราะแบบนี้ก็ยิ่งสนุกมิใช่หรือ
“แม่เฒ่าตู้ ปิ่นหยกบนหัวเ้ามีเอกลักษณ์ยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เห็นเ้าปัก”
แม่เฒ่าตู้อึ้งไปครู่หนึ่งแล้วตอบกลับทันควัน “ปิ่นอันนี้บรรพบุรุษข้าส่งต่อมา เมื่อก่อนกลัวจะทำหาย...”
“แล้วไยตอนนี้เ้าจึงปักมันเล่า”
แม่เฒ่าตู้เหงื่อเย็นเริ่มแตก “คือ... บ่าวเห็นว่าวางไว้เฉยๆ ช่างน่าเสียดายทีเดียว...”
ไป๋เซียงจู๋พูดต่อ “บังเอิญเหลือเกิน คนจำผิดในวันนี้มีอยู่ไม่น้อยเลย ท่านน้า ท่านคิดว่าอย่างไรเ้าคะ”
สิ้นถ้อยคำนี้แล้ว อวี๋ซื่อยังสามารถปกป้องบ่าวได้อีกเสียที่ไหน นางทำได้เพียงกัดฟันทน ตอนนี้อยากจะบีบคอไป๋เซียงจู๋ให้ตายเต็มที
“ข้าเชื่อคำของเ้าก่อนแล้วกัน” ไป๋เซียงจู๋ยกยิ้ม “ข้าขอถามเ้าหน่อย บนปิ่นอันนี้แกะสลักเป็รูปดอกมู่หลาน [1] ใช่หรือไม่”
แม่เฒ่าตู้เหงื่อแตกโทรมกาย “ใช่ๆๆ เ้าค่ะ บนปิ่นอันนี้มีดอกมู่หลานอยู่จริงๆ เป็ของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษข้า มีเอกลักษณ์มากเ้าค่ะ”
ปิ่นนี้คือสิ่งที่ฮูหยินรองมอบให้นางเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน ฮูหยินรองเป็คนปักบนศีรษะนางเองด้วยซ้ำ นางไม่ได้มีกะจิตกะใจหันไปดูหรอก รู้สึกแค่ว่าปลาบปลื้มเหลือล้น พอได้ยินไป๋เซียงจู๋พูดแบบนี้ จึงจำต้องรีบเออออตอบรับไป
“แม่เฒ่าตู้!” ไป๋ชิงโหรวที่ยืนอยู่อีกด้านโมโหจนกระทืบเท้าไม่หยุด นางอยากเข้าไปกระชากแม่เฒ่าตู้ให้หุบปากนัก ปิ่นนั่นเป็สินเดิมของท่านแม่ บนนั้นมีดอกมู่หลานอะไรนั่นเสียที่ไหน มันเป็เพียงปิ่นหยกสีเขียวโปร่งแสงก็เท่านั้น
ไป๋เซียงจู๋ยิ้มแย้มละมุนละไม “ท่านน้า เป็เพราะจู๋เอ๋อร์ตาไม่ดีหรือเ้าคะ นี่มิใช่ปิ่นหยกที่ท่านน้าปักเป็นิจหรือ ไยจึงกลายเป็สมบัติจากบรรพบุรุษของแม่เฒ่าตู้ไปได้ ชัดเจนแล้วว่าบ่าวคนนี้โกหก ขโมยปิ่นของท่านน้า สืบทอดจากบรรพบุรุษอะไรกัน! ปิ่นนี่อย่างน้อยๆ ก็ราคาหลายร้อยตำลึงเงิน หากนางมีเงินมากขนาดนั้น จะมาเป็คนรับใช้ให้จวนไป๋ไปทำไม นางกล้าขโมยกระทั่งของของท่านน้าแล้ว เช่นนั้นปกติจะขโมยมากเท่าไรกัน! ท่านยายเ้าคะ แค่ตรวจค้นที่พักของแม่เฒ่าผู้นี้ ความจริงจะปรากฏทันที นอกจากพวกเราแล้วในจวนยังมีตัวอันตรายนี่ด้วย!”
ฮูหยินเฒ่าไป๋รับสั่ง “ถ้าไม่มีคำโต้แย้ง หัวหน้าบ่าว ส่งคนไปค้นห้อง”
อวี๋ซื่อหน้าเปลี่ยนสี จริงอยู่ที่นางให้ปิ่นแก่แม่เฒ่าตู้ ทว่านางยอมรับเื่นี้ไม่ได้ เพราะปิ่นปักผมอันนี้คือสิ่งที่นายท่านไป๋สั่งทำเป็ของกำนัลตอนนางสมรสเข้ามา ภายหลังก็เป็ส่วนหนึ่งในสมบัติส่วนตัวของนาง หากนายท่านไป๋รู้ว่านางส่งต่อของหมั้นที่เขาเตรียมด้วยตนเองให้บ่าวรับใช้คนหนึ่งง่ายๆ นางย่อมไม่มีคำแก้ตัวที่ฟังขึ้น โชคดีที่นายท่านไป๋ไม่อยู่ที่นี่ แต่จะค้นห้องของแม่เฒ่าตู้ไม่ได้เด็ดขาด หลายปีมานี้อวี๋ซื่อบริหารจวนไป๋โดยรายงานบัญชีเท็จเพื่อหาผลประโยชน์บ่อยครั้ง แม่เฒ่าตู้คือมือขวาของนาง ดังนั้นจึงเป็เื่ธรรมดาที่นางจะปูนบำเหน็จให้ไม่ขาด เนื่องจากตอนนี้นายท่านไป๋ติดต่อการค้าในต่างแดน และการซื้อผ้าไหมต้องใช้เงินมาก ดังนั้นั้แ่ครึ่งปีก่อน เงินในคลังของจวนไป๋จึงเกือบเกลี้ยงแล้ว ทว่าตนและบ่าวใกล้ตัวกลับยังคงฟุ่มเฟือย ถ้าพวกเขาค้นห้องเจอเครื่องประดับเงินทองพวกนั้นเข้า... หลังจากค้นแล้ว นางคงจะรักษาอำนาจดูแลจวนไป๋ไว้ไม่ได้อีกต่อไป
เชิงอรรถ
[1]木兰花 ดอกมู่หลาน คือ ดอกแมกโนเลีย