บทที่ 1: ห้วงฝันของเหลียนฮวา
เหมันต์ฤดูในแคว้นต้าหลงปีนี้ราวกับจะกลืนกินทุกสรรพชีวิต ลมหนาวกรีดผ่านรอยแตกของบานหน้าต่างไม้เก่าคร่ำคร่า ส่งเสียงครวญครางโหยหวนคล้ายิญญาผู้ทุกข์ทน มันลอดเข้ามาในห้องเก็บฟืนอันมืดทึบและอับชื้นที่ท้ายร้าน "โอสถหมื่นพฤกษา" ลูบไล้ร่างเล็กผอมบางของเด็กสาวนางหนึ่งซึ่งนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งกรอบ
เหลียนฮวา
นามของนางคือดอกบัวทว่าชีวิตของนางกลับไม่ต่างอันใดจากพืชน้ำที่เกิดผิดที่ผิดทาง ในบ่อโคลนอันหนาวเหน็บ ร่างกายบอบบางในวัยสิบสี่หนาวสั่นสะท้านมิใช่เพียงเพราะความเย็นเยียบที่กัดกินจนถึงกระดูก หากแต่เป็เพราะพิษไข้ที่รุมเร้ามานานหลายวัน เปลือกตาของนางหนักอึ้งราวกับมีหินถ่วง ทุกอย่างพร่าเลือนราวกับมองผ่านม่านหมอกหนาทึบ
กลิ่นดินชื้นๆ กลิ่นรากไม้แห้งและกลิ่นขมปร่าของสมุนไพรนานาชนิดที่โชยมาจาก ร้านด้านหน้า คือโลกทั้งใบของนางในยามนี้
ชีวิตของเหลียนฮวาถูกขีดเขียนด้วยคำว่า "อัปโชค" ั้แ่จำความได้ มารดาป่วยกระเสาะกระแสะ น้องสาววัยเจ็ดหนาวยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจความทุกข์ยาก ส่วนบิดา... คำว่า "บิดา" สำหรับนางคือเงาเลือนรางของชายขี้เมาผู้จมปลักอยู่กับการพนัน นานๆ ครั้งจะปรากฏตัวเพื่อขโมยเศษเงินที่นางซุกซ่อนไว้ไปละลายในบ่อน
ความสงสารของเถ้าแก่ร้านโอสถหมื่นพฤกษา คือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้นางและครอบครัวยังพอมีลมหายใจ เขารับนางมาทำงานเป็คนล้างสมุนไพร แลกกับเงินเดือนอันน้อยนิดและเศษอาหารที่พอจะประทังชีวิตคนสามคนไปได้วันต่อวัน
"แค่ก... แค่กๆ ..."
เสียงไอแหบแห้งดังออกมาจากลำคอที่เจ็บระบม ทุกครั้งที่ไอ ร่างกายของนางจะสั่นะเืไปทั้งร่าง ความเ็ปแล่นริ้วไปทั่วแผ่นหลังราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทง
ประตูห้องเก็บฟืนถูกกระแทกเปิดออกเสียงดังปัง!
แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเข้ามาจนเหลียนฮวาต้องหยีตา ร่างอรชรในอาภรณ์ผ้าไหมปักลายบุปผาสีชมพูสดใสปรากฏขึ้นที่หน้าประตู เรือนผมสีดำขลับถูกรวบเกล้าอย่างประณีตด้วยปิ่นหยกขาวสะอาดสะอ้าน ใบหน้างดงามหมดจดราวภาพวาดของคุณหนูในตระกูลสูงศักดิ์
คุณหนูซูเม่ย... บุตรสาวคนเดียวของเถ้าแก่
"ยังไม่ตายอีกหรือ?" น้ำเสียงแหลมสูงดุจมีดกรีดแผ่นน้ำแข็งดังขึ้น แววตาที่มองมายังร่างบนกองฟางนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ "ดูสภาพเ้าสิ สกปรกมอมแมมยิ่งกว่าขอทานข้างถนนเสียอีก! สมุนไพรชุดใหม่มาแล้ว รีบลุกไปล้างให้เสร็จ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ!"
เหลียนฮวาพยายามอย่างสุดกำลังที่จะยันกายลุกขึ้น ทว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดราวกับถูกสูบหายไปจากร่าง นางทำได้เพียงส่งเสียงแหบพร่า "ขะ...ขออภัยเ้าค่ะคุณหนู... ข้า...ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี..."
"ไม่ดี?" ซูเม่ยแค่นเสียงหัวเราะ "คนชั้นต่ำเช่นเ้าจะมีดีได้อย่างไร? วันๆ เอาแต่ไอค่อกแค่ก น่ารำคาญสิ้นดี! รู้หรือไม่ว่ายาสำหรับคนชั้นสูงเช่นข้า หากแปดเปื้อนไอจนๆ ของเ้าเข้าไป จะขายได้อย่างไรกัน!"
นางเดินเข้ามาใกล้ใช้ปลายเท้าที่สวมรองเท้าปักลายงดงามเขี่ยแขนของเหลียนฮวาอย่างไม่ไยดี "ลุกขึ้น! หากวันนี้ล้างสมุนไพรไม่เสร็จ ก็ไม่ต้องกินข้าวเย็น!"
สิ้นคำพูดนั้น นางก็หมุนกายเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องประทินผิวราคาแพง และความเ็ปร้าวรานในหัวใจของเด็กสาว
น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินจากหางตา ซึมหายไปในกองฟางสกปรก นางไม่ได้เสียใจที่ถูกด่าทอ เพราะชินชากับมันเสียแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้นางเ็ป คือความจริงที่ว่าหากนางล้มป่วยลง ครอบครัวของนางจะอยู่อย่างไร...
ท่านแม่ที่นอนรอยาอยู่ที่บ้าน... ซิงเอ๋อร์ น้องสาวที่รอคอยเศษซาลาเปาที่นางจะนำกลับไปให้...
"ท่านแม่... ซิงเอ๋อร์..." นางพึมพำกับตัวเอง เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายถูกเค้นออกมาเพื่อพยุงร่างให้ลุกขึ้นนั่ง ทว่าโลกทั้งใบกลับหมุนคว้าง ศีรษะหนักอึ้งจนแทบทรงตัวไม่อยู่
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และกลิ่นเหล้าฉุนกึ้กก็ดังมาจากหน้าประตู ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งโซซัดโซเซเข้ามา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาปรอย ฉายแววสำนึกผิดจาง ๆ ที่มักจะปรากฏขึ้นยามสร่างเมาเสมอ
"ฮวาเอ๋อร์... ลูกพ่อ..."
เหลียนต้าหู่ทรุดกายนั่งลงข้างๆ กลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งจนน่าเวียนหัว เขายื่นห่อกระดาษมันเยิ้มส่งมาให้ ในน้ำเสียงนั้นเจือความหวังอยู่เล็กน้อย "พ่อ... พ่อไปขอหมอที่ตลาดมา เขาบอกว่านี่เป็ยาดี... ยาแก้ไข้ชั้นเลิศ เ้ากินเสียนะ จะได้หายไว ๆ"
เหลียนฮวามองห่อยานั้นด้วยสายตาว่างเปล่า "ท่านพ่อ... ท่านเอาเงินที่ไหนมาซื้อยา..."
"เอ่อ... คือ..." เหลียนต้าหู่หลบสายตา "เพื่อนพ่อ...เขาให้มาน่ะ! เขาสงสารที่เ้าป่วย รีบกินเถอะ" เหลียนต้าหู่คะยั้นคะยอ ยัดห่อยาใส่มือที่เย็นชืดของบุตรสาว
เหลียนฮวามองลึกลงไปในดวงตาที่หลุกหลิกของบิดา นางรู้จักสายตาแบบนี้ดี... เป็สายตาเดียวกันกับเมื่อครั้งที่เขาขโมยปิ่นปักผมอันเป็ของดูต่างหน้าชิ้นเดียวของ ท่านแม่ไปจำนำ เป็สายตาเดียวกับตอนที่เขาสาบานว่าจะเลิกเล่นพนันเป็ครั้งที่ร้อย
ไม่ใช่... เขาไม่ได้ซื้อมันมา
หัวใจของนางเย็นเยียบลงกว่าเดิม แม้ร่างกายจะร้อนรุ่มดั่งไฟเผา แต่ในแววตาของบิดา นางเห็นความละอายที่ปิดซ่อนไม่มิด... เขาคงไปหยิบฉวยมาจากที่ใดที่หนึ่งเป็แน่ แต่ในยามนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เรี่ยวแรงที่จะเดินไปขอน้ำร้อนจากในครัวยังไม่มีด้วยซ้ำ
"น้ำ... ข้าขอน้ำหน่อยเ้าค่ะ"
เหลียนต้าหู่รีบลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นราวกับ้าไถ่โทษ เขาวิ่งหายออกไปครู่หนึ่งแล้วกลับมาพร้อมถ้วยกระเบื้องบิ่นๆ ที่บรรจุน้ำเย็นชืดจนแทบเป็น้ำแข็ง เขารีบแกะห่อยา เทผงสีน้ำตาลคล้ำลงไป คนอย่างลวก ๆ แล้วประคองส่งให้ถึงปากนาง
"ดื่มเสีย... ดื่มแล้วจะได้มีแรงนะลูกพ่อ"
กลิ่นดินขมเฝื่อนลอยปะทะจมูก เหลียนฮวาหลับตาลง กล้ำกลืนของเหลวรสชาติประหลาดนั้นลงคอจนหมดถ้วย ความขมปร่าบาดลึกไปทั้งลำคอจนนางไอโขลกออกมาอีกหลายครั้ง
"ดี...ดีมาก" เหลียนต้าหู่ลูบศีรษะนางแ่เบา "นอนพักเสียนะ เดี๋ยวพ่อจะไปบอกคุณหนูของเ้าให้ว่าเ้าไม่สบายจริง ๆ"
เขาพูดจบก็รีบเดินจากไปทิ้งให้นางนอนอยู่ตามลำพังกับความหนาวเหน็บและความ เ็ปที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
ทว่า...มันไม่ใช่ความเ็ปจากพิษไข้ที่นางคุ้นเคย
ราวกับมีบางสิ่งกำลังกัดกินอยู่ภายในช่องท้อง ความร้อนที่เคยมีกลับกลายเป็ความเย็นะเืที่แล่นพล่านไปตามเส้นเื นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงสู่แม่น้ำที่หนาวเหน็บที่สุดในขุมนรก ลมหายใจเริ่มติดขัด ภาพตรงหน้าพร่าเลือนยิ่งกว่าเดิม
นี่มัน... ไม่ใช่ยาแก้พิษไข้...
ความรู้พื้นฐานเื่สมุนไพรที่ได้จากการทำงานในร้านมาหลายเดือน กรีดร้องเตือนนางอยู่ในหัว รสชาติและอาการเช่นนี้... คล้ายกับ... คล้ายกับ "รากอสรพิษเหมันต์" สมุนไพรพิษอ่อนๆ ที่ปกติจะใช้ในปริมาณน้อยนิดเพื่อเป็ยาขับลม แต่หากกินเข้าไปในปริมาณมากเกินไป... มันจะทำให้เืแข็งตัวและหัวใจหยุดเต้นอย่างช้าๆ!
ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวฟาดใส่หน้านางอย่างจัง บิดาของนางคงไปขโมยสมุนไพรจากหลังร้านมาด้วยความไม่รู้หนังสือ หยิบผิดต้น... หยิบผิดชีวิต!
"ท่าน...พ่อ..." เสียงของนางแ่เบาราวกระซิบ ไม่มีใครได้ยิน นางพยายามจะยกมือขึ้น แต่แขนขากลับชาดิกไม่ยอมขยับตามสั่ง เปลือกตาหนักอึ้งเกินกว่าจะฝืนลืมต่อไปได้
ความมืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา...
ในห้วงสุดท้ายของสติสัมปชัญญะ ภาพความทรงจำสุดท้ายที่ผุดขึ้นมาไม่ใช่ใบหน้าของผู้ใด แต่เป็ภาพของซาลาเปาแป้งขาวลูกอวบอ้วนที่นางตั้งใจจะเก็บเงินซื้อกลับไปฝากซิง เอ๋อร์ในวันพรุ่งนี้
ขอโทษนะ...ซิงเอ๋อร์... พี่สาว...กลับไปหาเ้าไม่ได้แล้ว
ท่านแม่... ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเ้าคะ...
น้ำตาหยดสุดท้ายไหลจากหางตาที่ปิดสนิท ก่อนที่โลกทั้งใบของเด็กสาวนาม "เหลียนฮวา" จะดับสิ้นลงอย่างสมบูรณ์
...
นานเท่าใดแล้วที่จมอยู่ในความมืดมิดอันเป็นิรันดร์? หนึ่งชั่วยาม? หนึ่งวัน? หรือหนึ่งร้อยปี?
ไม่มีกาลเวลาในห้วงแห่งความตายอันเงียบสงัดนี้
ทว่าทันใดนั้น... ท่ามกลางความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด แสงสีทองเรืองรองสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น มันเจิดจ้าและอบอุ่นราวกับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ แสงนั้นพุ่งทะยานเข้ามาสู่จุดศูนย์กลางของความมืด... สู่จิติญญาที่ดับสลายไปแล้วของเหลียนฮวา
"ในที่สุด... ก็พบแล้ว... ร่างที่เหมาะสม..."
เสียงทุ้มกังวานดุจระฆังฟ้าดังสะท้อนก้องอยู่ในความว่างเปล่า เสียงนั้นมิใช่ทั้งบุรุษหรือสตรี เป็เสียงของผู้ที่อยู่เหนือกาลเวลาและสังสารวัฏ
"เศษเสี้ยวิญญาแห่งเซียนโอสถเยว่ซินหลัน... จงอาศัยกายานี้เป็รากฐาน... จงตื่นขึ้นอีกครั้ง!"
สิ้นเสียงประกาศิต แสงสีทองก็ะเิออก ห่อหุ้มจิติญญาที่แตกสลายให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ก่อนจะสถิตลงในร่างไร้ลมหายใจที่นอนแน่นิ่งอยู่บนกองฟาง
...
"เฮ้! นังเด็กี้เี! ตายรึยัง!"
เสียงแหลมสูงของคุณหนูซูเม่ยดังขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาพร้อมกับบ่าวรับใช้ร่างกำยำสองคน เพราะเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้วแต่เหลียนฮวาก็ยังไม่โผล่ไปทำงาน
เมื่อเห็นร่างของเด็กสาวนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ซูเม่ยก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ "สกปรกสิ้นดี! ไปสิ ไปลากมันออกมาโยนทิ้งนอกร้าน อย่าให้มาตายสร้างความอัปมงคลที่นี่!"
บ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้าไปอย่างไม่เต็มใจนัก เขายื่นมือไปหมายจะคว้าแขนของเด็กสาว
แต่แล้ว...ปาฏิหาริย์ก็บังเกิด!
เปลือกตาที่ปิดสนิทมานานหลายชั่วยาม...พลันกระพริบเปิดขึ้นช้า ๆ
ดวงตาคู่นั้น...ไม่ใช่ดวงตาที่หวาดกลัวและอ่อนแอของเหลียนฮวาคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
มันคือดวงตาที่สงบนิ่งและลึกล้ำราวกับมหาสมุทรในคืนเดือนดับ ภายในแววตาคู่นั้นฉายประกายแห่งปัญญาที่สั่งสมมานับพันปี ความเ็าที่มองเห็นทุกสิ่งเป็เพียงธุลีดิน และความสับสนงุนงงที่พยายามจะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
เซียนโอสถเยว่ซินหลัน... ในร่างของเหลียนฮวา... ได้ตื่นขึ้นแล้ว
นางมองเพดานไม้ผุพัง มองกองฟางที่นอนอยู่ และมองใบหน้าตกตะลึงของบ่าวรับใช้ ความทรงจำอันเ็ปรวดร้าวของเ้าของร่างเดิมไหลบ่าเข้ามาในหัวราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก ภาพของมารดาที่ป่วยหนัก น้องสาวที่หิวโหย บิดาขี้เมา และยาพิษถ้วยสุดท้าย...
นางััได้ถึงพลังงานพิษที่ยังตกค้างอยู่ในเส้นชีพจร แม้มันจะอ่อนกำลังลงมากจากการต่อต้านของิญญาเซียน แต่ก็ยังคงอยู่
ถูกวางยา... โดยบิดาของตนเอง...
ความรู้สึกที่ไม่ใช่ของนาง แต่เป็ของเ้าของร่างเดิม ปะทุขึ้นในอก มันคือความเสียใจ ความสิ้นหวัง และความโกรธแค้นอันมหาศาล
ร่างเล็กผอมบางค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า แต่มั่นคงผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับ นางกวาดสายตามองซูเม่ยและบ่าวรับใช้ด้วยแววตาที่เ็าจนน่าขนลุก
"เมื่อครู่... เ้าพูดว่าอะไรนะ?" น้ำเสียงของนางยังคงแหบแห้ง แต่กลับแฝงไว้ด้วยอำนาจบางอย่างที่ทำให้ผู้ฟังต้องหยุดชะงัก
ซูเม่ยที่หายจากอาการใแล้วก็เชิดหน้าขึ้น "ข้าบอกให้คนมาลากเ้าไปทิ้ง! ทำไมรึ? นังเด็กขอทาน ยังมีหน้ามาทำเสียงแข็งใส่ข้าอีกหรือ!"
เหลียนฮวาไม่ตอบโต้ นางเพียงแค่ยกยิ้มที่มุมปาก เป็รอยยิ้มที่เยือกเย็นและอ่านไม่ออก
"โยนทิ้งงั้นรึ?" นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนขึ้น "เกรงว่าจะไม่ได้... เพราะจากนี้ไป"
นางเงยหน้าขึ้น สบตากับซูเม่ยตรง ๆ แววตาคมปลาบดุจใบมีดที่เพิ่งลับใหม่
"ชีวิตนี้...เป็ของข้าแล้ว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้