หวังหย่งเหมือนผู้ใหญ่ใจดี…
เขามักจะให้คำปรึกษาและปลอบโยนเมื่อนางรู้สึกทุกข์ใจเื่สามีพิการ
เหมยลี่ยอมรับว่ารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับหวังหย่ง ความใกล้ชิดและความรู้สึกอบอุ่นจากการสนทนากันทำให้เหมยลี่รู้สึกราวกับว่าเขาเป็ดั่งเทียนเล็กๆ ที่กำลังส่องสว่างขึ้นในชีวิตอันมืดมนของนาง
แม้หวังหย่งจะเป็เพียงช่างทำเครื่องปั้นดินเผาที่หลายคนมองว่าอาชีพต่ำต้อย แต่เหมยลี่กลับมองด้วยสายตาชื่นชมว่าเป็งานสุจริตและต้องใช้ฝีมือในการทำงาน
หวังหย่งเป็ผู้ชายที่มีเสน่ห์มากในสายตาของเหมยลี่ ด้วยมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำล่ำสัน เพราะในอดีตเขาเคยทำงานเป็กรรมกรแบกข้าวสารอยู่ที่ท่าเรือมาก่อน
ความใกล้ชิดนี้ทำให้หัวใจของเหมยลี่เต้นแรงทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้เขา เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหลงใหลในตัวหวังหย่งมากขึ้นทุกวัน
“เหมยลี่… ดึกป่านนี้แล้วเ้ายังไม่นอนอีกหรือ”
หวังหย่งถาม…
หลังจากเลิกงานกลับเข้ามาถึงห้องพักตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ซึ่งเป็เวลาดึกสงัด
ปกติเขาไม่กลับค่ำขนาดนี้ แต่วันนี้เพื่อนที่ทำงานในโรงปั้นชวนนั่งดื่มสุราสังสรรค์เพราะเป็วันเทศกาลโคมไฟที่จัดขึ้นในวันที่สิบห้าของเดือนแรกในปฏิทินจันทรคติ จากนั้นก็พากันไปกราบไหว้เทพเ้าฟ้าดินและเดินชมการแสดงโคมไฟที่สวยงามจนค่ำ
“ข้านอนไม่หลับจ้ะ… ”
เหมยลี่ตอบคำถาม…
เมื่อครู่ก่อนหน้านางพยายามข่มตาหลับ แต่ก็พลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่ายโดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนตัดสินใจเปิดประตูออกมานั่งรับลมอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าห้องพัก กระทั่งได้เจอกับหวังหย่งกลับมาถึงพอดี
“ถ้ายังไม่นอนงั้นข้าวานอะไรหน่อยได้ไหม”
ความคิดบางอย่างผุดวาบเข้ามาในหัวของหวังหย่ง
“ได้… ท่านมีอะไรจะใช้ข้ารึ… ”
เหมยลี่เงยหน้าขึ้นมองสบตาคนถาม
“เมื่อวานข้าปูผ้าปูที่นอนแล้วมันไม่ตึง อยากให้เ้าเข้ามาช่วยดึงชายผ้าอีกข้าง… ”
หวังหย่งบอก…
“ได้สิ… เื่แค่นี้เอง… ”
เหมยลี่ตอบแล้วเดินตามหลังร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้องของหวังหย่ง
“เดี๋ยวข้าจัดการให้… ”
เหมยลี่กล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาที่ปลายเตียง ดึงผ้าสีเทาออกแล้วจัดการปูให้ใหม่
โดยหารู้ไม่ว่าในระหว่างที่นางกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่นั้น หวังหย่งที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ถอดเสื้อ เหลือเพียงแค่กางเกงบางๆ ตัวเดียว
ดวงตาหวังหย่งเบิกกว้าง…
จ้องมองก้นของเหมยลี่ เห็นความกลมกลึงตึงแน่นเป็กลีบเป็ง่ามอยู่ภายใต้ผ้าถุงบางแนบเนื้อ ทำเอาหวังหย่งมีอารมณ์ ตบะแตกทนไม่ไหว รีบขยับเข้ามาสวมกอดเหมยลี่จากทางด้านหลัง
“ว้าย… ”
เหมยลี่ร้องอุทานด้วยความใ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าจู่โจม
“เ้ายอมเป็เมียข้าเถอะนะ… ข้าไม่ไหวแล้ว อยากเอาเ้าเหลือเกิน”
น้ำเสียงกระเส่าไปด้วยความปรารถนาการในตัวนาง หวังหย่งสืบเท้าเข้าจู่โจมโดยที่เหมยลี่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“ไม่นะ… อย่า… ”
เหมยลี่พยายามร้องห้าม…
แต่เขาก็กดแผ่นหลังนางพร้อมกับโอบสะโพกอุ้มขึ้นมาคุกเข่าคว่ำลงบนขอบเตียงอย่างมิอาจสู้แรงบุรุษ
“ข้าอยากเห็นของเ้าเหลือเกิน… ”
หวังหย่งเอามือเลิกชายผ้าของนางขึ้นมากองเอาไว้เหนือบั้นเอว ดวงตาลุกวาวมองก้นอวบขาว แอ่นขึ้นมาด้วยความสยิวเมื่อโดนมือใหญ่หงายแล้วสอดเข้ามาลูบล้วงสิ่งสงวนทั้งโหนกทั้งนูน เบียดกันเป็พูแน่นอยู่ใต้ง่ามขา
“อ๊ะ… อ๊ายยยย… ”
เหมยลี่ร้อง…
โดนมือหยาบใหญ่บีบขยำกลีบสวาททั้งอวบทั้งอูมเหมือนหลังเต่าโค้งคว่ำลงมาประกบกับอุ้งมือพอดี นิ้วกลางของหวังหย่งตวัดรัว สอดเสียบเข้ามาระหว่างสองกลีบ ขมิบสู้นิ้วด้วยความทรมาน
“อย่า… อ๊า… ซี้ดดดดด… ”
เหมยลี่เผลอร้องครางออกมาด้วยความสยิว จิตใจละลิ่วลอยไปไกล เมื่อโดนลำนิ้วแข็งสอดใส่เข้ามาในกลีบสาว
เขาไม่เพียงวนคว้าน แต่ยังสไลด์เข้าออกอย่างเย้าหยอกในซอกหลืบอันอ่อนไหวที่เว้นว่างจากการโดนแก่นกายสอดใส่มานาน
“อ๊ะ… อ๊ายยยย… ”
เหมยลี่ร้องครางกระซิก…
โดนลำนิ้วแข็งเสียบรัวกระตุ้นกลีบสวาทต่อมาอีกครู่ใหญ่ๆ ทำเอาน้ำเสียวของนางที่ต้องเก็บกลั้นเอาไว้นานนับปีั้แ่สามีกลายเป็คนพิการไม่อาจให้ความสุขได้ หลั่งไหลออกมาอาบชุ่มโคนนิ้วของหวังหย่ง ที่กำลังจะยัดเยียดความเป็ผัวให้กับนาง
“อู้ววววว… น้ำเยอะดีจัง… ”
หวังหย่งชอบใจ กลิ่นคาวน้ำใคร่ของนางช่างกระตุ้นอารมณ์รัญจวน
