หลินฟู่อินยิ้มและส่ายศีรษะ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหลินฟางทำอะไรกับหยวนซื่อ แต่หยวนซื่อต้องถูกหลินฟางกระทำบางอย่างแน่นอน
สตรีผู้นี้ช่างน่ารำคาญนัก ฉะนั้นเป็เื่ดีที่หลินฟางจะสั่งสอนบทเรียนแก่นางบ้าง
“ข้าจะเล่าให้ฟัง ฟู่อิน ข้าเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้านาง จากนั้นก็หยิกเนื้อนุ่มๆ ของนาง ข้าใช้พลังทั้งหมดของข้าเลยละ!” หลินฟางจบคำพูดของนางด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า มองไปยังหลินฟู่อินและอยากให้ชมว่า “ชมข้าสิ!”
หลินฟู่อินยิ้มและยกนิ้วให้
“เรากลับกันเถอะ ข้าคิดว่าถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงแล้ว” หลินฟู่อินได้ยินเสียงคนดังมาจากบ้านใหญ่ และรู้ว่าถึงเวลาต้องกลับไปแล้ว
หลินฟางพยักหน้า วันนี้นางและหลินฟู่อินได้ชมการแสดงสนุกๆ ร่วมกัน และได้ให้บทเรียนกับหยวนซื่อ ในใจหลินฟางมีความสุขมาก
เมื่อคราวแรกที่คนจากบ้านเดิมมายังประตู ถึงแม้พวกเขาจะไม่พ่ายแพ้กลับไป แต่เพราะคนในบ้านเดิมเป็ผู้าุโกว่า โดยเฉพาะปู่หลินและอู๋ซื่อที่เป็ท่านปู่ท่านย่าของนาง ถึงแม้นางจะโต้ตอบกลับไปแต่ไม่สามารถทำได้ดีที่สุดนัก ขณะนี้ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกของชัยชนะที่ท่วมท้น และนางไม่ต้องไปข้องเกี่ยวด้วยเลย!
ถึงนางจะไม่ชอบใช้กลอุบาย แต่สำหรับคนตัวเล็กอย่างนาง การใช้กลอุบายบางครั้งก็ดียิ่ง
งานเลี้ยงของหลินต้าหลางประสบความสำเร็จเป็อย่างมาก หลิวฉินพาคนของปรมาจารย์เถี่ยจัดงานเลี้ยงในชุมชนซึ่งเพียงพอต่อความ้า และหลิวฉินยังนำวัตถุดิบจากครัวภัตตาคารหลิวจี้มาด้วย ดังนั้นแต่ละจานจึงหมดลงอย่างว่องไว
มีเด็กบางคนที่ไม่ได้คว้าอาหารไปทานและร้องไห้ บรรดาผู้ใหญ่ต่างก็หัวเราะ ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ผู้คนในหมู่บ้านหูลู่เห็นว่านางทำดีที่สุด และรู้สึกว่านางเป็เด็กสาวที่มีความรับผิดชอบมาก ขณะที่คนจากบ้านใหญ่สกุลหลินนั้นไร้ศีลธรรมยิ่งนัก
งานเลี้ยงดำเนินไปจนกระทั่งเข้า่บ่ายแก่ จากนั้น่เย็นก็เป็การรับประทานอาหาร คนจากบ้านใหญ่สกุลหลินอยู่หน้ากองไฟ หลินฟู่อินมองไปยังชาวบ้านที่กำลังกินและดื่ม ริมฝีปากนางยกยิ้มเล็กน้อย
“เ้ามานั่งตรงนี้ทำไมกัน ที่นี่หนาวนัก รีบกลับไปนั่งลงเร็ว” หลิวฉินเจอหลินฟู่อินนั่งอยู่หน้าบ้านใหญ่สกุลหลินบริเวณก้อนหินใหญ่จึงขมวดคิ้ว
หลินฟู่อินยิ้มจางๆ “ไม่ ข้าจะกลับไปบ้านของข้าทีหลัง ท่านช้าเกินกว่าจะกลับไปในคืนนี้แล้ว ดังนั้นโปรดค้างคืนที่บ้านท่านลุงสอง ข้าจะไปคุยกับท่านลุงสองและท่านป้าสอง”
หลินฟู่อินพูดถึงหลิวฉินและพ่อครัวรวมถึงผู้ช่วยที่มาด้วยกัน พวกเขาพักที่บ้านรองของสกุลหลิน หลินเฟินและหลินฟางก็อยู่ที่บ้านของพวกนางเองด้วย
หลิวฉินพยักหน้ารับและมองนาง ก่อนจะถอนหายใจแ่เบา “ฟู่อิน ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดเ้าถึงได้รักเงินทองมากเช่นนี้ เ้าทำงานมาอย่างหนักและสมควรได้รับมัน เป็เื่ยากสำหรับเ้าจริงๆ”
หลินฟู่อินหันศีรษะมามองเขา ก่อนส่ายหัวเบาๆ “ท่านคิดไม่ถูกนัก ข้าไม่เชื่อว่ามันขมขื่น ข้าชอบชีวิตที่เป็อยู่ตอนนี้ ข้าสามารถพึ่งพาตัวเองได้และสามารถให้ชีวิตที่ดีกว่าแก่ครอบครัวได้” นางยกมือขึ้นและยิ้ม “ด้วยมือของข้าเอง ตราบใดที่ข้าไม่ยอมแพ้และใช้สมองอย่างเต็มที่ ข้าก็จะสามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นและดีขึ้นได้อีก”
นางไม่้าอยู่ร่วมกับใคร และไม่้าอาศัยโดยพึ่งพิงคนอื่น ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกขมขื่นเลยสักนิด
แสงจันทร์เย็นะเื หลิวฉินมองไปยังหลินฟู่อิน แต่ั์ตาของเขาร้อนผ่าว
สตรีเช่นนี้เกรงว่าในโลกนี้จะมีไม่มากนักไม่ใช่หรือ?
ถึงแม้รูปลักษณ์ของนางจะไม่ได้อ่อนโยนและงดงามตามฉบับต้าเว่ยที่คนชื่นชอบมากที่สุด แต่นางก็มีความสูงส่งที่ซ่อนอยู่ การพึ่งพาตนเองอันเด็ดเดี่ยว ความนิ่งสงบ และความสง่างาม ใช่หรือไม่?
หลินฟู่อินและหลิวฉินพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ขณะนั้นก็ถูกขัดจังหวะโดยหลินฟาง หลิวฉินมองดวงจันทร์โค้งลอยบนฟ้า จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มชวนฝันบนใบหน้า
เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง หลินฟู่อินถูกเรียกตัวโดยอู๋ซื่อและปู่หลินให้ไปหาที่บ้านหลิน
เมื่อหลินฟู่อินเดินเข้าไปก็พบเฟิงซื่อและหลินต้าเหอสองสามีภรรยา หลินต้าซานและจ้าวซื่อก็อยู่พร้อมหน้า แน่นอนว่าหลินต้าหลางก็อยู่ด้วย
นอกจากหลินต้าหลางและปู่หลิน ทุกคนกำลังยืนกันอยู่
“ฟู่อินเ้ามานี่ นั่งลง” เมื่อปู่หลินเห็นว่านางมาถึง เปลือกตาเขายกขึ้น และเปิดปากสั่งให้นางนั่งลงท่ามกลางเก้าอื้ที่เหลืออยู่ตัวเดียวในบ้าน
หลินฟู่อินไม่ยอมนั่ง
เมื่อเห็นหลินต้าซาน หลินต้าเหอ และอู๋ซื่อยืนอยู่ข้างกัน นางไม่รู้ว่าหากนางนั่งลงไปแล้ว อู๋ซื่อและพวกของนางจะทำอะไรกับนางอีกหรือไม่!
นางไม่ใช่นักแสดง ผู้เยาว์สามารถนั่งลงท่ามกลางบรรดาผู้าุโที่ยืนอยู่ได้
“ท่านปู่ ข้าไม่ขอนั่งดีกว่า มีธุระอะไรกับข้าหรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินรู้ดีว่าการมาเยือนของอู๋ซื่อไม่ใช่เื่ดี
เนื่องจากวันนี้ปู่หลิน ท่านป้าใหญ่ ท่านลุงใหญ่ และหลินต้าหลางได้ป่าวประกาศไปต่อหน้าทุกคนแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทองของนาง และจะไม่นำไปช่วยเหลือหลินต้าหลางอีกต่อไป นางไม่มีอะไรจะต้องกังวลอีก และถึงแม้พวกเขาจะไม่รักษาสัญญา นางก็หาได้กลัวไม่
แต่มาคิดดูแล้ว
ชายชราครุ่นคิดอยู่สักพักและส่ายศีรษะ “ไม่ใช่เื่ใหญ่ ให้ท่านย่าเ้าพูดเถอะ”
อู๋ซื่อพยักหน้า ไอเบาๆ ก่อนจะกล่าว “เื่เป็อย่างนี้ วันนี้งานเลี้ยงเป็ไปด้วยดี ท่านปู่ของเ้าพึงพอใจมาก และคุณชายใหญ่หลิวยังบอกด้วยตัวเองว่าเพื่อเ้าน่ะฟู่อิน แต่เ้าควรจะรู้ใช่หรือไม่? อย่างแรกทุกคนรู้กันดีว่าเ้าไม่ควรคิดว่างานนี้เกิดขึ้นได้เพราะเ้า”
หลินฟู่อินเหยียดหยัน ไม่คิดจะมียางอายกันสักนิดเลยสินะ?
นางตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าไม่ได้คิดสักนิดเ้าค่ะว่าทั้งหมดนี่เป็ผลงานของข้า ข้าจะขอเตือนความจำทุกคนสักหน่อยว่าสหายของคุณชายใหญ่หลิวน่ะเป็เ้าของกิจการรายใหญ่ และเป็คนที่มีความสามารถยิ่งนัก ข้าไม่เห็นเขาจะผูกมิตรกับซิ่วไฉเลยเ้าค่ะ เขาอยากแสดงความสามารถของตนให้ชม สำหรับการผูกมิตรแล้วข้าเกรงว่าน่าจะต้องใช้ความเมตตาจากเขามากกว่าเ้าค่ะ”
นั่นหมายความว่า อย่าเอาความดีใส่ตัวเอง คนอย่างหลิวฉินไม่เห็นคุณค่าของซิ่วไฉเช่นหลินต้าหลางหรอก
ไม่เช่นนั้นวันนี้ต่อหน้าทุกคนคงไม่ปรากฏตัวมาร่วมในงานของหลินต้าหลางหรอก
“เ้ากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร?” ยิ่งหลินต้าซานจ้องหลินฟู่อินมากเท่าไร ดวงตาก็ยิ่งหรี่เล็กลงเท่านั้น เขาจ้องเขม็งไปยังนางทันทีเมื่อนางกล่าวจบ
หลินฟู่อินไม่ได้รู้สึกว่าถูกข่มขู่จากเขาแต่อย่างใด ยิ้มและกล่าว “คนอย่างคุณชายใหญ่หลิวมีความสามารถของตัวเอง หาเงินไม่กี่พันตำลังได้ต่อวัน ถึงเขาจะเป็พ่อค้า แต่ไม่มีใครสามารถตบตาเขาได้หรอก เข้าใจหรือไม่เ้าคะ?”
“ตายจริง เขาสามารถหาเงินได้วันละหลายพันตำลึง? เป็เื่จริงหรือ?” จ้าวซื่อไม่เข้าใจสิ่งอื่น แต่นางเข้าใจเื่เงินทอง ดวงตาเปล่งประกายด้วยความโลภ นางมองไปยังหลินฟู่อินด้วยสีหน้าน้ำลายสอ จากนั้นก็ถามด้วยสีหน้าพึงพอใจ “แล้วเ้าล่ะสามารถหาเงินได้วันละเท่าไร?”
จ้าวซื่อเป็คนไร้หัวใจและไม่มียางอาย ก่อนหน้านี้หลินฟู่อินไม่เคยรู้สึกชอบอยู่แล้ว ในชั่วพริบตานั้นนางกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นกับหลินฟู่อินซึ่งผิดไปจากเดิมมาก
สุดท้ายก็เกี่ยวกับเื่เงินทอง
เห็นผู้คนรอบตัวนางในห้องนี้ที่กำลังเบิกดวงตากลมโต หลินฟู่อินจึงยิ้มจางๆ “ข้าหารายได้จากชาวนามีมูลค่าไม่มากมายนัก ถ้าเปรียบเทียบกับคุณชายหลิวแล้ว เป็แค่หยดน้ำในถังเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม หากจะว่ากันตามจริงแล้ว นางและหวงฝู่จินผู้เป็หุ้นส่วนทางธุรกิจของชาดหิมะหลอม หลิวฉินหารายได้เทียบกับนางแล้วก็เป็หยดน้ำในถังจริงๆ
หมายถึงหลิวฉินนะ…
แต่สิ่งที่นางพูดในตอนนี้ คนในห้องรวมถึงปู่หลินจะต้องคิดว่าหลินฟู่อินเป็เพียงหยดน้ำหยดเดียว
นี่กลับมาถึงเื่หลินฟู่อินพูดถึงการหาเงินมาอย่างยากลำบาก
แต่การบอกเื่นี้ออกไป ปู่หลินและคนอื่นๆ จึงจะเชื่อว่าเป็เื่จริง
แม้ว่าจ้าวซื่อจะเชื่อในเื่ที่หลินฟู่อินหาเงินได้น้อยกว่าหลิวฉิน แต่ปากก็ยังอดประชดไม่ได้ “ถ้าเ้าไม่อยากจะเล่าเื่จริงออกมา งั้นก็ลืมไปซะเถอะ เ้าเชื่อเช่นนั้นหรือว่าเราทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอเศษเงินจากเ้ากันน่ะ?”
หลินฟู่อินโพล่งออกมา “ท่านไม่ได้ทำเช่นนั้นหรอกหรือ?”
ใบหน้าของจ้าวซื่อเปลี่ยนเป็สีแดง จากนั้นนางจึงถ่มน้ำลายและพูด
จ้าวซื่อรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าจากสิ่งที่หลินฟู่อินพูด นางชักสีหน้าใส่หลินฟู่อินและกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เอาละ จบเื่นี้เถอะ เหตุผลที่ข้าเรียกเ้ามาวันนี้ก็เพราะข้าจะถามเ้าถึงของขวัญ ต้าหลางมีความสามารถสอบผ่านแล้ว เ้าต้องจ่ายค่าของขวัญให้กับเขาไม่ใช่หรือ?”
หลินฟู่อินรู้แล้วว่าจะต้องไม่มีเื่ดี
สำหรับการสานสัมพันธ์แล้ว จำเป็ต้องมอบเงินของขวัญนี้ออกไป
ตอนนี้นางเป็คนเดียวของบ้านสามที่สามารถดูแลเื่ต่างๆ ได้ ดังนั้นจึงเป็เื่ปกติที่จะต้องเรียกนางมาเพื่อจ่ายเงินส่วนนี้
เฟิงซื่อมองไปยังหลินต้าเหอ เขาจึงกล่าว “เราจะมอบเงินของขวัญนี้แน่นอน นับเป็เกียรติของครอบครัวที่ต้าหลางได้รับการศึกษาต่อ”
ปู่หลินพอใจกับความคิดนี้ของหลินต้าเหอมาก ดังนั้นเขาจึงมองไปยังหลินฟู่อินและถามว่า “แล้วเ้าล่ะ ฟู่อิน?”
หลินฟู่อินยิ้ม ก่อนจะตอบว่า “ท่านพ่อของข้าไม่รู้ว่าเป็ตายร้ายดีอยู่ที่ใด ฉะนั้นแล้วข้าต้องเป็ผู้มอบของขวัญแทนท่านพ่อแน่นอน”
แค่มอบในนามของท่านพ่อ ไม่ได้หมายความว่านางมอบออกไปในนามตนเอง
นี่นับเป็เื่ละเอียดอ่อน หลินฟู่อินมอบของขวัญแทนบิดาของตน เช่นนั้นแล้วคือการที่ท่านอามอบของขวัญให้กับหลานชาย
นี่เป็ธรรมเนียมของพื้นที่ ยิ่งมีไมตรีต่อกันมากเท่าไร สิ่งของที่จะให้ก็จะเยอะตามไปด้วย
หากหลินฟู่อินมอบของชิ้นใหญ่ออกมาด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่านางมีเงินมาก ไม่มีการจำกัดมูลค่าของเงินแน่นอน หากผู้าุโกดดันนางด้วยวาจาให้จ่ายมากกว่า นางก็ไม่สามารถบอกใครๆ ได้ กลับจะโดนกล่าวหาว่าอกตัญญู
คำพูดของหลินฟู่อินทำให้ปู่หลินไม่พอใจมาก และทำให้หลินต้าหลางเองไม่พอใจไปด้วย
เนื่องจากไม่มีทางอื่นแล้ว ดังนั้นหลินฟู่อินจึงไม่ได้กล่าวอะไรผิดไป
“ต้าหลางสอบผ่านได้นับเป็เื่ใหญ่มาก ท่านลุงของเ้าไม่ควรตระหนี่ เงินรางวัลที่มอบให้ก็จะต้องเยอะตามไปด้วย” อู๋ซื่อมองไปยังผู้คน จากนั้นก็หยิบถุงเงินออกจากตัวของนางและดึงตั๋วเงินออกมา นางมองไปรอบๆ ฝูงชนและพูดอย่างภูมิใจว่า “ดูสิ นี่เป็ของขวัญจากน้องสาวของเ้าที่ขอให้มอบให้ต้าหลาง หนึ่งร้อยตำลึงเงิน!”
น้องสาวของอู๋ซื่อเป็เด็กสาวคนเดียวในสกุลหลินรุ่นก่อน เท่ากับเป็ป้าของหลินฟู่อินนั่นเอง
หนึ่งร้อยตำลึงเงิน? เป็เงินจำนวนมากเชียว?
ท่านป้าผู้นั้นดูใจดีอีกด้วย
ผู้คนมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป
หลินต้าเหอและเฟิงซื่อสูดหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บ หลินต้าซานและภรรยาของเขามีความสุขมาก รอยยิ้มปรากฏเต็มใบหน้าหลินต้าหลาง
เขาคิดในใจว่า ‘ถึงแม้วันนี้ท่านป้าจะไม่ได้มางานเลี้ยง แต่สามารถส่งเงินมาเป็ของขวัญให้กับข้าได้หนึ่งร้อยตำลึงเงิน ไม่เลวนัก’
หนึ่งร้อยตำลึงเงิน ในใจของหลินต้าหลางเริ่มคิดคำนวณ
“ในเมื่อสตรีที่แต่งงานแล้วสามารถมอบเงินให้เ้าเป็ของขวัญได้หนึ่งร้อยถึงสองร้อยตำลึงเงิน เช่นนั้นท่านลุงใหญ่ของเ้าจะไม่ยอมน้อยหน้า ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนหัวเราะได้ เราจะมอบเงินให้เ้าสองร้อยตำลึงเงินจากบ้านใหญ่” จ้าวซื่อพูดด้วยรอยยิ้มเขินอาย
เนื่องจากหลินต้าหลางเป็ทายาทของบ้านอื่นด้วย ดังนั้นจึงเรียกหลินต้าซานว่าท่านลุงใหญ่ เมื่อครอบครัวสกุลหลินบ้านใหญ่มอบเงินให้หลินต้าหลางก็คือมอบให้บุตรชายและหลานชายนั่นเอง
ทันทีที่จ้าวซื่อพูดออกมา ปู่หลินก็ยิ้มและลูบเคราตัวเอง เขายกย่องจ้าวซื่อในแบบที่ปกติไม่เคยทำมาก่อน “สะใภ้ใหญ่ วันนี้เ้าหัวไวดีนะ”
หลินต้าเหอแทบจะสะดุดล้มเป็ลมไป ส่วนเฟิงซื่อใบหน้าดูน่าเกลียดเข้าไปใหญ่
สองร้อยตำลึงเงิน จ้าวซื่อพูดขึ้นมา
หลินฟู่อินมองไปที่จ้าวซื่อด้วยรอยยิ้ม จากนั้นกล่าวว่า “ท่านป้าใหญ่ ครอบครัวท่านสามารถหาเงินเพิ่มอีกห้าสิบตำลึงเงินได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นหลินฟู่อินถามคำถามดังกล่าว จ้าวซื่ออดตื่นเต้นไม่ได้ นางมองหลินฟู่อินก่อนจะเอ่ยถาม “เกิดเื่อะไรขึ้น? หากไม่สามารถหาได้ ฟู่อินเ้าจะช่วยเราเช่นนั้นหรือ?”
หลินฟู่อินฉีกยิ้มก่อนส่ายหัว “ไม่ ข้าหมายถึงคำพูดที่พูดออกไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เนื่องจากท่านป้าใหญ่้ามอบเงินสองร้อยตำลึงเงิน ข้าเองรู้สึกอิจฉามาก ข้ามีความคิดเสนอว่าหากท่านไม่สามารถหาเงินได้สองร้อยตำลึงเงิน เช่นนั้นท่านสามารถขายที่ดินยี่สิบหมู่และอีกสิบหมู่ให้กับข้าได้ บางทีเราสามารถนำมารวมกันได้เ้าค่ะ”
เมื่อหลินฟู่อินพูดออกมา ใบหน้าของหลายคนก็เต็มไปด้วยสีสัน ไม่มีใครกล้าปริปากพูดออกมา
หลินฟู่อินมองหน้าทุกคนก่อนจะยิ้มเย็น สิ่งเดียวที่ข้าบอกได้คือจ้าวซื่อฉลาดมาก นางมีปฏิกิริยาอันรวดเร็ว และ้าเป็คนแรกที่เสนอเงินสองร้อยตำลึงเงินออกมา จากนั้นหลินต้าเหอก็จะทำแบบนาง
เอาละ ดีเลย ถึงแม้บ้านใหญ่จะไม่ได้นำเงินออกมา แต่บังคับให้บ้านรองสกุลหลินจ่ายออกมาสองร้อยตำลึงเงิน จากนั้นบังคับเอาเงินจากนางอีกสองร้อยตำลึงเงิน รวมแล้วเป็สี่ร้อยตำลึงเงิน
ปีการศึกษาแรกของหลินต้าหลางก็จะมีเงินมากเพียงพอในการเข้าสอบ
หลินฟู่อินเดาไว้นานแล้วว่าปู่หลินจะต้องคิดหาวิธีอื่น แต่นางไม่ได้คิดไว้ว่าเขาจะใช้วิธีการเช่นนี้ออกมา!
นางน่ะไม่เป็ไรหรอก แต่สิ่งสำคัญคือบ้านรองสกุลหลิน ครอบครัวนี้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แล้วจะไปหาสองร้อยตำลึงเงินมาได้อย่างไร?
นี่คือการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัว
หลินฟู่อินเห็นใจบ้านรองของสกุลหลินมาก พวกเขาเป็เหยื่อชิ้นโต อา ถ้าไม่มีนางอยู่แล้วละก็ ไม่รู้ว่าจะเกิดเื่เศร้าใจขนาดไหน
หลินต้าซานอดไม่ได้ที่จะจ้องหลินฟู่อินเขม็งอย่างโกรธเคือง หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็จิบชาและกล่าว “ฟู่อิน เ้าพูดเื่ไร้สาระอะไรกัน? เหตุใดเราต้องขายที่ดินตรงนั้น? ถ้าเราขายที่ดินตรงนั้นไปแล้ว พวกเราจะทำอะไรกันต่อไปล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราขายที่ดินตรงนั้นไปแล้ว?”
หลินฟู่อินดึงริมฝีปากขึ้นแล้วหัวเราะ “ในเมื่อท่านลุงใหญ่รู้คุณค่าดี เช่นนั้นเหตุใดไม่บอกท่านป้าใหญ่ไม่ให้ซื้อเครื่องลายคราม แล้วสนใจคุณค่าเพชรที่มีกันล่ะเ้าคะ?”
หลินต้าซานสีหน้าแดงก่ำ ก่อนจะกราดเกรี้ยว “หึ นี่มันเื่ครอบครัว เ้าน่ะสนใจเื่ของครอบครัวเ้าเถอะ”
หลินฟู่อินยิ้มและผงกหัว “ดีเลยเ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจ่ายตามจำนวนก็แล้วกัน บุรุษทั่วไปแต่งภรรยานับเป็เื่สำคัญที่สุดใช่หรือไม่เ้าคะ? จำนวนเงินที่คนเป็ลุงจะมอบให้กับหลานชายคือห้าตำลึงเงินสินะ? ไม่มีใครในหมู่บ้านให้เงินได้มากขนาดนั้นใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นข้าขอมอบยี่สิบตำลึงเงินแทนท่านพ่อของข้าเ้าค่ะะ”
ดังที่หลินฟู่อินกล่าว เงินของขวัญแต่งงานที่ใหญ่ที่สุด ผู้เป็ลุงจะมอบให้กับหลานชายราวสองถึงห้าตำลึงเงิน นับว่ามากที่สุดแล้ว
นางมอบเงินยี่สิบตำลึงเงินแทนบิดาของนา นั่นนับว่ามหาศาลมากทีเดียว
“เช่นนั้น… บ้านรองและบ้านสาม เราจะทำเช่นเดียวกัน เรามอบให้ยี่สิบตำลึงเงินเช่นกัน” เฟิงซื่อกล่าวเสียงสั่น
นางรู้สึกเศร้าใจมาก เนื่องจากครอบครัวทำงานหนักและเก็บเงินมาหลายเดือนกว่าจะได้ยี่สิบตำลึงเงินนี้มาจากความเมตตาของหลินฟู่อิน และนั่นทำให้ไม่ต้องเป็หนี้อีก… ตอนนี้เงินทั้งหมดที่มีกำลังจะหายไป นางยังััได้ถึงความอุ่นร้อนในมือตน
ทั้งหมดยี่สิบตำลึงเงินคือสิ่งที่บ้านรองสามารถให้ได้ หากเป็เงินถึงสองร้อยตำลึงเงินพวกเขาคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้
“พวกเ้า! พวกเ้ากล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน? แค่ยี่สิบตำลึงเงิน? พวกเ้ากำลังทำอะไรกัน?” ได้ยินหลินฟู่อินและเฟิงซื่อกล่าวว่าจะจ่ายเงินเพียงยี่สิบตำลึงเงิน อู๋ซื่อก็โมโหทันที
นางจ้องเขม็งไปยังเฟิงซื่อและหลินฟู่อิน “พวกเ้าไม่อับอายกันบ้างหรือ? ป้าสะใภ้ที่แต่งงานออกไปแล้วยังจ่ายมาตั้งหนึ่งร้อยตำลึงเงินเลย หา?”
เฟิงซื่อกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ
หลินฟู่อินคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับความเป็อยู่ของท่านป้าเล็กคนนี้ ซึ่งนางไม่เคยพบเห็นมาหลายปีแล้ว ในที่สุดนางก็คิดออก
หลินฟู่อินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้าเล็กแต่งงานแล้ว นับวันมีแต่ความรุ่งเรือง ชีวิตมีแต่ความร่ำรวย ครอบครัวของนางมีเงิน และหลานชายคนโตของนางสอบวัดความสามารถผ่านแล้ว นางควรจะให้มากกว่านี้ ท่านย่าไม่ค่อยเล่าถึงครอบครัวของท่านป้าเล็กคนนี้มากนัก ลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วเป็คนหัวแข็ง? ท่านป้าเล็กควรจะให้มากกว่านี้สิ”
อู๋ซื่อโกรธนางมากขึ้น คิ้วของนางเลิกขึ้นก่อนกล่าวอย่างโกรธเคือง “ถ้าเ้ารู้แล้ว เหตุใดเ้าไม่พูดออกมาล่ะ? เ้าไม่ใช่สตรีสกุลหลินเช่นนั้นหรือ?”
หลินฟู่อินหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น “ข้าไม่ใช่คนที่แต่งงานออกไปแล้วเ้าค่ะ”
“เ้า…” อู๋ซื่อโกรธจนเสียงแหบแห้ง ทำได้เพียงชี้มือสั่นเทาไปทางหลินฟู่อินและไม่สามารถพูดอะไรได้
หลินฟู่อินหัวเราะต่อ ก่อนจะฉีกยิ้มส่งไปทางปู่หลิน กล่าวว่า “ท่านปู่ ท่านทราบดีว่าวันนี้ข้าเองก็จ่ายไปเยอะแล้ว ข้าจะถามท่านย่าหลี่ให้ส่งเงินมาวันพรุ่งนี้ ข้าขอตัวกลับก่อนนะเ้าคะ”
อะไรนะ? เ้าจะจากไปโดยไม่จ่ายสองร้อยตำลึงเงิน? ไม่มีทาง!
จ้าวซื่อหยุดหลินฟู่อินไว้ด้วยหน้าท้องของนางทันที นางมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “ฟู่อิน เ้ามีเงินมากมาย เหตุใดเ้าต้องหวงไว้ด้วยล่ะ เ้าไม่อยากมีชื่อเสียงที่ดีหรือ?”
หลินฟู่อินเลิกคิ้วขึ้น นางไม่คิดว่าจ้าวซื่อจะเป็คนผิวคล้ำเช่นนี้ แถมยังกล้าพูดถึงชื่อเสียงของนางเสียอีก
ดังนั้นนางจึงถามจ้าวซื่ออย่างไร้เดียงสา “ชื่อเสียงที่ดีอะไรที่ข้ามีหรือเ้าคะ? ชื่อเสียงอันดีงามของข้าไม่ได้ถูกทำให้เสียหายโดยท่านป้าใหญ่แล้วหรือ?”
“เสียหายที่ไหนกัน?” จ้าวซื่อถามอย่างกล่าวหา
“โอ้ ไม่ใช่ว่าท่านป้าใหญ่เป็คนกล่าวหาข้าหรอกหรือ ชื่อเสียงดีๆ ของข้ายังมีเหลือที่ไหนกันล่ะเ้าคะ?” หลินฟู่อินเยาะเย้ยอย่างไม่ไยดี มองตรงไปยังดวงตาของจ้าวซื่อ “ดังนั้นแล้ว ข้าจึงต้องขอบคุณท่านป้าใหญ่ ข้าไม่สนใจชื่อเสียงที่ดีอีกต่อไปแล้วเ้าค่ะ”
หลังจากที่จ้าวซื่อได้ยินคำอธิบายจากนาง นางจึงเข้าใจ
กลับกลายเป็ว่าบาปกรรมที่นางทำไว้ในคราวแรกทำให้หลินฟู่อินไม่สนใจการมีชื่อเสียงที่ดีอีกต่อไปแล้ว?
หลังจากหลินฟู่อินพูดจบ นางก็ดึงเฟิงซื่อเข้าหาตนและกล่าวกับปู่หลินว่า “ท่านปู่ ข้าให้คุณชายใหญ่หลิวและคนที่พามาด้วยพักอยู่ที่บ้านลุงสอง นี่ก็ถึงเวลาที่ลุงสองจะต้องกลับไปแล้วเ้าค่ะ ข้ามีเื่ต้องจัดการในตอนเช้าตรู่ เช่นนั้นข้าขอลาเพื่อกลับไปพักผ่อนก่อนเ้าค่ะ”
ปู่หลินเห็นว่าแผนการที่เขาตระเตรียมเอาไว้อย่างรอบคอบกลับพังลง เขาเกือบตายเพราะความโกรธ และตอนนี้สมองของเขาปวดยิ่งนักเมื่อเห็นหลินฟู่อิน
อย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เื่ทั้งหมดดีขึ้นได้แล้ว หลินฟู่อินจะรีบไปที่ใดก็รีบไปให้พ้นจากสายตาเขาเป็พอ
เขาก้มศีรษะต่ำลงและโบกมือด้วยความรังเกียจหลินฟู่อิน ริมฝีปากของหลินฟู่อินเปลี่ยนเป็เ็าและหันไปดึงเฟิงซื่อทางด้านซ้าย จากนั้นเฟิงซื่อก็ใช้มือดึงหลินต้าเหอที่งุนงงออกไปอีกคน
หลังจากออกจากบ้านใหญ่สกุลหลิน เฟิงซื่อก็สูดหายใจเข้าก่อนจะสำลัก “บ้านใหญ่นี่ไม่ยอมปล่อยบ้านรองเช่นเราไปจริงๆ ชีวิตที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้นี่มัน...”
หลินฟู่อินจับมือนางและถามทันที “ท่านป้าสอง ข้าอยากไปที่เมืองชิงเหลียนเพื่อจัดการธุรกิจ แต่จะพาเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป้ยและย่าหลี่ไปด้วยกัน ท่านป้าอยากไปกับข้าหรือไม่เ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้