แต่ไหนแต่ไรซูเฟยเฟยไม่เคยกล้าออกจากบ้านคนเดียว ั้แ่สิบปีก่อนหลังจากที่แม่ของเธอจากไปเงามืดอันน่ากลัวก็ถูกฝังอยู่ในใจของเธอ ั้แ่ตอนนั้นเป็ต้นมาเธอก็ได้แต่ฝันว่าจะมีใครสักคนที่สามารถปกป้องเธอได้ คนที่ทำให้เธอไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เพราะเธอผ่านประสบการณ์เสี่ยงอันตรายมามากมายเกินไปและตลอดมาเธอเองก็ไม่ได้เชื่อใจบอดี้การ์ดข้างกายเธอขนาดนั้น เธอเกรงว่าซักวันตัวเธอเองคงไม่โชคดีอย่างนั้นอีก แต่ไม่กี่วันมานี้ที่เธออาศัยอยู่ในบ้านของเย่เทียนเซี่ย เพราะเธอรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ดังนั้นแม้ว่าเธอจะเหน็ดเหนื่อยอยู่ทุกวัน แต่ในใจของเธอนั้นกลับโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ความรู้สึกโล่งใจนี้ทำให้เธอลุ่มหลงและยึดติด....... แต่เขาก็เคยพูดเอาไว้แล้วว่าขอแค่เธอไม่ก้าวเท้าออกไปนอกบ้านต่อให้ะเิปรมาณูหล่นลงมาก็ไม่สามารถทำอันตรายเธอได้
เธอเชื่อทั้งหมดที่สายตาของเธอเองเห็นในเย็นวันนั้น ดังนั้นเธอจึงเชื่อคำพูดของเขา และก็เชื่อพ่อของตัวเองด้วย....... คนที่ทำให้คุณพ่อที่เฉลียวฉลาดของเธอยอมควักเงินสามร้อยล้านและทำให้เขายอมถอนบอดี้การ์ดของเขาออกไปแบบนี้ เธอยังจะต้องสงสัยหรือกังวลอะไรอีก
ดังนั้นภายใต้การเตือนกึ่งล้อเล่นของเย่เทียนเซี่ยเธอรู้ดีว่าจะต้องมีคนคอยจับตาดูเธออยู่แน่นอน ต่อจากนั้นก็อาจจะเกิดฉากที่เธอเคยประสบมาก่อนหน้านี้แล้วนับไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้เธอกลับไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอกลับตื่นเต้นขึ้นมา.......... และเฝ้ารอคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เพราะฉากแบบนั้นเคยนำความหวาดกลัวมาสู่เธอ ดังนั้นเธอหวังว่าจะได้เห็นสถานการณ์แบบนี้ถูกบนขยี้อยู่ตรงหน้าเธออย่างง่ายดาย นั่นจึงจะทำให้เธอสามารถลบเงามืดอันน่ากลัวในใจที่เธอต้องคอยต้านมันไว้มานานหลายปีไปได้อย่างแท้จริง
เย่เทียนเซี่ยพูดว่าไม่ให้ออกไปก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง หลายวันมานี้ซูเฟยเฟยจึงเชื่อฟังและไม่เคยออกไปข้างนอกเลย ทุกวันเธอเอาแต่ทำความสะอาดบ้านหลังนี้ทุกซอกทุกมุมราวกับว่ามันคือบ้านหลังใหม่ของเธอ
เมื่อก้าวออกจากบ้านเธอก็สูดหายใจเสียงเบา เธอสูดอากาศสดชื่นด้านนอกเข้าไปท่ามกลางความตื่นเต้น และปล่อยวางอันตรายต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ออกไปจากใจ เธอเลือกแล้ว และเธอก็เชื่อมั่น ถ้ายังหวาดกลัวอยู่อีกก็คงถือเป็การผิดต่อตัวเอง
“ว๊าว! อยู่ในบ้านของนายนานมากเลย ฉันเพิ่งรู้นะว่าจริงๆแล้วอากาศภายนอกมันมีกลิ่นหอมแบบนี้นี่เอง ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนนายใช้ชีวิตอยู่มาได้ยังไง” ซูเฟยเฟยหลับตาสูดหายใจ จากนั้นก็หันกลับมาพูดต่อ “รีบขับรถออกมาสิ คุณหนูอย่างฉันจะเที่ยวให้หนำใจเลย......... ใครให้นายมาทำให้คุณหนูอย่างฉันกันโกรธกันล่ะ”
เย่เทียนเซี่ยเดินไปหยุดอยู่ข้างกายของเธอจากนั้นก็ลูบหน้าผากไปมา “ฉันไม่มีรถหรอก”
“เอ๋? อยู่บ้านหรูตั้งขนาดนี้ นายไม่มีเงินซื้อรถหรือไง?” ใบหน้าของซูเฟยเฟยแสดงออกถึงความตะลึง
“ขับไม่เป็” เย่เทียนเซี่ยยอมพูดความจริงออกมาอย่างอายๆ
“ขับรถไม่เป็?” ซูเฟยเฟยย่นจมูกของเธอก่อนจะพึมพำออกมา “เื่จริงหรือโกหกเนี่ย โตขนาดนี้แล้วยังขับรถไม่เป็อีก นายนี่นับว่าหายากมากๆเลยนะเนี่ย”
“ขับไม่เป็จริงๆ” เย่เทียนเซี่ยเน้นย้ำอีกครั้ง
“แล้วปกตินายออกจากบ้านแล้วทำยังไงล่ะ?”
“ก็ไม่ไปไหนไกลๆไง”
“..............” ซูเฟยเฟย
ซูเฟยเฟยที่ไม่มีอะไรจะพูดหยิบโทรศัพท์สีไวน์แดงเครื่องเล็กออกมาแล้วติดต่อไปที่หมายเลขหนึ่ง ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะยกหูโทรศัพท์เท่านั้นเสียงะโของคุณหนูใหญ่ก็ดังขึ้นมาทันที “ลุงเจ็ด รีบขับรถของหนูมาเดี๋ยวนี้เลย.........คันไหนเหรอ? จะคันไหนก็เอามาเถอะ เร็วเข้า! ก็ที่ที่หนูอยู่ตอนนี้นั่นแหละ....... สิบนาที ไม่อย่างนั้นหนูจะให้คุณพ่อหักเงินเดือน!”
“ปิ๊ป” เธอวางสายไปแล้ว ซูเฟยเฟยหันมาทางเย่เทียนเซี่ยก่อนจะพูดเสียงเบา “ไม่มีรถก็ไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้ นายคงไม่ได้คิดจะให้คุณหนูอย่างฉันเดินไปไหนมาไหนกับนายหรอกนะ”
“เธอไม่ได้ถามนี่....... แต่ยังไงก็นั่งรถเมลล์ได้นะ” เย่เทียนเซี่ยแก้ตัวออกมาด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
“ไม่ต้องแล้ว ได้ยินมาว่านั่งรถเมล์อาจจะโดนคนลวนลามก็ได้”
เย่เทียนเซี่ยอดไม่ได้ที่จะใช้สายตากวาดมองไปยังชาเรียวสวยของซูเฟยเฟยแล้วก็ต้องยอมรับ........ ถ้าไปนั่งรถเมล์จริงๆบรรดาเสือสิงกระทิงแรดทั้งหลายในรถต่อให้รู้ว่าจะโดนตบก็คงจะขอแต๊ะอั๋งซักหน่อยเถอะ
เขตเทียนหยวนเป็เขตที่อยู่อาศัยที่หรูหราที่สุดในเมืองจิงหัว คนที่มีคุณสมบัติที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็มหาเศรษฐีของพวกมหาเศรษฐี แต่มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยเ่าั้ก็ไม่มีใครว่างงาน เงินเป็เพียงแค่ตัวเลขสำหรับพวกเขา ตลอดชีวิตพวกเขามีไม่เคยขาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหยุดหาเงินต่อไป สิ่งที่พวกเขาเพลิดเพลินไม่ใช่การขยายตัวของทรัพย์สิน หากแต่เป็การหาเงิน และก็ทำการแข่งขันกันระหว่างเพื่อนร่วมทางทั้งหลาย อีกทั้งยังหวังไปถึงความนิยมและชื่อเสียงอีกด้วย
ดังนั้นเขตเทียนหยวนจึงเงียบเชียบกว่าเขตที่อยู่อาศัยธรรมดา เมื่อกวาดสายตามองไปนอกจากพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินตรวจตราอยู่ภายในก็มองไม่เห็นเงาคนเคลื่อนที่ไปมาอีก
ในตอนที่ซูเฟยเฟยและเย่เทียนเซี่ยกำลังรอรถอยู่นั้น ชายคนหนึ่งที่สวมชุดสูทตะวันตกและมีใบหน้ารีบร้อนก็เดินเข้ามา เมื่อมองเห็นซูเฟยเฟยและเย่เทียนเซี่ยยืนอยู่ด้านนอกเขาก็รีบเข้ามาใกล้แล้วก็ถามออกมาทันที “สวัสดีครับ ขอถามหน่อยครับว่าวิลล่าหมายเลข 19 ................”
ในตอนนั้นเองเขาก็หยิบมีดเล่มเล็กที่ค่อนข้างยาวออกมาอย่างฉับพลันแล้วแทงเข้าไปที่ลำคอของซูเฟยเฟย
คนๆนี้ถือว่าเป็นักฆ่าที่เชี่ยวชาญ แต่ก่อนที่เขาจะลงมือไม่ว่าจะเป็ชุดที่ใส่ สีหน้า แววตา คำพูดและการกระทำก็ล้วนอำพรางพิรุธทั้งหมดไม่ให้ใครสามารถดูออกได้ ขณะที่กำลังพูดได้ครึ่งประโยคเมื่อศัตรูลดการป้องกันและตั้งใจฟังโดยไม่รู้ตัวเขาก็ลงมืออย่างฉับพลันทันที..............
ปั้ง!
เสียงอะไรบางอย่างกระทบกันดังขึ้น นักฆ่าที่เพิ่งจะหยิบมีดออกมาถูกโจมตีอย่างหนักด้วยแรงมหาศาลจนเกิดเป็เสียงของกระทบกันดังสนั่น ร่างกายของเขาปลิวห่างออกไปสิบกว่าเมตรเหมือนใบไม้ หลังจากที่เขากลิ้งไปหลายตลบเขาก็หยุดลงในที่สุดแล้วนิ่งสนิทไร้การเคลื่อนไหวอีกเลย
คนธรรมดาคนหนึ่งเตะคนอีกคนด้วยเท้า ผลที่ตามมาคือความเ็ปของฝ่ายตรงข้าม ขณะเดียวกันก็บล็อกการโจมตีของเขาไปด้วย การเตะคนธรรมดาจนลอยไปไกลภายในครั้งเดียวไม่ได้เห็นกันได้บ่อยๆนัก......... และการเตะคนๆหนึ่งไปได้ไกลขนาดนั้นเกรงว่าคงจะมีแต่ในหนังหรือนิยายไซไฟเท่านั้น
แม้ว่าซูเฟยเฟยจะมีความสัมพันธ์กับเย่เทียนเซี่ยทำให้เธอไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไป แต่เมื่อนักฆ่าใช้มีดจ้วงแทงออกมาอย่างกะทันหันเธอก็ยังคงใจนหน้าซีดตัวสั่น และตอนที่นักฆ่าพุ่งมีดออกมาและแทบจะถูกเตะออกไปในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีเหงื่อเย็นๆผุดพรายขึ้นมาและคนๆนั้นกระเด็นไปไกลแล้ว
เื่แบบนี้ซูเฟยเฟยเคยมีประสบการณ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้งจนเธอมีความสามารถในการยอมรับได้แล้วในระดับหนึ่ง เธอลูบหน้าอกของตัวเองป้อยๆแล้วปรายตาไปมองนักฆ่าที่น่าสงสาร เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปที่เย่เทียนเซี่ยในดวงตาคู่งามที่เปล่งประกายก็เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น “ว๊าว! เทียนเซี่ย นายเก่งมากเลย เตะคนครั้งเดียวก็กระเด็นไปไกลขนาดนั้น.........เทียนเซี่ย? นายเป็อะไรไปน่ะ?”
เย่เทียนเซี่ยมองมือของตัวเองอย่างอึ้งๆ สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาคือสีหน้าตื่นตะลึงราวกับว่าได้เห็นเื่อะไรบางอย่างที่ยากจะอธิบายหรือยากจะเชื่อได้
ตัวเขาเตะออกไปโดยใช้แรงไม่ถึงสองส่วนด้วยซ้ำ เดิมทีต้องกระเด็นไปไม่กี่เมตรสิถึงจะถูก ทำไมพละกำลังของเขาถึงได้เพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้ได้.......... เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พลังของตัวเองเพิ่มขึ้นมาจนถึงระดับนี้ั้แ่เมื่อไรกัน? เขาไม่ได้รับรู้ถึงมันเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของซูเฟยเฟย เขาก็มองไปยังนักฆ่าที่ไม่รู้ว่าเป็หรือตายก่อนจะพูดออกมาเสียงต่ำ “พวกเขาอยากจะฆ่าเธองั้นเหรอ? อย่างเธอไม่น่าจะมีศัตรูที่จำเป็ต้องเอาชีวิตเลยนะ ที่เธอต้องเจอก็แค่การลักพาตัวไปเพื่อที่จะขู่พ่อของเธอไม่ใช่หรือไง? ทำไมพวกเขาต้องฆ่าเธอด้วยล่ะ?”
ตามที่เย่เทียนเซี่ยรู้มาตัวของซูเฟยเฟยเคยเจอกับการลักพาตัวจนเป็เื่ปกติ เพราะเธอมีพ่อที่ร่ำรวย ก็ไม่แปลกที่จะมีคนลักพาตัวเธอไปเพื่อขู่เขา หรืออาจจะมีคู่แข่งที่้าเธอไว้ในกำมือเพื่อบังคับซูลั่วก็ไม่แปลก........แต่นักฆ่าที่ลงมือเมื้อกี้กลับมีเจตนาเอาชีวิตเธออย่างชัดเจน
ทำไมถึง้าฆ่าเธอ? ฆ่าเธอแล้วจะเกิดประโยชน์อะไรกับคนพวกนั้น........ เมื่อก่อนนี้สภาพแวดล้อมที่ซูเฟยเฟยใช้ชีวิตมาก็เต็มไปด้วยการลอบสังหารที่หมายจะเอาชีวิตโดยตรงมาตลอดอย่างนั้นเหรอ?
สีหน้าของซูเฟยเฟยปรากฏความเศร้าหมองและเ็ป แต่มันก็ถูกเธอปิดบังไปในทันที ในความคิดของเธอก่อนหน้านี้เธอยังหัวเราะอยู่เลย แต่เมื่อคิดไปถึง่เวลาหลายปีที่ผ่านมาของตัวเองเธอกลับหัวเราะไม่ออก ซูเฟยเฟยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขมขื่น “นายคิดว่าไงล่ะ......การลอบสังหารแบบนี้ฉันเคยเจอมาก่อนเดือนละหลายครั้งเลยล่ะ แล้วฉันก็ชินแล้ว พ่อของฉันเป็คนโหดร้าย ถ้าเขาไม่โหดร้ายก็คงไม่มีวันนี้หรอก มีคนมากมายต้องล้มละลายไปก็เพราะเขา หมดสิ้นทุกอย่าง ครอบครัวแตกแยก.......... พวกเขาที่มีชีวิตอย่างน่าสงสารจึงเหลือเพียงการแก้แค้นเท่านั้น การแก้แค้นของพวกเขาก็เลยมาตกอยู่ที่ฉันไงล่ะ เพราะอยากให้ฉันตาย อยากทำให้พ่อของฉันเ็ป......... แล้วยังมีบรรดาญาติๆของฉันอีก พ่อของฉันมีลูกสาวคนเดียว ถ้าเขาไม่อยู่แล้วทุกอย่างก็ต้องตกเป็ของฉัน........ ถ้าฉันตาย ทรัพย์สมบัติของพ่อก็จะตกเป็ของคุณลุงคุณป้าพวกนั้น........ หรือทายาทของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาถึงได้อยากให้ฉันตายมาโดยตลอดยังไงล่ะ ฉันกับพ่อรู้ดีแต่กลับหาหลักฐานหรือพิรุธอะไรไม่เจอเลย........... นายคิดว่าทำไมฉันถึงได้กลัวอยู่ทุกวันกันล่ะ ทำไมถึงได้หน้าด้านตามนายมาอยู่ที่นี่.......... แล้วยังยอมทิ้งความหวังทุกอย่างเพื่อนที่จะได้รับการยอมรับจากนายด้วย......... ฉันแค่อยากจะวางใจ ถ้ามันสามารถทำให้ฉันไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดนั้นอีกต่อไปล่ะก็ฉันยอมทุกอย่าง ยอมให้พ่อของฉันเป็แค่คนงานธรรมดาๆเลยก็ได้”
หัวใจของเย่เทียนเซี่ยกระตุกรุนแรง ใช้ชีวิต เธอบอกว่าตัวเองกำลัง “ใช้ชีวิต” ไม่ใช่ “มีชีวิต” การมีชีวิตก็เพื่อที่จะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น แต่การใช้ชีวิต........ก็เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น
เงามืดและแผลเป็ในหัวใจของเธอกำลังถูกเปิดออก น้ำเสียงของซูเฟยเฟยเบาลงเรื่อยๆ เมื่อเธอหันมาในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตามากมาย “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เกลียดพ่อ แต่ฉันเกลียดที่ตัวเองเกินมาในครอบครัวแบบนี้”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาั้แ่เล็กจนโตทำให้ความรู้สึกปลอดภัยเป็เื่ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดสำหรับเธอ และเมื่อเย็นวันนั้นที่เธอได้เห็นเย่เทียนเซี่ยใช้ร่างกายหยุดะุและเมื่อเขาจัดการคนที่มาลักพาตัวเธอทั้งสี่คนภายในพริบตา ความหวังอันแรงกล้าก็ได้ถูกจุดขึ้นในใจของเธอทันที..........นั่นก็คือเธอ้าจะอยู่ข้างกายเขาและหวังว่าจะถูกปกป้องโดยเขา คนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อนไม่มีทางเข้าใจความปรารถนานี้หรอก
เวลาไม่กี่วันที่เธออยู่ในบ้านของเย่เทียนเซี่ย แม้ว่าเธอจะเหน็ดเหนื่อย แต่มันกลับเป็ย่เวลาที่เธอเป็อิสระและสบายใจที่สุดในรอบหลายปี ั้แ่วันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเย่เทียนเซี่ยเธอก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเหมือนได้ก้าวเข้ามาในอีกโลกหนึ่งซึ่งเป็โลกที่เธอจะไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงเหมือนเธอได้รับการเยียวยาจากเขา...........
เย่เทียนเซี่ยที่ได้เห็นกับตาในวันนี้ก็รู้ทันทีว่าเมื่อก่อนซูเฟยเฟยต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดที่โหดร้ายขนาดไหน
