หลังจากซูิเยว่เข้าเรือน กลุ่มคนก็ทยอยแยกย้ายกันไป โม่เหยียนเซินมองประตูบานนั้นอยู่เนิ่นนาน ผ่านไปสักพักถึงเดินจากไป
ส่วนหลิวซื่อก็อุ้มลูกชายตามหวังต้าหลี่กลับเรือน พอลูกชายเริ่มร้องบอกว่าหิวแล้ว สองสามีภรรยาก็ดีใจกันมาก ทั้งสองตั้งใจตุ๋นน้ำซุปไก่ตุ๋นให้ลูกชายได้ดื่มบำรุงร่างกาย ซึ่งเ้าลูกชายเองก็เจริญอาหารกินไปครึ่งตัว ส่วนที่เหลือหลิวซื่อก็ยกหม้อพร้อมน้ำแกงไปที่บ้านของซูิเยว่พร้อมทั้งพูดกับนางด้วยความซาบซึ้ง “แม่นางซู ต่อไปหากเ้าพบเจอปัญหายากลำบากอะไร เ้าบอกข้าได้เลยนะ เ้าเป็ผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา เพียงแค่เ้าเอ่ยปาก ข้ากับหวังต้าลี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ส่วนนี่ น้ำแกงไก่ตุ๋นครึ่งหม้อ เ้ารับไปสิ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่อาเหนียนคอยดูแลซูิเยว่เพียงคนเดียว เขาเองก็พบเจอเื่ยุ่งยากเข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากหลิวซื่อ แต่ก็ถูกปฏิเสธไป ตอนนี้กลับเป็ฝ่ายหลิวซื่อเองที่เอ่ยปากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพราะซูิเยว่ได้ช่วยหวังเสี่ยวจู้ไว้ ความจริงแล้วหลิวซื่อเองก็รู้สึกผิดในใจที่อีกฝ่ายไม่ได้รังเกียจเื่ก่อนหน้านี้ จะไปเหมือนนางได้อย่างไร?
“เ้าค่ะ เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่สะใภ้หลิวแล้ว” ซูิเยว่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ นางยิ้มรับน้ำแกงไก่ตุ๋นมาพร้อมกับคิดว่าพอดีเลยเพราะอาเหนียนเองก็ต้องบำรุงร่างกายเช่นกัน
“แม่นางซู ขอบคุณนะ ขอบคุณเ้าจริงๆ” หลิวซื่อซาบซึ้งมาก เพียงซูิเยว่รับน้ำแกงไก่ตุ๋นไป ความรู้สึกผิดในใจก็เบาลงไม่น้อย
พอหลิวซื่อกลับไปแล้ว อาเหนียนเมินน้ำแกงไก่ที่ถูกป้อนมาข้างปากแล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “ท่านพี่ เมื่อครู่นางพูดอะไร ท่านช่วยลูกชายของนาง? หวังเสี่ยวจู้?”
เมื่อครู่ด้านนอกมีคนอยู่เยอะ อาเหนียนที่ลุกขึ้นไม่ไหวจึงไม่ทันเห็นเหตุการณ์ เขาก็ถามซูิเยว่ แต่นางกลับไม่พูดอะไร
“ใช่สิ” แถมนางยังตอบกลับเหมือนไม่สนใจเสียอีก
“เขา หวังเสี่ยวจู้นั่นตายไปแล้ว....ไม่ใช่หรือ?” อาเหนียนใมาก
“อืม ไม่ได้ตายสนิท ยังเหลือลมหายใจอยู่นิดหน่อยเลยถูกข้าช่วยกลับมาได้” นางตักน้ำแกงขึ้นมาหนึ่งช้อนแล้วยกไปจ่อปากของอาเหนียน
อาเหนียนใมาก ตอนที่กำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกยัดช้อนเข้ามาในปากจนไอแค่กๆ ออกมาหลายที เขารีบผลักช้อนออก “แค่ก แค่ก....ท่านพี่ หวังเสี่ยวจู้ถูกงูพิษกัดนะ อีกทั้งยังตายมาแล้วหลายวันด้วย ท่านกลับบอกว่าเขายังไม่ตายสนิทหรือ?”
พอเห็นน้องชายสนใจเื่นี้มาก แม้แต่น้ำแกงก็ไม่ทานแล้ว ซูิเยว่จึงทำได้แค่เอาคำพูดที่เคยพูดกับโม่เหยียนเซินมาอธิบายอีกครั้ง
“ท่านพี่ ท่าน ท่านเก่งกาจเกินไปแล้ว! ท่านปู่ไม่ได้มองพลาด ท่านเคยพูดไว้ว่าท่านพี่มีพร์ด้านการแพทย์มาก” อาเหนียนตื่นเต้นมาก เพียงแต่ตอนที่พูดถึงท่านปู่สีหน้าก็เศร้าหมองลง “ไม่รู้ว่าพวกท่านปู่จะเป็อย่างไรบ้างแล้วนะ?”
แววตาของซูิเยว่หม่นลงเหมือนคิดเื่เดียวกันกับอาเหนียน แต่นางกลับไม่พูดอะไร
หลังจากทานอาหารเสร็จ ซูิเยว่ก็เก็บถ้วยและตะเกียบ จู่ๆ เหมือนนางจะคิดอะไรขึ้นมาได้จึงเริ่มตรวจสอบทุกที่ภายในบ้าน
“ท่านพี่ ท่านทำอะไรอยู่หรือ?” อาเหนียนเห็นท่าทางนางจึงถามขึ้น
“หากไม่เกินจากที่คาดไว้ คืนนี้หลู่ซื่อจะมา” ซูิเยว่คิดหาวิธีทำกับดัก พอลองทำแล้วก็รู้สึกว่าพอใช้ได้
“อะไรนะ!” อาเหนียนที่เพิ่งคิดเื่นี้ก็ใจนเกือบร้องไห้
ในครึ่งปีมานี้หลู่ซื่อเหมือนกับผีร้าย ไม่มี่ไหนที่ไม่ทำให้เขากังวลใจ จะว่าไปแล้ว ตอนแรกหลู่ซื่อก็ไม่ถึงกับใจร้ายมากนัก อย่างมากก็มาด่าบ้างเป็บางครั้ง ไม่รู้ว่าเห็นสองพี่น้องน่ารังแกหรือว่าอย่างไร ต่อมาก็มาแย่งอาหารที่อาเหนียนหามาได้จากูเาอย่างยากลำบากไป เขาจึงทำได้แค่ปอกเปลือกต้นไม้มากินรองท้องกับพี่สาว พวกนางไม่สนใจเปลือกต้นไม้อยู่แล้วจึงไม่ได้มาแย่งไป
ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ แต่หลู่ซื่อก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปแถมยังจะฆ่าพวกเขาอีกด้วย
พอคิดเื่พวกนี้แล้ว ทั้งตัวของอาเหนียนก็สั่นสะท้าน ใบหน้าเล็กขาวซีด ในใจคิดว่ายังดีที่พี่สาวไม่ได้สติเลอะเลือนแล้ว แต่ตัวเขาตอนนี้ยังขยับตัวไม่สะดวก พี่สาวที่เป็สตรีเพียงคนเดียวจะรับมือกับสามแม่ลูกนั่นได้อย่างไร?
อาเหนียนกังวลใจจริงๆ
เป็อย่างที่ซูิเยว่คาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด ฟ้าเพิ่งจะเริ่มมืด หลู่ซื่อก็พาลูกชายสองคนมาที่นี่
ทั้งสามมาถึงที่เรือนด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ พอเห็นว่าภายในเรือนมีแสงไฟจากคบไฟส่องสว่างอยู่ หลู่ซื่อก็ชี้นิ้ว ซูเอ้อร์เห็นดังนั้นก็เดินไปด้านหลังเรือน
ด้านหลังเรือนมีรูอยู่หนึ่งรูที่ใช้อิฐเพียงไม่กี่ก้อนมาอุดไว้ ซูเอ้อร์เอาอิฐออกมาอย่างคุ้นเคยก่อนจะมุดตัวเข้าไป
ภายในเรือนมืดมาก อีกทั้งยังเงียบสนิท แสงจันทร์ส่องกระทบบนหน้าซูเอ้อร์ที่แย้มยิ้มชั่วร้าย เขาเดินย่องไปที่หน้าประตู
เพียงแต่เมื่อเดินคลำไปถึงหน้าประตูก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกตาลาย ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเอาผงอะไรสาดใส่เขา
“อ๊ะ!” จู่ๆ ซูเอ้อร์ก็ถูกโจมตีเข้าที่ดวงตาจึงร้องเสียงหลงออกมา
ซูิเยว่ปรากฏตัวออกมา นางยกเท้าขึ้นถีบอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วจนซูเอ้อร์กลิ้งออกไปทันที
ซูิเยว่รีบเข้าไปในเรือนก่อนจะปิดประตูอีกครั้ง
ประตูหน้าของเรือนไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร แม้นางจะใช้โต๊ะขวางเอาไว้ก็ตาม
“ท่านพี่ ท่านพี่...” อาเหนียนร้องเรียกด้วยความร้อนใจ ซูิเยว่เดินมาถึงก็เห็นประตูเรือนถูกคนจากด้านนอกชนดังปังปัง
“อาเหนียนไม่ต้องกลัวนะ” ซูิเยว่ปลอบน้องชาย นางกัดฟันกระชับไม้ซักผ้าในมือไว้แน่น
ในที่สุดประตูก็ถูกคนจากด้านนอกชนจนเปิดออก ใบหน้าอ้วนที่เต็มไปด้วยความโเี้ของหลู่ซื่อก็ปรากฏขึ้น
พอเห็นซูิเยว่ยืนอยู่ตรงหน้า นางก็ยกยิ้มก่อนจะพูดกับซูต้าที่อยู่ข้างตัว “ลูกเอ๋ย ภรรยาของเ้าช่างเชื่อฟังจริงๆ ถึงได้มารอพวกเราเช่นนี้”
ซูต้ารีบเบียดตัวเข้ามาจนชนหลู่ซื่อกระเด็นไปด้านข้าง เขามองซูิเยว่อย่างพิจารณา จากนั้นก็หัวเราะเหอะๆ ออกมาอย่างโง่เขลา “ท่านแม่ ภรรยาของข้าช่างงดงามจริงขอรับ”
หลู่ซื่อซึ่งเดิมถูกลูกชายเดินชนก่อนหน้านี้ก็เจ็บอยู่เล็กน้อย นางจึงมองเตือนเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโหจึงพูดเสียงเย็นออกมา “ชอบก็ดี เช่นนั้นก็พากลับบ้านไป”
สองแม่ลูกพูดโต้ตอบกันไปมา มีหรือที่สองพี่น้องจะไม่รู้ว่าพวกเขามีความคิดเช่นไร อาเหนียนโกรธจนตัวสั่นเอ่ยปากด่าออกไปทันที “เ้า เ้ามันชั่วช้า ท่านพี่ไม่มีทางแต่งเป็ภรรยาของเ้า ไสหัวไป!” หากไม่ใช่เพราะขาเดินไม่ถนัด เขาก็อยากสู้กับนางให้ถึงที่สุด
"ท่านแม่ ภรรยา ภรรยาข้ามารับแล้ว” ซูต้าไม่สนใจอาเหนียน เขายกมือขึ้นจะไปจับซูิเยว่
“ท่านพี่!”
อาเหนียนพยายามจะลุกขึ้นมา แต่เพราะร่างกายขยับไม่สะดวก ครึ่งตัวบนของเขาจึงหล่นไปด้านล่างเตียง
ซูิเยว่ไม่หลบตา ดวงตาคู่นั้นจ้องไปยังใบหน้าของซูต้าด้วยความเ็าถึงขีดสุด
ซูต้านั้นเป็คนโง่เขลา รับมือได้ไม่ยาก...
ยิ่งมือข้างนั้นเข้ามาใกล้มากเท่าไร รอยยิ้มโง่เขลาของซูต้าก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นซูต้าก็รู้สึกได้ว่าใต้เท้าถูกบางอย่างมาพันเอาไว้ เขาใอยู่ครู่หนึ่ง รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในสภาพห้อยหัวลงมาเสียแล้ว
ซูต้าเวียนหัวตาลาย เขาใจนมือทั้งสองข้างปัดป่ายในอากาศมั่วไปหมด “ท่านแม่ ท่านแม่ มีคนไม่ดีมาจับข้า ข้ากลัว ท่านแม่ช่วยข้าด้วย”
“เ้า เ้า...” ตอนแรกหลู่ซื่อเองก็ใ จากนั้นก็ถอนหายใจเมื่อพบว่าลูกชายแค่ถูกเชือกเส้นหนึ่งมัดขาข้างหนึ่งเอาไว้ให้หัวห้อยลงมาเท่านั้น
หลู่ซื่อพูดเสียงดุ สายตาถลึงมองซูิเยว่ “นางชั่ว รู้จักทำกับดักด้วยหรือนี่!”
ซูิเยว่ไม่โต้ตอบกับอีกฝ่ายให้มากความ นางง้างไม้ซักผ้าฟาดลงไปทันที หลู่ซื่อใมากจนร้องกรี๊ดแล้วหลบ แต่ว่าบ้านเล็กขนาดนี้ แม้จะหลบอย่างไรก็หนีไม้ซักผ้าที่ฟาดลงมาสองสามทีไม่พ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้