เมื่อนึกถึงเื่ที่ตนเองได้ยินมาอย่างการทีลู่อี๋เหนียง ‘ป่วยตาย’ ในจวนสกุลไป๋ โทสะของฮั่วิเชินพลันมลายสิ้น
ถูกหญิงสาวสารภาพรักและเห็นตนเองเป็ที่พึ่ง อีกทั้งหญิงสาวผู้นี้ยังมีกลิ่นหอมหวานแผ่ออกมาจากร่างกายด้วย ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะจิตใจฟุ้งซ่านขึ้นมา
เขากอดไป๋หว่านหนิง พลางเอ่ยปลอบโยนเสียเบา “ไม่เป็ไรนะ เ้ายังมีข้าอยู่”
โชคดีที่ชุดนางกำนัลนั้นไม่ใช่ชุดรัดรูป จึงสามารถปกปิดร่องรอยบนร่างของไป๋หว่านหนิงได้อย่างสมบูรณ์ แม้ฮั่วิเชินจะอยู่ใกล้นางมาก เขาก็มองไม่เห็นร่องรอยเ่าั้
แววตาของไป๋หว่านหนิงเป็ประกายด้วยแผนการ นางจู่โจมด้วยการทาบทับริมฝีปากเย็นเยียบของฮั่วิเชิน
ไป๋เซี่ยเหอมุ่นคิ้ว นางเดาออกแล้วว่าไป๋หว่านหนิงคิดจะทำอะไร แม้ว่าจะเสี่ยง ทว่าถือเป็วิธีการที่ดี
ทว่าสิ่งที่ใส่ลงไปในกระถางธูปนั้น...
ไม่เสียทีที่เป็บุตรีของลู่เป๋าเหยา เพราะการกระทำเหมือนกันทุกประการ
ต่ำช้าเหมือนกัน!
ไป๋เซี่ยเหอไม่มีความปรารถนาที่จะแอบดูอีก นางกำลังจะหันหลังจากไป
“ใคร?”
ลมกระโชกสายหนึ่งพุ่งมากระทบท้ายทอยของนาง
ไป๋เซี่ยเหอไม่คาดคิดว่าฮั่วิเชินจะมีความระแวดระวังภายใต้สถานการณ์ที่กำลังลุ่มหลงมัวเมาเช่นนี้ นางเบี่ยงกายหลบทันที จากนั้นนางก็ถูกใครบางคนโอบเอวจากด้านหลังและเอามือปิดปากนางอย่างกะทันหัน
สายลมหนาวเหน็บพัดผ่านกายไป
กลิ่นสะระแหน่จากร่างที่คุ้นเคยทำให้หัวใจที่แขวนอยู่ของนางสงบลงอย่างอธิบายไม่ได้
นางปล่อยมือที่กำลังยกสูงขึ้นเพื่อเตรียมโจมตีกลับ แล้วปล่อยให้บุรุษผู้นี้พาตัวนางออกไปไกล
“เห็นคู่หมั้นกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเองพลอดรักกันกับตา เ้ารู้สึกอย่างไร?”
ใบหน้าที่ฉาบน้ำแข็งมานานปีของฮั่วเยี่ยนไหวดูคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ไม่เลว รูปร่างไม่เท่าไร”
ความจริงแล้วยามที่นางจากมาฮั่วิเชินไม่ได้ถอดเสื้อผ้า นางเพียงใช้สายตาคาดคะเนรูปร่างของเขาผ่านเสื้อผ้าเท่านั้น
ทว่าสีหน้าของบุรุษตรงหน้ามืดมนลงหลายส่วน “งานอดิเรกของคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ช่างชวนให้ประหลาดใจเสียจริง”
เขาเองก็ไม่ทราบว่าเหตุใดตนเองถึงได้หงุดหงิดปานนี้ บางทีเขาอาจรู้สึกเพียงว่าหญิงสาวเช่นนี้ไม่คู่ควรที่จะได้รับความจริงใจจากจิ้งจอกน้อยกระมัง
“วันหน้ายังมีเื่ที่จะทำให้ท่านอ๋องประหลาดใจอีกเพียบเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอสาบานได้ว่าถ้อยคำนี้มาจากใจของนางจริงๆ
หากฮั่วเยี่ยนไหวรู้ว่านางคือจิ้งจอกเขาย่อมประหลาดใจมากแน่
จู่ๆ นางก็รู้สึกคาดหวังเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางที่เคยเป็คนเ็าในอดีตชาติ กลับมีความคิดแย่ๆ จำนวนมากผุดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ในชาตินี้
บางทีนางอาจได้รับผลกระทบจากิญญาจิ้งจอกที่อยู่ในร่างกระมัง
การกระทำรวมถึงแววตาของนางล้วนแล้วแต่มีเงาของจิ้งจอกซ้อนทับอยู่ทั้งสิ้น
เนื่องจากกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ไป๋เซี่ยเหอจึงเผลอก้มหน้าอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว การกระทำเช่นนี้ของนางทำให้แววตาของฮั่วเยี่ยนไหวเปลี่ยนไป
น้ำเสียงอันเฉยเมยของฮั่วเยี่ยนไหวดังขึ้นเหนือศีรษะ “เ้าอย่าได้เสียใจไปเลย ฮั่วิเชินคือไท่จื่อ สามตำหนักหกเรือนเจ็ดสิบสองสนมคือเื่ที่ย่อมเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว”
ไป๋เซี่ยเหอชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นดวงตาของนางก็หรี่ลง หากมองให้ดีจะเห็นรอยยิ้มซ่อนอยู่ในแววตาของนาง
ไม่เสียทีที่เกิดเป็ชายแท้
หากวันนี้นางเสียใจที่เห็นไป๋หว่านหนิงและฮั่วิเชินพลอดรักกันขึ้นมาจริงๆ จากนั้นก็ถูกเขา ‘ปลอบใจ’ เช่นนี้อีก บางทีนางคงตัดสินใจะโลงในทะเลสาบเพื่อฆ่าตัวตายก็เป็ได้
“เช่นนั้นท่านเล่า?”
ใบหน้ารูปทรงเมล็ดแตงโมอันแสนงดงามเงยสูงขึ้น ั์ตาสุกใสของนางไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่น้อย หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ดูงดงามสูงส่ง และมีเสน่ห์ไม่ธรรมดา
หากเติบโตขึ้นย่อมต้องเป็ความงดงามที่หาได้ยากเป็แน่
เรียกได้ว่างามล่มเมือง
“วันหน้าท่านอ๋องเองก็จะมีสามภรรยาสี่อนุเหมือนกันหรือไม่?”
แววตาของฮั่วเยี่ยนไหวลึกล้ำและเย็นเยียบ เขาเดินเข้ามาใกล้สองสามก้าวอย่างกะทันหัน มือข้างหนึ่งยื่นออกไปยันกำแพงด้านหลังศีรษะของไป๋เซี่ยเหอ ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อย “เขาก็คือเขา ข้าก็คือข้า!”
กลิ่นสะระแหน่อบอวลอยู่เต็มโพรงจมูก ก่อนจะซึมเข้าไปถึงหัวใจ
ปลายจมูกของทั้งสองแทบจะแตะกันอยู่รอมร่อ
ด้านหลังของไป๋เซี่ยเหอคือกำแพงอันเย็นเยียบ นางไม่มีทางให้ถอยแล้ว ใบหน้าเล็กและงดงามกลายเป็สีแดงเรื่ออย่างหาได้ยาก
“หากมีผู้ใดพบเข้า พวกเราจะอธิบายอย่างไร?”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องอธิบาย”
เอาแต่ใจเสียจริง เพียงแต่...นางอยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมากกว่า
“ไฟไหม้”
“รีบดับไฟเร็วเข้า”
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังใกล้เข้ามา นางถือโอกาสที่ฮั่วเยี่ยนไหวเสียสมาธิยอบกายเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว
หัวใจเต้นรัวทันที
“ห้องบรรทมของไท่จื่อไฟไหม้ รีบแจ้งให้องครักษ์มาดับไฟเร็วเข้า!”
ห้องบรรทมของไท่จื่อ?
นางและเขาเพิ่งออกมาจากที่นั่นชัดๆ
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าสบกับสายตาที่กระจ่างชัดของฮั่วเยี่ยนไหวพอดิบพอดี
“น้องรองผู้นั้นของเ้ามีความสามารถนัก”
ถ้อยคำที่ดูเหมือนชมเชยกลับเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“เ้าเองก็ยั่วยุฮั่วิเชินให้น้อยลงหน่อย”
ฮั่วเยี่ยนไหวหมุนกายเตรียมจะจากไป ทว่าจู่ๆ ก็หันมาทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เขาไม่ได้ไร้ค่าอย่างที่เ้าคิด”
ไป๋เซี่ยเหอค้นพบเื่นี้แล้วเมื่อครู่ ฮั่วิเชินสามารถตั้งสติและรักษาความระแวดระวังภายใต้กลิ่นธูปอันมัวเมาได้ ทั้งยังส่งมีดบินมาตรงจุดที่นางยืนอยู่ได้อย่างแม่นยำ ย่อมไม่ใช่เื่ที่ทำได้ง่ายๆ แน่
เมื่อฮั่วเยี่ยนไหวจากไป ไป๋เซี่ยเหอก็เดินออกจากวังอย่างเชื่องช้า
ฝูเอ๋อร์ยังคงรอนางอยู่นอกประตูวัง
“คุณหนูใหญ่สกุลไป๋โปรดรอก่อน”
ไป๋เซี่ยเหอหันหน้าไปมอง “แม่นมชิว”
แม่นมชิวจูงมือของไป๋เซี่ยเหอและพานางเดินกลับเข้าไปด้านในด้วยท่าทีสนิทสนม “ฮองเฮาทรงให้บ่าวมาตามท่าน โชคดีที่ท่านยังไม่ออกจากวัง”
“มีเหตุอันใดหรือเ้าคะ?”
อันที่จริงไป๋เซี่ยเหอรู้แล้วว่ามีเหตุอันใด ทว่านางเพียง้าตรวจสอบท่าทีของฮองเฮาเท่านั้น
หลังจากแม่นมชิวมองซ้ายมองขวาแล้วก็โน้มตัวไปที่ข้างใบหูของไป๋เซี่ยเหอ “ตำหนักไท่จื่อเกิดไฟไหม้ หลังจากมีคนบุกเข้าไปเพื่อที่จะดับไฟ ก็พบไท่จื่อกับคุณหนูรองสกุลไป๋...น้องสาวของท่าน กำลังทำเื่ผิดประเพณีอยู่เ้าค่ะ”
“เช่นนั้นคงต้องเรียกตัวบิดาข้าเข้าวังแล้วล่ะ”
แม่นมชิวส่งเสียงไอ้หยาออกมาทีหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ดูท่านสิ ปกติมีไหวพริบถึงปานนั้น เหตุใดวันนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนคนทึ่มก็ไม่ปาน?”
“ฮองเฮาตรัสว่าทรงทอดพระเนตรจากแววตาของท่านว่าท่านไม่ได้ชมชอบไท่จื่อ จึงส่งบ่าวมาตามท่านเพื่อถามว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไร ฮองเฮาตรัสว่าจะทรงสนับสนุนท่านเ้าค่ะ”
เมื่อเห็นแววตาของแม่นมชิว ไป๋เซี่ยเหอก็ลดความระแวดระวังลงอย่างสิ้นเชิง ก่อนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นมช่วยขอบพระทัยฮองเฮาแทนข้าด้วยเ้าค่ะ”
เมื่อแม่นมชิวเห็นแววตาสุกใสของไป๋เซี่ยเหอที่ดูราวกับมีดวงดาวอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใด จู่ๆ นางถึงรู้สึกใจเย็นลง
“บ่าวคิดว่าท่านเองก็คงมีแผนการเป็ของตนเองเช่นเดียวกัน ขอให้ท่านตัดสินใจเองเถิดว่าจะทำอย่างไร แต่จำไว้ว่าฮองเฮาจะทรงช่วยเหลือท่านเ้าค่ะ”
แม่นมชิวไม่แน่ใจว่าตนเองพบเจอผู้คนมามากน้อยเพียงใดในชีวิตนี้ ทว่านางรู้ั้แ่แรกเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอไม่เหมือนสตรีคนอื่น
ภายในตำหนัก
บุคคลที่ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกคุ้นตาล้วนมากันครบแล้ว
ฮ่องเต้และฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์ ส่วนฮั่วเยี่ยนไหวนั่งอยู่ตรงตำแหน่งแรกทางขวามือของฮ่องเต้
เขาสวมชุดคลุมยาวสีเดียวกับพระจันทร์ เส้นผมยาวถึงเอวมัดครึ่งศีรษะห้อยอยู่ด้านหลังอย่างเป็ธรรมชาติ ดวงตาภายใต้คิ้วทรงดาบดูเ็า
เขาเอนตัวอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีราวกับไม่สนใจสิ่งใด
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าา ฮองเฮา ถวายบังคมเซ่อเจิ้งอ๋อง ถวายบังคมไท่จื่อเพคะ”
นางถวายบังคมตามลำดับอย่างเฉลียวฉลาดโดยไม่ขาดตกบกพร่องในเื่ของมารยาทแม้แต่น้อย เมื่อเปรียบเทียบท่าทีอันสง่างามของไป๋เซี่ยเหอกับไป๋หว่านหนิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้ว ฝ่ายหลังช่างดูน่าอดสูนัก
“ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง”
นับั้แ่ได้ฟังข่าวดีจากปากของฮองเฮาเมื่อครู่ ฮ่องเต้ก็รู้สึกถูกชะตากับไป๋เซี่ยเหอเป็อย่างยิ่ง
ตำแหน่งของไป๋เซี่ยเหอคือตำแหน่งแรกทางซ้ายมือของฮองเฮา
ดังนั้น ตรงข้ามไป๋เซี่ยเหอก็คือฮั่วเยี่ยนไหว
สายตาของทั้งสองประสานกันกลางอากาศโดยไม่ตั้งใจ หลังสบตากัน ต่างคนต่างละสายตาออกโดยปริยาย
ไป๋เซี่ยเหอกระแอมไอเบาๆ สองที ก่อนจะแสร้งถามว่า “เหตุใดฮองเฮาถึงทรงเรียกหม่อมฉันกลับมาเพคะ? หรือว่าทรงไม่สบายพระวรกายอีก?”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้