ซูอินที่รู้สึกตัวขึ้นมาได้ทำสปาน้ำอุ่น ทั่วร่างกายและรูขุมขนรู้สึกสดชื่น
ถูกโจมตีครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็ความโชคดีในความโชคร้าย เพราะเดิมทีน้ำพุแห่งจิติญญาของเธอพัฒนาค่อนข้างช้า อย่างน้อยที่สุดต้องใช้เวลาราวๆ ครึ่งเดือน แต่เมื่อถึง่วิกฤตมันทำให้เธอได้ปลดปล่อยศักยภาพออกมาจนสลบเพื่อเข้าสู่การพัฒนาประสิทธิภาพ และใช้่เวลาสั้นๆ จัดการทุกอย่างให้เสร็จสมบูรณ์
ทว่าการพัฒนาอย่างรวดเร็วก็ส่งผลตามมา คือในครึ่งเดือนหลังจากนี้ เธออาจมีอาการเวียนศีรษะบ่อยๆ
แต่หลังจากพัฒนาศักยภาพแล้วจะทำให้เกิดความสามารถใหม่ ซูอินคิดว่าอาการที่ตามมานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเธอมากขนาดนั้น
หลังจากที่น้ำพุแห่งจิติญญาของเธออัปเกรดมากขึ้นก็พบว่ามีความสามารถใหม่เพิ่มมานั่นคือ การชำระล้างสารพิษ
การชำระล้างสารพิษ ความหมายตรงตัวคือ สามารถนำมาใช้แช่อาบเพื่อชำระร่างกาย
น้ำพุก่อนหน้านี้ก็สามารถนำมาใช้แช่อาบ แต่ประสิทธิภาพไม่ต่างจากน้ำทั่วไป การดื่มโดยตรงมีผลในการชะล้างและขจัดสิ่งไม่ดีในไขกระดูก แต่นอกจากเธอที่เป็เ้าของห้วงมิติ หากคนอื่นใช้น้ำพุนี้จะรับประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งนี้ได้ไม่ดีเท่ากับเธอ หากเป็คนที่ร่างกายอ่อนแอจะไม่สามารถทนไหว
อย่างน้องชายตัวน้อยของเธอ
ครั้งนี้เธอได้รับบุญกุศลอย่างล้นเหลือ ทำให้น้ำพุมีพลังงานจิติญญาเพิ่มขึ้น หากนำมาดื่มจะได้รับประสิทธิภาพดีที่สุด หากนำมาใช้แช่อาบ ผ่านไปนานๆ จะสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งเป็ประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับเด็กชายตัวน้อยมาก
ซูอินพึงพอใจกับสิ่งนี้
หลังจากที่ซูอินทำความเข้าใจแล้ว เธอจึงฟื้นขึ้นมาท่ามกลางสภาวะอันลึกลับนี้ และจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการพัฒนาน้ำพุได้
การพัฒนาในครั้งนี้ใช้เวลาสองถึงสามวัน ในระหว่างที่เธอหมดสติเป็่เวลาคาบเกี่ยวกับความตาย คนในครอบครัวของเธอคงเป็ห่วงมาก
รวมถึงน้องชายตัวน้อย…
แม้ว่าก่อนหมดสติจะได้ยินเสียงไซเรน แต่สายตาของชายที่มีนามว่าต้าหู่คนนั้นก็ไม่คิดใส่ใจเลยสักนิด แถมยังะโอย่างไม่กลัวฟ้ากลัวดินว่า “ฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อให้ฆ่าคนก็ไม่ผิดกฎหมาย” มันจะเกิดอะไรขึ้นหากในตอนท้ายเขาทำร้ายน้องชายตัวน้อยของเธอ
เมื่อนึกถึงความทรงจำนั้น ซูอินก็รู้สึกร้อนรนในจิตใจและฟื้นขึ้นมา
แสงเจิดจ้าทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นชินนัก เธอจึงหลับตาก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอีกครั้ง ซึ่งเธอพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย สายและท่อมากมายถูกติดอยู่บนร่างกายของเธอ
ในเวลานั้นเธอคิดว่าตนเองกลับไปยังชาติก่อนในตอนที่ “บริจาค” หัวใจเสียอีก
แต่พื้นที่ในจิตใต้สำนึกของเธอทำให้เธอตอบสนองอย่างรวดเร็วและรู้ว่าที่นี่น่าจะเป็ห้องสำหรับผู้ป่วยหนัก
ดังนั้นหลายวันมานี้เกิดเื่อะไรขึ้นบ้างนะ
และไม่นานความสงสัยของซูอินก็คลี่คลายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธอฟื้นไม่นาน บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลเธอในห้อง ICU อย่างใกล้ชิดก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ฟื้นแล้วหรือ รู้สึกยังไงบ้าง”
หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต ทุกอย่างไม่มีปัญหา มีอาการดีมากๆ
นี่คือสิ่งที่ซูอินคิด แต่เธอไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติไปรวมถึงการที่เธอมาอยู่ในห้องผู้ป่วยตอนนี้ ทำให้เธอรู้ว่าอาการของตัวเองค่อนข้างหนักมากอย่างแน่นอน
เธอดึงหน้ากากออกซิเจนออกก่อนจะค่อยๆ ตอบช้าๆ “หัว…มึนหัวนิดหน่อยค่ะ”
“มีอาการมึนหัวน่ะถูกต้องแล้วค่ะ คุณฟื้นขึ้นมาได้ถือว่าเป็ความโชคดีในความโชคร้ายแล้ว”
ซูอิน : แท้ที่จริงแล้ว เธออาการหนักขนาดนั้นเชียวหรือ
ถัดมาก็เป็การตรวจร่างกาย ซึ่งทำให้ซูอินรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เธอถูกวินิจฉัยว่าศีรษะกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อีกทั้งอาการค่อนข้างหนัก ถ้าไม่ตายก็ไม่ฟื้นหรือเรียกว่านอนเป็ผักนั่นเอง
ในวันนี้เธอฟื้นขึ้นมาโดยไม่มีปัญหา ทำให้สถานการณ์ที่ถูกคาดเดาสองอย่างนั้นไม่เกิดขึ้น
ในขั้นตอนต่อมาคุณหมอใช้เวลาตรวจร่างกายเธอค่อนข้างนาน ตรวจสอบว่าเธอสูญเสียความทรงจำหรือมีอาการความจำเสื่อมหรือไม่
อันที่จริงไม่ต้องตรวจ ซูอินก็สามารถบอกคุณหมอได้ว่าตนเองไม่มีปัญหา แต่ซูอินไม่ผลีผลามพูดออกไป และให้ความร่วมมืออย่างดีในการตรวจแต่ละขั้นตอน
เมื่อผลตรวจร่างกายออกมาทำให้ทุกคนใมาก
“ยังมีอาการกระทบกระเทือนหลงเหลืออยู่บ้าง ระยะนี้ต้องนอนพักผ่อนบนเตียง ทางที่ดีที่สุดควรพักฟื้นดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลระยะหนึ่ง ได้รับาเ็รุนแรงขนาดนั้น แต่ร่างกายฟื้นฟูได้ถึงระดับนี้ น่าแปลกมากๆ”
ซูอินก็คิดว่าแปลกมากเช่นกัน คนอื่นไม่เข้าใจ แต่เธอรู้ดีว่าท่อนเหล็กในมือของต้าหู่ฟาดไม่โดนเธอ นอกจากล้มลงบนพื้นหญ้ารก เธอก็ไม่ได้รับาเ็อะไรอีก ไม่เพียงแค่นั้นการัอัปเกรดของน้ำพุแห่งจิติญญาก็ตอบรับกับร่างกายของเธอเป็อย่างดี ถึงแม้จะไม่แสดงการตอบรับมากนัก แต่เธอก็รู้สึกว่าสมรรถภาพร่างกายของเธอในเวลานี้ดีกว่าก่อนที่จะสลบไปมาก
และเป็สิ่งที่น่าอัศจรรย์เมื่อตรวจสอบออกมาว่าศีรษะของเธอได้รับความกระทบกระเทือน
แต่เมื่อนึกถึงผลข้างเคียงที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากการอัปเกรดของน้ำพุที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอพอจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดผลตรวจร่างกายถึงออกมาเป็เช่นนั้น
หลังจากการวินิจฉัยเสร็จสิ้นและยืนยันแล้วว่าพ้นขีดอันตราย ซูอินก็ถูกส่งตัวไปพักที่ห้องผู้ป่วยทั่วไป
เมื่อถูกนำตัวออกจากห้อง ICU เมิ่งเถียนเฟินที่คอยเฝ้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็รีบเข้ามาหา
“อินอิน ลูก…”
ริมฝีปากสั่น เมิ่งเถียนเฟินร้องไห้สะอึกสะอื้น
ซูอินนอนอยู่บนเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เธอมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่เหนือศีรษะของเธอ ไม่เห็นหน้าหลายวัน ผมของเมิ่งเถียนเฟินยุ่งเหยิง ขอบตาคล้ำ มีเส้นเืสีแดงขึ้น ทำให้รู้ว่าไม่ได้พักผ่อนเป็เวลานาน
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจ กุมมือที่จับอยู่ข้างเตียงก่อนจะเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่คะ หลายวันมานี้…หนูคงทำให้แม่เป็ห่วงใช่ไหมคะ”
เมิ่งเถียนเฟินอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ก่อนเสียงเล็กๆ นั้นจะเอ่ยพึมพำ “ฟื้นก็ดีแล้ว ดีแล้ว…”
“ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้หนูฟื้นแล้ว แม่ไม่ต้องเป็ห่วงนะคะ”
เธอเอ่ยปลอบเบาๆ เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเมิ่งเถียนเฟินเริ่มคงที่แล้วซูอินจึงรีบถาม “อันอันเป็อะไรหรือเปล่าคะ”
เมื่อถาม เธอก็สังเกตได้ว่าเมิ่งเถียนเฟินชะงักไป
เมื่อนึกถึงเด็กชายตัวน้อยที่น่าสงสาร ในใจของซูอินหล่นวูบ
เตียงเคลื่อนออกจากลิฟต์ และย้ายเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ยังไม่ทันที่เธอจะได้ชื่นชมห้องพักผู้ป่วยที่หรูหรา ซูอินก็เห็นร่างนูนๆ ที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงข้างๆ
เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่าใบหน้านั้นคือน้องชายตัวน้อยของเธอ
ในเวลานั้นเขากำลังนอนหลับ หยาดน้ำตายังคงเอ่ออยู่บนขนตายาว เขาดูมีอาการป่วยเพราะใบหน้าที่แดงก่ำ
“เขาาเ็หรือคะ”
ซูอินถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา
เมิ่งเถียนเฟินส่ายหน้า ในเวลานี้เธอค่อยๆ ปรับอารมณ์ของตนเอง “ไม่จ้ะ แค่ใและมีไข้เล็กน้อย ฉิงฉิงจึงจัดเตรียมห้องพักผู้ป่วยให้โดยเฉพาะ ฉีดยาแล้วน่าจะไม่เป็อะไรมากแล้วจ้ะ”
อันอันเป็เด็กคลอดก่อนกำหนด เมื่อคลอดออกมาร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพราะมีไข้จนเป็เื่ปกติ แม้เมิ่งเถียนเฟินจะสงสารบุตรชาย แต่เมื่อเกิดขึ้นหลายครั้งก็กลายเป็ความเคยชิน
แต่ซูอินกลับไม่ชินกับเื่นี้สักนิด
เมื่อรู้ว่าเด็กชายตัวน้อยไม่ได้รับาเ็ก็โล่งใจ เธอยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย มองเด็กชายตัวน้อยด้วยความสงสาร ก่อนหน้านี้มีการบำรุงอาหารต่างๆ มากมายกว่าจะทำให้แก้มตอบนั้นถูกเติมเต็ม ดวงตาที่ปิดสนิทนอนหลับอยู่นั้นทำให้เห็นว่าเขากลับไปซูบผอมอีกครั้งเหมือนตอนก่อนที่เธอจะกลับมาอยู่ที่บ้าน
การเคลื่อนไหวของเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมีเสียงค่อนข้างดัง เด็กชายตัวน้อยไม่ได้นอนหลับสนิทอยู่แล้ว จึงถูกรบกวนจนตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย
มือเล็กขยี้ตา ในตอนที่สะลึมสะลือเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย
“พี่” เขาลองเอ่ยเรียก
ซูอินกุมมือเล็กของเขาเบาๆ ก่อนจะตอบอย่างอ่อนโยนว่า “อืม”
เมื่อรับรู้ความรู้สึกที่หลังมือ ดวงตาที่หรี่มองในตอนแรกเบิกกว้าง คนที่ยืนอยู่ข้างเตียงส่งรอยยิ้มอบอุ่นและมีใบหน้าสวยงามคนนี้คือพี่สาวของเขา
เมื่อได้สติเด็กชายตัวน้อยรีบลุกจากเตียง และกอดขาของพี่สาวไว้แน่น
“พี่ครับ!”