หลังจากได้ยินเช่นนั้นซูเจินก็หัวเราะเสียงดัง “ข้านึกว่าเ้าจะรู้เื่อื่นเสียอีก”
อวิ๋นจื่อรู้สึกอายเล็กน้อย “เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ซูเจินกล่าวเบาๆ “อันที่จริงข้าเคยได้ยินท่านลุงอวิ๋นเซียวเล่นเพลงเหล่านี้เช่นกัน เพียงแต่มันไม่ใช่อย่างที่เ้าคิด”
หญิงสาวกะพริบตาและกล่าวว่า “ข้าอยากฟังรายละเอียด”
“เ้าเป่าเพลงความคิดถึง ผีเสื้อหยก คลื่นซัดทราย และอำลาใช่หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า
“ทุกเพลงล้วนบรรยายถึงชีวิตของท่านลุงอวิ๋นเซียว ตอนยังเด็กเขาอยู่ห่างไกลจากเมืองอวิ๋นเมิ่ง และค่อยๆ เติบโตท่ามกลางความหนาวเย็นที่ชายแดนฮ่วยซัว ย่อมเป็เื่ธรรมดาที่เขาจะคิดถึงบ้านเกิด ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงนางผู้เป็ที่รักในวัยเยาว์ ต่อมาหลังจากการจู่โจมอย่างกะทันหันของไท่จื่อ ท่านลุงอวิ๋นเซียวและมารดาของเ้าจำต้องแยกทางกัน เพื่อรักษาชีวิตของท่านลุงอวิ๋นเซียว มารดาของเ้าจำต้องแต่งเป็ไท่จือเฟย ต่อมาท่านลุงอวิ๋นเซียวได้กลายเป็เทพาที่ชายแดนฮ่วยซัว จากนั้นเขาก็สิ้นพระชนม์ในสนามรบ เ้าโชคดีจริงๆ ที่ได้ฟังเพลงเ่าั้ ข้าเคยได้ยินเขาเล่นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อาจเป็เพราะเ้ามีคนของเขาอยู่เคียงข้างจึงได้เรียนรู้ที่จะเล่นมันใช่หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า
เสด็จอาเป็คนอ่อนโยนและละเอียดอ่อนมาก
เขามักเล่นเพลงเหล่านี้เมื่ออยู่กับนาง อีกทั้งนางยังมีจินเหนียงช่วยสอนให้อีกแรง
หญิงสาวก้มหัวลงและกล่าวว่า “เมื่อก่อนข้าคิดว่ามันเป็เพลงธรรมดาๆ ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีความหมายเช่นนี้ซ่อนอยู่”
ซูเจินยิ้ม “ไม่ใช่ความผิดของเ้า ท่านลุงอวิ๋นเซียวเป็คนอ่อนโยนและละเอียดอ่อน”
‘อันที่จริงข้าหวังว่าเขาจะเป็บิดาของข้าเช่นกัน’
ซูเจินคิด แต่ไม่ได้กล่าวมันออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ซูเจินก็กล่าวเบาๆ ว่า “ข้าขอเป่าสักหนึ่งเพลงได้หรือไม่?”
หญิงสาวพยักหน้า
ซูเจินเป่าเพลงเมฆหมอกเหนือลำน้ำเซียวเซียง
หลังจากอวิ๋นจื่อฟังจบ นางก็รู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย นางจึงถามขึ้นว่า “เสด็จอาเป็คนสอนเพลงนี้ให้เ้าใช่หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
การฝึกฝนด้วยตนเองนานสิบปีคงไม่อาจเทียบได้กับการมีคนสอนแบบตัวต่อตัว
ทันใดนั้นหญิงสาวก็รู้สึกไม่พอใจ
นางไม่กล่าวสิ่งใดอีก แต่หยิบขลุ่ยขึ้นมาและเป่าเพลงนกกระจาบทองแดงบนชานเรือน
“ั้แ่สมัยราชวงศ์ิ ข้าเที่ยวเล่นหมากล้อมไปทั่ว ก้าวขึ้นเวทีเพื่อความสนุกสนาน
ท้องฟ้าเปิดกว้าง ชานเรือนสูงตระหง่าน ความสำเร็จจะถูกจารึกไว้ที่นี่
หอคอยงดงามสูงเสียดฟ้า
แม่น้ำทอดยาว มองเห็นความรุ่งเรืองเขียวขจีในสวน
เงยหน้าขึ้นมองความสงบของสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิและฟังเสียงนกร้องอย่างโศกเศร้า
ข้าสร้างแท่นสูงถึง์ ความปรารถนาของบิดาจะเป็จริงอย่างแน่นอน
ขุนนางดี ผู้คนนับถือจักรพรรดิ
่เวลาที่ปกครองโดยเ้าเมืองเหิงแห่งฉีและเ้าเมืองเหวินแห่งจินถือเป็ยุครุ่งเรือง
ผู้ปกครองที่ชาญฉลาดคืออะไร?
ชื่อเสียงขจรไกลทั่วฟ้า
ความเจริญรุ่งเรืองไม่เพียงพอที่จะได้เป็นักปราชญ์
จบลงอย่างงดงาม ได้รับประโยชน์โดยทั่วกัน
ช่วยจักรพรรดิได้สำเร็จ ขุนนางทั้งสี่มีความสามารถ
ผู้เป็บิดาเปรียบได้กับท้องฟ้าและโลก ยิ่งใหญ่เท่ากับความสว่างของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ย่อมได้รับเกียรติตลอดไป สถานะเท่าเทียมกับจักรพรรดิตะวันออก อายุยืนยาวเท่ากับจักรพรรดิตะวันออก”
หลังจากเพลงจบซูเจินไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่กลับหยิบใบไม้ขึ้นมาเป่าเพลงเส้นทางสู่เมืองซู
“อนิจจาเส้นทางสู่เมืองซูซึ่งเป็ดินแดนท้องฟ้าสีครามช่างยากเย็นเหลือเกิน
การก่อตั้งแคว้นต้องสูญเสียสิ่งใดบ้างย่อมไม่อาจอธิบายได้ในคืนเดียว
สี่หมื่นแปดพันปีูเาใหญ่ตั้งตระหง่านกั้นกลางฉินและซู
ูเาไท่ไป๋สูงชันจนไร้หนทาง มีเพียงนกเท่านั้นที่สามารถข้ามยอดเขาเอ๋อเหมยได้
แผ่นดินและูเาถล่ม ทำให้บุคคลที่แข็งแกร่งต้องล้มตาย จากนั้นบันไดและกองหินก็เชื่อมต่อกัน
้ามีรอยสูงของัทั้งหกที่หวนคืนสู่ดวงอาทิตย์ ส่วนด้านล่างมีรอยวิ่งและหันหลังให้เสฉวน
นกกระเรียนสีเหลืองไม่สามารถบินไกลๆ ได้ วานร้าที่จะเอาชนะความเศร้าโศก จึงปีนขึ้นไปเพื่อขอความช่วยเหลือ
บันไดหลายร้อยขั้นและโขดหินสิบชั้น มีโคลนปกคลุม
ข้าเดินไปที่บ่อน้ำ หอบหายใจเอามือแตะหน้าอกแล้วนั่งลงพร้อมกับถอนหายใจยาว
ถามสหายว่าจะกลับมาทางตะวันตกเมื่อไหร่? ถนนหินสูงชันอันตราย ทำให้ปีนได้ยาก
ข้าเห็นนกคร่ำครวญอยู่บนต้นไม้ ตัวผู้และตัวเมียบินไปด้วยกันในพุ่มไม้หนาทึบ
ในคืนเดือนหงายได้ยินเสียงร้องครวญครางของนกกาเหว่าดังก้องอยู่ในูเาที่ว่างเปล่า
ทำให้เศร้าใจไม่รู้จบ
ถนนสู่แคว้นซูนั้นยากที่จะปีนขึ้นไปและเกือบยากเทียบเท่าการไปถึงท้องฟ้าสีคราม
แล้วผู้คนจะไม่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ได้อย่างไร?
ยอดเขาเชื่อมต่อกันห่างจากท้องฟ้าไม่ถึงหนึ่งฉื่อ กิ่งก้านของต้นสนที่ตายแล้วยืนต้นพิงหน้าผา
กระแสน้ำหมุนวน น้ำตกไหลเชี่ยว ละอองน้ำพุ่งกระทบกิ่งไม้
นกกระจาบตัวผู้และตัวเมียบินว่อนทั่วป่า พวกมันม้วนตัวในหุบเขาเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง
สถานที่อันตรายเช่นนี้ อนิจจาแขกจากแดนไกล เหตุใดเ้าจึงต้องมาที่นี่?
ูเาใหญ่สูงตั้งตระหง่านในขณะที่ตีนเขาได้รับการปกป้องโดยชายเพียงคนเดียว คนนับหมื่นไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้
ทหารรักษาการณ์ไว้ใจไม่ได้ ต่างกลายเป็จิ้งจอก
ทุกวันต้องคอยหลีกเลี่ยงคมเขี้ยว ทั้งพยัคฆ์และงูป่า
แม้ว่าที่นี่จะได้ชื่อว่าสงบสุข แต่การกลับบ้านก่อนเวลาย่อมดีกว่า
ความยากลำบากของถนนสู่แคว้นซู เปรียบได้กับความยากของการปีนขึ้นสู่ท้องฟ้า
ข้ายืนมองไปทางทิศตะวันตกและอธิษฐาน”
เมื่อเพลงจบอวิ๋นจื่อก็น้ำตาไหล ในตอนนั้นนางเคยได้ยินเสด็จอาเล่นเพลงนี้ อีกทั้งจินเหนียงเคยบอกนางว่าตอนที่เขาออกจากเมืองอวิ๋นเมิ่ง เขาก็เล่นเพลงนี้
เสด็จอาคงรู้สึกผิดหวังและเศร้าโศก
แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็เพียงการคาดเดาของนาง
บางทีเสด็จอาอาจรู้สึกเบื่อและเลือกที่จะจากไปเอง
หรืออาจเป็อย่างที่ซูเจินกล่าว นั่นคือ เขาถูกบังคับให้ออกจากเมือง
เสด็จอาคิดอะไรอยู่ตอนที่ต้องออกจากเมืองอวิ๋นเมิ่ง?
ในเวลานั้นเสด็จอาเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ในเมืองอวิ๋นเมิ่งด้วยอารมณ์ความรู้สึกแบบใด?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้