หวงหย่วนเฉิงและเสวียนหงเป็ต้นล้วนใเสวียนเทียนไม่เพียงลอบเข้ามาในตระกูลหวงจนมาถึงนอกโถงหลัก แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยจนกระทั่งเสวียนเทียนส่งเสียงขึ้นมาถึงได้รู้
ต้องบอกก่อนว่า ถึงแม้พวกเขาจะาเ็พลังวัตรลดทอน แต่ััอันเฉียบคมยังคงอยู่ ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่เล็ดลอดเข้ามาด้านนอกพวกเขาก็รู้ได้ในทันที
“เทียนเอ๋อร์” เมื่อเห็นเสวียนเทียน ทุกคนก็ดีใจ
หวงเยว่ผุดลุกขึ้น เดินมาหาเสวียนเทียนใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดีและดีใจ เอ่ยว่า “ได้ยินว่าในเทือกเขาดงอสูรเกิดเหตุสัตว์อสูรแตกตื่นพวกเรากังวลใจยิ่งนัก”
พูดจบ หวงเยว่ก็เดินมาหยุดตรงหน้าเสวียนเทียนจับเส้นผมยุ่งตรงหน้าผากของเสวียนเทียนให้เข้าที่ สายตาเต็มไปด้วยความรัก
เสวียนเทียนยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “ท่านแม่ ข้าไม่เป็ไรตอนที่เกิดสัตว์อสูรแตกตื่น ข้าอยู่ใต้ดิน ไม่รู้เื่ใดๆ ทั้งสิ้น ครั้งนี้ข้าได้ของดีกลับมาไม่น้อยทีเดียว”
พูดพลาง เสวียนเทียนก็ปัดมือศาสตราวิเศษชั้นนิลทั้งสามชิ้นในห่อผ้าก็เผยโฉมออกมา
ทุกคนไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาทั่วไปประวัติไม่ธรรมดา มองทีเดียวก็รู้ว่าอาวุธในมือของเสวียนเทียนเป็ศาสตราวิเศษชั้นนิล
“ศาสตราวิเศษชั้นนิลหรือ?”เสียงของพวกเขาประหลาดใจอยู่บ้าง
หากเป็เมื่อก่อน เมื่อคราเสวียนหงยังคงอยู่ที่ตระกูลเสวียนตระกูลหวงยังคงเป็ตระกูลขั้นห้าที่รุ่งเรืองศาสตราวิเศษชั้นนิลคงไม่อยู่ในสายตาพวกเขา แต่วันนี้ไม่เหมือนวันวานอีกทั้งศาสตราวิเศษชั้นนิลทั้งสามที่เสวียนเทียนนำออกมา เขาจึงประหลาดใจอยู่บ้าง
อาวุธของพวกเขาั้แ่ถูกล่าสังหารก็เสียหายไปหมดแล้ว มีเพียง ‘กระบี่นพวิถีขบถเจต’ ของเสวียนหงยังคงสมบูรณ์ดีไม่เสียหาย
แต่ว่า ‘กระบี่นพวิถีขบถเจต’ เป็ศาสตราวิเศษชั้นนภา สมบัติประจำตระกูลของตระกูลเสวียนเป็สัญลักษณ์แสดงตัวตนของเสวียนหง ตอนนี้ไม่อาจเห็นแสงตะวันได้ ‘กระบี่นพวิถีขบถเจต’ ถูกเสวียนหงเก็บปิดตายไปนานแล้วฝังไว้ใต้ดิน ไม่อาจอวดโฉมได้อีก
เสวียนเทียนเดินมาข้างๆ เสวียนหงพร้อมกับหวงเยว่นำศาสตราวิเศษชั้นนิลสามชิ้น วางไว้บนโต๊ะ แล้วนำ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ สามต้นออกมา บอกว่า
“ยังมีหญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิตอีกสามต้นนี่เป็โอสถวิเศษรักษาอาการาเ็ชั้นนิลไม่ด้อยกว่าโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ที่นักหลอมยาหลอมออกมา แต่กับท่านพ่อที่เส้นปราณาเ็เสียหายได้ผลไม่มากนักท่านตา ท่านลุงทั้งสาม สิ่งนี้สามารถรักษาอาการาเ็ของพวกท่านได้ให้พลังวัตรฟื้นคืนได้ไม่น้อยได้ ท่านแม่คิดว่าควรแบ่งเช่นไรดี”
เขากล่าวพลางวาง ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ ลงบนมือหวงเยว่
“หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต?”
เมื่อเห็นสมุนไพรโอสถวิเศษสีแดงสามต้นวางลงบนมือหวงเยว่สีหน้าตกตะลึงของทุกคนมากยิ่งกว่าตอนที่เสวียนเทียนหยิบศาสตราวิเศษขั้นนิลทั้งสามขึ้นมาเสียอีกในความตกตะลึงมีความยินดีอยู่
ศาสตราวิเศษชั้นนิลแม้ว่าจะสูงค่าแต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็ผู้ที่เห็นโลกกว้างมาแล้วที่พวกเขาตกตะลึงหาใช่ตกตะลึงว่าศาสตราวิเศษชั้นนิลดีเพียงใดแต่ตกตะลึงเื่ที่เสวียนเทียนออกจากบ้านไปครั้งหนึ่งกลับนำศาสตราวิเศษชั้นนิลกลับมาถึงสามชิ้น
แต่ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ สามต้น มีคุณค่าต่างไปอย่างสิ้นเชิงสำหรับทุกคนในที่นี้คนตระกูลหวงแต่ละคนล้วนาเ็ ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรักษาอาการาเ็ให้หายดีฟื้นฟูพลัง ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ มีประโยชน์กับพวกเขามหาศาลพวกเขาย่อมยินดี
‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’เป็โอสถวิเศษรักษาอาการาเ็โดยกำเนิดแม้ว่าราคาต้นหนึ่งจะเพียงสองสามล้านตำลึง แต่อยากได้ต้องพึ่งโชคในตลาดแทบจะไม่มีขาย ไม่มีโชคไม่อาจหาได้
ได้หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิตมาถึงสามต้นในคราเดียวสำหรับตระกูลหวงที่้าโอสถวิเศษรักษาอาการาเ็แล้วนี่นับเป็โชคใหญ่เท่าฟ้า
นาทีนี้ถึงจะเป็หวงิซานที่เคืองแค้นครอบครัวของเสวียนหงอยู่ในใจก็ยังมองเสวียนเทียนด้วยสายตาที่เปี่ยมความอ่อนโยน
หวงเยว่ถือ ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ สามต้นมาถึงข้างกายหวงหย่วนเฉิงถามว่า “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าควรจะแบ่งสันปันส่วนอย่างไรดี!” พูดพลางก็วาง ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าหวงหย่วนเฉิง
หวงหย่วนเฉิงมอง ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’ ตรงหน้าถอนหายใจครั้งหนึ่ง พูดว่า “ใช้หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิตรักษาอาการาเ็อย่างน้อยก็ต้องใช้สามถึงห้าวันถึงจะเห็นผล เทียนเอ๋อร์ ถ้าเ้ากลับมาเร็วกว่านี้สามวันห้าวันก็คงดี”
อาการาเ็ของคนตระกูลหวง ปล่อยไว้มาหลายปีรักษาให้หายยากยิ่ง ที่หวงหย่วนเฉิงกล่าวว่าสามวันถึงห้าวันเห็นผล พูดโดยคร่าวๆ แล้วแม้ว่า ‘หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิต’เป็โอสถวิเศษรักษาอาการาเ็ชั้นนิลแต่ก็ยากจะรักษาให้หายได้โดยเร็ว
“ทำไมหรือ? ท่านพ่อตระกูลหวงป้องกันเข้มงวด ตอนนี้มีปัญหาอะไรหรือ?”
เมื่อเห็นหวงหย่วนเฉิงถอนหายใจนึกถึงการป้องกันด้านนอกของตระกูลหวง เข้มงวดกวดขันกว่าปกติมากวันนี้เสวียนเทียนพบอุปสรรคมากมาย สังหรณ์เลือนราง รู้สึกว่ามีเื่เกิดขึ้นตอนนี้ยิ่งมั่นใจ หันไปถามเสวียนหง
เสวียนหงพยักหน้า บอกว่า “หนิวเจิ้นเยว่ไม่รู้ว่าพบโชคอันใดในเทือกเขาดงอสูรหลังกลับมาเขากับหนิวเจิ้นซานสองคนก็เก็บตัว วันนี้ออกมาพลังวัตรของทั้งสองล้วนเลื่อนชั้นขึ้นหนึ่งขั้นตอนนี้นำตระกูลเฉิงกับตระกูลจางมุ่งมายังหมู่บ้านหวงปั้ว ประกาศว่าคืนนี้จะฆ่าล้างตระกูลหวงการต่อสู้จะเริ่มต้นคืนนี้ หญ้าปลูกเนื้อกลั่นโลหิตที่เ้านำกลับมาไม่อาจเห็นผลได้เร็วขนาดนั้น”
เป็เื่ใหญ่อย่างที่คิด! คืนนี้ตระกูลหวงต้องเผชิญกับการปิดล้อมจู่โจมของสามตระกูลใหญ่ตระกูลหนิว ตระกูลเฉิง ตระกูลจาง
“หนิวเจิ้นเยว่กับหนิวเจิ้นซานเลื่อนชั้นพลังวัตรหนึ่งขั้น?ถ้าเช่นนั้นหนิวเจิ้นซานก็มีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสี่หรือ?”เสวียนเทียนขมวดคิ้วนิดๆ
เสวียนหงพยักหน้า “อีกฝ่ายนอกจากหนิวเจิ้นซานแล้วยังมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามอีกสามคน จะรับมือพวกเขา ไม่เพียงต้องเผยวิชาของตระกูลอาจถึงขั้นต้องเปิดผนึกพลังที่แท้จริง ทำให้อาการาเ็หนักขึ้น!”
เสวียนเทียนสีหน้าจริงจัง พูดขึ้น “แบบนี้เสี่ยงเกินไป ไม่ง่ายเลยกว่าจะลงหลักปักฐานในอำเภอเป่ยโม่ได้จะต้องกลับไปถูกไล่ล่าอีกหรือ นอกจากนี้ ถ้าหากคนผู้นั้นรู้ข่าวเข้าส่งจอมยุทธ์ชั้นปฐีมาสักคนหนึ่งก็กำจัดพวกเราทั้งหมดได้อย่างง่ายดายได้แล้วคืนนี้พวกท่านไม่ต้องออกไปหรอก ข้ามีวิธีรับมือตระกูลหนิว เฉิง จางทั้งสามตระกูลอยู่”
คำพูดของเสวียนเทียนดึงความสนใจของทุกคนไปสายตาเลื่อนไปมองพลางพูดพร้อมกันว่า “เ้ามีวิธีอะไร?”
เสวียนเทียนคว้ากระบี่ขุนเขาหนักบนหลังลงมาสายตาแน่วแน่ แล้วตอบ “พวกท่านซ่อนตัวไว้ไม่ต้องออกหน้า ข้าคนเดียวกับหนึ่งกระบี่ ก็พอรับมือพวกเขาแล้ว!”
ทุกคนมีสีหน้าอึ้งไปมองเสวียนเทียนด้วยสายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดว่าเขากำลังพูดจาโอ้อวด
หวงหย่วนเฉิงเอ่ยขึ้นว่า “เทียนเอ๋อร์ พูดเป็เล่นไปข้ารู้ว่าเ้ามีพร์ล้ำเลิศ จิตใจผยอง แต่อีกฝ่ายมียอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสามถึงสามคนหนิวเจิ้นซานมีพลังวัตรถึงชั้นเบิกนภาขั้นสี่ นอกจากนี้ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งขั้นสองที่มาก็ยังมีอีกยี่สิบกว่าคนผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงกว่าชั้นวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดก็มากถึงร้อยกว่าคน เ้าคนเดียวจะต้านทานได้อย่างไร!”
เสวียนเทียนตอบกลับ “ก็เพราะอีกฝ่ายกำลังคนมากดังนั้นพวกเราไม่อาจส่งคนไปมากเกินไป หลีกเลี่ยงการต่อสู้ชุลมุนจนเกิดความสูญเสียที่ไม่จำเป็หากมีแค่ข้า หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ อีกฝ่ายย่อมไม่กล้ารุมเข้ามาแต่ส่งยอดฝีมือมาสู้กับข้า ข้าสังหารคนหนึ่ง พวกเขาก็จะส่งคนที่ร้ายกาจกว่าออกมารอให้ยอดฝีมือของพวกเขาถูกข้าสังหารไปสักหลายคน ถึงตอนนั้นยกพวกต่อสู้กันขึ้นมาให้ข้าต้านหนิวเจิ้นซานไว้ พวกท่านไม่มียอดฝีมือขัดขวางย่อมใช้แข็งแกร่งจัดการอ่อนแอได้ ทั้งไม่ต้องเปิดเผยวิชาประจำตระกูลและไม่ต้องเปิดผนึกพลังให้อาการาเ็หนักขึ้นหนึ่งศึกกำจัดยอดฝีมือของตระกูลหนิว เฉิง จาง ทั้งสามตระกูลให้สิ้นให้ไม่มีกำลังสู้ขับเคี่ยวกับตระกูลหวงได้อีกต่อไป”
หวงิซานเอ่ยว่า “ในงานประลองทายาทรุ่นหลังเ้าเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งในเทือกเขาดงอสูรเ้าสังหารอู่เหวินเสียงชั้นเบิกนภาขั้นสองถ้าอีกฝ่ายส่งคนมาต่อสู้ตัวต่อตัวกับเ้า ถึงหนิวเจิ้นซานจะไม่ลงมือแต่อย่างต่ำก็เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสาม เทียนเอ๋อร์ ไม่ใช่ข้าดูถูกเ้าแต่อีกฝ่ายมียอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสาม เ้าจะสังหารสำเร็จได้อย่างไร?”
หายากที่ท่านลุงผู้นี้จะพูดกับตนด้วยความอ่อนโยนสนิทสนมเสวียนเทียนหันไปผงกศีรษะให้หวงิซาน บอกว่า “ท่านลุงใหญ่ วันนี้ตอนที่ข้าออกมาจากเทือกเขาดงอสูรข้าก็สังหารผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามมาแล้วคนหนึ่งมหาโจรผู้มีชื่อเสียงลือลั่นของอาณาจักรเสินเตา นักดาบอสนีบาต อาชญากรที่สี่สำนักใหญ่หมายหัวพลังของเขาเทียบกับผู้นำตระกูลเช่นจางกู่เฟิงกับเฉิงหยวนอู่มีแต่แกร่งกว่าไม่มีอ่อนกว่า ถ้าหากท่านไม่เชื่อ ลองลงมือทดสอบหลานดูสักครั้งเถิด”
เื่ที่สังหารอู่หยวนจ้าวแห่งสำนักเทียมเมฆาเสวียนเทียนไม่ได้บอก เื่นี้ไม่อาจเปิดเผยได้ ส่วนนักดาบอสนีบาต ฆ่าแล้วก็ฆ่าเสวียนเทียนไม่ได้กังวลอันใด
ทุกคนที่ได้ฟังต่างตกตะลึงความสามารถของนักดาบอสนีบาต ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามนับว่าเป็สุดยอดแล้วผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามที่เอาชนะนักดาบอสนีบาตได้มีน้อยนิดมาก
หากเสวียนเทียนสังหารนักดาบอสนีบาตได้ความสามารถของเขาก็ไร้คู่ต่อกรในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามแล้วแทบจะทัดทานผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่ได้
แต่เสวียนเทียนเพิ่งมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอีกทั้งเพิ่งออกจากตระกูลหวงไปเพียงครึ่งเดือนกว่าเวลาที่ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งอย่างมากก็ครึ่งเดือน หากเขาต้านทานผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่ได้จริงต่อให้เป็คนที่อยู่ที่นี่เป็ผู้ที่เห็นโลกมามาก ในใจก็ยังอดตื่นตะลึงไม่ได้
พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแต่มีความสามารถทัดเทียมกับชั้นเบิกนภาขั้นสี่ย่อมน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าพลังวัตรชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งพลังวัตรของผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งสูง ความห่างชั้นก็ยิ่งมากความยากของการต่อสู้ข้ามระดับชั้นก็ยิ่งทวีสูงขึ้น เป็อัตราคงที่
เห็นชัดว่าหวงิซานไม่เชื่อว่าเสวียนเทียนจะมีความสามารถแข็งแกร่งเช่นนั้นเขาจึงพูดขึ้น “ได้เ้ารับฝ่ามือหนึ่งของข้า ฝ่ามือนี้ ข้าจะใช้พลังเจ็ดส่วน ถ้าเ้ารับได้ อย่างน้อยเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามก็ไม่อันตรายถึงชีวิต”
เสวียนเทียนเอ่ยว่า “ท่านลุงใหญ่ไม่ต้องกังวล ท่านใช้พลังสิบส่วนมาเถิดร่างกายหลานทำจากเหล็ก ตีไม่พัง!”
หวงิซานมองไปทางหวงหย่วนเฉิง หวงหย่วนเฉิงพยักหน้า
หวงิซานยืนขึ้นมา เอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้น ฝ่ามือนี้ของข้าใช้พลังเก้าส่วนก็แล้วกัน”
หวงิซานเป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหวงในตอนนี้พลังเก้าส่วนเทียบเท่ากับการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสามทั่วไปโจมตีสุดกำลัง
เสวียนเทียนกับหวงิซานเดินมาถึงกลางห้องโถงใหญ่ทั้งสองคนยืนห่างกันสิบก้าว
เสวียนเทียนประสานหมัดคารวะพลางเอ่ย “เชิญท่านลุง!”
หวงหย่วนเฉิง เสวียนหง หวงเยว่ หวงฉีซานหวงคุนซาน รวมถึงสมาชิกคนสำคัญของตระกุลหวงอีกจำนวนหนึ่ง สายตาของทุกคนในห้องโถงหลักต่างจับจ้องมาที่ร่างของเสวียนเทียนกับหวงฉีซานที่อยู่กลางห้องโถง
“ระวังให้ดี!”
หวงิซานะโขึ้นมา ปราณแท้เบิกนภาโคจรรวมเข้าที่ฝ่ามือขวา ฟาดหนึ่งฝ่ามือออกไป
อากาศะเิเสียงดังสนั่นร่างของหวงิซานฉับพลันพุ่งมาข้างหน้าสิบก้าวฝ่ามือฟาดเข้าที่หน้าอกของเสวียนเทียน
ร่างกายของเสวียนเทียนไม่ขยับแม้แต่น้อยฝ่ามือขวายกขึ้น หนึ่งฝ่ามือโจมตีออกไป ตรงเข้าหาฝ่ามือของหวงิซาน
พริบตา สองฝ่ามือก็ประสานกัน
เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทดังขึ้น
หวงิซานรู้สึกว่าตนเองโจมตีถูกแผ่นเหล็กชิ้นหนึ่งทั้งรู้สึกเหมือนขุนเขาลูกหนึ่งกำลังกดทับลงมาจากด้านหน้า ร่างกายสะท้านไม่อาจฝืน ต้องถอยหลังไป
ตึงๆๆๆ!
หวงิซานถอยติดต่อกันไปเจ็ดก้าวถึงตั้งหลักได้สายตาตะลึงงันมองมาทางเสวียนเทียน พูดอย่างตื่นตะลึงว่า “เ้ามีความสามารถ หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ต่อกรกับสามตระกูลอย่างแท้จริง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้