ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างล่ำสัน กำยา ได้สวมใส่เกราะแบบโบราณที่พ่อของตัวเองที่เป็ถึงอดีตนักรบยศสูงของดินแดนแห่งนี้ได้เคยมอบเอาไว้ให้เป็สมบัติประจำตระกูลเพื่อความมั่นใจ และอาจจะพอป้องกันตัวเองจากคมเขี้ยวของ “สิงโต” ได้บ้าง เพราะในตอนนี้ทางด้านของ เมียงปล๊ะ นั้นรู้แล้วว่า สัตว์พวกนี้นั่นเป็อันตราย เช่นเดียวกับสัตว์ป่าที่มีความอันตรายชนิดอื่นๆที่เขาเคยได้ยินมาเช่น พวก เสือ หรือ หมุป่า และ ควายป่าที่เขานั้นเคยได้เห็นพิษสงอันมากมายของพวกมันจากประสบการณ์จริงมาบ้างแล้ว จึงเป็เหตุให้เวลาที่เขาเข้าป่านั้นจึงต้องพาเพื่อนๆไปกันด้วยมากมายพร้อมกับอาวุธที่ทำจากวัสดุพื้นบ้านเท่าที่หาได้นั่นเอง เพราะภัยอันตรายต่างๆในป่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อนั่นเอง
“เสด็จพี่ เมียงปล๊ะ ... ท่านจะเสด็จไปแห่งหนใดรือ....ดูจักเตรียมการพร้อมพรั่งเสียมากหลาย ท่านจะเสด็จพระดำเนินไปเข้าป่าพงไพร เพื่อจะไปค้นหาของป่าที่มีค่า หรืออย่างใร ?”
เสียงที่ชายหนุ่มนั้นคุ้นเคยดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งของชายป่า ชายหนุ่มจึงได้หันไปมองแล้วก็พบว่า มีขบวนเกวียนที่มีผู้คนมากมายนั้นเดินออกมาพร้อมๆกัน...
“อ้อ....เอ่อ....ราม....ใช่ไหม...เ้าเปลี่ยนชื่อแล้วนี่นะ...แล้วนี่เ้าจะพาพรรคพวกของเ้าไปที่ใหนล่ะนั่น…พากันมาเต็มไปหมดเลยแบบนี้...? ”
“ข้านั้นได้ยินข่าวลือมาว่า มีสัตว์ที่ดุร้ายและหน้าตาแปลกประหลาด อย่างที่ผู้คนในแถบดินแดนของเรานั้นมิเคยได้เห็นมาก่อนเลยเสด็จพี่ เมียงปล๊ะ ดังนั้นพวกข้าจึงอยากจะเดินทางไปดูเ้าสัตว์พวกนั้นให้เห็นเป็ประจักษ์แก่สายตาของข้าเสียหน่อยเท่านั้นเอง...ท่านพี่ เมียงปล๊ะ ข้ายังได้ข่าวว่า เ้าพวกสัตว์พวกนั้น ไปรวมฝูงอยู่กลางท้องทุ่งที่ไม่ห่างจากตรงนี้ไปมากนัก ชนิดเรียกได้ว่าพวกมันไม่กลัวเกรงมนุษย์อย่างพวกเราแต่ประการใดเลยทีเดียว สัตว์แปลกประหลาดที่กล้าขนาดนี้ ข้านั้นมิเคยได้ยินมาก่อน...ข้าจึงอยากเดินทางไปดูหน้าพวกมันยิ่งนัก...”
เมียงปล๊ะ จึงได้มองดูขบวนการเดินทางของ ราม ที่ตอนนี้ ได้ยืนเด่นเป็สง่าอยู่บนเกวียนที่ตกแต่งอย่างสวยงามเท่าที่ชาวบ้านอย่างพวกเขาจะทำได้แล้ว ซึ่งก็ดูแล้วเป็เกวียนแต่งที่สีฉูดฉาดสวยแบบประหลาดๆดีเหมือนกัน นอกจากนี้ในขบวนนั้นก็ยังมี ลักษณ์ น้องชายของราม ซึ่งตอนนี้ก็ทาใบหน้าด้วยขมิ้นไปจนเหลืองอ๋อยไปหมด พร้อมกับเพื่อนๆนักแสดงด้วยกัน ที่หลายๆคนก็แต่งตัวเป็ลิงบ้าง เป็ั์บ้างไปตามเื่ สีสันก็สดใสจนดูเพลินกันไปเหมือนกัน
“แล้วพวกเ้าทำไมแต่งตัวแบบจัดเต็มกันมาแบบนี้ล่ะ...จะแวะไปดูสัตว์...ทำไมถึงแต่งองค์ ทรงเครื่องกันซะเต็มที่แบบนี้ ดูออกจะแต่งกันเกินกว่าเหตุไปมากอยู่นะ...”
“อ้อ...เสด็จพี่ เมียงปล๊ะ ที่พวกข้านั้น ทรงเครื่องแต่งกาย จัดเต็มขนาดนี้ นั่นเป็เพราะได้รับการจ้างวานไปแสดงที่งานหน้าวัด หน้าประตูค่ายใกล้ๆกับ ปราสาทหินอันยิ่งใหญ่ของเรา ข้านั้นได้คิดดำริและตรึกตรองไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว ว่าซักวันหนึ่ง ความพยายามของข้าในการศึกษาศิลปะการแสดงอันยิ่งใหญ่นี้ ในที่สุดก็สำเร็จเสียที...ได้มีการแสดงต่อหน้าผู้คนแล้ว...ท่านพี่ เมียงปล๊ะ ท่านนั้นดีใจไปกับพวกข้าด้วยหรือไม่...คิคิคิ”
“อืมส์...ข้าก็ยินดีกับพวกเ้าไปด้วยก็แล้วกัน...พวกเ้าเองก็ต้องพยายามอย่างมาก กว่าจะรำหรือแสดงได้ถึงขนาดนี้...พวกเ้าต้องฝึกฝนกันมาหนักมากๆ แล้วนี่พอพวกเ้าประสบความสำเร็จขึ้นมาได้....ตัวข้าก็รู้สึกยินดีด้วยจริงๆ”
เมียงปล๊ะ พูดชมสองพี่น้องด้วยความจริงใจ ทันใดนั้นเ้าแมวทั้งสองตัว ที่เดินตามมาทางด้านหลังของ เมียงปล๊ะ มาโดยตลอด ก็เดินเข้ามาแล้วก็ร้องเหมียวๆ เพื่อที่จะพูดกับทางเมียงปล๊ะ ว่า “เ้าพวกนี้...มันเป็เพื่อนของเ้าหรือ เมียงปล๊ะ ทำไมพวกเขาหน้าตาแปลกๆ คนหนึ่งก็ใส่หน้ากากสีเขียวปี๊ด อย่างกับหม้อแกงที่ข้าเคยเห็นในวัดในยุคที่พวกข้าอาศัยอยู่ ส่วนอีกคนก็ทาสมุนไพรอะไรไม่รู้ ตัวเหลืองทั้งตัวเลย กลิ่นนี่หึ่งไปหมด แมวอย่างพวกข้านี่ แทบไม่อยากเข้าใกล้เลย”
“ถึงพวกจะดูแปลกๆจากผู้อื่นนิดๆหน่อยๆยังไง...เอ่อ...จริงๆ ก็ไม่นิดหรอกนะ แปลกกว่าคนอื่นไปเยอะเลยล่ะ...แต่พวกเขาก็เป็เพื่อนที่ดีของข้านะ...ทั้งสองคนพี่น้องเลย...ต่างก็เป็คนดีกันทั้งคู่รวมทั้งพวกที่แต่งตัวเป็ตัวลิง ตัวั์ตรงนั้นด้วย ก็ล้วนเป็คนที่ข้านั้นรู้จักมักจี่ทั้งนั้น และทุกๆคนก็เป็คนดี ตั้งใจทำมาหากินอยู่นะ...ถ้าเขาสามารถได้ยินที่เ้าพูดได้นี่คงเสียใจน่าดู...”
“ก็ข้าเห็นแล้วมันแปลกประหลาดจริงๆนิ...แต่เ้าไม่ต้องห่วงหรอกว่าพวกนี้จะได้ยินที่ข้าพูดได้หรอกนิ...เพราะท่านเทพ มฤคยือฮือ ได้บอกกันข้าเอาไว้แล้วนิว่า คงจะมีแต่พวกบ้าที่บ้าได้ที่ๆไม่เหมือนกับมนุษย์คนอื่นเขาเท่านั้นแหล่ะนิ...ถึงจะพอมีโอกาศได้ยินสิ่งที่พวกข้าพูดได้นิ ดังนั้นข้าสามารถพูดคุยกับเ้าได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ใด...เหมียวววว....” เ้าแมวลายวัวพูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์
“เสด็จพี่ เมียงปล๊ะ....เ้าแมวทั้งสองตัวนี้ มันมาจากที่ใดรือ...ทำไมข้าถึงสามารถฟังพวกมันพูดได้รู้เื่กันเล่า...หรือว่าตัวของพวกข้านั้นจะมีพระสติฟั่นเฟือนไปเสียแล้ว...”
“ข้าเองก็ได้ยิน...เสด็จพระพี่รามฯ...เ้าแมวพวกนี้มันพูดได้จริงๆ.
ได้ยินเพียงเท่านั้น ทั้งคนที่แปลก (ย้ำว่าแปลกมากๆ) และแมว (ที่ก็แปลกสุดๆ)สองตัว ก็ได้แต่จ้องมองกันด้วยสายตาปริบๆ มีเพียงแต่ เมียงปล๊ะ ที่ไม่รู้จะอธิบายเื่ราวให้ฟังได้ยังไงยืนหัวเราะ”แฮ่ะๆ...” อยู่คนเดียว...เคลียร์กันเองก็แล้วกันนะงานนี้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้