บรรยากาศใต้ตึกเรียนคึกคักและเต็มไปด้วยนักศึกที่นั่งพูดคุย ทำรายงาน อ่านหนังสือในยามพักเที่ยง
ท่ามกลางความคึกคักนั้น เสียงแหลมสูงเจือสำเนียงอีสานแท้ ๆ ของ พิมรดา ดังขึ้นกลางโต๊ะ มาพร้อมท่าทางโบกไม้โบกมือปึงปังอย่างสุดจะห้ามได้
“ป๊าด!!!! คนอิหยังมาหล่อกะด้อกะเดี้ยแท้...พ่อเอ๊ยยย แม่เอ๊ยยยย หล่อคักหล่อแน๋ ลูกอยากด้ายยย
(โหวว คนอะไรหล่อมากมายก๋ายกอง พ่อเอ๊ยแม่เอ๊ย หล่อมากหล่อมาย ลูกอยากได้) ”
เสียงอุทานเป็ภาษาถิ่นของ พิมรดา (พิม) เพื่อนสาวจากแดนอิสาน เรียกสายตาทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะให้หันตามไปยังต้นเหตุ
กลุ่มชายหนุ่มหน้าตาดี กำลังเดินลัดสนามหญ้ามาอย่างโดดเด่นราวกับแบรนด์เสื้อผ้าหรูมีชีวิต
“นังพิม ให้มันน้อย ๆ หน่อย” มนธวิทย์ (มีมี่) บอกด้วยน้ำเสียงเสียดเย้าเจือจริตจร้า จนพิมรดาต้องสะบัดหน้าใส่อย่างไม่ยอมแพ้
“ก็เขาหล่อ รึมึงจะบอกว่าไม่หล่อละ?” พิมรดาลอยหน้าท้าทาย
“ก็...หล่อออออออ!!” มนธวิทย์ลากเสียงยาวพลางกลอกตา “แต่จะเพ้อหาพ่อมึงกลางลานแบบนี้มันไม่ได้!”
“ทำมายยยยยยย!!” พิมรดาส่งเสียงยานคางจนโต๊ะข้าง ๆ ต้องเหลือบตามอง
มนธวิทย์ยืดอกตั้งคอราวนางสาวไทยขึ้นประกวด แล้วตอบเสียงเชิด ๆ “มัน! ไม่! งาม!”
“โว๊ะ! อิผี!” พิมรดาเบ้ปากพลางกลอกตาแรงจนแทบจะมองดาวหางได้
วรวลักษณ์ หรือ มิลค์ หญิงสาวหน้าหวานนั่งอีกฝั่งของโต๊ะ เพียงแต่ทอดตามองเพื่อนสองคนถกเถียงกันไปมาอย่างเอือมระอา คิ้วเรียวกระตุกน้อย ๆ ด้วยความระอาในความเยอะเกินเบอร์ของแต่ละคน
“แมะ ๆ อีมี่ กะบ่น่อยกว่ากูดอก ซงมาว่ากู” (แหม...อีมี่ ก็ไม่ได้น้อยกว่ากูหรอก ทำมาว่ากู) พิมรดาค้อนขวับ พร้อมสาดภาษาถิ่นใส่รัว ๆ
“อิชะนีภูธร! อย่ามาใช้ภาษาบ้านนอกแถวนี้นะ เดี๋ยวกูฟังไม่รู้เื่!” มนธวิทย์สะบัดปลายผมปลอมอย่างขึงขัง
“อิมิลค์ เมื่อกี้มันด่ากูใช่ม้ายยย?”
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ บ้านกูไม่ได้อยู่อีสานเหมือนอิพิมนะ” มิลค์ตอบอย่างหน้าตาย พร้อมง่วนอยู่กับขนมถุงเล็ก ๆ ในมือ
พิมรดาไม่สนใจหรอกว่าเพื่อนจะฟังออกหรือไม่ มือกอดอกพลางยักคิ้วหยัน
“บ่ต้องหาโตชอยค่ะ (ไม่ต้องหาตัวช่วยค่ะ) !”
มนธวิทย์เบ้ปากทันที “มึงชอบเอาภาษาบ้านมึงมาหลอกด่ากู!”
“บ่ได้ตั๋วโว๊ย (ไม่ได้โกหกโว๊ย) ...กูด่าตรง ๆ เลยเนี่ยแหละ!”
มนธวิทย์ยังไม่ยอมแพ้ ยืดตัวเชิดหน้า “กูว่ามิลค์มันรู้!”
“เอ้าาา มึงรู้ได้ไง?” พิมรดาหรี่ตาถามขึ้นมาพร้อมมิลค์ที่หยุดเคี้ยวขนมมองด้วยความสงสัย
“สาระแนมาคิดว่ากูรู้ไปอี๊กกก.... มึงรู้ได้ไงว่ากูรู้” วรวลัญช์หันไปถามเพื่อน
มนธวิทย์ถอนหายใจยาวด้วยความภูมิใจที่ได้เป็ผู้ให้ความรู้ “ก็พวกมึงไม่เรียนภูมิศาสตร์กันรึไง! เหนือกับอีสานอยู่ติดลาวไง ภาษามันเลยมีรากเหง้าเดียวกัน... โง่นะพวกมึงอะ!”
วรวลักษณ์บึนปากส่งเสียงฮึดฮัด
“จร้าาา อิฉลาด! เชิญไปศึกษารากไม้รากหญ้าต่อไปเถอะ!”
“เอ่อ...กลับมาเื่ผู้ชายต่อค่ะ...ว่าแต่ทำไมวันนี้เห็นเดอะแก๊งสุดหล่อได้ เป็บุญตากูจริง ๆ” มนธวิทย์กลับเข้ามาเื่ของหนุ่มหล่อขวัญใจสาว ๆ ทั้งมหาลัย
มนธวิทย์แปลงร่างเป็แม่ชะนีทันควัน ละลายสายตาเยิ้มย้อยตามชายหนุ่มกลุ่มนั้นไป
“จริง ๆ กูก็อยากเป็ชะนีเรียบร้อยนะ... แต่ติดนิสัยมาจากมึงนั่นแหละ! ละมาเจอหล่อเบอร์นี้ กูเรียบไม่ไหว อยากร้อยตัวเองให้เรียบแนบกับพี่เขาเลยอะ!” มนธวิทย์ทำหน้าตาละห้อย พิงแขนกับโต๊ะพลางถอนหายใจพรืด
“จักอิหยังของมึง... (ไม่รู้อะไรของมึง) ความย้อนแย้งในตัวมึงนี่เยอะจริงนะ” พิมรดาส่ายหน้าเซ็งจิตกับความย้อนแย้งอันเป็ธรรมชาติของเพื่อน
มนธวิทย์หันไปหาอีกคนที่เงียบผิดปกติ
“อิมิลค์! มึงเงียบทำไมอะ?”
มิลค์ยักไหล่เบา ๆ ดวงตากลับไปจับจ้องกลุ่มชายหนุ่มชั่ววูบ ก่อนจะเมินเฉยหันกลับมาสนใจขนมตรงหน้ามากกว่า
"จะให้กูพูดอะไรล่ะ?" วรวลักษณ์วางขนมในมือลงแล้วปรายตามองเพื่อนสองคนอย่างเอือมระอา "อีกอย่าง กูพูดไม่ทันพวกมึงด้วย เป็คนหรือเป็กบกันแน่ หายใจทางิัรึไง?"
เสียงหัวเราะะเิจากพิมรดากับมนธวิทย์แทบจะทันที
"อุ๊ยยย ร้ายว่ะ!" มนธวิทย์ตีแขนเพื่อนเบา ๆ "ไม่ทันเหี้ยไร ปากมึงก็ไม่มีใครเกินนะกูมั่นใจ!"
"ละมึงจะให้กูพูดอะไรไม่ทราบคะ?" มิลค์เลิกคิ้วถาม พลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
มนธวิทย์ลอบกลอกตา แล้วชี้ปลายนิ้วไปยังกลุ่มหนุ่มฮอตที่กำลังยืนเรียงแถวอยู่ไม่ไกล "มึงว่าจากสามคนนั้น ใครหล่อสุด?"
พิมรดากระตุกแขนเพื่อนทันที พลางเอียงคอเหมือนนึกตาม "เอ่อ...ใครหล่อวะ? แต่กูว่าหล่อคนละแบบว่ะ คนละสไตล์เนาะ"
วรวลักษณ์หันไปมองบ้าง ก่อนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ "ไม่มีความเห็น"
"เอ้า อะไรของมึงวะ" มนธวิทย์เบ้ปาก
วรวลักษณ์ยักไหล่อีกรอบ แล้วพูดนิ่ง ๆ "พวกมึงฟังนะ...ไม่มีใครหล่อเกินโอปป้าโจอินซองของกูแล้วหล่ะ หล่อ สูง ขาว พี่อินซองกูคือที่หนึ่ง เข้าใจ๋!"
"จ้ะแม่!" พิมรดาส่งเสียงรับแบบประชด
"เอาอีกละ..." มนธวิทย์ถอนหายใจยาว ก่อนหันไปมองพิมรดาอย่างระอา "มึงดูมันดิ เพ้ออีกละ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้