แค่กๆ แค่กๆ
สตรีที่นอนอยู่บนเตียงไออย่างหนักจนปอดแทบทะลุ
นางหันไปด้านข้าง ไอพลางยกมือขึ้นป้องปาก ที่กลางฝ่ามือมีโลหิตติดออกมามากมาย โลหิตแดงฉานเ่าั้หยดลงบนพื้น ดูราวกับดอกเหมยบานสะพรั่งงามอย่างมิอาจหาไหนมาเปรียบปาน
ถังชิงหรูเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็รีบฝังเข็มให้นางอย่างเร่งด่วน ช่วยให้หยุดอาการไอชั่วคราว เพราะหากปล่อยให้ไอเช่นนี้ต่อไป ต่อให้ไม่ล้มป่วย ก็ต้องกลายเป็ป่วยหนัก พอสตรีคนนั้นหยุดไอได้ ความยินดีก็ผุดวาบในแววตา เอ่ยกับนางด้วยความซาบซึ้งใจ "ขอบคุณ..."
ถังชิงหรูเห็นนางเสียงแหบพร่าก็หันไปบอกกับเสี่ยวหู่จือที่ยืนตื้นตันมองอยู่ด้านข้างว่า "ไปยกน้ำมาให้มารดาของเ้าดื่มกลั้วคอสักถ้วยเถอะ"
แม้ว่าเสี่ยวหู่จือยังเล็ก แต่เขาคุ้นเคยกับงานบ้านมานานแล้ว สองสามปีที่ผ่านมาเขาก็ทำหน้าที่ดูแลมารดาที่ล้มป่วยมาโดยตลอด
หู่เหนียงมองบุตรชายซึ่งเติบโตรู้ความมากขึ้นทุกวันทั้งน้ำตาคลอเบ้า "ข้าช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก มิเพียงแต่ดูแลบุตรของตนเองไม่ได้ ยังต้องเป็ภาระให้อีกด้วย ท่านดูเขาสิ อายุแปดขวบแล้วแท้ๆ แต่กลับดูเหมือนเด็กสี่ห้าขวบ ทั้งตักน้ำ หาอาหาร ทำความสะอาดเรือน งานบ้านทุกอย่างเ่าั้ต้องตกเป็หน้าที่ของเขา ทั้งที่สามารถอยู่อย่างสุขใจไร้กังวลแต่ต้องมาจมปลักอยู่เป็เพื่อนข้าในสถานที่ที่มีแต่โรคภัยไปทั่วทุกหนแห่งเช่นนี้ ข้าวิตกนักไม่รู้ว่าต้องทำให้เขาเดือดร้อนไปถึงเมื่อไร หากเขามีอันเป็ไป ข้าจะมีหน้าไปพบบิดาเขาในปรโลกได้อย่างไร แม่นาง ท่านเป็คนดี ่นี้เสี่ยวหู่จือเอ่ยถึงท่านไม่เว้นแต่ละวัน ปลาที่พวกเราได้มาก็เป็ท่านที่มอบให้ ขอบคุณท่านมากจริงๆ"
"แม้ว่าจะดูหน้าหนาไปบ้าง แต่ผู้น้อยก็มีเื่อยากจะขอร้อง หากวันใดท่านจะไปจากที่นี่ ช่วยพาเขาไปด้วยได้หรือไม่ เขาเป็เด็กดี สามารถช่วยงานได้หลายอย่าง แค่มีข้าวให้กิน ให้เขาได้เติบโตอย่างปลอดภัย ท่านจะให้เขาทำงานอะไรก็ได้ เขาจะไม่ทำให้ท่านเป็กังวลอย่างแน่นอน"
อารมณ์ะเืใจของหู่เหนียงยามนี้ไม่เป็ผลดีต่อการตรวจชีพจรของนางนัก จึงจำต้องรับปากเพื่อปลอบประโลมนางไปก่อน
เสี่ยวหู่จือยกน้ำเข้ามา กล่าวด้วยความเศร้าสลดใจ "ท่านแม่ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่กับท่าน ท่านอย่าเอ่ยเช่นนี้อีกนะ ข้ากลัว..."
"ได้ๆ แม่ไม่พูดแล้ว" หู่เหนียงลูบดวงหน้าของบุตรชายด้วยความรักสุดหัวใจ
"ข้าจะตรวจชีพจรให้ท่านก่อน สุขภาพของท่านหาได้ร้ายแรงอย่างที่ท่านคิด อย่าตื่นตระหนกเกินไป ยิ่งมิอาจทำให้บุตรชายหวาดกลัวไปด้วย" ถังชิงหรูกล่าวเสียงเรียบ
"รบกวนแม่นางแล้ว" หู่เหนียงทอยิ้มอย่างอ่อนล้า
มารดาของเสี่ยวหู่จืออายุเพียงสามสิบกว่าปี แต่ตอนนี้ผิวพรรณของนางหย่อนคล้อย ขอบตาดำคล้ำ จึงดูเหมือนหญิงสูงวัย ด้วยครอบครัวฐานะยากจน เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงขาดรุ่งริ่ง ทั้งปะทั้งชุนจนไม่อาจซ่อมแซมได้อีกแล้ว เคราะห์ดีที่ปรกติไม่ออกนอกบ้าน มิเช่นนั้นคงเป็ที่ขบขันของผู้อื่น
ถังชิงหรูตรวจอาการของหู่เหนียง ย่อมรู้กะเกณฑ์ได้ในใจ หู่เหนียงเป็โรคปอดค่อนข้างรุนแรง ด้วยวิธีรักษาแบบโบราณอยากจะรักษาให้หายไม่ใช่เื่ง่าย แต่นางมีความมั่นใจในตนเอง ถึงอย่างไรโรคแบบนี้ก็พบเห็นบ่อย ไม่นับว่าเป็โรคประหลาด รถเบาชำนาญทาง[1]เช่นนางจึงไร้ความกดดันในการรักษา
ดวงตาของหู่เหนียงที่จดจ้องถังชิงหรูเจือไปด้วยความตื่นเต้น แม้ว่านางเตรียมทำใจไว้นานแล้ว แต่ยามนี้ก็ยังคงแอบมีความหวังอยู่เต็มอก หากสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ใครเล่าจะอยากตาย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีบุตรชายอยู่อีกคน
โรคปอดไม่เป็โรคติดต่อ หู่เหนียงป่วยเป็โรคปอดผนวกกับติดโรคระบาด เสี่ยวหู่จืออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้แต่กลับไม่ติดโรค ก็แสดงว่าร่างกายเขามีภูมิคุ้มกัน เชื้อไวรัสจึงไม่มีผลต่อเขา นี่เป็เคสที่พบได้น้อยมาก หมู่บ้านสกุลหลี่จะว่าใหญ่ก็ไม่ใช่ จะว่าเล็กก็ไม่เชิง ในหมู่ชาวบ้านสองร้อยกว่าคนมีเด็กสี่ห้าคนที่ไม่ติดเชื้อ นับว่าเป็สัญญาณที่ไม่เลว
แต่ทว่าโดยหลักการแล้วโรคระบาดควรจะออกฤทธิ์เร็วมาก เหตุใดพวกเขาถึงยังมีชีวิตรอดมาได้นานขนาดนี้ ตามที่นางทราบมา คนในหมู่บ้านสกุลหลี่เริ่มล้มป่วยเมื่อครึ่งปีก่อน ก็แสดงว่าโรคระบาดก็เพิ่งเริ่มขึ้นตอนนั้น หรือว่าในหมู่บ้านจะมีปัจจัยบางอย่างที่สามารถควบคุมโรคได้ หากค้นพบ พวกเขาก็จะรอดชีวิต แน่นอนว่าหมายถึงเฉพาะโรคระบาดนี้เท่านั้น คนในหมู่บ้านจำนวนมากมีโรคอื่นอยู่ในร่างกาย พอเจอโรคระบาดเข้ามาแทรกซ้อนร่างกายจึงยิ่งอ่อนแอกว่าเดิม
"อาการเจ็บป่วยของท่านต้องค่อยๆ บำรุงรักษา หากดูแลอย่างดีใช้เวลาครึ่งปีก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตเช่นคนปรกติได้" ถังชิงหรูบอกกับพวกเขา
ตอนแรกถังชิงหรูเงียบไปเป็เวลานาน ทั้งสองแม่ลูกจึงคิดว่าหมดหวังแล้ว แต่พอนางเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ ก็เป็ดั่งแสงตะวันที่สาดส่องลงมาสำหรับคนที่กำลังหมดอาลัยตายอยาก ความรู้สึกแบบนี้ช่างซับซ้อนนัก แต่ไม่ว่าคำกล่าวของนางจะเป็ความจริงหรือไม่อย่างน้อยพวกเขาก็มีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว
"พี่สาว แม่ข้าจะไม่ตายจริงหรือ" เสี่ยวหู่จือจับมือของถังชิงหรูด้วยความตื่นเต้น "แม่ข้าจะหายดีใช่หรือไม่"
"แน่นอนอยู่แล้ว" ถังชิงหรูทอยิ้มอ่อน นางลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "มารดาเ้าไม่เป็อันใด สองปีมานี้เ้าดูแลมารดาอย่างยากลำบาก แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ไม่ช้านางจะสามารถไปไหนมาไหนกับเ้าได้ทุกที่ เ้าเองก็ไม่ต้องหวาดวิตกทุกคืนวันเช่นนี้อีกแล้ว"
"ท่านแม่ ท่านได้ยินแล้วใช่ไหม พี่สาวบอกว่าอาการป่วยของท่านไม่หนักหนา" เสี่ยวหู่จือเขย่ามือมารดาด้วยความดีใจ "ต่อไปอย่าเอ่ยว่าจะตายอีกเล่า"
"ได้ๆ ต่อไปแม่ไม่พูดอีกแล้ว แม่เชื่อว่าจะต้องหายไม่ช้าก็เร็ว อย่างนี้ก็จะอยู่เป็เพื่อนเล่นกับเสี่ยวหู่จือได้แล้ว" หู่เหนียงลูบศีรษะบุตรชายด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เสี่ยวหู่จือซบในอ้อมแขนของมารดา ใบหน้าอาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ถังชิงหรูพลอยได้รับความอบอุ่นจากสองแม่ลูกไปด้วย แต่เื่นี้ยังไม่นับว่าแก้ไขได้โดยสิ้นเชิง นางยังต้องกลับไปดูแลเฉินิซึ่งเป็คนป่วยอีกคน ดังนั้นควรถามให้รู้ความอีกสักหน่อยจะดีกว่า
"พี่สะใภ้ ปรกตินอกจากปลาแล้ว พวกท่านกินอะไรกันบ้าง" ถังชิงหรูถามข้อกังขา
"นอกจากปลา ก็มีของป่าบนูเา บางครั้งหากมีกระต่ายบนเขาหลงมา เด็กๆ เติบโตมาที่นี่ เก่งเื่จับกระต่ายกันมาก ดังนั้นใช้เวลาไม่นานก็ได้กระต่ายป่ามาเป็อาหาร แล้วก็จะมีผักป่าบนูเา หมู่บ้านเราเพาะปลูกอะไรไม่ขึ้นมานานแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างล้มป่วย ก็ยิ่งไม่มีใครทำการเกษตร เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป ก็มีแต่ต้องเดินไปหาของกินบนูเา ฤดูกาลนี้ ผักป่ากำลังงอกงาม บนูเากว้างใหญ่มีของมากมายเพียงพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนทั้งหมู่บ้าน พูดตามตรงเลยนะ ถ้าไม่มีเขาลูกนี้ พวกเราคงอดตายไปนานแล้ว นับว่า์ยังมีเมตตา เหลือทางรอดให้กับพวกเราไว้บ้าง" หู่เหนียงไม่ได้พูดอะไรมานานแล้ว พอกล่าวจบก็รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง นางไอเบาๆ หลังจากนั้นก็เริ่มไอรุนแรงขึ้น
ถังชิงหรูเห็นเช่นนี้ก็รีบนวดบรรเทาความทรมานให้แก่นาง
การแพทย์แผนโบราณนอกจากฝังเข็ม ยังมีการนวดกดจุดที่สามารถลดความเ็ปทรมานให้กับผู้ป่วยได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหู่เหนียงอาการดีขึ้นบ้างแล้ว นางก็หยุดมือ
"พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ถึงเวลาก็ให้เสี่ยวหู่จือต้มยาให้ วันหนึ่งดื่มสามครั้ง อีกไม่กี่วันท่านก็ลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว แต่่แรกร่างกายยังอ่อนแอ แม้ว่าจะลุกจากเตียงได้ก็ไม่ควรเดินนานเกินไป ต้องค่อยเป็ค่อยไป อย่าใจร้อน" ถังชิงหรูกล่าวอย่างอ่อนโยน
"ประเสริฐ... ประเสริฐ... พวกเราจะเชื่อฟังแม่นาง" หู่เหนียงตอบรับอย่างรวดเร็ว "แต่แบบนี้จะยิ่งเพิ่มภาระให้แม่นางน่ะสิ มิสู้ให้หู่จือไปกับท่านเถิด"
"ไม่ต้องหรอก" ถังชิงหรูส่ายหน้า "หู่จือไม่รู้เื่สมุนไพร ถึงตามข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด อีกทั้งข้ายังต้องดูแลเขาอีก บนเขามีทั้งมดงูหนูแมลง สำหรับเด็กคนหนึ่งถือว่าอันตรายเกินไป ข้าไปเดี๋ยวก็กลับไม่มีปัญหา เมื่อก่อนเคยขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอยู่บ่อยครั้ง มีประสบการณ์บ้างแล้ว"
"ช่างน่าละอายเหลือเกิน พวกเราเพิ่งรู้จักกันโดยบังเอิญ แต่ท่านกลับดีต่อเราสองแม่ลูกขนาดนี้ พวกเรารู้สึกเกรงใจยิ่งนัก" หู่เหนียงกล่าวด้วยความรู้สึกละอายใจ
"หู่จือเป็เด็กดีขนาดนี้ ข้าเห็นแล้วก็ชอบเขามาก หากเขาต้องเสียมารดาไป ข้าก็คงเสียใจ อีกอย่าง ผู้เป็หมอย่อมมีหัวใจประดุจบิดามารดา ต่อให้เป็คนอื่น ข้าก็ช่วยเหมือนกัน" ถังชิงหรูลุกขึ้น กล่าวอำลาสองแม่ลูก
ในที่สุดแสงสุดท้ายของตะวันก็เลือนลับไป ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็มืดมิด ถังชิงหรูก่อกองไฟ ถึงทำให้ราตรีแลดูสว่างไสวขึ้นมาบ้าง
เฉินินั่งอยู่ข้างกายนาง ดวงตาล้ำลึกเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขาเอื้อมมือไปเก็บปอยผมทัดหลังหูให้นางก่อนเอ่ยถามว่า "มีความคืบหน้าอันใดบ้าง"
"หู่เหนียงบอกว่าปรกติพวกเขากินปลา ผักป่าแล้วก็สัตว์เล็กๆ บนูเา ของเหล่านี้ถือว่าปรกติทั่วไป ข้ายังมองไม่ออกว่าผิดแผกตรงไหน" ถังชิงหรูย่างนกส่งให้เฉินิ นกตัวนี้นางจับมาได้ระหว่างทาง กินปลามาเจ็ดแปดวันแล้ว แม้แต่นางยังรู้สึกเอียน ดังนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงคนที่คุ้นชินแต่อาหารเลิศรสเช่นคนผู้นี้
เฉินิรู้สึกว่าตนเองเป็เหมือนของไร้ประโยชน์ นอกจากช่วยอะไรไม่ได้ ยังต้องให้ถังชิงหรูดูแล เขารับของมา แต่กลับยื่นเข้าปากนาง "อ้าปาก"
ถังชิงหรูกำลังขบคิดบางอย่างอยู่ในใจ พอได้ยินเขาบอกก็อ้าปากไปด้วยสัญชาตญาณ จนกระทั่งกลิ่นหอมอวลตลบอยู่ในโพรงปากถึงได้สติ
"ท่านเนี่ยจริงๆ เลย ข้าให้ท่านกินเอามาให้ข้าทำไม" ถังชิงหรูค้อนควักใส่เขาทีหนึ่ง "ท่านดูแลตนเองให้ดีเถอะ นี่แค่กี่วันเอง ก็ผอมขนาดนี้แล้ว พวกเรายังหาทางไปจากหมู่บ้านไม่ได้ ต่อไปยังต้องรบรากับคนเ่าั้อีกระยะยาว หากท่านผอมราวกับท่อนฟืนเยี่ยงนี้ ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นจะดีใจแค่ไหน"
แววตาของเฉินิจมดิ่งลงไป แค่นึกถึงสีหน้าอันน่ารังเกียจของเมิ่งหลิงก็แทบอยากทำลายให้สิ้น แต่ยามนี้ตนเองทำอะไรไม่ได้สักอย่าง หากไม่มีถังชิงหรู ก็คงไม่สามารถแม้แต่จะเอาชีวิตรอด เพราะโรคภัยของสถานที่แห่งนี้ร้ายกาจนัก เขาเองก็ล้มป่วยเมื่อมาอยู่ที่นี่เช่นกัน
"ข้าไม่ปล่อยเขาไปแน่" เฉินิหลุบตา ยังคงฉีกเนื้อนกส่งเข้าปากถังชิงหรู "แต่ตอนนี้ยังไม่มีหนทางจัดการกับเขา รอก่อนเถอะ นี่แค่ชั่วคราวเท่านั้น เขาอาจลำพองใจไม่กี่วัน แต่ไม่อาจได้สมดังใจไปชั่วชีวิต สักวันหนึ่งข้าจะสังหารเขาด้วยมือของข้าเอง"
"เมิ่งหลิงคนนี้ ข้าได้ยินหลีซูเรียกเขามาหัตถ์มาร ดูท่าคงไม่ใช่คนดีเท่าไร" ถังชิงหรูเห็นสีหน้าของเขาเคร่งเครียด ก็รีบเบี่ยงเบนไปคุยอย่างอื่น
"ก็แค่ชายบำเรอคนหนึ่ง" แววตาของเฉินิฉายแววสะอิดสะเอียน "เมื่อสองสามปีก่อน ข้ากลับไปอวยพรวันเกิดให้พระเชษฐา ตอนนั้นพระเชษฐาเป็เพียงรัชทายาทยังไม่ขึ้นเป็ฮ่องเต้ เพลานั้นข้ากับเขาไม่ลงรอยกัน เขาเป็ชายบำเรอคนหนึ่งของอัครเสนาบดี แต่กลับสามารถชูคออย่างมีหน้ามีตาในเมืองหลวง ข้าไม่พอใจอย่างมากจึงลงโทษเขาอย่างรุนแรง อัครเสนาบดีไม่กล้าล่วงเกินข้า ถึงได้หมางเมินเขาไป ตอนนั้นเขาถูกซ้อมจนน่วมก่อนถูกเอาไปโยนทิ้งที่หน้าประตูเมือง เขาคงจะโกรธแค้นข้ามาก บัดนี้อดีตฮ่องเต้ไม่อยู่แล้ว บัลลังก์ของพระเชษฐาก็ยังไม่มั่นคง อำนาจของอัครเสนาบดีมีล้นฟ้า แต่เปิ่นหวางจะคอยดูว่าคนชั้นต่ำไร้ยางอายผู้นั้นจะกำเริบเสิบสานไปได้สักกี่น้ำ"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] รถเบาชำนาญทาง หมายถึง คุ้นเคยจึงทำได้อย่างคล่องแคล่ว หรือรู้ลู่ทางเป็อย่างดี