“ช้าก่อน” ชิ่งป๋อฮูหยินเอ่ยขึ้น “คดีลักพาตัวอันใดกัน?” แม้สกุลหยวนจะไม่เกี่ยวข้องกับจวนชิ่งป๋อ แต่หากมาจับคนออกไปจากจวนชิ่งป๋อแล้วเกิดเื่ขึ้นจริงๆ ระยะนี้จวนชิ่งป๋อก็ไม่มีหน้าออกไปพบผู้คนแล้ว
“ท่านย่าช่วยข้าด้วย ข้าไม่ได้ลักพาตัว ข้าไม่ได้ลักพาตัวผู้ใดนะขอรับ” หยวนข่ายะโเสียงดัง
“เปิ่นกวาน[1]ยังไม่ได้บอกว่าเ้าลักพาตัว เพียงแค่ต้องสงสัยเท่านั้น ตื่นเต้นอันใดเล่า? หรือว่ากินปูนร้อนท้อง?” ใต้เท้าจวนว่าการหัวเราะเสียงเย็น แต่ในใจกลับคิดว่า หากไม่มีความเกี่ยวพันกับคนผู้นี้จะเป็การดีที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วฉีอ๋องไม่มีทางปล่อยเขาเอาไว้แน่ จริงๆ เลย เพิ่งจะออกจากคุกมา อยู่ดีๆ ไม่ชอบ ยังไปก่อเื่ลักพาตัวอีก ลักพาตัวผู้ใดไม่ทำกลับไปลักพาตัวหลี่เสี่ยวโหวเหฺย หลี่เสี่ยวโหวเหฺยนั้นฉลาดเฉลียวนัก กอดทั้งขาใหญ่อย่างฉีอ๋องและไห่กงกง หากเขามีบุตรชายที่ฉลาดเช่นนี้คาดว่านอนหลับไปยังต้องยิ้มจนตื่น เมื่อคิดถึงบุตรชายผู้ไม่เอาไหนของตนผู้เอาแต่เที่ยวเล่นทั้งวันแล้ว หากเขาไม่เลือกลาภยศชั่วลูกชั่วหลานจะอยู่อย่างไรได้เล่า?
นี่แหละที่เขาบอกว่าให้กำเนิดลูกชายก็เหมือนกับเลี้ยงดูบรรพบุรุษ คำพูดนี้ช่างมีเหตุผลยิ่งนัก
“ใต้เท้าจวนว่าการ” ชิ่งป๋อฮูหยินกล่าว “หน้าที่ของใต้เท้า ข้าน้อยไม่ก้าวก่าย แต่วันนี้หยวนข่ายถูกจับกุมตัวไปจากจวนชิ่งป๋อของข้า ดังนั้นข้าน้อยจึง้าทราบว่าเื่การลักพาตัวนั้นเป็มาอย่างไรกันแน่?”
ท่าทางของใต้เท้าจวนว่าการที่ปฏิบัติต่อชิ่งป๋อฮูหยินนั้นมีมารยาทยิ่ง “เมื่อวานในงานเทศกาลโคมไฟนั้นมีคนถูกลักพาตัว มีพยานบุคคลให้เบาะแสโจรลักพาตัวมา ภาพร่างจากคำให้การนั้นมีความคล้ายคลึงกับหยวนข่าย เปิ่นกวานจึงได้รับคำสั่งจากฉีอ๋องให้มาจับกุมผู้ต้องสงสัย”
“เ้าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้ไปงานเทศกาลโคมไฟด้วยซ้ำไป ต่อให้เป็ฉีอ๋องก็ให้ร้ายผู้อื่นเช่นนี้ไม่ได้ นี่ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่?” หยวนข่ายร้องะโเสียงดัง “เป็ฉีอ๋องแล้วอย่างไรเล่า? ฉีอ๋องก็ทำผิดกฎหมายไม่ได้เช่นกัน ระวังเถิดข้าจะร้องเรียนไปถึงฮ่องเต้”
ใต้เท้าจวนว่าการเพิ่งจะรู้ว่าใต้หล้านี้ยังมีคนเขลาเช่นนี้อยู่อีก “พาตัวไป” เขาคร้านจะเสียเวลากับอีกฝ่ายแล้ว
“ขอรับ” ทหารจากกรมอาญาเข้าจับกุมตัว
“ใต้เท้า” ชิ่งป๋อฮูหยินยังอยากรู้เื่บางอย่าง แต่ใต้เท้าจวนว่าการกลับเอ่ยวาจาตัดความ “เื่นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนชิ่งป๋อ เหล่าฮูหยินอย่าได้ยื่นมือเข้ามาสอดเลย หากมีพยานหลักฐานมัดตัวแ่า ต่อให้เป็จวนชิ่งป๋อก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้”
“เขา...แล้วเป็ผู้ใดกันเล่าที่ถูกลักพาตัวเมื่อคืนนี้?” ด้วยคำพูดของใต้เท้าจวนว่าการทำให้ชิ่งป๋อฮูหยินเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา แม้ชิ่งป๋อฮูหยินไม่เคยคิดที่จะช่วยเหลือหยวนข่าย แต่อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็บ้านญาติฝ่ายย่าของหยวนข่าย ต่อให้ชิ่งป๋อฮูหยินรังเกียจครอบครัวสกุลหยวนมากกว่านี้ ชิ่งป๋อเหฺยย่อมต้องออกหน้าเป็แน่ และยังมีหลี่เหล่าไท่ไท่ที่คงไม่ยอมอยู่เฉยๆ เช่นกัน มีหน้าตาของสกุลหลี่อยู่ ยังจะช่วยหยวนข่ายไม่ได้จริงๆ หรือ?
แม้จงกั๋วกงจะตกต่ำลงไปบ้าง แต่หน้าตาของจวนกั๋วกงนั้นยังคงมีอยู่ หน้าตาของครอบครัวขุนนางที่มีความดีความชอบจากการก่อตั้งราชวงศ์นั้นยังมีอยู่หลายส่วน “ไฉนใต้เท้าจวนว่าการจึงพูดว่าจวนชิ่งป๋อก็ช่วยหยวนข่ายไม่ได้เล่า?”
เช่นนั้น ผู้ที่ถูกลักพาตัวไปคือผู้ใดกันเล่า?
ใต้เท้าจวนว่าการหัวเราะเสียงเย็น ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “หลี่เสี่ยวโหวเหฺยแห่งจวนจงหย่งโหว”
อะไรนะ? ชิ่งป๋อฮูหยินใจนสะดุ้งโหยง จากนั้นก็ด่ากราด “สัตว์เดรัจฉาน เ้านี่มันเป็สัตว์เดรัจฉาน”
ใต้เท้าจวนว่าการพาตัวหยวนข่ายกลับไปยังศาลของจวนว่าการ จากนั้นเขาก็รีบไปรายงานกู้จวิ้นเฉิน
กู้จวิ้นเฉินกำลังหลับตาพักผ่อน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดขาว มีร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยปะปน ขอเพียงแค่เขาไม่ลืมตา ฉีอ๋องช่างสง่างามหล่อเหลาดุจภาพวาดให้คนได้ชื่นชม แต่เมื่อลืมตาขึ้น ในแววตาของเขานั้นแรงกล้าและเ็าเป็อย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนไม่กล้าแม้แต่จะมองตรงๆ
เหมือนดั่งแสงจันทร์สีเงินที่งดงาม แต่ทว่าเย็นะเื
“ไม่สนใจวิธีการ เปิ่นหวาง้าเพียงผลลัพธ์”
“พ่ะย่ะค่ะ” ความหมายคือให้ใช้การลงทัณฑ์เต็มกำลัง ้าเพียงคำตอบ
ใต้เท้าจวนว่าการเป็ขุนนางข้างกายที่ไท่จื่อเยี่ยนผลักดันขึ้นมา เขาอดที่จะถอนใจอีกครั้งไม่ได้ ฉีอ๋องในวัยหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาในยามนี้กับไท่จื่อเยี่ยนในครั้งนั้นช่างเหมือนกันยิ่งนัก ผู้ที่ผ่านประสบการณ์การนองเืครั้งใหญ่เมื่อหกปีก่อนย่อมไม่เหลือความเมตตา ยกตัวอย่างเช่น กู้จวิ้นเฉิน และ ใต้เท้าจวนว่าการ ใต้เท้าจวนว่าการนั้นฆ่าคนไม่เห็นเื ลงโทษคนไม่เหลือาแให้เห็น แต่ในวันนี้ต่อให้มีร่องรอยาแให้เห็นก็ไม่มีใครกล้าออกมาพูดจาแทนคนเช่นหยวนข่าย
ด้านสกุลหลี่น่ะหรือ? หลี่เสี่ยวโหวเหฺยยังไม่มีข่าวคราว หากครอบครัวสกุลหลี่ทราบเื่นี้ย่อมเป็คนแรกที่อยากให้หยวนข่ายตาย ครอบครัวเดียวกันแต่มีท่านโหวถึงสองคน นี่เป็เกียรติและหน้าตาที่ไม่เคยมีมาก่อนั้แ่ก่อตั้งราชวงศ์มา แล้วฝ่าาเล่า? หากเื่ที่หยวนข่ายลักพาตัวหลี่เสี่ยวโหวเหฺยเป็เื่จริง ฝ่าาจะเป็คนที่สองที่จะไม่ปล่อยหยวนข่ายเอาไว้ หลี่เสี่ยวโหวเหฺยเป็บุตรของหลี่ซวี่ หลี่ซวี่เป็แม่ทัพใหญ่ข้างกายที่ฝ่าาผลักดันขึ้นมา ย่อมแตกต่างจากตน ด้วยตนนั้นเป็คนของไท่จื่อเยี่ยน แต่หลี่ซวี่เป็คนของฝ่าา ที่สำคัญที่สุดคือหลี่ซวี่นั้นตายเพราะฝ่าา หากสกุลหลี่ไม่รนหาที่ตาย ดูจากยศถาบรรดาศักดิ์ของหลี่ซวี่แล้ว ย่อมได้เสวยสุขบนเงินทองโชคลาภตลอดไป
ใต้เท้าจวนว่าการลงไปเป็ผู้สอบสวนหยวนข่ายด้วยตนเอง หยวนข่ายปากดีนัก พูดจาโยกโย้ไปมา ดังนั้นใต้เท้าจวนว่าการจึงได้เรียกสอบบ่าวรับใช้ข้างกายของหยวนข่าย บ่าวรับใช้ที่เฝ้าหน้าประตูจวนชิ่งป๋อ ใช้เวลาเพียงไม่นานนักข้อมูลเกี่ยวกับเวลาที่หยวนข่ายออกจากจวนชิ่งป๋อและเวลาที่เขากลับมายังจวนชิ่งป๋อก็ตกมาอยู่ในมือของใต้เท้าจวนว่าการ ่เวลาที่หลี่ลั่วถูกลักพาตัวนั้น หยวนข่ายไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าในเวลานั้นตนอยู่ที่ไหน และกำลังทำอันใดอยู่
“ท่านอ๋อง คำสารภาพผิดของหยวนข่ายพ่ะย่ะค่ะ”
กู้จวิ้นเฉินรับไป ในคำสารภาพผิดเขียนไว้ว่าหยวนข่ายเคียดแค้นที่ถูกหลี่ลั่วขับไล่ออกไปจากจวนโหวแล้วยังสั่งโบยเขา ดังนั้นจึงลักพาตัวหลี่ลั่ว
งานเทศกาลโคมไฟเมื่อคืนเขาตั้งใจไปหาหลี่โจวที่จวนโหวเพื่อดื่มเหล้า แต่เห็นคนทั้งกลุ่มของจวนโหวกำลังออกไปดูเทศกาลโคมไฟ ซ้ำยังไม่เห็นหลี่ฉางเฉิงผู้ติดตามเป็เงาหลี่ลั่วไม่เคยห่าง ดังนั้นจึงเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น
“แจ้งกรมยุติธรรม พรุ่งนี้เที่ยงตรง ตัดหัว”
“...พ่ะย่ะค่ะ”
“เื่เกี่ยวกับพ่อค้ามนุษย์โจรลักพาตัวให้รายงานไปที่ศาลต้าหลี่[2]พร้อมส่งมอบหลักฐานไปให้ทั้งหมด งานของจวนว่าการนั้นมากอยู่แล้ว ให้อยู่ในเมืองหลวงทำหน้าที่สนับสนุนประสานงานกับศาลต้าหลี่ก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ณ จวนโหว
เพล้ง...ถ้วยน้ำชาในมือของหลี่เหล่าไท่ไท่ตกลงบนพื้น น้ำในถ้วยชากระเด็นขึ้นมา ถ้วยน้ำชาแตกละเอียด น้ำเสียงของนางสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ “เ้าว่าอันใดนะ? ข่ายเกอเอ๋อร์ลักพาตัวลั่วเกอเอ๋อร์ เมื่อวานลั่วเกอเอ๋อร์หายตัวไปเพราะข่ายเกอเอ๋อร์ลักพาตัวเขาไปรึ?”
“ลูกไม่ค่อยแน่ใจขอรับ ตอนเช้าใต้เท้าจวนว่าการมาจับกุมตัวข่ายเกอเอ๋อร์ไปจากจวนชิ่งป๋อ ท่านป้าสะใภ้ให้คนมาบอกกับลูก ลูกจึงเพิ่งจะรู้เื่ขอรับ” หยวนเฉิงร้อนใจเหมือนมดที่เดินอยู่บนฝาหม้อร้อนๆ เื่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้กับเื่ที่ล่วงเกินหลินเจี่ยเอ๋อร์เมื่อครั้งก่อนไม่เหมือนกัน
“เลอะเลือน เขาช่างเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ นี่ปกติเ้าสั่งสอนอบรมลูกชายเช่นไรกัน?” หลี่เหล่าไท่ไท่พูดเสียงดัง
หยวนเฉิงไม่พูดแต่คิดในใจว่า ในยามปกติท่านก็ไม่ได้สั่งสอนอบรมอันใดข้าเหมือนกัน แต่คำพูดประโยคนี้เขาไม่กล้าเอ่ยออกมา
“เหตุการณ์ตอนนี้เป็เช่นใดบ้าง?”
“ลูกไปสืบข่าวที่จวนว่าการมาแล้วขอรับ แต่ลูกเป็เพียงพ่อค้าวาณิช สืบข่าวอันใดไม่ได้เลยขอรับ”
“หยางหมัวมัว ให้คนไปเรียกเหล่าไท่เหฺยและเ้าใหญ่กลับจวน”
“เ้าค่ะ”
ทั้งหลี่เหล่าไท่เหฺยและหลี่ฮุยที่ทำงานอยู่นั้นถูกเรียกกลับมาที่จวนอย่างเร่งด่วน
“เ้าว่าอันใดนะ? ลั่วเกอเอ๋อร์ถูกลักพาตัว?” หลี่เหล่าไท่เหฺยเพิ่งจะรู้ว่าแท้จริงแล้วหลี่ลั่วหายตัวไปั้แ่เมื่อคืน “แล้วยังถูกข่ายเกอเอ๋อร์ลักพาตัวไปอีก?”
หลี่ฮุยไม่เอ่ยวาจาใด เื่ที่หลี่ลั่วถูกลักพาตัวนั้น เขารู้ั้แ่เมื่อคืนแล้ว
“เื่นี้ยังไม่รู้ว่าใช่ข่ายเกอเอ๋อร์เป็ผู้กระทำหรือไม่ เื่ที่สำคัญที่สุดในยามนี้คือต้องคิดหาวิธีช่วยข่ายเกอเอ๋อร์ออกมาก่อน” หลี่เหล่าไท่ไท่กล่าว “ท่านพี่ เ้าใหญ่ พวกท่านคิดดูว่ามีวิธีใดบ้าง?”
“เขาลักพาตัวหลานชายของข้า แล้วยังต้องให้ข้าไปช่วยเขาอีกรึ?” หลี่เหล่าไท่เหฺยคำราม “อย่าแม้แต่จะคิด ลั่วเกอเอ๋อร์เล่า? ยามนี้เป็เช่นใดบ้าง?” แม้หลี่เหล่าไท่เหฺยจะไม่ค่อยได้สนใจเื่ในบ้าน แต่หลานของตนและหลานของผู้อื่นนั้นเขายังแยกแยะได้กระจ่างแจ้งอยู่
“เมื่อคืนฉือเกอเอ๋อร์และหงเกอเอ๋อร์ออกตามหากันทั้งคืน ทว่าหาลั่วเกอเอ๋อร์ไม่พบขอรับ” หลี่ฮุยตอบ “ต่อมาฉีอ๋องเข้ามารับ่ต่อในเื่นี้ สถานการณ์ในเวลานี้เป็เช่นใดบ้างยังไม่แน่ชัดเลยขอรับ”
“เหตุไฉนเมื่อวานจึงไม่มีใครแจ้งเื่นี้กับข้า” หลี่เหล่าไท่เหฺยถามประโยคนี้ขึ้นพร้อมกับมองไปที่หลี่เหล่าไท่ไท่
“ข้า...ข้าคิดว่าวันนี้อาจจะหาตัวลั่วเกอเอ๋อร์พบแล้วก็ได้” หลี่เหล่าไท่ไท่รู้ว่าเป็ตนที่บกพร่อง
“อาจจะรึ...” หลี่เหล่าไท่เหฺยโมโมจริงๆ แล้ว “คนสกุลหยวนเก่งกาจนัก อาศัยอยู่ในจวนโหว กินข้าวสกุลหลี่ของข้า ยามนี้กลับมาลักพาตัวลั่วเกอเอ๋อร์ สัตว์เดรัจฉานตัวนี้ ต้องจับมันไปปะา”
“นั่นเป็หลานชายแท้ๆ ของข้านะเ้าคะ” หลี่เหล่าไท่ไท่หน้าดำทะมึนลง “ท่านต้องช่วยเขาออกมา”
“หลานชายแท้ๆ ของเ้ารึ?” หลี่เหล่าไท่เหฺยหัวเราะเสียงเย็น “แล้วลั่วเกอเอ๋อร์ไม่ใช่หลานชายของเ้าหรือไร?”
“ข้าไม่กล้ามีหลานชายจอมพยศไร้ศีลธรรมเช่นนั้นหรอกเ้าค่ะ” หลี่เหล่าไท่ไท่ตอบ
“ข้าเองก็จะไม่ช่วยหลานชายที่สู้สัตว์ป่าเถื่อนยังไม่ได้เช่นกัน” หลี่เหล่าไท่เหฺยใช้คำพูดโหดร้าย
“หลี่เนี่ยนจู่ ท่านกล้าดีนักนะ” หลี่เหล่าไท่ไท่ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ท่านคิดจะรังแกจวนชิ่งป๋อของข้าใช่หรือไม่?”
“จวนชิ่งป๋อรึ? เ้าแต่งให้ข้า ก็ถือว่าเป็คนของสกุลหลี่ มีความเกี่ยวข้องอันใดกับจวนชิ่งป๋อหรือ?”
“ท่าน...ยามนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าลั่วเกอเอ๋อร์ถูกข่ายเกอเอ๋อร์ลักพาตัวหรือไม่” หลี่เหล่าไท่ไท่ยอมถอยหนึ่งก้าว “ท่านไปสืบข่าวก่อน ดูว่าสถานการณ์เป็เช่นใดบ้าง...อาจจะยังสามารถสืบข่าวของลั่วเกอเอ๋อร์ได้”
“ท่านพ่อ คำพูดของมารดามีเหตุผลขอรับ” หลี่ฮุยเอ่ยขึ้น “ไม่ว่าเื่นี้จะเกี่ยวพันกับข่ายเกอเอ๋อร์หรือไม่ แต่เื่ของลั่วเกอเอ๋อร์เรายังต้องไปสืบข่าวดูนะขอรับ”
หลี่เหล่าไท่เหฺยใจเย็นลง ตลอดมาเขาให้ความสำคัญกับหลี่ฮุยเสมอ หลี่ฮุยเคารพนับถือและกตัญญูต่อเขา ดังนั้นความสัมพันธ์ของพ่อลูกนั้นจึงอยู่ในขั้นดีเลยทีเดียว หลี่เหล่าไท่เหฺยฟังคำพูดหลี่ฮุยเสมอ เขาหันไปร้องฮึเสียงเย็นใส่หลี่เหล่าไท่ไท่ครั้งหนึ่งแล้วจึงออกไปหาข่าวคราว
หลี่ฮุยติดตามออกไปด้วย ทว่าหลี่ฮุยไม่ได้ใส่ใจเื่ของหยวนข่าย เขาเพียงแต่อยากรู้เื่เกี่ยวกับหลี่ลั่ว หยวนเฉิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบตามมาด้วย
เมื่อหลี่เหล่าไท่เหฺย หลี่ฮุย และหยวนเฉิงมาถึงยังจวนว่าการ ก็ได้รู้ว่าเื่นี้ได้ส่งต่อให้กับกรมยุติธรรมแล้ว อีกทั้งยังมีหลักฐานมัดตัวแ่า หยวนข่ายสารภาพผิดด้วยตนเอง หากว่าการลักพาตัวไม่ได้เกี่ยวพันกับจงหย่งโหว ท่านโหวของราชสำนัก จวนว่าการย่อมสามารถตัดสินลงโทษได้ทันที ดังนั้นพวกเขาจึงไปกรมยุติธรรม จากนั้นจึงได้รู้ว่าหยวนข่ายถูกตัดสินโทษปะาตัดหัวพรุ่งนี้ยามเที่ยงตรง
“ไฉนจึงเร็วเช่นนี้เล่า? ต่อให้...ต่อให้มีความผิดก็ไม่น่าจะโดนโทษปะาเร็วเช่นนี้” หลังจากหยวนเฉิงได้ยินแล้ว คนก็มีท่าทางโง่งมไป
คนของกรมยุติธรรมนั้นเห็นแก่หน้าของหลี่เหล่าไท่เหฺย จึงได้บอกกล่าวกับพวกเขา “ฉีอ๋องเป็ผู้ตัดสินลงโทษด้วยพระองค์เอง พรุ่งนี้ ตัดหัว” คนของจวนว่าการส่งหนังสือตัดสินคดีให้ดูพร้อมกับคำสั่งของฉีอ๋อง กระดาษสีขาว ทั้งแผ่นมีเพียงตัวอักษรสี่ตัว ผู้ใดจะกล้าขัดขืน?”
และเื่นี้ยังเกี่ยวพันถึงการค้ามนุษย์ลักพาตัวเด็กเล็ก ฉีอ๋องนั้นมีผลงานแน่นอน
หยวนเฉิงนั่งแปะลงกับพื้น จากนั้นเขาก็เข้าไปกอดขาของเ้าหน้าที่กรมยุติธรรม “ให้ข้าพบหน้าลูกชายได้หรือไม่? ขอร้องท่านเถิด ให้ข้าได้พบหน้าลูกชายสักครู่จะได้หรือไม่?”
[1] เปิ่นกวาน (本官) คือ คำเรียกแทนตนเองของขุนนาง กวาน หมายถึง ขุนนาง
[2] ศาลต้าหลี่ (大理寺) คือหน่วยงานราชการซึ่งเป็หนึ่งในเก้าสำนักใหญ่แห่งราชสำนัก ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีอาญา หรือเป็ศาลยุติธรรมนั่นเอง