“หรือว่าคุณชายหลินคิดว่าที่ข้ามาหาจะต้องมีจุดประสงค์?”
เมื่อหลันเจียวได้ยินคำพูดของหลินเฟิงแล้ว ดวงตาของนางก็ฉายแววน่าสงสาร และก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย ระยะของพวกเขาตอนนี้ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว
“หลันเจียวบอกเมื่อไรกันว่าไม่ให้คุณชายแตะต้อง หากคุณชายหลินชอบล่ะก็ ข้าก็ยินดีมอบกายให้คุณชายหลิน”
หลันเจียวกล่าวอย่างเอียงอาย ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งแ่เบา แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์
หลินเฟิงเห็นหลันเจียวกำลังก้มหน้าอย่างขวยเขิน เพื่อปิดซ่อนใบหน้าที่แดงระเรื่อของตน
ชุดยาวของนางเผยให้เห็นไหล่ที่นวลขาว จากนั้นชุดนางก็เริ่มเลื่อนลงมาทีละนิดๆ จนเผยให้เห็นเนินอกขาวอวบอิ่มอย่างชัดเจน หลินเฟิงชะงักร่างขณะมองตามขอบชุดที่เลื่อนลงมาจนเกือบจะเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน
“คุณชายหลินอยากเห็นไหม?”
สุ้มเสียงอันเย้ายวนได้เข้าสู่โสตประสาทของหลินเฟิง ทำให้หัวใจของชายหนุ่มพลันเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม และกล่าวออกมาว่า “อยาก...”
หลังจากสิ้นสุดเสียงหลินเฟิง หลันเจียวก็ค่อยๆ ดึงชุดลงอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นหน้าอกคู่อวบอิ่ม สายตาหวานเยิ้มคู่นั้นฉาบย้อมไปด้วยตัณหา ้าให้หลินเฟิงทั้งััและกระตุ้นความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุด
ไฟราคะเริ่มเผาไหม้ร่างของหลินเฟิง…
“คุณชาย้าข้าไหม?”
ด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน ทำให้ไฟราคะในตัวหลินเฟิงต้องโหมกระหน่ำอย่างไม่อาจห้ามใจได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็ผู้ชายอายุ 17-18 ปี นอกจากจะเคยเห็นร่างกายของต้วนซินเยี่ยแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นของใครอื่นมาก่อน และด้วยสิ่งที่ล่อใจตรงหน้านี้ มันทำให้เขาแทบคลั่ง
ดวงตาของหลินเฟิงแดงก่ำ มือของเขาค่อยๆ เอื้อมออกไป เพื่อที่จะััหน้าอกขาวนวลทั้งสองข้างนั้น
“ไม่ได้!” ตอนนี้เองที่หลินเฟิงตระหนักได้ถึงบางอย่าง มือของเขาจึงชะงักไปทันที
“ไม่… นี่ไม่ใช่เื่จริง ภายใต้ชุดของนางยังมีอีกชุด แต่ทำไมข้ากลับไม่เห็นมัน”
หลินเฟิงกลับมาได้สติ และเห็นว่านี่ไม่ใช่เื่จริง
เขาหลับตาลงพลางถอนหายใจออกมา การผสานกับเทวโลกทำให้ทุกสิ่งในโลกล้วนปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
หลินเฟิงลืมตาขึ้น ดูเหมือนว่าหมอกลึกลับตรงหน้ากำลังจางหายไปราวกับภาพมายา ซึ่งในตอนนี้หลันเจียวกำลังยืนยิ้มอยู่ ถึงแม้นางจะเย้ายวนและมีเสน่ห์มาก ทว่านางไม่ได้เปลือยเปล่าอย่างที่เห็นเมื่อครู่
สิ่งที่หลินเฟิงเพิ่งเห็นไปเป็ภาพมายา!
“เป็อะไรไป?”
ม่านตาของหลินเฟิงหดแคบลง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ล้วนเป็เื่จอมปลอม แต่เขากลับเห็นว่านั่นเป็เื่จริง
“คุณชายหลินกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”
หลันเจียวยิ้มอย่างอ่อนโยน ทว่าดวงตาของนางกลับแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง ขณะจ้องตาหลินเฟิง
หลินเฟิงดูตกตะลึงและพูดไม่ออก แต่เขาไม่ได้บอกกับหลันเจียวว่าสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นคือร่างที่เปลือยเปล่าของนาง มันเป็แค่ภาพมายาเท่านั้น
“เมื่อครู่นี้คือโลกมายา...”
หลินเฟิงพึมพำในใจขณะมองหลันเจียวไม่วางตา
ใน่หกเดือนที่ผ่านมา หลินเฟิงหาวิธีกลั่นเม็ดยา ฝึกฝนในทักษะเสี้ยวิญญา์และศึกษาความทรงจำของบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ แม้ไม่ได้ฝึกเพื่อเพิ่มการบ่มเพาะ แต่ว่าความแข็งแกร่งของเขา ก็อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 8 แล้ว ประกอบกับขอบเขตการผสานกับเทวโลกรวมถึงจิตใจที่แน่วแน่ ทว่าเ้ากลับพลาดท่าให้แก่ทักษะโลกมายาเสียอย่างนั้น
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้หลันเจียวได้ใช้เคล็ดวิชามายากับหลินเฟิง ทำให้เขาเสียสติและสับสนกับความเป็จริง จนหลงระเริงไปกับภาพมายาที่ปรากฏขึ้น
หลันเจียวช่างเป็ผู้หญิงที่ร้ายกาจนัก หอประมูลแห่งความฝันไม่ใช่สถานที่ที่สามารถประมาทได้แม้แต่น้อย! หากผู้ดูแลหอประมูลยังเก่งกาจขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้วบุคคลระดับสูงของหอประมูลจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?
“แม่นางหลัน แม้เมื่อครู่จะเป็โลกมายา แต่สิ่งที่ข้าเห็นนั้น จริงๆ แล้วเป็ร่างกายของแม่นางหลัน หรือว่าแม่นางหลันเองก็ชอบ จึงได้จงใจทำเช่นนั้น?” หลินเฟิงถามอย่างตรงไปตรงมา
“คุณชายหลินเข้าใจผิดแล้ว” หลันเจียวกล่าวยิ้มๆ จากนั้นก็กล่าวต่อขณะที่สายตายังจับจ้องไปทางหลินเฟิง “โลกมายานั่นมันเป็สิ่งที่ข้าจงใจ แต่ข้าก็แค่ชี้ทางเท่านั้น หากคุณชายไม่ได้คิดเช่นนั้น แล้วจะเห็นภาพมายาได้อย่างไรกัน ในความจริงแล้วทุกอย่างในโลกมายาแม้จะเป็เื่จอมปลอม แต่จริงๆ แล้วนั่นคือสิ่งที่จิตใต้สำนึกของคุณชายหลินปรารถนา”
“หรือว่า เมื่อครู่นี้คุณชายหลิน้าจะเอาเปรียบข้าอย่างนั้นหรือ!”
หลันเจียวกล่าวออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง หญิงสาวนางนี้เป็สาวงามที่หาตัวจับได้ยาก นางปกปิดร่างกายอันอ่อนช้อยด้วยเครื่องแต่งกายยั่วยวนเ่าั้ ประกอบกับบุคลิกของนางทำให้ยากเกินกว่าจะควบคุม แม้จิตใจของหลินเฟิงแน่วแน่ แต่เมื่อครู่นี้เขาก็เพิ่งจะก้าวเข้าสู่โลกมายาของอีกฝ่าย
มันไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่ง แต่เป็เพราะความประมาทของหลินเฟิง เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เห็นจะเป็ของปลอม เขาไม่รู้แม้กระทั้งว่าภาพมายาเกิดขึ้นั้แ่เมื่อไร แผนโลกมายาของหลันเจียวมันสมจริงเกินไป ภาพมายากับความเป็จริงราวกับหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทำให้หลินเฟิงเข้าสู่โลกมายาโดยไม่รู้ตัว
“เ้าแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเ้าแล้ว งั้นตอนนี้ก็อธิบายมาว่าเ้ามาที่นี่ทำไม?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่ยแส เขาหลงกลครั้งนี้ แต่ครั้งหน้าหลินเฟิงจะไม่หลงกลอีกเด็ดขาด
ขอบเขตการผสานกับเทวโลกนั้นคือการเป็หนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ตราบใดที่เขายังตื่นตัวอยู่ ก็สามารถเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนเหมือนกับเมื่อครู่นี้ที่เขาตื่นจากภวังค์ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเจอคนที่แข็งแกร่งกว่านี้
“คุณชายหลินอย่าใจร้อนไป ในเมื่อท่านอยากรู้ขนาดนี้ งั้นหลันเจียวก็จะบอกให้”
หลันเจียวคลี่รอยยิ้มอ่อนหวานพลางกล่าวว่า “คุณชายหลิน ที่ข้ามาในครั้งนี้ก็เพราะอยากเชิญชวนให้คุณชายหลินเข้าร่วมกับพวกเรา”
“เข้าร่วมกับพวกเ้า... หอประมูลแห่งความฝัน?”
ท่าทางของหลินเฟิงกลายเป็ประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าหลันเจียวมาเพราะอยากให้เขาเข้าร่วมกับพวกนาง
“แต่ไม่ใช่แค่นั้น มันมีอะไรมากกว่าหอประมูลแห่งความฝัน” หลันเจียวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทำให้หลินเฟิงต้องใจเต้นเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่หอประมูลแห่งความฝัน? หลันเจียวจะบอกกับเขาว่าหอประมูลแห่งความฝันเป็แค่ฉากหน้าความแข็งแกร่งของพวกเขา
“ขออภัย แต่ข้าไม่สนใจ” หลินเฟิงกล่าวปฏิเสธขณะส่ายหน้า ทำให้รอยยิ้มของหลันเจียวกลับกลายเป็แข็งทื่อ แต่ก็แค่ชั่วขณะแล้วสีหน้าของนางก็กลับมาดังเดิม
“ข้ายังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ ทำไมคุณชายหลินถึงรีบปฏิเสธนัก” หลันเจียวเผยรอยยิ้มให้เห็นอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “คุณชายหลิน หากท่านเข้าร่วมกับพวกเราล่ะก็ ท่านจะมีทรัพยากรที่ไร้ขีดจำกัดในการบ่มเพาะ รวมไปถึงทักษะยุทธ์อันแข็งแกร่งและเคล็ดวิชาต่างๆ ตราบใดที่ท่านโดดเด่นพอ ทุกอย่างก็จะเป็ของท่าน แม้แต่สิ่งที่คุณชายเพิ่งเห็นไปก็จะกลายเป็ความจริง”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนออกมาจากปากของหลันเจียว ทักษะยุทธ์และเคล็ดวิชา ถือเป็เงื่อนไงที่น่าสนใจมากๆ
“ขอโทษที ข้าไม่สนใจ!” หลินเฟิงเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ซึ่งเขาทำให้หลันเจียวต้องประหลาดใจอีกครั้ง
ไม่สนใจหรอกหรือ? แม้แต่ทักษะยุทธ์ เคล็ดวิชาหรือกระทั่งตัวนางเขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย?
หรือว่าที่นางพูดไปจะยังดึงดูดเขาไม่พอ? ทำให้หลันเจียวถึงกับหดหู่ นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหลอกล่อหลินเฟิง แต่ไม่คาดว่ามันจะไม่ได้ผลเลยสักนิด
สำหรับหลินเฟิงแล้ว เขาไม่้าทักษะยุทธ์และเคล็ดวิชา เพราะเขามีความทรงจำของบรรพบุรษผู้ยิ่งใหญ่ และความทรงจำนี้ก็มีทักษะยุทธ์และเคล็ดวิชามากมาย แม้แต่เสี้ยวิญญาสววรรค์ก็ยังมี
นอกจากนี้ แม้หลันเจียวจะทั้งเย้ายวนและสวยงาม แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับเมิ่งฉิงหรือแม้แต่ต้วนซินเยี่ยที่สวยกว่านางมาก
การเข้าร่วมกับพวกเขาก็หมายถึงเสรีภาพที่น้อยลง เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินเฟิงปรารถนา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องคิดให้รกสมอง
“คุณชายหลิน ท่านรู้ไหมว่าคนที่ช่วยเหลิ่งเยว่นั้นเป็ใคร? ถ้าข้าบอกว่านั่นคือคนที่ท่านไม่อาจเหยียดหยามได้ บางทีท่านอาจต้องเผชิญกับอันตรายในวันข้างหน้าก็ได้” หลันเจียวกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้
“เ้าพูดจบหรือยัง?” หลินเฟิงกล่าวขณะจ้องมองหลันเจียว นี่คือการข่มขู่หรือ?
หลันเจียวประหลาดใจ จากนั้นนางกลับได้ยินหลินเฟิงกล่าวต่อว่า “ถ้าพูดจบแล้ว ก็ออกไปจากที่นี่เสียเถอะ หากมีผู้หญิงอยู่ในห้องของข้ากลางดึกเช่นนี้ มันจะมีข่าวลือไม่ดีเอา แม้เ้าจะไม่ถือสา แต่ข้าถือ”
หลินเฟิงกล่าวจบ ทำให้หลันเจียวดูผิดหวังอย่างมาก
“หึ!”
หลันเจียวมองหลินเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นนางก็วิ่งออกไปจากห้องและออกจากภัตตาคารไป