ในค่ำคืนที่ลมพัดผ่านอย่างเงียบเชียบ ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างถูกหยุดนิ่งกลางอากาศ ่เวลาที่ทุกเสียงสูญหายไป กลายเป็ความเงียบสงัดราวกับสภาวะที่หยุดนิ่งในอดีต ไม่มีเสียงของสัตว์ป่า หรือแม้แต่ลมหายใจของมนุษย์
"เหวินเออร์! เกิดอะไรขึ้น?" เสียงดังขึ้นใกล้หูของอวี้เหวิน พร้อมกับแรงเขย่าของร่างกายที่ทำให้เขาตื่นจากห้วงฝัน
"ท่านแม่!" อวี้เหวินสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ใจเต้นรัวเหมือนถูกดึงกลับจากห้วงความฝัน เขากระพริบตาหลายครั้งจนเริ่มเห็นภาพที่ยังคงพร่าเบลอ ก่อนที่จะค่อยๆ จับจ้องไปที่ชายกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาแต่มีริ้วรอยแห่งวัยกำลังยืนอยู่ข้างเขา
"ท่าน...พ่อ? เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่?" อวี้เหวินถามด้วยความงุนงง
"ข้าเสร็จจากงานเร็วกว่าที่คาดไว้ จึงกลับมาถึงเร็วขึ้น" อวี้หลานตอบด้วยน้ำเสียงสงบ และถามต่อ "แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? แม่ของเ้าล่ะ?"
"ท่านแม่..." อวี้เหวินเอ่ยเสียงเบา สายตาแฝงไปด้วยความเศร้าและความเกลียดชัง "ท่านแม่ถูกพวกชั่วกลุ่มหนึ่งจับตัวไป"
"ผู้ใด!" อวี้หลานถามด้วยเสียงสั่น เงื้อมมือทำของที่ถืออยู่ตกกระทบพื้นเสียงดัง
"มันเรียกตัวเองว่าเฉินเทียนซิง!" อวี้เหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
"เฉินเทียนซิง!" อวี้หลานกล่าวชื่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ ซึ่งแฝงไปด้วยความเกลียดชัง
"ท่านพ่อ ท่านรู้จักมันหรือ?"
"เฉินเทียนซิง..." อวี้หลานพึมพำในลำคอ หลับตาและถอนหายใจยาว ครู่หนึ่งเขานิ่งไป ก่อนที่จะเอ่ยเสียงเบา "เข้าเรือนกันก่อนเถอะ"
ภายในเรือนที่มีบรรยากาศเงียบสงบ มุมห้องนั้นมีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะตั้งอยู่ พร้อมเก้าอี้ไม้เรียบง่ายที่ล้อมรอบ โต๊ะในห้องที่เต็มไปด้วยความสงบระหว่างพ่อลูกที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน
"ท่านพ่อ... ลูกอยากรู้จริงๆ ว่าครอบครัวของเราเป็ใครกันแน่?" อวี้เหวินถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเย็นลง
"เ้า้ารู้จริงๆ หรือ?" อวี้หลานถามกลับ สายตาของเขาจับจ้องไปยังบุตรชายตนเอง
อวี้เหวินพยักหน้า "ขอรับ... ลูกอยากรู้จริงๆ"
อวี้หลานลุกขึ้นยืน ท่าทางสง่างามเมื่อมือไขว้หลังและหันหลังให้กับบุตรชาย "เ้าโตแล้ว ถึงเวลาที่เ้าจะได้รู้ในสิ่งที่ควรรู้"
"แม่ของเ้าคือ เฉินซีเยว่ บุตรีคนเล็กของ เฉินเหลียน ผู้เป็ประมุขตระกูลเฉินแห่งดินแดนภาคกลาง ซีเยว่คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูล มีพร์สูงล้ำเหนือใครในรอบร้อยปี ทุกคนในตระกูลต่างคาดหวังในตัวนาง และมีผู้คนมากมายหมายปอง แต่นางกลับเลือกที่จะพบกับข้า... อวี้หลาน"
"วันนั้น ข้าเป็เพียงนักฝึกยุทธ์พเนจร เดินทางไปทั่วดินแดนจนได้พบกับแม่ของเ้าที่ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งในดินเเดนภาคกลาง ในการผจญภัยครั้งนั้น นางที่มีนิสัยมักทำทุกสิ่งด้วยตนเอง และไม่ยอมให้ผู้ใดติดตาม จนกระทั่งเกือบจะโดนสัตว์อสูรทำร้าย โชคดีที่ข้าอยู่ใกล้และช่วยชีวิตของนางไว้ได้ทัน"
"นี่เป็การพบพานครั้งแรกของพวกเรา นับแต่นั้นมา บิดาและมารดาของเ้าก็ได้มีโอกาสติดต่อกันมากขึ้น จากคนแปลกหน้ากลายเป็ผู้มีใจให้กัน ทว่าความสุขมักไม่ยืนยาว เมื่อตระกูลเฉินล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ พวกเขาหาหนทางขัดขวางและกีดกันสารพัด ั้แ่การเจรจาเสนอผลประโยชน์ ไปจนถึงใช้กำลังบีบบังคับ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็มิอาจแยกข้าและมารดาเ้าจากกันได้"
"จนกระทั่งถึงวันนั้น วันที่เส้นด้ายบาง ๆ ระหว่างพวกเรากับตระกูลเฉินขาดสะบั้น ตระกูลเฉินปรารถนาจะจับคู่เฉินเทียนซิงให้แต่งกับซีเยว่ เพื่อเสริมฐานอำนาจและเปิดทางให้เฉินเทียนซิงได้ก้าวขึ้นเป็ผู้นำตระกูล ทว่าซีเยว่กลับไม่ยอมรับ นางใช้ทุกวิถีทางเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการนี้"
"ทว่า... นางเป็เพียงเด็กน้อย จะทานทนแรงกดดันอันมหาศาลจากบรรดาตาเฒ่าจิ้งจอกได้อย่างไร ในที่สุด นางจึงจำต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย ประกาศออกไปว่านางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว คาดมิถึง ข่าวนี้กลับกลายเป็ไฟโหมกระพือให้บิดาของนางโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม ประกอบกับการยุยงของเฉินเทียนซิง ทำให้เขาสั่งกักตัวนางไว้ ทว่ามารดาเ้าหาใช่สตรีอ่อนแอ นางสามารถหลบหนีออกมาได้และมาพบกับข้า พวกเราจึงพากันหนีเตลิดไปสุดหล้าฟ้าเขียว นานนับเดือน"
"แต่สี่มือย่อมมิอาจสู้สี่กร สุดท้าย ตระกูลเฉินก็ตามหาเราจนเจอ พวกมันระดมยอดฝีมือมาหลายสิบคนเพื่อสังหารข้า แม้ข้ากับมารดาเ้าจะมีฝีมือ แต่ก็มิอาจต่อกรกับจำนวนที่มหาศาล สุดท้าย พวกเราถูกทำร้ายจนาเ็สาหัส"
"เฉินเทียนซิงซึ่งเป็หัวหน้ากองกำลังไล่ล่ามองเห็นว่าข้าอาการย่ำแย่ จึงคิดสังหารข้าเสีย ใช้อาวุธวิเศษประจำตระกูลจู่โจม ข้าจึงต้องรีดเค้นพลังเผาผลาญโลหิตตนเพื่อปกป้องมารดาเ้า ทว่าก็มิอาจป้องกันได้หมด พลังที่เล็ดลอดกลับกระแทกใส่นางเต็มแรง"
"ด้วยร่างกายที่อ่อนแอจากการตั้งครรภ์เดิมทีนางก็ไม่อาจต่อสู้ได้อยู่แล้ว เมื่อถูกพลังสะท้อนกลับ นางจึงต้องเผาผลาญพลังยุทธ์ทั้งหมดในร่างเพื่อปกป้องลูกในครรภ์ ส่งผลให้เส้นชีพจรพลังยุทธ์ของนางขาดสะบั้น มิอาจฝึกปรือวรยุทธ์ได้อีกตลอดชีวิต สำหรับชาวยุทธ์แล้ว นี่หาใช่ความพิการธรรมดาไม่ แต่เป็โทษทัณฑ์อันโหดร้ายที่สุด!"
เขาพลันกล่าวด้วยความโกรธแค้น น้ำเสียงของอวี้หลานเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ สายตาลุกโชนด้วยเพลิงแค้น
" ทว่าห้วงแห่งความสิ้นหวังกลับเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น"
"พระเ้ายังมีเมตตาแก่พวกเรา ในห้วงเวลาที่คิดว่าเราจะสิ้นชีพลง ณ ที่นั้น พลันปรากฏยอดยุทธ์ลึกลับท่านหนึ่ง พาพวกเราหลบหนีไปเเละทำให้เรารอดพ้นจากเงื้อมมืออสูรเ่าั้" เขากล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
อวี้เหวินซึ่งนั่งนิ่งฟัง พลันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย "ท่านพ่อ... ยอดยุทธ์ท่านนั้นคือผู้ใดหรือ?"
เขาถอนหายใจ "เวลานั้น พวกเรามัวแต่เร่งรีบหนีตาย ผู้าุโท่านนั้นได้พาเรามายังสถานที่ปลอดภัย หลังจากอาการพวกเราทุเลา ก็ปรารถนาจะทูลถามนามของท่านเพื่อทดแทนบุญคุณ ทว่า...ท่านกลับจากไปแล้วโดยไม่ทิ้งร่องรอย นี่เป็ความเสียใจที่สุดประการหนึ่งในชีวิตของข้า"
เขามองบุตรชายด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะกล่าวเสียงหนักแน่น "เหวินเออร์ หากในวันหน้า เ้าพบชายชราผมขาว สวมอาภรณ์สีแดงสลับดำยาวสลวย มักพกกิ่งไม้อยู่ด้านหลัง จงให้ความเคารพและปฏิบัติต่อท่านอย่างดี หากข้ากับมารดาเ้ามิอาจทดแทนบุญคุณท่านนั้นได้ จงเป็เ้าที่สืบทอดคำมั่นนี้แทน"
อวี้เหวินลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาแน่วแน่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น "ท่านพ่อ เื่ของท่านก็คือเื่ของข้า หากผู้ใดมีบุญคุณ ข้าย่อมตอบแทนร้อยเท่า หากผู้ใดทำร้ายครอบครัวข้า ข้าจักให้มันชดใช้พันเท่า!"
"ดี!" อวี้หลานพยักหน้ารับ ดวงตาฉายแววหนักแน่นมั่นคง
"หนทางแห่งยุทธ์มิอาจเดินด้วยสองมือเปล่า พลังที่แท้จริงมิได้มาจากเพียงความเคียดแค้น แต่ต้องเป็พลังที่เ้าหลอมรวมขึ้นด้วยตนเอง!"
เขาถอนหายใจยาว ก่อนกล่าวต่อ "หากเ้าปรารถนาจะช่วยมารดา เ้าต้องฝึกปรือพลังให้แข็งแกร่ง ข้าจะให้เวลาเพียงสามเดือน หากเ้าสามารถบรรลุระดับก่อตั้งรากฐานขั้นกลาง ข้าจะพาเ้าเข้าสู่ตำหนักเ้าเมืองซูไห่"
"ตำหนักเ้าเมืองซูไห่?" อวี้เหวินเอ่ยถาม ั์ตาเปล่งประกายด้วยความสงสัยปะปนกับความหวัง
"ถูกต้อง" อวี้หลานกล่าวเสียงหนักแน่น "ตำหนักเ้าเมืองซูไห่ มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ตำหนักัเมฆา เป็หนึ่งในสี่สำนักชั้นยอดของแดนใต้ เป็รองเพียงสุสานดาบทลาย์ หาใช่สถานที่สำหรับคนสามัญไม่ หากเ้าสามารถเข้าสู่ตำหนักได้ หนทางของเ้าจะเปิดกว้าง มิใช่เพียงเพื่อทวงคืนความเป็ธรรม แต่เพื่อสร้างพลังที่แท้จริงของเ้าเอง!"
อวี้เหวินพยักหน้ารับ คุกเข่าลงกับพื้น น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมด้วยมุ่งมั่น "ข้าจะทำให้ได้! ข้าจักไม่ทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ต้องผิดหวัง!"
"เ้าคือลูกที่ข้าภูมิใจ เหวินเออร์" อวี้หลานกล่าวพร้อมวางมือลงบนบ่าของบุตรชาย "แต่จงจำไว้ ความสำเร็จนั้นมิใช่สิ่งที่ได้มาง่ายดาย ทุกการฝึกฝน ทุกการเสียสละ ล้วนเป็บททดสอบที่พระเ้าส่งมา เ้าจงเตรียมใจรับให้ดี"
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง "อีกประการหนึ่ง แม่ของเ้าเป็ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลเฉิน แม้ว่านางจะถูกกักขัง แต่ตระกูลเฉินยังมิอาจทำอันใดแก่นางโดยพลการ จงวางใจ นางยังปลอดภัย"
อวี้เหวินกำหมัดแน่น แม้ความกังวลในใจจะลดลง แต่เปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่นกลับยิ่งโหมแรง "ท่านพ่อ ข้าจักมิหยุดฝึกฝน! สิ่งที่พวกมันทำไว้ ข้าจะให้พวกมันชดใช้เป็พันเท่า!"
"ดี! ดีมาก!" อวี้หลานหัวเราะเสียงต่ำด้วยความพึงพอใจ เขาลุกขึ้นยืน วางมือหนักแน่นลงบนบ่าของอวี้เหวิน "เ้ามีหัวใจแห่งนักสู้ หากเ้าไม่ละทิ้งหนทางนี้ วันหนึ่งเ้าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!"
"ขอบคุณท่านพ่อ ข้าจะปฏิบัติตามคำของท่าน" อวี้เหวินกล่าวหนักแน่น
"ั้แ่บัดนี้เป็ต้นไป จงฝึกฝนให้หนัก ในสามเดือนนี้ หากเ้าฝ่าฟันจนบรรลุระดับก่อตั้งรากฐานขั้นกลาง ข้าจะนำพาเ้าเข้าสู่ตำหนักัเมฆา ที่นั่น จะเป็บันไดให้เ้าก้าวไปสู่จุดสูงสุด!"
เมื่อกล่าวจบ อวี้หลานมองบุตรชายด้วยแววตาภาคภูมิ ท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรี ดวงจันทร์ลอยเด่นเหนือเวหา ราวกับส่องแสงนำทางให้แก่ผู้ที่หมายจะก้าวข้ามชะตากรรมของตนเอง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้