จุนห่าวมองงูเสวียนเทียนที่อยู่เบื้องหน้า คิดในใจ ตอนที่เห็นงูเสวียนเทียนครั้งแรก เขาก็คิดอยากทำพันธะสัญญากับงูเสวียนเทียน เพียงแต่เวลานั้นวุ่นวายนัก แต่เดิมคิดว่าพลาดโอกาสแล้ว เขายังเสียดาย คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ของกลับส่งถึงหน้าประตู งั้นเขาคงไม่เกรงใจแล้ว
ครั้งล่าสุดที่เขาเห็นงูเสวียนเทียนแค่มองคร่าวๆ ตอนนี้เขามองอย่างพินิจพิจารณา รู้สึกว่างูเสวียนเทียนตัวนี้ดูดีนัก ลำตัวสีขาวดุจหิมะ ไม่มีเกล็ดปกคลุมิัสักนิด ดวงตาสีเหลืองทอง ความยาวสิบเมตร กำลังเงยหน้าขึ้น จ้องมองจุนห่าวและพรรคพวก สายตาแฝงไปด้วยความระแวดระวัง
“งูเสวียนเทียนตัวนี้ก็คือหนึ่งในสิบาาสินะ เหตุใดมันยังไม่กลับรังของมัน แต่มาอยู่ที่นี่” หานรุ่ยเอ่ยถามจุนห่าวอย่างไม่เข้าใจ ที่นี่คือเขตรอบนอกของเทือกเขาอู๋หยินแล้ว ไม่มีพลังิญญาเข้มข้นเหมือนอาณาเขตด้านใน สัตว์อสูรระดับสูงจะไม่มีอยู่ที่นี่
“เดาว่าคงเบื่อหุบเขาด้านใน เลยออกเล่นข้างนอก” จุนห่าวพูดหยอกล้อหานรุ่ย “ในหุบเขานั้นโดดเดี่ยวนัก คาดว่างูตนนี้คงทนไม่ไหว เดาว่าคงมาหางูตัวเมียสักตัวเป็คู่”
หานรุ่ยกลอกตา พร้อมกล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “เ้าคิดว่าทุกคนจะเป็เหมือนเ้าหรือ ที่คิดเื่นั้นตลอดเวลา”
ฟังคำของหานรุ่ย จุนห่าวลูบจมูก ยิ้มอย่างอายๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อ พูดขึ้นว่า “ไม่ว่ามันจะมาที่นี่ได้ยังไง ข้าก็้างูตัวนี้”
หานรุ่ยเอ่ยกับจุนห่าวว่า “เ้าอยากทำพันธะสัญญากับมันหรือ?”
“ใช่แล้ว งูตัวนี้ดูไม่เลวทีเดียว ทำให้คนที่เห็นไม่รู้สึกรังเกียจ ยิ่งไปกว่านั้น งูเหลือมตัวนี้เคยกลืนกินเืของเทพเ้างูอันสูงส่ง หากเลี้ยงมันให้ดี คงเป็ตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตแน่” จุนห่าวกล่าวพลางมองงูเสวียนเทียนด้วยสายตาเชื่อมั่น คิดในใจ แต่เดิมงูเสวียนเทียนก็ไม่ได้มีค่าอะไรนัก แต่เมื่อเป็งูเหลือมที่กลืนกินเทพเ้างู ถือว่าหาได้ยากยิ่ง งูเหลือมกลืนกินก็คือสัตว์อสูรในตำนาน ต่อให้ในสมัยโบราณาจะมีสัตว์ร้ายอยู่ทุกหนทุกแห่ง พลังการต่อสู้ของเทพเ้างูก็สูงเป็อันดับต้นๆ
ฟังคำของจุนห่าว หานรุ่ยกล่าวว่า “แม้ว่างูเสวียนเทียนจะมีร่องรอยเืของเทพเ้างู แต่มันอ่อนแอมากแล้ว”
“หากทำให้งูเสวียนเทียนเกิดแรงกระตุ้นได้เอง คงเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ แต่ทว่า หากอยู่ในมือของเรา คงมิใช่เื่ยาก”
พูดจบหานรุ่ยก็มองไปทางงูเหลือมตัวนั้น คิดในใจ หน้าตามันดูไม่เลวจริงๆ และดวงตาก็ว่องไวกว่างูเหลือมธรรมดา
“หากเป็สีเหลืองทองก็คงดี สีขาวไม่สวยนัก” จุนหนานพูดกับงูเหลือมเสวียนเทียน คิดในใจ สายตาของท่านพ่อช่างแย่นัก งูเหลือมน่าเกลียดขนาดนี้ ยังคิดว่าสวยงาม
“ไม่ว่าจะเป็สีเหลืองทองหรือสีขาว ขอเพียงมันมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง สิ่งใดนอกเหนือจากนี้ก็ถือเป็เื่รอง น้องชาย เ้าชอบมองแค่ผิวเผิน และมองแต่อะไรที่สีสันฉูดฉาด” จุนตงโต้กลับ เขาเบื่อหน่ายกับรสนิยมของจุนหนานเสียจริง ที่ชอบของลายดอกลายๆ เ่าั้
จุนห่าวและหานรุ่ยไม่สนใจจุนตงและจุนหนานสองพี่น้อง หานรุ่ยพูดกับจุนห่าวต่อไปว่า “งูเหลือมตัวนี้ถูกผู้คนและสัตว์อสูรทำร้ายจนล่าถอยมา แม้ว่าจะได้รับาเ็ ทว่าพลังการต่อสู้ที่มี ก็มิได้น้อยเลย หากเ้าจะรับมันไว้ ต้องรักษามันเป็อันดับแรก ไม่เช่นนั้น ข้าเดาว่ามันคงยอมตายดีกว่าถูกเ้าทำพันธะสัญญาแน่”
ฟังคำของหานรุ่ย จุนห่าวพูดอย่างมั่นใจว่า “มันเป็แค่งูตัวเล็กๆ ข้ามั่นใจว่าจะโน้มน้าวมันได้แน่ มันจะเต็มใจที่จะเป็สัตว์ในพันธะสัญญาของข้า” พูดจบก็ออกท่าทางขยับข้อมือ แล้วพูดพลางยิ้มให้กับหานรุ่ยว่า “เขาพาลูกไปให้กำลังใจข้าอยู่ข้างๆ ดูว่าข้าจะแสดงพลังยังไง” พูดจบก็กระพริบตาให้หานรุ่ยอย่างซุกซน
เมื่อเห็นจุนห่าวทำเช่นนี้ หานรุ่ยคิดว่าช่างน่ารักยิ่งนัก หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ยังไงก็ระตัวหน่อย งูเสวียนเทียนตัวนี้มิได้เป็สัตว์ที่ฆ่าตายไม่ได้ อยากตีหนักไป ได้ยินว่างูเสวียนเทียนตัวนี้มีชีวิตมาหมื่นปีแล้ว แม้ไม่ได้เบิกปัญญา ทว่าสติปัญญาของมันไม่ต่ำเลย เมื่อรวมกับิัที่หนาและแน่น คงรับมือไม่ง่าย”
งูเสวียนเทียนดูเหมือนจะเข้าใจการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง แผ่แม่เบี้ยพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้น หางของมันพุ่งเข้าหาจุนห่าวและหานรุ่ย ทั้งสองคนก็รีบหลบคนละทิศละทาง
จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ดูเหมือนงูเหลือมตัวนี้จะอารมณ์ไม่ดีนัก ข้ายังไม่ทันลงมือ มันก็ะเิอารมณ์แล้ว”
“เ้าอย่ามัวแต่พูดไร้สาระ รีบจัดการมันเร็ว หากเ้าไม่ไป ข้าจะไปเอง แค่เห็นมันข้าก็คันมือนัก อยากจะประลองฝีมือกับมัน” หานรุ่ยพูดกับจุนห่าว
“ข้าลงมือเอง งูตัวนี้ไม่ต้องถึงมือเ้าหรอก” จุนห่าวกล่าวพลางมองงูเสวียนเทียน
เหมือนอย่างที่หานรุ่ยพูด แม้ว่างูเสวียนเทียนตัวนี้ยังไม่ได้เบิกปัญญา ทว่าสติปัญญาของมันก็ไม่ต่ำ มันมองออกว่าสองคนนี้ดูถูกมัน ในฐานะที่เป็หนึ่งในาาของเทือกเขาอู๋หยิน งูเสวียนเทียนรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของมันถูกดูิ่ ประกอบกับตอนนี้ที่มันอารมณ์ไม่ดี จะใช้มนุษย์ตัวเล็กสี่คนนี้เป็ที่ระบายความโกรธ มันรู้สึกว่าวิธีที่ดีที่สุดคือกลืนสี่คนนี้ แต่ทว่า ก่อนที่จะกลืนกินพวกเขา มันต้องจัดการพวกเขาสักหน่อย นี่คือจุดจบที่ดูถูกมัน ดังนั้น มันจึงสะบัดหางใส่จุนห่าวและหานรุ่ย แต่ทว่า คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหลบได้ นี่ทำให้งูเสวียนเทียนยิ่งเดือดดาล คิดในใจ มนุษย์ตัวเล็กๆ มันยังไม่ทันได้รัด ก็หลบได้แล้ว ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเสียจริง
จุนห่าวมองงูเสวียนเทียนที่พุ่งเข้าใส่พวกเขาโดยเร็ว เขาไม่หลบหลีกแล้ว พุ่งใส่งูเสวียนเทียนกลับ ไม่ช้ามนุษย์คนหนึ่งกับงูตัวหนึ่งก็ต่อสู้กัน
จุนห่าวและงูเสวียนเทียนต่อสู้กันหลายร้อยรอบ จุนห่าวยิ่งต่อสู้ดุร้ายขึ้น นี่เป็ครั้งแรกในหลายวันที่ผ่านมา ที่เขาเจอคู่ต่อสู้ที่แท้จริง แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเอาชนะงูเสวียนเทียนได้ ทว่าเขาก็ไม่ประมาท
งูเสวียนเทียนต่อสู้กับจุนห่าวอยู่นาน ก็ยังไม่อาจรัดหานรุ่ยได้ งูเสวียนเทียนยิ่งบ้าคลั่งมากขี้น ทันใดนั้น มันก็ขยายร่างของมันให้ใหญ่ขึ้นเป็สองเท่า หางอันแข็งแรง พร้อมกับเสียงแหวกอากาศ จะรัดตัวจุนห่าว ครั้งนี้จุนห่าวไม่กล้าปะทะ รีบหลบไปโดยเร็ว เห็นได้ว่าหางของงูเสวียนเทียนยึดอะไรได้ ก็ก่อให้เกิดหลุมลึก เห็นหลุมลึกที่งูเสวียนเทียนสร้างขึ้น จุนห่าวตัวสั่น พลางคิดในใจ หากได้รัดร่างกายตนเอง จะเ็ปเพียงใดนะ
งูเสวียนเทียนเห็นว่ารัดตัวจุนห่าวไม่ได้ จึงพุ่งไปทางจุนห่าวไม่หยุดหย่อน และยิ่งรวดเร็วขึ้น หางหนึ่งไปอีกหางหนึ่ง ขดตัวไปยังทิศทางจุนห่าวอย่างไม่ยอมแพ้ จุนห่าวไม่ได้ถูกรัด แต่ดอกไม้และต้นไม้ที่อยู่รายล้อมโชคร้ายยิ่งนัก ถูกงูเสวียนเทียนกวาดจนยุ่งเหยิง และพื้นดินก็กลายเป็หลุม
ภายใต้การโจมตีอย่างดุเดือดของงูเสวียนเทียน พลังิญญาของหานรุ่ยก็กระจายไปไกลไม่หยุด และเร่งความเร็วของตนเอง ยิ่งงูเสวียนเทียนเร็วขึ้น จุนห่าวก็ยิ่งเร็วตาม
ภายใต้การโจมตีอันดุเดือดของงูเสวียนเทียน จุนห่าวก็ไม่ผ่อนคลาย คิดในใจ ไม่แปลกใจที่งูเสวียนเทียนตัวนี้เป็าาของเทือกเขาอู๋หยิน มันทรงพลังจริงๆ บรรดายอดฝีมือที่มีลมปราณขั้นสิบสอง เทียบกับงูเสวียนเทียนไม่ได้เลย ช่างอ่อนแอเสียจริง
ขณะที่จุนห่าวหลบหลีกการโจมตีไปพลาง คิดวิธีไปพลาง ตีงูต้องตีตรงตำแหน่งที่หลังหัวเจ็ดนิ้ว เื่นี้ทุกคนต่างรู้ว่ามันคือจุดอ่อนของงู
แต่ทว่า ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของงูเสวียนเทียน จุนห่าวไม่สามารถเข้าใกล้ตัวงูเสวียนเทียนได้เลย จุนห่าวคิดว่า ในเมื่อโจมตีใกล้ๆ ไม่ได้ งั้นคงต้องโจมตีระยะไกล เขาหลบหางของงูเสวียนเทียนอีกครั้ง คิดในใจ พลังิญญาของงูเสวียนเทียนตัวนี้ช่างมากมายนัก ขดตัวเป็สองนานแล้ว ก็ยังไร้วี่แววมอ่อนเพลีย หากงูเสวียนเทียนล่วงรู้ว่าจุนห่าวคิดแบบนี้ มันต้องพูดว่า นักพรตที่เป็มนุษย์อย่างเ้าที่มีลมปราณขั้นสิบเอ็ดยังไม่เหนื่อยล้า มันจะเหนื่อยล้าได้ยังไง
จุนห่าวหลบหนีจากการโจมตีของงูเสวียนเทียนพ้นแล้วหยุดนิ่ง หางของงูเสวียนเทียนขดเข้ามาอีกครั้ง จุนห่าวใช้ไฟจริงๆ ต่อสู้แล้ว เมื่อครู่นี้ จุนห่าวอยากทำพันธะสัญญากับงูตัวนี้ จึงมิได้คิดลงมือฆ่า ตอนนี้หรือ? จุนห่าวเหล่ตา เขาอยากจะให้บทเรียนนี้แก่งูเสวียนเทียน ขณะที่เขากำลังหลบหางของงูเสวียนเทียน เขาก็ใช้สองมือสร้างลูกบอลและหลอมรวมพลังิญญาขนาดเท่ากำปั้น เขวี้ยงไปทางงูเสวียนเทียนตำแหน่งที่หลังหัวเจ็ดนิ้วนั่น
เมื่อเห็นลูกบอลขนาดเล็กโยนเข้ามา งูเสวียนเทียนเงยหน้าขึ้น มองจุนห่าวด้วยดวงตาดูถูกเหยียดหยาม ง้างปากและรับลูกบอลขนาดเล็กที่โยนเข้ามา แล้วดูดซับมัน หลังจากดูดซับลูกบอลของจุนห่าวแล้ว ก็มองจุนห่าวอย่างมีชัย ทว่าหางก็ยังไม่หยุดโจมตี
จุนห่าวเฝ้าดูพลังอันแรงกล้าของเขาที่ถูกงูเสวียนเทียนกลืนอย่างง่ายดายด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ จึงหลอมรวมพลังิญญากับลูกบอลเล็กๆ อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งที่แล้ว แค่ทว่า ก็ยังเหมือนเดิม คือถูกงูเสวียนเทียนกลืนกิน หลังจากกลืนเสร็จ ก็มองจุนห่าวอย่างมีชัยอีกครั้ง พร้อมกับยิ้มล้อเลียนให้จุนห่าว
หานรุ่ยก็เห็นว่าลูกบอลหลอมรวมิญญาของจุนห่าวถูกงูเสวียนเทียนกลืนเช่นกัน เมื่อเห็นปรากฏการณ์นี้ หานรุ่ยจึงพูดกับจุนห่าวว่า “จุนห่าว ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังปราณแล้ว งูเสวียนเทียนตัวนี้ได้บำเพ็ญเพียรจนมีพลังเหนือธรรมชาติ ไม่มีวัตถุใดที่กลืนกินไม่ได้ หลังจากที่พลังปราณของเ้าที่ปล่อยออกมา มันก็จะกลืนหายไป กลายเป็ยาชูกำลังของมัน”
ฟังคำของหานรุ่ย จุนห่าวยกคิ้วขึ้น พูดกับงูเสวียนเทียนว่า “คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ สามารถบำเพ็ญเพียรถึงขั้นกลืนกินวัตถุได้ งั้นข้ายิ่งปล่อยเ้าไปไม่ได้”
จุนห่าวพูดจบ ไม่ใช้ศาสตร์แห่งการหลอมรวมแล้ว แต่ใช้หมัดของเขาต่อสู้กับงูเสวียนเทียนแทน ใช้ความยืดหยุ่นทางกายของจุนห่าวจัดการกับงูเสวียนเทียน ในไม่ช้าเขาก็พุ่งไปทำที่ตัวของงูเสวียนเทียน
ร่างกายของงูสวียนเทียนนั้นลื่นยิ่งนัก จุนห่าวปล่อยพลังลงที่ขา ค่อยๆ ยึดร่างของูเสวียนเทียน จนตัวเองยืนหยัดไม่ไหวกระเด็นออกไป งูสวียนเทียนสั่นร่างกายตัวเอง คิดจะทำให้จุนห่าวกระเด็นออกไป ทว่าจุนห่าวราวกับตอกตะปูบนหัวของมัน ไม่ไหวติง เขายกกำปั้นของเขา ต่อยตรงหลังหัวเจ็ดนิ้ว ต่อยแล้วต่อยอีก ในตอนแรกงูเสวียนเทียนยังคงแล่นอย่างบ้าคลั่ง คิดจะให้กระเด็นจุนห่าวออกไป ต่อมาก็เคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งล้มลงกับพื้น เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
งูเสวียนเทียนเป็เช่นนี้แล้ว จุนห่าวไม่ได้ออกจากตัวของมัน เขายกกำปั้นขึ้นแล้วพูดกับงูเสวียนเทียนว่า “เ้าจะร้องขอข้าหรือไม่นั้น ยังไงก็ต้องอัดเ้าให้ตาย ยามนี้เ้ามีสองทางเลือก หนึ่งคือทำพันธะสัญญากับข้า นับั้แ่นี้ เราจะกลายเป็สหายรบที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ อีกทางหนึ่งก็คือ ให้ข้าอัดเ้าให้ตาย จากนั้นเ้าก็จะหายไปจากโลกนี้”
พูดจบจุนห่าวก็กำหมัดตรงตำแหน่งหลังหัวเจ็ดนิ้วอีกครั้ง เห็นได้ว่าหลังหัวเจ็ดนิ้ของงูเสวียนเทียนเจ็บช้ำ หากจุนห่าวอัดหมัดอีกนิด งูเสวียนเทียนจะต้องตายแน่
งูเสวียนเทียนบำเพ็ญเพียรมาเป็หมื่นปี มันไม่ง่ายเลย มันก็ไม่อยากตาย ดังนั้นมันจึงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วจุนห่าวก็ทำพันธะสัญญาแห่งเืกับงูเสวียนเทียน นับจากนั้นเป็ต้นมา งูเสวียนเทียนก็กลายเป็สัตว์ในพันธะสัญญาจุนห่าว
ความสามารถของจุนห่าวในการเอาชนะงูเสวียนเทียนในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มความแข็งแกร่งของเขา แต่ยังเป็เพราะงูเสวียนเทียนได้รับาเ็ขณะ่ชิงผลไม้ชิงลัว จุนห่าวจึงได้มาง่ายๆ อีกครั้ง
