ภาพนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลซูตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
พวกเขายืนนิ่งราวรูปปั้นราวกับสูญเสียความสามารถในการคิดไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้น
เสียงฝีเท้าดังก้องราวกับเหยียบย่ำบนกาลเวลาและมิติพุ่งตรงเข้าสู่จิติญญาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
สมาชิกตระกูลซูมองตามสัญชาตญาณไปยังแหล่งที่มาของเสียงเพียงเพื่อเห็นร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีดำหม่นเดินออกมาจากส่วนลึกของคฤหาสน์ตระกูลซู
ท่าทางอันศักดิ์สิทธิ์อันหาใดเปรียบและพลังปราณอันโดดเด่นของเขาราวกับเทพลงมาจุติ
“ประมุขตระกูลนั่นคือท่านหรือ”
แม้สมาชิกตระกูลซูจะจำซูเซวียนได้ทันทีแต่น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ท้ายที่สุดซูเซวียนในตอนนี้แตกต่างจากที่พวกเขารู้จักอย่างมาก
รูปลักษณ์ของเขายังคงเดิมแต่ความรู้สึกโดยรวมที่เขามอบให้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้พวกเขายังพอััถึงเขาได้บ้างแต่บัดนี้การมองซูเซวียนราวกับมดมองูเาศักสิทธิ์ไม่สามารถหยั่งถึงความสูงหรือความลึกได้
กว้างใหญ่ลึกซึ้งลึกลับไม่อาจหยั่งถึง
อันที่จริงนี่เป็เพราะซูเซวียนเก็บกักพลังปราณทั้งหมดของเขาไว้แล้วมิฉะนั้นสิ่งที่เขาแสดงออกมาจะยิ่งเกินจริงกว่านี้
เช่นอสูรศักดิ์สิทธิ์สี่ทิศโคจรรอบตัวจักรพรรดิทั้งหลายคารวะต้อนรับก้าวย่ำบนเมฆมงคลหลากสีและมีพลังปราณราวม่านอันงดงามเหนือศีรษะ
แม้แต่โลกนี้ก็จะกราบกรานต่อหน้าเขาสั่นสะท้านด้วยความเกรงขาม
นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของราชันะ
“อืม ข้าคือ”
เมื่อเผชิญหน้ากับสมาชิกตระกูลซู ซูเซวียนพยักหน้าเบาๆแล้วมองไปยังสามตระกูลใหญ่ที่คุกเข่าอยู่ที่นั่นไม่สามารถขยับได้ดวงตาของเขาเปล่งประกาย
วินาทีต่อมาเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
สมาชิกตระกูลของสามตระกูลใหญ่พร้อมด้วยประมุขทั้งสามกลายเป็ผงธุลีในพริบตาโดยไม่มีแม้แต่เสียงครวญครางตายเกินกว่าตาย
ภาพอันน่าตกตะลึงนี้ทำให้สมาชิกตระกูลซูตื่นตะลึงอย่างสิ้นเชิง
บัดนี้แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าผู้ที่ทำให้สามตระกูลใหญ่คุกเข่าก่อนหน้านี้คือประมุขตระกูลของพวกเขา
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป
ประมุขที่พวกเขาเห็นทุกวันมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด
ซูเซวียนย่อมรู้ถึงความงุนงงของสมาชิกตระกูลซูเขาย่อมไม่เปิดเผยเื่ระบบดังนั้นหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่เขาก็สร้างข้ออ้างขึ้นมาง่ายๆ
โดยคร่าวๆเขากล่าวว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาใน่หลายปีนี้แต่การบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าเร็วมากแข็งแกร่งขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้นทุกวัน
เขาเคยซ่อนมันไว้และเพิ่งเผยออกมาในตอนนี้
เขาสร้างเื่ขึ้นอย่างไม่ตั้งใจแต่สมาชิกตระกูลซูเชื่อเขาอย่างสนิทใจ
เพราะสิ่งเช่นนี้ไม่ใช่เื่ที่ไม่เคยได้ยินในโลกเซวียนฮวนไม่ว่าจะเป็ผู้ที่เกิดมาพร้อมความศักดิ์สิทธิ์หรือเป็การกลับชาติมาเกิดของยอดฝีมือไร้เทียมทาน
และไม่ว่ามันจะเป็แบบใดมันก็เป็ประโยชน์และไม่มีโทษอย่างชัดเจน
สมาชิกตระกูลซูเข้าใจอย่างถ่องแท้และตื่นเต้นอย่างยิ่ง
เมื่อประมุขตระกูลแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ตระกูลซูของพวกเขาจะไม่ทะยานขึ้นในพริบตาหรือ
ต่อมา
ผู้าุโใหญ่ตระกูลซู ซูเทียนิก้าวออกมาและแจ้งให้เขาทราบถึงคำกล่าวของประมุขทั้งสามก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาได้รับคำสั่งจากสำนักปี้เซวียนให้กำจัดตระกูลซู
“สำนักปี้เซวียนงั้นหรือ…”
ซูเซวียนยืนมือไพล่หลังมองไปในระยะไกล
นี่คือขุมอำนาจยิ่งใหญ่ที่ปกครองพื้นที่นับแสนลี้ในบริเวณนี้ชีวิตและความตายของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนขึ้นอยู่กับอำนาจของพวกเขาเรียกพวกเขาว่าจักรพรรดิท้องถิ่นก็ไม่เกินจริง
ทว่าสำหรับซูเซวียนในตอนนี้พวกเขาไม่มีความหมายอันใด
เขากล่าวอย่างสงบ “เช่นนั้นก็ให้พวกเขามาที่นี่แล้วถามถึงเหตุผล”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สมาชิกตระกูลซูทั้งหมดรวมถึงผู้าุโใหญ่ต่างตื่นตะลึง
สำนักปี้เซวียนคือั์ใหญ่ไม่เพียงมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนภายในสำนักแต่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือมียอดฝีมือขอบเขตนิพพานประจำการมากกว่าหนึ่งคน
ยอดฝีมือขอบเขตนิพพานคือผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดที่สามารถทำลายูเาและแม่น้ำนับพันลี้ด้วยความคิดเดียว
แม้ว่าพลังต่อสู้ของซูเซวียนในตอนนี้จะแข็งแกร่งมากแต่สมาชิกตระกูลซูยังคงเชื่อโดยสัญชาตญาณว่าเขายังด้อยกว่ายอดฝีมือขอบเขตนิพพานอย่างมาก
ยิ่งกว่านั้นยังมีมากกว่าหนึ่งคน
ดังนั้นพวกเขาจะมีคุณสมบัติและความสามารถใดให้เรียกคนจากสำนักปี้เซวียนมาสอบถาม
ขณะที่สมาชิกตระกูลซูกำลังจะเกลี้ยกล่อมซูเซวียนให้ย้ายตระกูลทั้งหมดและหนีไปให้ไกลจากที่นี่
ทันใดนั้นพวกเขาเห็นซูเซวียนยกมือที่ขาวผ่องและเรียวยาวขึ้นเพียงยื่นมือไปบนนภาราวกับถือว่าพื้นที่นั้นว่างเปล่า
...
ณ ใจกลางของพื้นที่นับแสนลี้มีสถานที่ที่มีพลังปราณิญญาอุดมสมบูรณ์ที่สุดและเส้นชีพจริญญาคุณภาพสูงสุด
ูเานับพันล้านยืนตระหง่านที่นี่ล้อมรอบูเาิญญาอันกว้างใหญ่
รัศมีศักดิ์สิทธิ์ไหลรินนับหมื่นวิถีแสงรุ้งดุจน้ำตกงดงามยิ่งยวดสานทอสะท้อนความงามของิญญา
บนยอดเขามีพระราชวังทองคำอันงดงามตั้งเรียงรายดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
รอบพระราชวังมีศิษย์และผู้ดูแลนับไม่ถ้วนบางคนนั่งบ่มเพาะบางคนฝึกวิชาต่อสู้บางคนถกเถียงเื่เต๋ากัน…
แต่ละคนนับเป็อัจฉริยะและยอดฝีมือในโลกภายนอกแต่ที่นี่พวกเขาเป็เื่ธรรมดาแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสำนักใหญ่
ในขณะนี้
ภายในลานเต๋าอันกว้างใหญ่ใจกลางพระราชวังนับพันล้าน
ร่างสี่ร่างนั่งขัดสมาธิล้อมรอบด้วยแสงลึกล้ำและััเต๋าราวกับหลอมรวมกับฟ้าดิน
พวกเขาคือรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักปี้เซวียนคือสี่ยอดฝีมือขอบเขตนิพพาน
“คำสั่งได้ถูกส่งไปยังสามตระกูลใหญ่ให้กำจัดตระกูลซูพวกเขาคงกำลังลงมือตอนนี้ข้าคาดว่าเราจะได้เห็นทองจักรพรรดิชิ้นนั้นในไม่ช้า”
ทันใดนั้นหนึ่งในนั้นกล่าวเขาดูเหมือนชายหนุ่มรูปงามแต่ความโศกเศร้าในดวงตาเผยทุกอย่าง
“เราใช้ทองจักรพรรดิชิ้นเล็กที่ได้มาโดยบังเอิญเพื่อััและไม่คาดว่าจะััถึงทองจักรพรรดิอื่นได้จริงและมันอยู่ในตระกูลซูเล็กๆนี้พวกเขาจะโชคดีได้อย่างไร”
อีกคนกล่าวน้ำเสียงของเขาราวกับข้ามผ่านกาลเวลา
“ข้าเคยสืบสวนตระกูลซูนี้บรรพบุรุษของพวกเขาเหมือนจะไม่ธรรมดาน่าจะเคยเป็ตระกูลยิ่งใหญ่สูงสุด”
“เฮอะ! แต่ก็แค่่เวลาสั้นๆหากไม่ใช่เพื่อปกปิดร่องรอยข้าสามารถกำจัดตระกูลซูเล็กๆนี้ได้ด้วยมือเดียว”
ตูม—
ทว่าขณะนั้นพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่มองไม่เห็นพัดผ่านราวกับทั้งจักรวาลกำลังเอียง
ูเานับพันล้านสั่นะเือย่างรุนแรงและูเาิญญาสูงสุดก็ไม่รอดรัศมีศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนและแสงสีรุ้งที่ปกคลุมถูกกระจายโดยตรงกลายเป็จุดแสงและหายไป
ศิษย์และผู้ดูแลนับไม่ถ้วนขณะที่ยืนไม่มั่นคงรู้สึกถึงพลังกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมเกือบทำให้หายใจไม่ออกและบินได้ยาก
อันที่จริงไม่เพียงแต่พวกเขาแต่แม้กระทั่งสี่ยอดฝีมือขอบเขตนิพพานที่แข็งแกร่งที่สุดก็รู้สึกเกือบเหมือนกันในขณะนี้
พวกเขารู้สึกเพียงพลังอันยิ่งใหญ่ที่มองไม่เห็นลงมากดขี่การบ่มเพาะและร่างกายของพวกเขาในทันทีทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้ว
มีเพียงจิตศักสิทธิ์ของพวกเขาที่ยังคงใช้ได้เล็กน้อย
จากนั้นผ่านจิตศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาพวกเขาเห็นเสาห้าต้นราวกับแทงทะลุฟ้าดินค่อยๆลอยขึ้นจากทุกทิศล้อมรอบูเานับพันล้านนี้
จากนั้นพวกเขาค้นพบว่าตัวพวกเขาเองกำลังลอยขึ้น
ไม่!
ไม่ใช่พวกเขาลอยขึ้นแต่เป็ูเานับพันล้านใต้พวกเขาที่ลอยขึ้น
และพวกเขายังเห็นชัดเจนว่านั่นไม่ใช่เสาห้าต้นเลย
มันคือมือั์ที่เชื่อมฟ้าดิน
มันจับทั้งสำนักปี้เซวียนไว้ในมือ!