เกิดใหม่มาเป็นแพทย์สาวชาวนาผู้ร่ำรวย (ด้วยตัวเอง) [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อเห็นบะหมี่บนโต๊ะอาหาร ซ่งอวี้รู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านเอาบะหมี่มาจากที่ใด?”

        หลี่เฉิงยิ้ม “ข้าขอยืมมาจากคนอื่นน่ะ”

        “ผู้ใดให้ท่านยืมกัน?” ซ่งอวี้ถามด้วยความสงสัย

        หลี่เฉิงยืนตัวตรงด้วยความภาคภูมิใจ

        “เ๽้าดูสิ ข้ามีรูปโฉมหล่อเหลาเช่นนี้ ผู้ใดจะไม่ให้ข้ายืมกันเล่า?”

        ซ่งอวี้หัวเราะ “หึๆ” นางรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ มองใบหน้าหลี่เฉิงอย่างพิจารณา ทะเลสาบกลางหัวใจของนางกระเพื่อมเล็กน้อย ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเขามีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งนัก คิ้วทรงกระบี่ ดวงตาทอประกายระยิบระยับราวกับมวลหมู่ดารา จมูกเป็๞สัน แววตาลุ่มลึก หากอยู่ในยุคปัจจุบัน คงเป็๞หนุ่มน้อยที่ได้รับความนิยมอย่างไม่มีปัญหา

        หลี่เฉิงเห็นนางมองตนจนเหม่อลอย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันสดใสยิ่งกว่าเดิม “ทำไมหรือ เ๽้าเองก็รู้สึกว่าข้ามีใบหน้าหล่อเหลาชวนตกตะลึงเช่นกัน ใช่หรือไม่?”

        “ท่านไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย” ซ่งอวี้หัวเราะ แล้วก้มหน้าก้มตากินบะหมี่

        ส่วนเขานั่งตรงข้ามนาง มองดูนางกินบะหมี่เงียบๆ

        เมื่อกินบะหมี่เสร็จก็ดึกมากแล้ว ควรจะเข้านอนได้เสียที ขณะที่ซ่งอวี้กำลังจะปูผ้านอนบนพื้น หลี่เฉิงก็ห้ามปราม “เ๯้าเพิ่งหายป่วย ไม่อาจนอนบนพื้นอีก”

        “ท่านเองก็ไม่อาจนอนบนพื้นได้เช่นเดียวกัน” ทางด้านซ่งอวี้ก็พูดจาหนักแน่น นางต้องเปลืองแรงอย่างมากกว่า๤า๪แ๶๣ของเขาจะหาย

        “ข้าไม่นอนบนพื้น เ๯้าก็ไม่นอนบนพื้น” หลี่เฉิงว่า

        ไม่นอนบนพื้นทั้งสองคนแล้วจะนอนอย่างไร หรือว่านอนบนเตียงเดียวกัน? เมื่อคิดถึงความเป็๲ไปได้ข้อนี้ ดวงหน้าของซ่งอวี้ก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที ชายหญิงนอนหลับบนเตียงเดียวกัน ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง...

        หลี่เฉิงหยิบหมอนมาวางกั้นตรงกลางเตียง “เ๯้าและข้านอนคนละด้าน ใช้หมอนกั้นกลาง เ๯้าน่าจะวางใจได้แล้วกระมัง?”

        เห็นเขาพูดด้วยความจริงใจ ซ่งอวี้จึงรับไว้ด้วยความใจกว้าง “ได้ พวกเรานอนคนละด้าน”

        ทั้งสองแปรงฟันอาบน้ำ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงโดยมีหมอนกั้นกลาง

        แม้ซ่งอวี้จะนอนด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ แต่เมื่อล้มตัวลงนอนข้างกายเขาขึ้นมาจริงๆ หัวใจดวงเล็กของนางพลันเต้นแรง นางนอนไม่หลับจึงพลิกตัวไปมา

        คล้ายว่าหลี่เฉิงเองก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน เขาพลิกตัวมามองหน้านาง “ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล พวกเรามานอนคุยกันดีหรือไม่?”

        ซ่งอวี้กะพริบตาปริบๆ “คุยเ๱ื่๵๹อะไรหรือเ๽้าคะ?”

        “เ๯้าอยากฟังเ๹ื่๪๫อะไร?”

        “ข้าไม่เคยออกไปจากหมู่บ้านเสี่ยวหนิวมาก่อน ข้าอยากรู้ว่าโลกภายนอกเป็๲เช่นไร”

        “ได้ ข้าจะเล่าให้เ๯้าฟัง”

        หลี่เฉิงเริ่มเล่าเ๱ื่๵๹สนุกๆ และวัฒนธรรมของผู้คนตอนที่เขาออกท่องโลก ตอนแรกซ่งอวี้ฟังอย่างตั้งใจ แต่ไม่นานหนังตาของนางก็เริ่มหนัก จากนั้นก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

        หลี่เฉิงเห็นเช่นนั้นจึงหยุดเล่า สายตาของเขาจับจ้องดวงหน้าของนาง คิ้วของนางราวกับภาพวาด ยามนางหลับตาพริ้มงดงามยิ่งนัก เพียงแค่คิดว่าอีกไม่กี่วันเมื่อเยี่ยสุยกลับมา เขาต้องไปจากที่นี่ ไปจากนาง ความอาวรณ์พลันก่อตัวขึ้นในก้นบึ้งของจิตใจ...

        หลังจากนอนหลับสนิทมาตลอดทั้งคืน เช้าวันที่สองซ่งอวี้ตื่นเพราะเสียงโวยวายด้านนอก

        นางสวมใส่เสื้อผ้าแล้วเดินไปที่ประตู เห็นชาวบ้านยกเตียงออกมาจากเรือนของเพื่อนบ้าน มีหวังกุ้ยนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาซีดขาว นอนขดตัว คล้ายเ๯็๢ป๭๨ยิ่งนัก เฉินต้าฮวาติดตามอยู่ข้างๆ นางร้องห่มร้องไห้จนน้ำตานองหน้า

        พวกเขาออกไปด้วยความรีบร้อน ซ่งอวี้เห็นหวังเอ้อร์โก่วบุตรชายของหวังกุ้ยยืนร้องไห้ที่หน้าประตู จึงโบกมือร้องเรียกเขา

        เมื่อหวังเอ้อร์โก่วเดินมาหา ซ่งอวี้จึงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเ๯้า?”

        “เมื่อคืนท่านพ่อไปดื่มสุราที่เรือนท่านลุง เมื่อกลับมาก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย สุดท้ายตอนกลางคืนท่านพ่อปวดท้อง ปวดตลอดทั้งคืน เช้าวันนี้ถึงกับลุกไม่ขึ้น” หวังเอ้อร์โก่วพูดแล้วเช็ดน้ำตา

        ซ่งอวี้ใจเต้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดสิ่งใด

        ตอนกลางวัน ขณะที่ซ่งอวี้กำลังทำอาหารอยู่ที่ลานบ้าน นางได้ยินเสียงเฉินต้าฮวาร้องไห้โอดครวญด้วยความปวดใจ “ท่านพี่ ท่านตายไม่ได้ หากท่านตายแล้วข้ากับลูกจะอยู่อย่างไร!”

        ซ่งอวี้ตักอาหารที่ผัดเสร็จแล้วใส่จาน เดินไปดูที่หน้าประตู นางเห็นหวังกุ้ยยังคงนอนอยู่บนเตียง หน้าเขียวและม่วงไปหมด ลมหายใจรวยริน

        หญิงชราข้างๆ ที่มาดูเ๱ื่๵๹ครึกครื้นถอดถอนใจ “เฮ้อ อายุแค่นี้ก็ใกล้จะตายแล้ว ต้าฮวาช่างอาภัพยิ่งนัก”

        ซ่งอวี้หักห้ามใจไม่ได้ อยากจะเดินไปถาม แต่เมื่อคิดถึงตอนที่หวังกุ้ยและเฉินต้าฮวารังแกตน นางจึงทำใจแข็งอีกครั้ง

        คนพวกนี้สมควรแล้ว เหตุใดตนต้องไปยุ่งเ๱ื่๵๹ของผู้อื่นด้วย

        คิดได้เช่นนี้จึงหมุนตัวหันหลัง นำอาหารที่ตักใส่จานกลับไปที่ห้อง ทว่าเวลานี้เองนางก็ได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟายของหวังเอ้อร์โก่ว “ท่านพ่อ ท่านอย่าตายนะขอรับ ท่านพ่อ!”

        เสียงของเด็กน้อยกระตุกหัวใจของนางอย่างแปลกพิกล ซ่งอวี้ไม่อาจหักห้ามใจได้ นางเดินออกไป เห็นหวังเอ้อร์โก่วคุกเข่าข้างหวังกุ้ย ร้องไห้น่าเวทนา หากหวังกุ้ยตาย เช่นนั้นเด็กคนนี้ก็จะกลายเป็๲เหมือนเ๽้าของร่างเดิม อยู่อย่างโดดเดี่ยวและเศร้าโศก ถูกผู้คนรังแก

        เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซ่งอวี้จึงสาวเท้าเดินไปด้านหน้า ฝ่าฝูงชนไปยังข้างกายหวังกุ้ย

        เฉินต้าฮวาซบอยู่ข้างกายหวังกุ้ย นางกรีดเสียงร้องด้วยความปวดใจ น้ำตารินไหลไม่หยุด ดวงตาแดงก่ำ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกเศร้ายิ่งนัก

        ซ่งอวี้ย่อตัวลงนั่ง แล้วคว้ามือขวาของหวังกุ้ยขึ้นมาเตรียมที่จะจับชีพจร แต่กลับถูกเฉินต้าฮวาผลัก ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว นางจึงล้มลงบนพื้น

        “ถอยไป ห้ามแตะต้องหวังกุ้ยของข้า!” เฉินต้าฮวาตะคอกด้วยเสียงสะอึกสะอื้น



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้