"นายน้อยเมิ่ง ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้" กระจกแค่บานเดียวไม่ซื้อก็ไม่เป็ไร เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อยากให้เื่ยุ่งไปมากกว่านี้
"ไม่ยุ่งยาก ความ้าของลูกค้าต้องมาเป็อันดับหนึ่ง" เมิ่งเฉิงเจ๋อสะบัดพัดโบกไปมา
เมิ่งเฉิงเจ๋อผู้นี้เป็ผู้มีพร์ด้านการค้าขายโดยแท้ ให้ความสำคัญกับเสียงของลูกค้าดั่งพระเ้า มิน่าถึงสามารถผงาดขึ้นมาภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
แต่หากไม่ทำตัวโอเว่อร์จนน่าหมั่นไส้ก็คงดี
อากาศต้นเดือนสี่ร้อนแค่ไหนกันเชียว ถึงกับต้องหยิบพัดขึ้นมาโบก
เซวียเสี่ยวหรั่นหน้ายิ้ม แต่ในใจกลับติติงไม่หยุด
ไม่ช้าเสี่ยวหลิวก็ยกกล่องไม้แดงลงรักเคลือบเงาใบหนึ่งเข้ามา
พอเปิดออกดู ก็เห็นคันฉ่องวิหคล้อมบุปผาบานเล็กคู่หนึ่งวางอยู่บนผ้าไหมสีแดง
"คันฉ่องวิหคล้อมบุปผาคู่นี้เป็สินค้าใหม่ที่เพิ่งนำมาครานี้ บานเล็กน้ำหนักเบา สะดวกแก่การพกติดตัว ขอมอบให้ต้าเหนียงจื่อ" เมิ่งเฉิงเจ๋อทอยิ้มพร่างพราย
"หา? ไม่ต้องๆ ข้ารับสิ่งนี้ไม่ไหว" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบปฏิเสธ คันฉ่องคู่นี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ถูกๆ ไม่ใช่ทั้งญาติและคนรู้จัก ของขวัญแบบนี้เธอไม่อาจรับไว้
"จะรับไม่ไหวได้อย่างไรกัน ต้าเหนียงจื่อกล่าวเองมิใช่หรือว่าอีกสัก่หนึ่งจะพาน้องชายมาวาณิชสกุลเมิ่งด้วยกัน"
วันนั้นเธอบอกว่าจะร่วมมือกัน ที่นี่คนเยอะ เมิ่งเฉิงเจ๋อก็มิได้กล่าวอย่างชัดเจน
"ถึงกระนั้นก็มิได้ ใช่ว่าข้าไม่มีปัญญาซื้อเสียหน่อย ถึงต้องให้ท่านมอบให้เปล่าๆ" ต่อไปถึงจะร่วมมือกัน เธอก็ไม่คิดหวังผลประโยชน์เล็กน้อยพรรค์นี้ เห็นเขายังจี้ไม่เลิก เซวียเสี่ยวหรั่นจึงถามตัดรำคาญ "พี่ชาย นี่ราคาเท่าไร"
"ต้าเหนียงจื่อ นี่เป็สินค้าใหม่ คู่หนึ่งสิบหกตำลึงขอรับ" เสี่ยวหลิวยิ้มพลางตอบกลับมา
สะ... สิบหกตำลึง? รอยยิ้มบนมุมปากของเซวียเสี่ยวหรั่นแข็งค้างทันที แม่เ้าโว้ย กระจกบานเล็กคู่เดียวทำไมถึงแพงขนาดนี้
แม้จะขายเห็ดหลิงจือได้ราคาสูง แต่เธอจะใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นกลืนน้ำลาย อยากเอ่ยว่าไม่เอา แต่ภายในห้องโถงสายตาทุกคู่ต่างจดจ้องมาที่พวกนาง ขึ้นขี่หลังเสือจะลงก็ยากแล้ว
พอเห็นนางสีหน้าชะงักงัน ดวงตาของเมิ่งเฉิงเจ๋อยิ่งฉายแววยิ้ม
"คันฉ่องนี้ขายเป็คู่หรือ" ซื้อบานเดียวไม่ได้หรือ เธอไม่ได้มีสองใบหน้าเสียหน่อย จะซื้อยกคู่มาทำไม
"ใช่แล้ว ต้าเหนียงจื่อ คันฉ่องวิหคล้อมบุปผาล้วนขายเป็คู่ทั้งนั้น" เสี่ยวหลิวตอบกลับอย่างแข็งขัน
"แฮ่ม เมื่อต้าเหนียงจื่อยืนกรานจะซื้อเอง เช่นนั้นก็คิดราคาเพียงแปดส่วนก็พอ" เมิ่งเฉิงเจ๋อยังคงโบกพัดเบาๆ เรือนผมสีดำขลับของเขาพลิ้วไสวไปตามลมที่พัดมาเป็ระลอก
เซวียเสี่ยวหรั่นถือกล่องไม้ลงรักเดินหน้าง้ำออกมาจากร้านเป่าฟางไจ
ไร้เล่ห์กลไม่ใช่พ่อขนานแท้ สินค้าชิ้นนี้คือหลุมพรางที่ขุดดักรอเธอชัดๆ
นึกถึงยามที่เธอต้องจ่ายเงิน รอยยิ้มจากแววตาของเมิ่งเฉิงเจ๋อทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นโมโหจนคันปากยุบยิบ
อูหลันฮวาติดตามอยู่ข้างกาย สีหน้ายังตกตะลึงไม่หาย
ต้าเหนียงจื่อถึงกับจ่ายเงินมากมายเช่นนี้เพื่อซื้อคันฉ่องเล็กๆ เพียงคู่เดียว
เซวียเสี่ยวหรั่นถือกล่องเดินกลับโรงเตี๊ยมอย่างฉุนเฉียว ขณะมาถึงปากทาง ก็นึกขึ้นได้ว่ามีของที่ยังไม่ได้ซื้อ
"หลันฮวา เ้าไปซื้อถั่วลิสงกับเกาลัดกลับมา รับปากอาเหลยไว้จะเสียสัจจะไม่ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งเหรียญทองแดงให้ "ข้าจะกลับไปโรงเตี๊ยมก่อน เ้าซื้อเสร็จก็กลับมาล่ะ"
อูหลันฮวารับคำก่อนเดินไป
ก่อนที่จะเข้าโรงเตี๊ยม เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามสูดหายใจลึกๆ สองสามครั้งถึงเข้าไปข้างใน
เธอไม่กลับห้องของตนเอง แต่ตรงไปที่ห้องของเหลียนเซวียน
"กลับมาแล้ว" เหลียนเซวียนเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำปลอบโยนจิตใจคนให้สงบ
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินแล้วความรู้สึกผิดกลับจุกอก
เซวียเสี่ยวเหล่ยกับอาเหลยไม่อยู่ เธอวางกล่องไม้แดงลงรักใบนั้นลงบนโต๊ะหลังจากนั้นก็นั่งลงข้างกายเขา
"ซื้ออะไรมา" เหลียนเซวียนมองเห็นแต่สีแดงๆ บนโต๊ะ ดูเหมือนว่าจะเป็กล่องไม้
"ซื้อคันฉ่องมาคู่หนึ่ง" เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงตอบ แต่น้ำเสียงกลับเจือไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
"เหตุใดจึงโมโห" เหลียนเซวียนฟังดูก็รู้ว่านางอารมณ์ไม่ดี
เซวียเสี่ยวหรั่นบิดนิ้วมืออย่างว้าวุ่น เธอใช้เงินไปตั้งสิบสองตำลึงแปดเฉียนเพื่อซื้อกระจกบานเล็กเพียงคู่เดียว เขาจะด่าว่าเธอมือเติบหรือเปล่า?
"ค่อยๆ อธิบาย อย่าบิดนิ้ว" ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่พฤติกรรมเล็กน้อยของนางเขาคุ้นเคยดี
"ข้าจ่ายเงินไปมากมายซื้อคันฉ่องคู่นี้ ท่านอย่าด่าข้าเลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเกริ่นนำก่อนอย่างอ้อมค้อม
เห็ดหลิงจือได้ราคาสูงต้องขอบคุณเขา แต่เธอกลับเอามาใช้ซื้อของไม่เป็เื่ราคาแพงๆ
เหลียนเซวียนยิ้มปากน้อยๆ ที่แท้ก็เป็แบบนี้ แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า กลับบอกให้นางเล่าเื่ราวที่ประสบมาให้ฟัง "เ้าลองเล่ามา"
"เซวียเสี่ยวหรั่นเล่าให้เขาฟังั้แ่ต้นว่าตนเองพบกับเมิ่งเฉิงเจ๋อที่ร้านเป่าฟางไจอย่างไร
หลังจากนั้นนางก็แค่นเสียงกระฟัดกระเฟียด "เดิมทีข้างอยากได้คันฉ่องเล็กๆ แค่บานเดียว แต่ถูกคนผู้นั้นขุดหลุมพรางจนต้องซื้อสองบาน ข้าจะเอาคันฉ่องมากมายมาทำไม ข้าโมโหแทบตาย เสียดายเงินเป็ที่สุด"
"เื่เล็กน่า ไม่ต้องหงุดหงิด เงินควรใช้ก็ต้องใช้ คันฉ่องถ้าชอบก็ซื้อ" เหลียนเซวียนไม่มีความเห็น เงินขายเห็ดหลิงจือเดิมทีก็เป็ของนาง นางอยากใช้อย่างไรก็ย่อมได้
เขายังนึกเสียใจ ที่จริงเงินนี้เขาควรเป็คนออกด้วยซ้ำ
"ท่านไม่รังเกียจว่าข้ามือเติบเลยหรือ" พอไม่ถูกตำหนิ เซวียเสี่ยวหรั่นก็อารมณ์ดีขึ้นทันควัน
"ใช้ไปแค่นี้เอง เรียกว่ามือเติบที่ไหนกัน แต่จะว่าไป เมิ่งเฉิงเจ๋อผู้นี้ค่อนข้างจะรอบจัด หากไม่เพราะวางหลุมพรางดักไว้ก่อน เ้าก็คงไม่ถึงขั้นลงจากหลังเสือไม่ได้ ต้องกัดฟันซื้อคันฉ่องคู่นี้มา เหมือนคำโบราณว่าไว้ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมไม่ใช่พ่อค้า
"อืมๆ ก็ว่าแล้ว อยู่ดีๆ เหตุใดจึงมอบของให้ข้า ญาติก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่ใช่ ร่วมมืออะไรก็ยังไม่เริ่มเสียหน่อย ข้าเอ่ยปากออกไป ทุกคนในห้องโถงล้วนมองอยู่ ครั้นจะเอ่ยปากว่าไม่ซื้อก็กระดากใจ โดยเฉพาะญาติผู้น้องคนนั้นของเขา จดจ้องข้าตาแทบหลุด ดูมั่นใจหนักหนาว่าข้าไม่มีปัญญาจ่าย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เสียหน้ามิได้เป็อันขาด"
ตอนที่จ่ายเงิน เธอจึงเลือกจ่ายด้วยแท่งเงินสิบตำลึงสองก้อนให้ลูกจ้างร้านทอนเงินปลีกมา
ญาติผู้น้องคนนั้นของเขาถึงเก็บสีหน้าจองหองจมูกชี้ฟ้ากลับไป
เหลียนเซวียนทั้งฉิวทั้งขัน
"ฮึ คอยดูเถอะ ข้าจะต้องถอนทุนคืนกลับมาจากเมิ่งเฉิงเจ๋อให้ได้ กระเป๋าเ่าั้เห็นทีจะต้องวางแผนใหม่ จะนำสินค้าตัวอย่างที่ไร้ความโดดเด่นเ่าั้ไปเจรจาร่วมมือทางการค้าไม่ได้เป็อันขาด"
เซวียเสี่ยวหรั่นย่นหัวคิ้ว สมองเริ่มขบคิด
"เ้านัดเขาไว้เมื่อไร" เหลียนเซวียนนิ่งคิดก่อนเอ่ยถาม
"ไม่ได้นัด ข้าแค่บอกว่าอีก่หนึ่ง" เซวียเสี่ยวหรั่นยกมือเท้าคางพลางเอ่ยปาก "จะสองสามวันหรือแปดเก้าวันก็คือ่หนึ่งเหมือนกัน รอข้าทำเสร็จก่อนค่อยว่ากัน"
"ถ่วงได้หลายวันหน่อยยิ่งดี ถึงเวลาดวงตาข้าหายแล้ว ก็ไปเป็เพื่อนเ้าได้" เหลียนเซวียนอยากเจอตัวเมิ่งเฉิงเจ๋อผู้นี้จริงๆ
"ดีสิ ได้เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสาร "ท่านไปด้วยกันย่อมดีที่สุด ถ้าต้องลงนามสัญญาอันใด ข้าอ่านไม่ออก ท่านต้องช่วยข้าดู"
เหลียนเซวียนอดขำออกมาไม่ได้ ยังกระเซ้าด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก "คราวนี้ไม่บอกว่ามีความรู้เท่าตำราห้าคันรถแล้วรึ"
"ฮึ ท่านอยากขำก็ขำไป รอข้าศึกษาอักษรของพวกท่านให้แตกฉานเสียก่อน ต่อไปไม่ต้องให้ท่านช่วย ข้าก็อ่านเองได้" เซวียเสี่ยวหรั่นตัดสินใจว่าจะศึกษาอักษรอย่างจริงจัง
เหลียนเซวียนยกยิ้ม "มีความมุ่งมั่นไม่เลว ข้าจะรอตรวจสอบ"
