เศรษฐีเฒ่าเหอส่งเหอหว่านไปอยู่เป็เพื่อนกับพวกเฉิงฮุ่ยสามสาวพี่น้อง ตนเองพาเฉิงชิงไปเข้าสังคมตรงประตูทางเข้า ผู้เฒ่าผู้โอบอ้อมอารีผู้นี้เห็นว่าเฉิงชิงไม่มีญาติผู้ใหญ่ออกหน้า กลัวว่าเฉิงชิงจะรับรองแเื่ที่มาแสดงความยินดีได้ไม่ดี
แม้ว่าเฉิงชิงจะเอื่อยเฉื่อยต่ออารมณ์และกระตือรือร้นต่อผลประโยชน์เหนือสิ่งอื่นใดมาโดยตลอด แต่ใจที่แข็งกระด้างดุจหินผาได้ถูกเศรษฐีเฒ่าเหอทำให้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
รอจนเมื่อนายท่านห้าเฉิงมาถึง เศรษฐีเฒ่าเหอจึงถอนตัวไปหลังเสร็จสิ้นภารกิจ
นายท่านห้าเฉิงมองความยุ่งเหยิงภายในเรือนด้านในก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
“ผ่านพ้นวันนี้ไป เ้าก็จ้างคนรับใช้เพิ่มเสียหน่อย”
“ท่านปู่ ข้าใช้ซือเยี่ยนและซือโม่ค่อนข้างคล่องมือ ท่านพอจะทราบข่าวคราวของพวกเขาทั้งสองบ้างหรือไม่ขอรับ?”
ั้แ่ครอบครัวนางถูกกักบริเวณ เฉิงชิงก็ไม่ได้เห็นซือเยี่ยนและซือโม่อีกเลย ราษฎรธรรมดาของแคว้นเว่ยล้วนไม่มีสิทธิมนุษยชนให้กล่าวถึง นอกเหนือจากนี้ก็เป็เด็กรับใช้สองคน เฉิงชิงกลัวว่าทั้งสองคนจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น
เพิ่งสิ้นเสียงเฉิงชิง เด็กรับใช้สองคนที่สวมชุดผ้าป่านก็เบียดมาถึงตรงหน้าแล้วคารวะ “ข้าน้อยคารวะนายน้อย ขอบพระคุณนายน้อยที่ห่วงใย”
เป็ซือเยี่ยนและซือโม่ทั้งสองคนจริงๆ
เฉิงชิงไม่มีเวลาพอจะสอบถามทั้งสองโดยละเอียดถึงเื่ราวที่ได้เผชิญใน่ระยะเวลาที่ผ่านมา เห็นทั้งสองคนไม่ได้มีแขนขาขาดหายไป ก็ให้ทั้งสองคนเร่งช่วยเหลือ
ดีจริงๆ
ไม่เพียงนาง มารดา และเหล่าพี่สาวทนการกักบริเวณจนผ่านมาได้แล้ว เด็กรับใช้ทั้งสองก็ไม่เป็อะไร
เรือนแยกของพ่อค้าผ้าวังกว้างขวางยิ่ง ตระกูลวังที่ได้รับข่าวก็ส่งคนมามอบของขวัญ ตระกูลวังไม่เพียงไม่คิดค่าเช่าที่เสียหาย ยังคืนเงินค่าเช่าเดิมให้แก่เฉิงชิง กล่าวว่าเฉิงจือหย่วนเป็ขุนนางดีที่เสียชีวิตในหน้าที่ ราชสำนักได้ถ่ายทอดราชโองการมอบรางวัลลงมาแล้ว ตระกูลวังซึ่งเป็ธุรกิจค้าผ้าแห่งหนึ่งจึงยินยอมลงแรงมากที่สุดเท่าที่กำลังอันน้อยนิดจะทำได้——เฉิงชิงไหนเลยจะกล้าเอาเอาเปรียบ ตระกูลวังประสบปัญหาจึงได้นำเรือนแยกให้เช่า ถ้าเอาเปรียบตระกูลวัง เฉิงชิงคงได้หน้าแดงเถือก!
ไม่เพียงให้ค่าเช่าตามเดิม นางยังคิดจะเช่าเรือนแยกของตระกูลวังต่อไป ไม่เพียงเรือนเล็กที่อยู่หลังสุด แต่ยังเช่าห้องอีกครึ่งหนึ่งทันที
นายท่านห้ากล่าวมิผิด นางควรจ้างคนรับใช้กลับบ้านเสียหน่อย
สามารถดื่มด่ำความสะดวกสบาย เฉิงชิงไม่มีทางเป็ผู้ที่หาความลำบากใส่ตัวเช่นนั้น
วันนี้ทั้งวันเฉิงชิงง่วนอยู่ตลอด เมื่องานเลี้ยงเสร็จสิ้น นายท่านห้าถึงได้เรียกนางให้หยุด “เลือกวันดีสักวันให้บิดาเ้ากลับสู่ผืนดินอย่างสงบเถิด”
“ข้าทราบแล้วขอรับ ท่านปู่!”
ฝังศพให้เฉิงจือหย่วนคือเื่ใหญ่อันดับหนึ่งเื่ต่อไปที่เฉิงชิงต้องหัวหมุน
เฉิงจือหย่วนเสียชีวิตในฤดูหนาวรัชศกเฉิงผิงปีที่ห้า บัดนี้คือฤดูใบไม้ผลิรัชศกเฉิงผิงปีที่เจ็ดแล้ว
ฝั่งร่างคือเื่ใหญ่ เลือกวันและคำนวณฤกษ์ยาม เฉิงชิงจึงต้องง่วนอีกครั้งในฐานะบุตร
แม้ราชสำนักจะเลื่อนขั้นย้อนหลังหลังจากที่เฉิงจือหย่วนเสียชีวิตแล้ว ทั้งยังให้บรรดาศักดิ์แก่บุตรและภรรยาในครอบครัว แต่ภายในใจของนางยังคงมีความเคลือบแคลงมากมาย
ในราชโองการไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถ ผู้ที่ทำร้ายเฉิงจือหย่วนจนเสียชีวิตได้รับโทษทัณฑ์หรือไม่ เฉิงชิงยัง้าไปหาเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ เซียวอวิ๋นถิงเพื่อสอบถามให้กระจ่าง
นางเชื่อว่าเซียวซื่อจื่อต้องยินยอมเอ่ย มิเช่นนั้นคงไม่มาเป็ข้าหลวงใหญ่ประกาศราชโองการไกลเป็พันลี้
รอให้ความครึกครื้นแยกย้ายแล้ว คนทั้งครอบครัวเฉิงถึงค่อยได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนมหน่อย
อารมณ์ของคนทั้งครอบครัวตึงเครียดมาทั้งวัน ยามนี้ไม่มีคนนอกอยู่ตรงนี้ พอเอ่ยถึงจุดที่ะเืใจก็ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้โอบกอดกันร้องไห้
นี่คือการระบายที่จำเป็
ว่ากันตามตรง วันคืนที่มืดมิดยากจะทานทนที่สุดครอบครัวก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
น้ำตาของนางหลิ่วมีความโศกเศร้ามากมาย
บรรดาศักดิ์กงเหรินขั้นสี่ทำให้นางหลิ่วได้รับความสนิทสนมใกล้ชิดของฮูหยินมากมายในอำเภอ
แต่นางหลิ่วยอมไม่เอาบรรดาศักดิ์ตราตั้งนี้ พระเมตตาอันกว้างใหญ่ไพศาลของฝ่าาเทียบไม่ได้กับการที่เฉิงจือหย่วนสามารถมีชีวิตอยู่
“เพียงเพราะบิดาเ้าไม่ยินยอมร่วมมือกระทำความชั่ว คนเ่าั้เลยทำร้ายเขาจนตาย เขายังมีปณิธานที่ยังไม่สำเร็จ ยังไม่ได้เห็นพวกเ้าสร้างครอบครัว ทุกคนต่างมาแสดงความยินดี ข้าเพียงปรารถนาให้บิดาของเ้ายังมีชีวิตอยู่…”
นางหลิ่วหลั่งน้ำตา เฉิงชิงตบหลังนางเบาๆ
“ท่านแม่ ฟื้นคืนชีพคนตายนั้นข้าทำไม่ได้ แต่เื่อื่นข้าทำได้ ล้างมลทินให้ท่านพ่อ แก้แค่ให้ท่านพ่อ ดูแลพวกท่านให้ดีแทนท่านพ่อ แต่ละเื่ข้าล้วนทำได้ดีขอรับ”
เมื่อไม่มีแรงกดดันของ ‘บุตรชายของขุนนางต้องโทษ’ แล้ว น้ำหนักบนบ่าของเฉิงชิงก็หายไปเกินครึ่ง
นางสามารถไปเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการได้สบายใจมากขึ้นแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าตื่นขึ้นมาวันใดจะถูกคนถอดถอนคุณวุฒิที่สอบได้มาแล้ว
หากยังมีคนเยาะเย้ยนางด้วยคำเรียกว่าบุตรชายของขุนนางต้องโทษอีก เฉิงชิงสามารถกล่าววิจารณ์สงสัยความเป็มนุษย์ของอีกฝ่ายได้!
ไม่มีมลทินแล้ว เฉิงชิงสามารถเป็ตัวของตัวเองได้อย่างสง่าผ่าเผย นางสามารถหมั่นเพียรปรับตัวกับกฎเกณฑ์ของแคว้นเว่ย ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายภายใต้กฎเกณฑ์อย่างถึงที่สุด อนาคตมีความเป็ไปได้ไร้ที่สิ้นสุด นางชอบการต่อสู้และการพนัน สิ่งของที่ใช้มือเท้าพยายามไขว่คว้ามาย่อมเป็ของตนเองตลอดไป ชีวิตเช่นนี้ช่างน่ารื่นรมย์เกินไปแล้ว——
นางคิดถึงอนาคต ตื่นเต้นเสียจนดึกมากแล้วก็ยังนอนไม่หลับ สายตาพลันเห็นเงาคนแวบผ่านบริเวณหน้าต่าง
ห้องของนางอยู่ชั้นสอง ผู้ใดกันดึกดื่นไม่หลับไม่นอน มายืนอยู่นอกหน้าต่าง?
“ใคร——”
ใครก็ได้ มีโจร
คำเหล่านี้ยังไม่ทันะโออกมา กริชเล่มหนึ่งก็จ่อชิดเข้าที่คอ เฉิงชิงตัวแข็งทื่อ กลืนถ้อยคำกลับไป
“ข้าไม่ะโ หากท่านผู้กล้าขาดเงิน กล่องเงินอยู่ใต้เตียงข้า ท่านผู้กล้า้าเท่าไรก็เอาไปเอง ข้าจะทำเป็ว่าคืนนี้ท่านผู้กล้าไม่ได้มา”
การกระทำรวดเร็วมาก เพียงพริบตาก็ทะลุหน้าต่างเข้ามาแล้ว แต่ไม่ได้ทำให้พวกนางหลิ่วตื่นใ
หมุนหางเสือตามลม[1]คือความสามารถอย่างหนึ่งของเฉิงชิง
จ่ายเงินซื้อชีวิตช่างคุ้มค่านัก หมดตัวจึงจะสามารถหลีกเลี่ยงเภทภัยได้ นางไม่คู่ควรที่จะสู้สุดชีวิตกับอีกฝ่ายนะ!
การประนีประนอมของเฉิงชิงเปลี่ยนเป็เสียงหัวเราะต่ำของอีกฝ่าย คาดไม่ถึงว่าจะเป็เสียงอ่อนหวานของสตรี
“คุณชายเฉิงเข้าใจผิดแล้ว ซื่อจื่อบ้านข้า้าเชิญคุณชายเฉิงไปชมจันทร์ จึงให้บ่าวมาเชิญคุณชายเป็พิเศษเ้าค่ะ”
เสียงนี้ก็พอคุ้นหูอยู่บ้างแล้ว
กลางถ้อยคำเอ่ยถึง ‘ซื่อจื่อ’ เฉิงชิงนึกถึงหญิงรับใช้รูปงามที่เฝ้าประตูให้เยี่ยอ๋องซื่อจื่อบนเรือใหญ่สีดำทะมึน
ใบหน้าของเฉิงชิงดำทะมึนทันที
เซียวอวิ๋นถิง้าพบนางนั้นเดาไม่ยาก
แม้เซียวซื่อจื่อจะไม่ชิงเรียกพบ นางก็ยังต้องหน้าหนาไปคารวะเยี่ยมเยียนอยู่ดี
เซียวอวิ๋นถิงที่น่าแค้นนั่นแม้แต่คืนเดียวก็รอไม่ได้ ถึงขนาดให้หญิงรับใช้ข้างกายที่เป็วรยุทธ์มา ‘เชิญ’ นาง ยังดีที่ยังไม่นอน หากนอนหลับสนิทแล้ว คงไม่ใช่ว่าหญิงรับใช้ผู้นี้จะถึงขนาดลักพาตัวนางไปทิ้งไว้ต่อหน้าเซียวอวิ๋นถิงโดยตรงหรอกนะ?
ยังไม่ต้องกล่าวถึงความลับทางเพศของตนเองว่าจะถูกพบหรือไม่ หญิงรับใช้คือสุนัขอาศัยบารมีเ้าของมาอวดเบ่งไม่ผิดแน่ คนเช่นเซียวอวิ๋นถิงผู้นี้กลับไม่เคยศึกษา “เคารพ” สองพยางค์นี้จริงๆ ครั้งที่แล้วเปิดโลงตรวจสอบศพเช่นนี้ ครั้งนี้เรียกนางกลางดึกไปพบหน้าก็เป็เช่นนี้อีก
เฉิงชิงลอบเคี้ยวฟัน
เ้าสุนัขพวกนี้ ยังรู้จักเคารพผู้ที่มีสถานะสูงกว่าพวกเขา!
ภายในใจเฉิงชิงปกคลุมด้วยเมฆหมอกหนึ่งชั้น บนใบหน้าไม่แสดงออก การโดดเด่นเหนือผู้อื่นต้องพึ่งพาความหมั่นเพียรของตนเอง ะโเพ้อเจ้อก็ได้แต่ทำให้เ้าสุนัขพวกนี้เห็นเป็เื่ตลก
เฉิงชิงตื่นนอนใส่เสื้อผ้าอย่างเงียบเชียบ หญิงรับใช้ที่เซียวอวิ๋นถิงสั่งให้มาก็ยกนางขึ้นบ่าะโขึ้นหลังคา ขึ้นๆ ลงๆ หลายรอบ ในที่สุดก็มีตรอกอีกแห่งปรากฏขึ้นมา
ถนนในอำเภอเงียบเชียบอย่างมาก หอโคมแดงสถานเริงรมย์ล้วนปิดบริการหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าเซียวอวิ๋นถิงยังไม่นอน——ร่างกายย่ำแย่ถึงเพียงนั้นยังนอนดึก ช้าเร็วอย่างไรเซียวซื่อจื่อต้องทำให้ตัวเองตายแน่
เซียวอวิ๋นถิงอาศัยอยู่ในเรือนที่ตระกูลใหญ่ในอำเภอจัดสรรไว้ให้ ตามปกติแล้วสถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีควรเป็ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋เป็ผู้รับรอง ตระกูลเฉิงจึงจะเป็ตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของอำเภอกนานอี๋ แต่นายท่านห้า้าหลบเลี่ยงเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ จึงไม่ได้ชิงยึดหน้าที่อันดีงามนี้ไป
ยามกลางวัน นายท่านห้าพาเฉิงชิงเข้าสังคม ทั้งสองคนต่างปิดปากไม่เอ่ยถึงการมาของเซียวอวิ๋นถิง
นายท่านห้าไม่ชอบให้นางและเซียวอวิ๋นถิงเข้าใกล้กัน เฉิงชิงเชื่ออย่างลึกซึ้งในจุดนี้
“คุณชายเฉิง ซื่อจื่อรอท่านอยู่เ้าค่ะ”
หญิงรับใช้ผลักนางเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เห็นชอบ ซื่อจื่อเรียกพบเฉิงชิงยังจะเหม่อลอยได้ จะไม่รู้ดีรู้ชั่วเกินไปแล้ว!
เฉิงชิงถูกผลักจนสะดุด นางมองหญิงรับใช้อย่างลึกซึ้ง จู่ๆ ก็ยิ้มถาม
“ได้พบกันอีกครั้งคือมีวาสนาต่อกัน ยังไม่ได้เอ่ยถามชื่อเสียงเรียงนามของพี่สาวเลย?”
หญิงรับใช้เลิกคิ้ว “บ่าวชื่อเสี่ยวจี้เ้าค่ะ”
แจ้งชื่อแล้วอย่างไรเล่า?
เสี่ยวจี้มีท่าทีปรามาส เห็นได้ชัดว่าไม่กลัวว่าเฉิงชิงจะไปฟ้องต่อหน้าเซียวอวิ๋นถิง
นางคือหญิงรับใช้ที่ได้รับความไว้วางใจจากเ้านายผู้หนึ่ง เฉิงชิงพยักหน้ายิ้มบาง “เป็ชื่อที่ดีจริงๆ ข้าจดจำไว้แล้ว”
[1] หมุนหางเสือตามลม หมายถึงยืดหยุ่นและฉวยโอกาสจากสถานการณ์
