ในยุคสมัยนี้ ค่าใช้จ่ายในการกันยุงกันแมลงสูงไปสักหน่อย เื่ทั้งหมดนี้จำเป็ต้องผ่านผู้เชี่ยวชาญวิถีชาวบ้านให้จัดการเป็พิเศษ ซึ่งพวกเขามีวิธีจัดการของตนเองอยู่ รวมกับสมุนไพรพิเศษ ค่าใช้จ่ายในการจัดการถือว่าแพงมากจริงๆ แต่ในยุคนี้หากไม่จัดการกันยุงกันแมลง เรือนพวกนั้นอยู่ได้ไม่กี่ปี ถึงตอนนั้นก็ต้องสร้างใหม่ ค่าใช้จ่ายจะยิ่งสูง อย่างไร หลังจากจัดการเรือนเสร็จแล้ว มีความเป็ไปได้ว่าจะอยู่ได้สามสิบถึงสี่สิบปี แต่หากไม่จัดการมักจะอยู่ได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ดังนั้นรายได้ของผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยชาวบ้านป้องกันแมลง จึงมีอนาคตมากมาโดยตลอด แม้พวกเฉินเนี้ยนหรานจะมีความคิดอย่างคนยุคปัจจุบันและเข้าใจความรู้มากมาย แต่สำหรับเคล็ดลับชาวบ้านเช่นนี้ พวกนางไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงไม่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านนี้ได้
“ช่วยไม่ได้ หาก้าให้ใช้ได้นานต้องลงทุน แค่เรือน พวกเรายังต้องสร้างเรือนรับรองอีกด้วย รวมถึงห้องทำกิจกรรม ยังต้องซื้อที่นาของที่นี่ คนงานก็จ้างมา ลำพังเงินทุนระยะแรก ข้าคำนวณดู ประมาณดูแล้วจะอย่างไรก็ห้าถึงแปดหมื่นตำลึง ก่อนหน้านั้นพวกเราจะต้องค่อยๆ สร้างอำนาจเสียก่อน สินค้าเกษตรของข้าพวกนี้ต้องค่อยๆ เผยแพร่กระจายออกไป ที่ดีที่สุด ภายในหนึ่งถึงสองปีนี้จะต้องนำสินค้าเกษตรพิเศษของข้าพวกนี้เผยแพร่ไปให้ไกลจนคนในเมืองหลวงต่างรู้จัก”
“ถึงตอนนั้นเริ่มจากที่คนชนชั้นสูงเหล่านี้ ได้ทานอาหารของชาวเกษตรของพวกเราเป็สิ่งเชิดหน้าชูตา ในตอนนั้นค่อยสร้างหมู่บ้านพักร้อนนี้ตามขึ้นมา เช่นนี้ถือว่าพัฒนาต่อไปได้แล้ว”
หนิงเซียงพยักหน้า “หรือจะพูดว่า ขั้นตอนนี้ พวกเราสมควรซื้อที่ดินก่อน จากนั้นค่อยนำสินค้าเกษตรของเ้าออกมาเผยแพร่รูปลักษณ์ และส่งออกไปขาย หลังจากทำสำเร็จแล้วจึงพัฒนาต่อไป โดยดำเนินการสร้างหมู่บ้านพักร้อน เฉินเนี้ยนหราน เ้านี่เ้าเล่ห์ไม่เบาจริงๆ ขั้นตอนนี้ จะคิดอย่างไรล้วนเป็เ้าที่ได้ประโยชน์ ไม่ต้องสนใจว่าสุดท้ายหมู่บ้านพักร้อนจะเป็อย่างไรเลย สุดท้ายคนที่ได้รับผลประโยชน์จะต้องเป็เ้าอย่างแน่นอน แม่นาง เ้าฉลาดนัก เ้าแน่มาก”
เฉินเนี้ยนหรานยิ้มอ่อนไม่ยอมรับ แผนระยะยาวนี้ หากหลังจากดำเนินการจริงแล้ว คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือนางจริงๆ ไม่ว่าจะผลักดันการขายสินค้าพิเศษก่อนหน้า หรือสร้างหมู่บ้านพักร้อนตามหลัง ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้นางได้รับผลประโยชน์ทั้งสิ้น
“แต่เ้าเคยคิดหรือไม่ว่า สร้างหมู่บ้านพักร้อนที่นี่ ไม่เพียงเ้าที่สามารถได้พักร้อนที่นี่ ทั้งยังสามารถพาสามีในอนาคตของเ้ามาสร้างเรือนอยู่ที่นี่แล้วมีลูก ถึงยามนั้นยังสามารถบริหารดูแล นับเงินได้ตามสบาย อีกอย่าง เ้าไม่สามารถอยู่ในโรงเตี๊ยมไปตลอดชีวิต จะอย่างไร ต่อไปก็ต้องมาใช้ชีวิตธรรมดา ข้ากำลังช่วยเ้าอยู่ ให้เ้าได้หลุดพ้นจากทะเลแห่งความเ็ป”
หนิงเซียงกัดฟัน แต่สุดท้ายก็ยังรับคำ “เื่นี้ อย่างไรก็ใหญ่ไปเสียหน่อย ข้าจะต้องเขียนลำดับแผนออกมาเสียก่อน และเอามาเปรียบเทียบกันสักรอบ แม้หลายปีนี้ข้าจะหาเงินได้มาก แต่หากต้องลงทุนเงินเข้าไปในหมู่บ้านพักร้อน เช่นนั้นจะต้องทุ่มเงินไปจนหมด เฮ้อ จนแล้ว ดูเหมือนว่ากลับไปข้าจะต้องรับแขกแต่โดยดีแล้วล่ะนะ หากไม่ให้บุรุษพวกนั้นจ่ายเงินจนเข้าเนื้อ อย่าเรียกข้าว่าหนิงเซียงเลย”
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะออกมา “ปัดตกไปเถิด ชื่อหนิงเซียงของเ้า หากเปลี่ยนไปโรงเตี๊ยมอื่น ย่อมสามารถเปลี่ยนไปเป็ชื่ออื่นได้ พอไปถึงเมืองหลวง เ้าแค่เปลี่ยนฉายาอีกครั้ง คนก็ตามเ้ามาอยู่ดี เป็หนิงเซียงนี่คุ้มค่าจริงๆ เลยเชียว”
หนิงเซียงหัวเราะตาม แต่สตรีหน้าหนาคนนี้ เพียงครู่เดียวก็เงยหน้าขึ้นทำท่ามุ่งมั่นมาก “จะพูดเช่นนี้ไม่ได้หรอกนะ ต่อไปข้าจะยังใช้ชื่อของหนิงเซียง อีกทั้ง ข้าตัดสินใจแล้ว จากนี้ข้าจะใช้ชื่อนี้ไปตลอด แม้ลูกชายของข้าจะลืมตาขึ้นมาดูโลกข้าก็จะใช้”
เื่นี้ แม้หนิงเซียงจะไม่เคาะตัดสินตรงนั้น แต่ดูจากดวงตาเปล่งประกายของนาง เฉินเนี้ยนหรานเชื่อว่า นางสนใจเื่นี้มากอย่างแน่นอน
หากเริ่มทำแผนหมู่บ้านพักร้อนแล้ว การจะพัฒนาหมู่บ้านเล็กๆ นี้ จะต้องซื้อที่ดินเป็จำนวนมาก แน่นอนว่าจะให้ดีที่สุด ตอนซื้อที่ดินต้องเลือกพื้นที่ที่ใกล้กับูเาเป็การดีที่สุด อย่างไรจะต้องสร้างเซียน เช่นนั้นต้องเข้าใกลู้เาเซียนด้วย
“หนิงเซียง หมู่บ้านพักร้อนเป็แผนระยะยาว ภายในเวลาอันสั้นพวกเราไม่สามารถทำมันให้เป็จริงได้ ก่อนอื่น เื่ซื้อที่ดินจะต้องซื้อที่ดินตรงนั้นให้หมด คาดว่าคงใช้เวลาสองถึงสามปี ดังนั้นข้าเพียงแค่วางแผนระยะแรกถึงตรงนี้ หากเป็ไปได้ ั้แ่ตอนนี้พวกเราจะต้องซื้อที่ดินกับูเา จะให้ดีต้องซื้อูเาพวกนั้นกับที่ดินมาให้หมด มีที่ดินเพียงพอจึงจะสามารถดำเนินการทำแผนหมู่บ้านพักร้อนให้เป็จริงได้”
“ข้าเข้าใจ แต่แผนนี้ข้าจะต้องเพิ่มเติมเข้าไปสักหน่อย ส่วนคำตอบข้าจะให้เ้าภายในเดือนนี้ หากสามารถลากเหล่าคุณชายเข้ามาได้ ข้าหวังว่ามันจะเป็จริงได้ ถึงตอนนั้นมีคนที่มีอำนาจมากมีเื้ัใหญ่โตมาเข้าร่วม ข้าคิดว่าแม้จะซื้อที่ดินคงจะราบรื่นขึ้นมาก เพียงแต่หาก้าพูดโน้มน้าวคนเหล่านี้ เกรงว่าจะต้องลงแรงสักหน่อย”
“เช่นนั้นก็ได้ เอาตามที่พูดกันนี้ พวกเราจะต้องพัฒนาให้ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่เพียงเล็กๆ น้อยๆ” เฉินเนี้ยนหรานโบกมือ ในใจกลับรอคอย หากทำการค้าสำเร็จและสามารถพาลูกชายกลับมาได้แล้ว...ไม่สนใจว่าการอยู่ที่จวนสกุลโจวของถวนถวนจะมีชีวิตความเป็อยู่เช่นไร แต่หากไม่ได้อยู่ข้างกายเขา นางล้วนไม่พอใจ
พอคิดถึงลูกชาย จิตใจที่ห้าวหาญเมื่อครู่ของเฉินเนี้ยนหรานค่อยๆ สลดลง
แต่ยิ่งมีความกดดัน ยิ่งทำให้มีความมุมานะ
ในวินาทีนั้น ความเศร้าทั้งหมดของนางแปรเปลี่ยนเป็ความฮึกเหิม
หลังจากลงต้นอ่อนแล้วคือคอยดูแล แม้ขาของหวงเต๋ออันจะได้รับาเ็ แต่ยังมีเหล่าจ้าวและคนงานระยะยาวอีกหลายคนช่วยกันดูแล เฉินเนี้ยนหรานจึงไม่จำเป็ต้องกังวลมากเกินไปนัก
หลังจากผ่าน่การตรวจสอบไปแล้ว นางค้นพบเื่ที่น่าชื่นชมมากเื่หนึ่ง นั่นคือจ้าวซื่อที่ดูแล้วเป็สตรีที่ไม่โดดเด่นเท่าใด แต่ในเื่บริหารงานเกษตรกลับมีความสามารถของตนเอง เฉินเนี้ยนหรานจึงจงใจมอบงานโยนให้อีกฝ่ายรับไปจัดการต่ออยู่หลายครั้งเพื่อเป็การฝึกนาง ทดสอบความสามารถของนาง สุดท้ายที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ จ้าวซื่อสามารถจัดงานได้เป็ขั้นลำดับ
แม้เฉินเนี้ยนหรานจะไม่อยู่ที่เรือน นางก็สามารถจัดการได้ว่าควรทำอย่างไรให้ดินเรียบร้อย ควรพัฒนาอย่างไร และจัดการบึงน้ำเช่นไรได้ดีมาก
พูดได้อย่างไม่เกินจริงเลยว่า แม้แต่ตัวเฉินเนี้ยนหรานเอง สามารถทำได้เพียงในส่วนนี้แล้ว จากตรงนี้สามารถมองออกได้เลยว่า จ้าวซื่อเป็สตรีที่มีความฉลาดแฝงอยู่มาก
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบเช่นนี้ เพียงครู่เดียวก็ผ่านไปสองเดือน ในวันหนึ่งหนิงเซียงได้เดินทางมาหานางอีกครั้ง ทั้งยังให้คำตอบที่น่าพอใจแก่นางว่าจะร่วมสร้างหมู่บ้านพักร้อนตามความคิดในยุคปัจจุบัน
“แม่นาง ความสุขในบั้นปลายชีวิตของข้า ขึ้นอยู่กับหมู่บ้านของเ้าแล้ว ต่อไปข้าจะพึ่งพาหมู่บ้านแห่งนี้หากิน เ้าก็รู้ว่านี่คือสมบัติทั้งชาตินี้ของข้า” ยามที่หนิงเซียงนำตั๋วเงินราคาหมื่นตำลึงมาวางไว้ตรงหน้าของเฉินเนี้ยนหรานยังคอยร้องโหยหวนไม่หยุด ท่าทางเ็ปใจนั้น ทำให้เฉินเนี้ยนหรานที่เห็นเข้าอยากจะเตะนางสักสองที
“พอเลย ยังจะสมบัติทั้งชาตินี้อีก หลัวหนิงเซียงเ้าพูดความจริงจากใจเถิด เ้ามาอยู่ที่นี่เพิ่งจะกี่ปี เวลาแค่เพียงหกเจ็ดปีใช่หรือไม่ ในเวลาหกเจ็ดปีนี้หาเงินได้มากมายเช่นนี้ เ้าควรรู้จักพอเถิด เฮ้อ จนถึงตอนนี้ข้ายังหาเงินได้แค่ไม่กี่พันตำลึง ทั้งจำนวนนั้นยังลำบากทำงานดึกดื่นถึงจะได้มา” อีกอย่าง หากไม่ได้เจอกับโจวอ้าวเสวียน เกรงว่าหลายพันตำลึงนี้คงไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้ง่ายๆ ในยุคสมัยนี้ หากปรารถนาจะหาเงินต้องมีความสามารถและความสัมพันธ์จริงๆ
“ตัวเ้าเลือกเส้นทางที่ไม่เหมือนผู้ใดเอง จะโกรธใครได้ อา ใช่แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเ้า ครั้งนี้พวกเราจะต้องไปหาโอกาสใช่หรือไม่ และต้องปล่อยข่าวเื่เซียนพวกนั้นด้วย ดังนั้นเ้าอาจจะต้องไปด้านนอกกับข้า”
พูดถึงตรงนี้ หนิงเซียงมีท่าทางเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่พูด นางมองไปทางเฉินเนี้ยนหรานด้วยสายตาที่แฝงความหมายโดยนัยไว้ ท่าทางเหมือนกำลังคิดหนัก
“พูดมาเถิด ยังมีเื่ใดอีกก็พูดออกมาให้หมดในคราวเดียว ข้าคอยฟังอยู่นะ เื่พรากแม่พรากลูกข้าก็ผ่านมันมาแล้ว ยังจะมีเื่ใดที่จะล้มข้าได้” เฉินเนี้ยนหรานกลับนิ่งกว่านางมาก ทั้งยังเร่งให้นางพูดเื่ราวความจริงออกมานิ่งๆ
“แล้วก็ ข้าได้ยินมาว่า...อยู่ที่นั่นเขาเจอกับปัญหาแล้วน่ะสิ”
มือที่กำลังถักเชือกของเฉินเนี้ยนหรานเชื่องช้าลง เชือกพวกนี้นางเตรียมเอาไว้ใช้มัดของ ลานเลี้ยงไก่ในูเาเริ่มปล่อยลูกไก่ออกมาเลี้ยงแล้ว แม้จะยังศึกษาไม่พบว่าต้องใช้อุณหภูมิเท่าใดจึงจะสามารถฟักไข่ไก่ออกมาได้ แต่ลูกไก่ที่ควรจะซื้อมา นางก็หาคนไปซื้อมาแล้ว ส่วนลูกหมูก็ได้ปล่อยเอาไว้บนูเาแล้ว ปล่อยเลี้ยงไว้เป็หมูป่า ในวันนี้บนูเามีสองสามีภรรยาจ้าวซื่อและคนงานระยะยาวพักอาศัยอยู่ที่นั่น หนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาที่พักของคนงานระยะยาว อีกทางหนึ่งก็แก้ไขปัญหาคนคอยดูแล
ตอนกลางวันให้น้องห้ากับน้องหกและพวกเด็กๆ พากันไปตัดหญ้าและสิ่งอื่นๆ มาใส่เข้าไปในลาน แม้จะไปเล่นก็จะเล่นอยู่ที่นั่น อย่างไรตอนกลางวันผู้ใหญ่ล้วนต้องทำงาน พวกนางที่เป็เด็กวัยกำลังโตให้เป็คนรับผิดชอบเฝ้าหมูกับลูกไก่ สำหรับน้องหก อาเซิงและเสี่ยวสือโถวแล้ว สามารถปกป้องูเาได้ ถือว่าเป็เกียรติของพวกเขา
เอาคำพูดของน้องหกมาพูดก็คือ “ท่านพี่ ท่านวางใจแล้วมอบหน้าที่ให้พวกข้าทำเถิด ตอนสายพวกข้าไปเรียนหนังสือที่ห้องเรียน ตอนนั้นก็ให้เสี่ยวสือโถวกับท่านน้าดูไป ตอนบ่ายหลังจากที่ข้ากับอาเซิงเลิกเรียนแล้วจะมาเปลี่ยนกับพวกเขาได้ งานพวกนี้พวกข้าจะทำโดยไม่พูดอะไร แต่ท่านพี่จะต้องจ่ายค่าแรงให้กับพวกข้า ไม่เช่นนั้นไม่มีแรงจูงใจ”
เื่เป็เช่นนี้ จากคำขอของน้องหก เฉินเนี้ยนหรานรับคำ ขอแค่ดูแลดี ให้อาหารได้ไม่เลว ถึงตอนที่ได้เงินจากการขายไก่และหมู จะพิจารณาในส่วนของพวกนางด้วย
สำหรับเื่ที่ตนเองสามารถใช้ความสามารถหาเงินมาได้ เด็กน้อยพึงพอใจพอสมควร ดังนั้นหลายวันที่ไปเรียนนางจึงถูกพวกเด็กๆ ที่เรียนด้วยกันอิจฉา
หลังจากจัดการเื่ไก่เสร็จแล้ว เฉินเนี้ยนหรานยังไปดูบัวกับปลาที่ปลูกและเลี้ยงเอาไว้ในบ่อด้วยตนเอง สิ่งที่ทำให้นางยินดีคือปลาไม่ได้ตายเพราะเลือกสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ กลับกันอาจเพราะเป็แหล่งน้ำจากที่เดียวกัน ปลาพวกนี้จึงมีชีวิตอยู่ในบึงอย่างมีความสุขมาก
