ในอาคารหลังหนึ่ง มีทหารวังสิบกว่าคนบุกเข้าไปด้านในและทำการลงมือสังหารอย่างต่อเนื่องโดยไม่ไว้ชีวิตใครเลยแม้แต่คนเดียว
ที่นั่นเป็จวนของเสนาบดีกรมพิธีการ ส่วนตัวของเสนาบดีนั้นตอนนี้อยู่ที่ตำหนักิหุน ดังนั้นเขาเลยไม่ได้อยู่เฝ้าจวนของตน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกำลังกลับมา แต่ว่าในเวลานี้เขายังไม่อยู่
กลุ่มทหารวังสิบกว่าคน มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเป็ผู้นำที่ออกค้นทุกซอกทุกมุมในจวน และในที่สุดก็เหมือนเขาจะเจอเข้ากับอะไรบางอย่างที่ห้องเก็บฟืน จากนั้นเขาก็ใช้เท้าถีบประตูในทันที
ประตูห้องเก็บฟืนถูกถีบออก ด้านในมุมมืดของห้องนั้นมีสองแม่ลูกกำลังนั่งตัวสั่นอยู่ พวกนางคือลูกสาวและฮูหยินของเสนาบดีกรมพิธีการ!
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังมาจากตำหนักอื่นพวกนางก็รู้ทันทีว่าจะต้องเกิดเื่ไม่ดีขึ้นแน่ พวกนางทำได้แค่หลบอยู่ในห้องเก็บฟืน แต่ถึงจะเป็ห้องที่อยู่ห่างไกลผู้คนก็ยังถูกพบตัวอยู่ดี!
“ข้าขอร้องล่ะ ... อย่าฆ่าพวกเราเลยนะ ... ข้าขอร้องล่ะ ... ฮือ ... ”
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งน้ำตานองหน้า นางร้องอ้อนวอนและกอดลูกสาววัยสิบห้าปีเอาไว้แน่น
พวกนางอ่อนแอเกินไปแล้ว
“เหอะๆ อยากรอดอย่างนั้นหรือ?”
ผู้นำของทหารวังคนนั้นมีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกระดับกระชากิญญาสูงสุด ถือเป็คนที่มีพลังฝีมือสูงสุดและเป็หัวหน้าของทหารวังกลุ่มนี้
เขามองไปที่ผู้หญิงทั้งสองคนแล้วยิ้มออกมา “หากพวกเ้าปรนนิบัติข้าจนพอใจ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะพิจารณาปล่อยพวกเ้าไปก็ได้ ฮึฮึฮึฮึ ... ”
ชายวัยกลางคนยิ้มร้าย จากนั้นก็ส่งสัญญาณไปยังทหารวังทั้งสิบคนด้านหลัง คนที่เหลือก็เหมือนจะรู้กัน ทุกคนถอยออกนอกห้องไปหมดแล้วเตรียมที่จะปิดประตู
“ไม่ ... อย่าแตะต้องลูกสาวข้านะ นางเพิ่งจะอายุสิบห้า เ้าจะทำอะไรกับข้าก็ได้ ... แต่ขอร้องล่ะอย่าแตะต้องลูกสาวข้านะ ... ” ผู้เป็แม่ขยับมาจับขาของชายคนนั้นแล้วเกาะขาของเขาเอาไว้ ท่าทางของนางดูเศร้าเสียใจอย่างมาก
ส่วนเด็กสาวอายุสิบห้าที่หน้าตาน่าเอ็นดูก็หดตัวร้องไห้ตัวสั่นไม่หยุด
“หลีกไป! ข้าจะเอ็นดูลูกสาวของเ้าก่อนเลย แล้วค่อยจัดการเ้าทีหลัง”
ทหารวังตบหน้าหญิงผู้เป็แม่ก่อนจะตะคอกใส่ แล้วก็เดินยิ้มร้ายไปหาเด็กสาวอายุสิบห้าคนนั้น
นั่นมันลูกและภรรยาของเสนาบดีกรมพิธีการเลยนะ เมื่อก่อนเขาจะไปกล้าคิดได้อย่างไรว่าจะได้เชยชมหญิงสาวที่หน้าตางดงามสองคนแบบนี้ นี่เป็เื่ที่ดีมากทีเดียว!
บัญชาของฝ่าาตี้หลิงเขาต้องทำตามอยู่แล้ว เมื่อเขากับพี่น้องของพวกเขาได้ระบายอารมณ์ได้เชยชมแม่ลูกคู่นี้แล้ว พวกเขาก็จะฆ่าพวกนางทิ้ง!
“เ้า ... เ้าอย่าเข้ามานะ!”
เด็กผู้หญิงร้องเสียงสั่น นางมีระดับขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สามระดับชุบกระดูกเท่านั้น จะสู้ชายวัยกลางคนคนนี้ได้อย่างไร ในสายตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ตู้ม!”
ในเวลานี้เอง หลังคาห้องเก็บฟืนก็ถล่มลงมาพร้อมกับมีเงาหล่นลงมาจาก้า ระหว่างที่ตกลงมานั้นก็มีแสงสะท้อนปาดไปที่ชายวัยกลางคนนั้นด้วย
ชายคนนั้นมีปฏิกิริยาไวอยู่ เขาจับดาบทองขึ้นมาแล้วฟันโต้กลับไป แต่แสงสีขาวนั่นเต็มไปด้วยพลังและมีความรวดเร็วอย่างมาก มันฟันทะลุดาบทองไปปาดคอของเขาในทันที!
ในเวลานี้ทุกคนนั้นถึงได้เห็นชัดว่า แสงนั่นมันเป็เป็หอกยาวสองเมตร!
คนที่มานั้นถือหอกด้วยมือข้างเดียว สวมเสื้อคลุมสีดำ ร่างกายกำยำ สวมชุดเกราะสีเงิน หน้าตาขึงขัง และมีสีหน้าที่จริงจัง!
คนคนนี้คือหวงเฟิง หนึ่งในสามขุนพลคนสนิทของเสวียปู้หุ่ย เขามีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ดระดับหลอมความเป็เทพ!
ผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกระดับกระชากิญญาสูงสุดคนหนึ่งจะสู้เขาได้อย่างไรกัน
“เอ่อ ... ”
ดวงตาของชายวัยกลางคนเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อหวงเฟิงดึงหอกของตนกลับมาร่างกายของเขาก็หมดเรี่ยวแรงแล้วล้มลง
ทหารวังอีกสิบกว่าคนต่างก็หนีกันกระจัดกระจาย แต่หวงเฟิงก็ตวัดหอกจนทำให้เกิดแรงะเิจากลมให้พุ่งเข้าเล่นงานสิบคนนั้น ทหารกว่าสิบคนถูกสังหารจนสิ้น!
“ขอบคุณใต้เท้าที่ช่วยเหลือ!” หญิงวัยกลางคนที่เดิมนั้นสิ้นหวังไปแล้ว ในเวลานี้ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
หวงเฟิงพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “พวกเ้าแค่ต้องมีชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็งก็พอ เื่ต่อจากนี้มอบให้พวกเรา ราชวงศ์ต้าิ จะต้องอยู่อย่างรุ่งเรืองตลอดไป”
เมื่อครู่ิเฉินเหยียนปล่อยสัญญาณเตือนภัยที่ร้ายแรงสูงสุดออกไป แม่ทัพอย่างพวกหวงเฟิงต่างก็มุ่งหน้ามาจากที่ต่างๆ และสังหารทหารวังมาตลอดทางเพื่อหยุดยั้งไม่ให้พวกเขาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์!
พวกเขาเห็นองค์ชายิอวี่แห่งราชวงศ์ต้าิสู้กับตี้หลิงเสวียนอย่างองอาจ ในใจก็เกิดความฮึกเหิมขึ้นมา
ถึงแม้การที่ิอวี่กับตี้หลิงเสวียนสู้กันมันจะเหนือความคาดหมายของพวกเขามากแล้ว และพวกเขาก็ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงสถานการณ์การต่อสู้นั้นได้ แต่ว่าพวกเขาสามารถขัดขวางการกระทำของเหล่าทหารวังได้
เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้สามารถอุทิศตนให้ราชวงศ์ต้าิได้เพียงน้อยนิด พวกเขาทุกคนก็ยอมทำเพื่อปาฏิหาริย์เพียงเล็กน้อยที่อาจจะเกิดขึ้น!
หวงเฟิงหันหลังแล้ววิ่งออกจากเรือนเข้าสังหารเหล่าทหารวังอีก หอกสีเงินของเขาตวัดกวัดแกว่งไปทั่วเข้าสังหารพวกทหารวังที่ขาดสติอย่างต่อเนื่อง!
ไม่เพียงแค่หวงเฟิง แม่ทัพทหารที่ภักดีต่อต้าิทุกคนที่ได้เห็นสัญญาณเตือนภัยสูงสุดก็ล้วนแต่เริ่มลงมือเพื่อปกป้องคุณธรรมที่อยู่ในใจของพวกเขา
รอบนอกวังหลวงที่ห่างออกไปสิบลี้ถูกทหารวังสวมชุดเกราะสีทองล้อมเอาไว้จนมิด ลมปราณของพวกเขาแข็งแกร่ง มันเหมือนกำแพงเหล็กที่แ่าไม่อาจข้ามผ่านไปได้
แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนที่ของฝีเท้าที่หนักแน่นดังขึ้น และเสียงนั่นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหล่าทหารวังที่อยู่รอบนอกเริ่มระวังตัวกันขึ้น
จากนั้นไม่นานพวกเขาก็พบว่า บริเวณที่ราบที่ห่างออกไปมีทหารสวมชุดเกราะสีเทากลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาด้วยท่าทางที่ดุดันและองอาจ!
ทหารวังสวมชุดเกราะสีเทา คือทหารใต้สังกัดของเสวียปู้หุ่ยที่เคลื่อนพลมาจากนอกวัง!
ถึงแม้เสวียปู้หุ่ยจะสละชีวิตของเขาไปแล้ว ทหารเหล่านี้จึงไร้ผู้นำ แต่ว่าเมื่อเห็นระลอกคลื่นสัญญาณสีดำที่ถูกปล่อยออกมา พวกเขาก็รีบรวมตัวกันและมุ่งหน้ามาที่วังหลวงในทันที
พวกเขานึกเอะใจอยู่ก่อนแล้วว่าทำไมทหารสังกัดเซิ่นเจิ่นโหวถึงได้มาล้อมอยู่นอกวังหลวงกันหมด แล้วทำไมพวกเขาถึงถูกไล่ให้ไปอยู่ชายแดน?
ดูท่า วังหลวงกำลังเกิดศึกใหญ่บางอย่างขึ้น!
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่าในเวลานี้ ถึงแม้จะมีสถานะเหมือนกัน สวมชุดทหารวังเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาคือศัตรู ไม่ใช่มิตร!
“ฆ่า! ... ”
เสียงทหารวังจำนวนมากะโขึ้นพร้อมกันแล้วชักดาบออกมาและลงมือบุกไปทางประตูใหญ่ ทำให้ทหารวังทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ขึ้นมาในทันที!
ในเวลานี้เอง ทหารวังกว่าสองแสนคนที่เซิ่นเจิ่นโหววางกำลังเอาไว้ที่จุดสำคัญของวังหลวงทางทิศใต้ ตะวันตก และเหนือ ล้วนถูกทหารวังอีกสามกองถล่มเล่นงานด้วยเช่นเดียวกัน!
ทหารแปดแสนนายของเซิ่นเจิ่นโหวที่เฝ้าประจำการในวังหลวงเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาได้นั้น ถูกทหารแปดแสนนายของเสวียปู้หุ่ยบุกเล่นงานสังหารอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นพวกเขาก็ทยอยเคลื่อนพลเข้ามาโดยรอบบริเวณวังหลวงและมุ่งหน้าไปยังตำหนักิหุน เสียงโห่ร้องะโสังหารดังก้องไปทั่ว!
มันไม่ใช่แค่าที่ปะทะกันแค่ร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังเป็การสู้กันด้วยความเชื่อและจิตวัญญาณ!
มันเป็าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ต้าิ!
ที่ห่างออกไป ทหารวังกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด เสียงกระทบของอาวุธดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องโหยหวนและเสียงร้องะโสังหารดังก้องปะปนวุ่นวายไปหมด ลมปราณหนาแน่น ทั่วทุกพื้นที่เต็มไปด้วยอันตราย!
และในเวลานี้เอง ตำหนักิหุนใจกลางวังหลวง ิอวี่กับตี้หลิงเสวียนเองก็ยืนเผชิญหน้าห่างกันสามสิบเมตร
ตี้หลิงเสวียนมือถือกระบี่ศาสตราเหล่ยเจี้ยนสีแดงเื ส่วนในมือของิอวี่นั้นก็ถือกระบี่ยาวสามฉือ มันคือกระบี่หวงฉวน!
เมื่อครู่ ตี้หลิงเสวียนฟันกระบี่สายฟ้าออกไป ิอวี่ก็เปิดใช้งานสถานะหยินขั้นสูงสุดขึ้นมาทันที สถานะนี้ได้มอบความเ็าและความว่องไวให้กับเขา และในขณะเดียวกันิอวี่ก็อัญเชิญกระบี่หวงฉวนออกมาเช่นกัน เพื่อป้องกันอานุภาพของกระบี่สายฟ้าของตี้หลิงเสวียน
กระบี่สายฟ้าของตี้หลิงเสวียนก่อตัวจากพลังงานสายฟ้า แม้แต่ความคมของกระบี่ก็เต็มไปด้วยพลังของสายฟ้าด้วย เมื่อรวมกับสถานะพิโรธของตี้หลิงเสวียนแล้วถือว่ามีอำนาจอย่างมหาศาล และก็ยังสู้กับิอวี่ได้ผลเสมอออกมา สำหรับตี้หลิงเสวียนแล้วมันเหนือความคาดหมายมาก!
ในความเป็จริงแล้ว สถานะหยินขั้นสูงสุดที่ิอวี่เปิดใช้งานไม่ว่าจะเป็ระดับจิตใจหรือความเร็วก็ล้วนแต่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งกระบี่หวงฉวนในมือที่แฝงไปด้วยลมปราณแห่งความตาย ยังมีพลังงานจากหมอกน้ำแข็งสีดำ รวมถึงพลังเทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัว มันถึงสามารถต้านพลังการโจมตีของตี้หลิงเสวียนเอาไว้ได้
เมื่อเห็นหมอกไอเย็นสีดำที่กระจายอยู่ทั่วตัวของิอวี่พร้อมกับกระบี่ยาวสามฉืออยู่ในมือ แบบนี้ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาได้อีก
ตอนนี้ิอวี่ยืนอยู่ในจุดที่สูงเช่นเดียวกับตี้หลิงเสวียนแล้ว!
มันทำให้ตี้หลิงเสวียนรู้สึกแย่อย่างมาก เดิมเขาคิดว่าิอวี่ก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ระหว่างการต่อสู้พลังของิอวี่กลับเติบโตอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งในเวลานี้กลับมีระดับที่ไม่ต่างจากเขาเลย!
ตี้หลิงเสวียนััได้ว่าิอวี่ปล่อยจิติญญาที่หนาวสะท้านิญญาออกมา มันทำให้เขารู้สึกอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว!
ตี้หลิงเสวียนรู้ดี เขาต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีเท่านั้นถึงจะสามารถสังหาริอวี่ลงได้
ในเวลานี้ ตี้หลิงเสวียนเห็นิอวี่เป็ศัตรูตัวฉกาจไปแล้ว สายตาสีเืของเขานั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารที่แรงกล้า!
“ิอวี่ จับกระบี่ในมือของเ้าให้ดี การเคลื่อนไหวของข้าหลังจากนี้สามารถจะทำให้เ้าตายภายใต้กระบี่ของข้า และถือเป็เกียรติอันสูงสุดในชีวิตของเ้าด้วย!”
ทันใดนั้นเอง กระบี่สายฟ้าในมือของตี้หลิงเสวียนก็พุ่งแทงตรงไปที่บริเวณหน้าอกของิอวี่ทันที
กระบี่นั้นแฝงไปด้วยพลังงานที่น่ากลัว มันดูโกรธเหมือนกับในใจของเ้าของ มันออกมาจากจิตใจลึกๆ ของเขาทั้งหมด!
แต่สถานะของิอวี่นั้นกลับแตกต่างไปจากตี้หลิงเสวียนโดยสิ้นเชิง หมอกไอน้ำแข็งสีดำแผ่รอบตัวเขา สติของเขาชัดเจนมาก เืเย็นมากถึงมากที่สุด จิตสำนึกในการสังหารถูกปล่อยออกมาทำให้เขาเหมือนตกลงไปในหุบเขาแข็งและจิตใจแตกซ่าน!
ิอวี่เยือกเย็นเกินไปแล้ว ภายใต้สถานะหยินขั้นสูงสุดมันทำให้เขาไม่ต่างอะไรกับนักฆ่ามือสังหารที่เข่นฆ่าผู้คนมาแล้วนับแสนราย เมื่อเผชิญหน้ากับแสงของกระบี่ที่กำลังพุ่งแทงออกมา เขาไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือความตระหนกเลย แต่กลับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยด้วย
มันเป็รอยยิ้มของเทพมรณะ!
