ร่างบางหิ้วตะกร้าสะพายหลังเดินออกจากจวนของเฮ่อ เหวินเจ๋อไปด้วยท่าทางรีบร้อน นางมาอยู่ในอำเภอถงอันได้เกือบสามเดือนแล้ว จึงทำให้คุ้นชินกับเส้นทางเป็อย่างมากโดยมิต้องมีผู้นำทาง จวนของเฮ่อเหวินเจ๋อตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกรอบนอกเกือบสุดกำแพงเมือง ค่อนข้างไกลจากตลาดทำให้เวลาที่ต้องไปซื้อของลู่หยวนซีจำต้องหาทางลัดเพื่อย่นระยะเวลา
แม้เฮ่อเหวินเจ๋อจะบอกให้นางใช้รถม้าได้ตามสบาย แต่ลู่หยวนซีก็ไม่คิดรบกวนพวกเขาไปมากกว่านี้ เหตุผลก็เพราะนางและกู้จิ่งเหยียนมาอาศัยอยู่ที่เรือนของพวกเฮ่อเหวินเจ๋อโดยมิได้จ่ายค่าเช่านั่นก็ทำให้นางรู้สึกเกรงใจเขามากพออยู่แล้ว อีกอย่างคือคุณชายผู้เอาแต่ใจไม่ชอบให้นางเข้าไปพัวพันหรือสนิทกับเขามากเกินไป ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
นางเดินไปดีกว่าจะได้คุ้นชินเส้นทางในเมืองด้วย เผื่อว่าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจะได้มีทางหนีทีไล่เอาไว้เพื่อช่วยเหลือตนเอง ร่างบางเดินเข้าในซอยเล็กแห่งหนึ่งด้วยท่าทางรีบร้อน แม้จะเป็เช่นนั้นแต่การก้าวเดินของนางกลับรวดเร็วและแ่เบาราวกับนางกำลังจะโบยบินขึ้นฟ้า แต่แล้วเมื่อลู่หยวนซีที่กำลังรีบอยู่นั้นกลับต้องชะงักไป เพราะเสียงพูดคุยดังแว่วออกมาจากเรือนหลังหนึ่ง
นางหยุดยืนเพื่อฟังเสียงนั้นเล็กน้อย ก่อนที่ประตูด้านหลังเรือนจะเปิดออก ชายชราผมขาวแซมดำที่ลู่หยวนซีคุ้นหน้าเดินออกมาพร้อมกับผู้ช่วยของเขา นางเห็นดังนั้นจึงได้เอ่ยทักขึ้น
“ท่านหมอ บังเอิญเสียจริงท่านมารักษาใครที่นี่อย่างนั้นหรือ”
ลู่หยวนซีมองเข้าไปด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น โดยที่ลืมไปแล้วว่าตนเองกำลังจะรีบไปไหน หมอชราที่ได้ยินเสียงทักขึ้นเขาก็เงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าเป็สตรีน้อยนางนั้นเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“แม่นางเ้านั่นเอง ข้ากำลังกังวลอยู่พอดีเลยว่าจะไปตามหาเ้าได้ที่ไหน เ้ามาอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วได้โปรดช่วยเหลือข้าสักเื่เถิด”
ลู่หยวนซีเลิกคิ้วมองหมอชราด้วยความสงสัย ท่านหมอผู้นี้้าให้นางช่วยเหลือสิ่งใดกันแน่ ร่างบางถูกพาเข้าไปทางประตูหลังของเรือนหลังนั้นที่หมอชราพึ่งจะกลับออกมา ที่นั่นมีชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งกำลังเดินวนไปวนมาด้วยท่าทางเป็กังวล ลู่หยวนซีเห็นหมอชราพูดคุยอะไรบางอย่างกับคนเ่าั้เล็กน้อยก่อนที่เขาจะพยักหน้าเป็เชิงตอบรับ จากนั้นสายตาทุกคู่ก็มองตรงมาที่นางเป็จุดเดียว
“แม่นาง ภายในห้องนั้นมีคนที่ได้รับาเ็สาหัสอยู่ ข้าอยากขอร้องให้เ้าช่วยชีวิตเขาได้หรือไม่ .....กระบี่ที่ปักอยู่ที่หน้าอกของเขาเฉียดใกล้หัวใจเป็อย่างมาก ถ้าหากดึงอย่างไม่ถูกวิธีรับรองว่าเขาไม่มีทางรอดเป็แน่”
หมอชราเอ่ยออกมาเสียงเบาในตอนท้าย ลู่หยวนซีมีท่าทีลังเลเล็กน้อย นางไม่สามารถเปิดเผยความลับความสามารถของตนเองได้ เื่รักษาคนเจ็บนางไม่กังวล แต่ดูท่าทางคนพวกนี้คงไม่ปล่อยให้นางอยู่ตามลำพังกับคนเจ็บเป็แน่ ช่างเถอะเื่นี้ไม่ใช่นางที่เป็คนตัดสินใจเสียหน่อย หากพวกเขาไม่ยินยอมเช่นนั้นนางก็แค่...... แย่แล้วนางกำลังจะไปซื้อของมาทำอาหารให้คุณชายนี่นา ท่าทางร้อนรนที่ลู่หยวนซีแสดงออก ทำให้ท่านหมอถามนางด้วยความสงสัย
“แม่นาง มีอะไรอย่างนั้นหรือ”
“ปะ...เปล่าเ้าค่ะ เช่นนั้นก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าระหว่างที่ข้ารักษาคนเจ็บ ห้ามมีผู้ใดรบกวนเด็ดขาด หากไม่ยินยอมเช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน เพราะคุณชายของข้ากำลังรอทานอาหารอยู่”
ลู่หยวนซีลองถามหยั่งเชิงคนเ่าั้ ก่อนที่จับสังเกตสีหน้าของแต่ละคน
“นี่!!! เ้าเห็นการทานอาหารของคุณชายของเ้าสำคัญกว่าการรักษาฝ่า...เอ่อนายท่านของเราอย่างนั้นหรือ”
ลู่หยวนซีหันไปมองบุรุษร่างสูงผู้หนึ่งที่มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาท่าทางเหมือนคุณชายเอาแต่ใจ มองดูแล้วอายุของเขาไม่น่าจะเกินยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี เขาชักกระบี่ชี้มาทางลู่หยวนซีด้วยท่าทีเดือดดาล บุรุษอีกคนที่สูงใหญ่ไม่แพ้กันดูมีอายุมากกว่าเขาเล็กน้อยยกมือขึ้นปราม จากนั้นจึงหันมาที่นาง
“แม่นางเ้ามั่นใจอย่างนั้นหรือว่าจะสามารถช่วยชีวิตนายท่านของเราได้”
ลู่หยวนซีเอียงหัวเล็กน้อยก่อนตอบแบบกำปั้นทุบดิน
“ถ้าพวกท่านไม่เชื่อในฝีมือของข้าเช่นนั้นก็ต้องขอตัวก่อน เชิญพวกท่านรักษากันเองก็แล้วกัน อีกอย่างข้าไม่รู้จักพวกท่านและไม่ว่าเื่ใดสำหรับข้าแล้วล้วนไม่สำคัญเท่ากับคุณชายของข้าแน่นอน”
ลู่หยวนซีเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยังมองไปทางชายที่เคยชี้กระบี่มาที่นางด้วยสายตาของผู้ที่เหนือกว่า บุรุษที่มองดูแล้วเหมือนจะเป็หัวหน้าของเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหมดพยักหน้ารับ ก่อนที่จะผายมือเชิญให้นางเข้าไปด้านใน เมื่อเห็นดังนั้นลู่หยวนซีก็ไม่คิดต่อปากต่อคำอีก ในเมื่ออีกฝ่ายยอมให้เกียรตินางเช่นนั้นนางก็ย่อมต้องลดทิฐิของตนลงมาเช่นกัน ร่างบางเดินตามเข้าไปในเรือนก่อนที่จะได้กลิ่นคาวเืที่ลอยคละคลุ้งอยู่ภายใน ทั้งที่มีธูปหอมจุดเอาไว้แต่ก็ยังไม่สามารถกลบกลิ่นของเืได้ ดูท่าทางคนผู้นี้คงจะเจ็บหนักไม่น้อย
“พวกท่านออกไปเถอะ ไม่นานก็เสร็จแล้ว” ลู่หยวนซีมิได้มีท่าทีตื่นตระหนกเหมือนครั้งแรกที่นางรักษากู้จิ่งเหยียน แม้แต่เผาคนเป็ๆ นางก็ทำมาแล้วเื่แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยยิ่งนัก ร่างบางเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนที่มีร่างที่จมกองเืนอนหายใจรวยริน บนหน้าอกของเขามีกระบี่หักสีขาววาววับปักอยู่
นางใช้ระบบรักษาสแกนร่างกายของเขา พบว่ายังมีาแน้อยใหญ่แต่ไม่สาหัสเท่ากับรูที่หน้าอกของเขา นางไม่คิดที่จะรั้งรอเวลา ไม่นานลู่หยวนซีก็ทำการดึงกระบี่เล่มนั้นออกมา จากนั้นก็ทำการรักษาาแที่อยู่บนร่างกายของบุรุษผู้นั้น เหงื่อที่ผุดขึ้นที่หน้าผากของนางบ่งบอกว่ากำลังของลู่หยวนซีกำลังจะหมดไป นางอดทนรักษาาแของคนที่นอนอยู่ตรงหน้า ก่อนเสียงตุ๊บจะดังขึ้นภายในห้อง เหล่าชายฉกรรจ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงนั้นต่างก็พากันมองไปยังประตูที่ถูกปิดเอาไว้
ชายคนที่ชี้กระบี่มาที่ลู่หยวนซีเป็คนที่ถีบประตูพุ่งเข้าไปในห้องเป็คนแรก เมื่อมองไปยังเตียงนอนที่มีเ้านายของตนก็พบว่า สตรีที่เข้ามาข้างในก่อนหน้านี้กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงกลับกำลังลุกขึ้นนั่ง ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รับาเ็มาก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้