เล่มที่ 8 บทที่ 213 หนูทอง
ท้องฟ้าสดใสมาตลอดสองวันหนึ่งคืนที่เดินทางจากเมืองวั่งไห่มาเกาะปริศนา ไม่มีคลื่นลมแรงแม้แต่น้อย แถมยังเป็แถบน้ำตื้น จึงมีมารปีศาจไม่มาก ตลอดทางนอกจากฝึกวิชาประจำวันแล้ว หลินเฟยก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย จึงรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง…
แต่หลินเฟยก็โชคดีไม่น้อย เพราะมีเพื่อนร่วมทางอีกสามคน หนึ่งในนั้นก็คือเว่ยฟงที่น่าจะออกมาท่องโลกกว้างเป็ครั้งแรก ไม่ว่าเจออะไรก็ดูจะตื่นเต้นไปเสียทุกอย่าง เอาแต่ถามโน่นถามนี่ตลอดทาง ส่วนเกาชิวก็เอาแต่อวดดีไม่หยุด ไม่ว่าจะรู้จริงหรือรู้ปลอม ล้วนต้องโม้เอาไว้ก่อน สำหรับหลินเฟยจึงถือเป็การฆ่าเวลาได้ไม่น้อยเลย…
บางทีก็น่าเบื่อเหมือนกัน…
อย่างน้อยหลินเฟยก็ได้รู้ว่า่เวลาที่ไปหุบเขาร่วนสือนั้น สามสำนักใหญ่ก็ได้ลงมือบ้างแล้ว ถึงกับส่งสามฝูงเรือรบและเหล่าศิษย์สายตรงมายังเกาะกลางทะเลแห่งนี้ เมื่อนับรวมกับทั้งสามฝูงเรือแล้ว ถือว่ามีผู้บำเพ็ญเกือบร้อยคนเลยทีเดียว ได้ยินว่าวันแรกที่ไปถึง ทั้งสามสำนักก็ตบตีกันชุลมุนไปหมดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ว่าได้…
เริ่มแรกเป็สำนักโยวิที่โจมตีสำนักกระบี่หลีซานก่อน จากนั้นสำนักกระบี่หลีซานก็ร่วมมือกับสำนักเชียนซานเพื่อจู่โจมสำนักโยวิคืน ทว่าจู่ๆสำนักเชียนซานก็กลับลำหันไปช่วยสำนักโยวิ จากนั้นก็ย้อนกลับมาโจมตีสำนักกระบี่หลีซาน ว่ากันว่าการต่อสู้ครั้งนั้นถึงกับก็มีผู้บำเพ็ญล้มตายเป็จำนวนมาก แม้แต่ผู้าุโของทั้งสามสำนักที่อยู่เมืองวั่งไห่ก็ยังนั่งไม่ติด ต้องรีบเดินทางไปสมทบเลยทีเดียว
หลินเฟยได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นทันที…
ดูท่าจะต้องมีสิ่งล้ำค่าบางอย่างอยู่ที่เกาะแห่งนั้นเป็แน่…
ไม่อย่างนั้นผู้าุโทั้งสามคงไม่ถึงขั้นออกโรงเองแบบนี้
ถึงอย่างไรเกาชิวก็มาจากสำนักหลิงเจี้ยง จึงมีความคิดไม่หลักแหลมเท่ากับศิษย์สายตรงของสามสำนักใหญ่ แม้เื่นี้จะฟังดูดุเดือดมาก แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว ก็เป็เพื่อนเื่ปั้นแต่งเท่านั้น เพราะผู้าุโขั้นจิงตันของสามสำนักมีฐานะสูงส่งมาก จะถ่อเดินทางมาเพราะการต่อสู้แค่นี้จริงๆหรือ?
เหล่าผู้าุโนั้นถือว่าเป็ผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้าของแถบทะเลอูไห่เลยทีเดียว
‘คนระดับนี้ล้วนพบเจออะไรมามาก หากไม่ใช่สมบัติล้ำค่าละก็ มีหรือที่จะยอมลงแรงเดินทางไปด้วยตนเอง?’
อีกอย่าง…
‘ศิษย์นับร้อยของสามสำนักใหญ่ อยู่ดีๆจะตีกันขึ้นมาได้อย่างไร?’
‘สงสัยเมื่อไปถึงแล้วจะต้องสืบดูเสียหน่อย…’
ในที่สุดเช้าวันที่สามเรือก็เทียบฝั่ง หวังหลงและหลินเฟยที่เพิ่งจะเสร็จจากการฝึกประจำวัน กำลังหลับตาพักผ่อนก่อนจะเตรียมตัวลงจากเรือ ส่วนเกาชิวก็กำลังนั่งเช็ดกระบี่ด้วยความตั้งใจ เมื่อเว่ยฟงเห็นก็รีบเดินเข้ามาด้วยความสนอกสนใจ
“เอ๋ ศิษย์พี่เกา ทำไมกระบี่นี้ดูประหลาดจัง…”
เมื่อพูดจบก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย
“แล้วทำไมมีแค่เก้ามนต์สะกดเล่า?”
ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปัั เกาชิวก็ตวาดใส่ทันที
“อย่ามาจับ!” เกาชิวพูดจบก็รีบเก็บกระบี่หนีทันที ราวกับกลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายััเข้า ก่อนจะพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
“นี่เป็กระบี่ัดำ ซึ่งเป็ยอดอาวุธของเมืองวั่งไห่เชียวนะ...”
“หื้อ?” เว่ยฟงได้ยินเช่นนั้นก็ใ รีบหดมือกลับมาทันที ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่สิ กระบี่นี้มีมนต์สะกดเพียงเก้าสาย แล้วจะเป็ยอดอาวุธได้อย่างไรล่ะ?”
“นี่เป็กระบี่ของร้านหลอมอาวุธฟานซื่อเชียวนะ แม้จะมีมนต์สะกดเพียงเก้าสาย แต่ก็มีพลังที่รุนแรงมาก แม้แต่อาวุธหยางฝูทั่วไปยังไม่อาจต้านทานได้เลย เพราะข้าสร้างคุณความดีให้แก่สำนัก จึงได้กระบี่นี้เป็รางวัลไงล่ะ...”
พูดถึงตรงนี้ เกาชิวก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงหันมาถามหลินเฟย
“จริงสิ เห็นเ้าบอกว่าเปิดร้านหลอมอาวุธที่เมืองวั่งไห่สินะ รู้จักร้านหลอมอาวุธฟานซื่อหรือไม่?”
“เอ่อ ร้านหลอมอาวุธฟานซื่องั้นหรือ?” หลินเฟยลูบจมูกอย่างเก้อเขินก่อนจะเอ่ยตอบ
“ก็ได้ยินมาบ้าง...”
“ได้ยินไหม ขนาดคนอย่างหลินเฟยยังรู้จักร้านหลอมอาวุธฟานซื่อ รู้หรือยังล่ะว่าร้านนี้มีชื่อเสียงเพียงใด จะบอกให้นะ ร้านหลอมอาวุธฟานซื่อถือเป็ตำนานของเมืองวั่งไห่เลยทีเดียว ทั้งร้านมีเพียงสามคนเท่านั้น คนแรกคือปรมาจารย์เจียงหลี คนที่สองคือปรมาจารย์ฟานซื่อ สองคนนี้มีฝีมือการหลอมอาวุธระดับแนวหน้าของเมืองเชียวล่ะ ได้ยินว่าแม้แต่ปรมาจารย์หวงยังต้องยอมแพ้มาแล้ว แต่ทั้งสองคนกลับไม่ใช่เถ้าแก่ที่แท้จริง ข้าได้ยินอาจารย์พูดว่า เถ้าแก่ที่แท้จริงของร้านหลอมอาวุธฟานซื่อคือผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน...” เกาชิวเอาแต่โม้ไม่หยุด แต่งแต้มเื่ราวใหญ่โตเกินจริงไปมาก จนหลินเฟยได้ยินแล้วถึงกับจำไม่ได้ว่านี่คือร้านหลอมอาวุธฟานซื่อของตน...
‘ปรมาจารย์เจียงหลี?’
‘แถมยังมีผู้บำเพ็ญจิงตัน?’
เว่ยฟงที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกล กำลังตกตะลึงจนอ้าปากตาค้างไปเสียแล้ว กระทั่งเรือใกล้จะเทียบฝั่ง เขาจึงได้สติกลับมา...
เมื่อเรือเทียบฝั่ง หลินเฟยจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะหากปล่อยให้เกาชิวพูดต่อไปละก็ หลินเฟยคงได้เข้าใจผิด คิดว่าตนเองเป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันไปเสียแล้ว...
ในตอนแรกเกาชิวตั้งใจจะสลัดหลินเฟยทิ้งหลังจากลงเรือ เพื่อไปหาผู้บำเพ็ญมิ่งหุนเคราะห์สี่ถึงเคราะห์ห้ามาเพิ่ม ทว่าตามหาอยู่นานก็ยังไม่เจอ แถมเว่ยฟงก็เอาแต่ตามตื๊อไม่เลิก เกาชิวจึงทำหน้าง้ำจำใจเอ่ยออกมา
“ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ให้หลินเฟยตามมาแล้วกัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะ อย่าเป็ตัวถ่วงเด็ดขาด...”
หลังจากเอ่ยเตือนหลินเฟยไปอีกหลายประโยค เกาชิวก็หันมาพูดกับเว่ยฟง
“เอาล่ะ ศิษย์น้องเว่ย ปล่อยหนูทองออกมาได้แล้ว”
“ได้เลย!” เว่ยฟงได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้ารับก่อนจะวาดมือให้เกิดเป็ค่ายกล ทันใดนั้นก็มีหนูสีทองตัวน้อยขนาดเท่ากำปั้นมุดออกมาจากแขนเสื้อของเว่ยฟง เ้าหนูตัวนี้ฉลาดไม่เบาเลยทีเดียว พอมันเห็นว่ารอบด้านมีคนแปลกหน้า มันก็นอนลงแกล้งตายทันที ไม่ยอมขยับตัวแม้แต่น้อย กระทั่งเว่ยฟงโยนหินิญญาสองก้อนออกไป เ้าหนูถึงลุกขึ้นรีบตะปบรับก่อนจะกัดกินเสียงดังแจ๊บๆ หลังจากกลืนกินหินิญญาสองก้อนจนอิ่มหนำเต็มที่แล้ว เว่ยฟงจึงบงการมันอีกครั้ง พริบตาถัดมาเ้าหนูทองก็มุดหายเข้าไปในดงไม้ทันที...
“ตามไปเร็ว!”
หลังจากที่คนทั้งสี่ตามเข้ามาในดงไม้ ก็เห็นเ้าหนูทองเกาะอยู่ที่ต้นไม้ มันกำลังตะเกียกตะกายเพื่อปีนขึ้นไป ทว่าปีนได้นิดเดียวก็ร่วงตกลงมาเสียก่อน เมื่อเกาชิวตามมาถึง เขาก็รีบชักกระบี่ัดำสะบั้นลงไปทันที จากนั้นก็มีผลไม้สีแดงร่วงตกลงมา หลังจากรับผลไม้มา เกาชิวก็ไม่คิดจะปรึกษาคนอื่น รีบเก็บเข้ากระเป๋าเฉียนคุนของตนเองไปทันที
“โชคดีไม่เบาเลยแฮะ ถึงกับได้ผลชื่อเหยียนเลยทีเดียว ศิษย์น้องหวังและศิษย์น้องเว่ย ข้ากำลังขาดผลชื่อเหยียนไว้หลอมยาพอดี ถ้าอย่างนั้นข้าขอก่อนล่ะ...”
สำหรับหลินเฟยนั้น...
ถูกเมินราวกับเป็อากาศธาตุทันที
หลินเฟยไม่สนใจผลชื่อเหยียนแม้แต่น้อย เพราะของสิ่งนี้พบได้ทั่วไปในพิภพหลัวฝู เพียงหนึ่งร้อยหินิญญาก็ซื้อได้สิบกว่าลูกแล้วด้วยซ้ำ ผู้บำเพ็ญด้านหลอมยาลูกกลอนส่วนมากมักจะใช้มันฝึกใน่ต้นเท่านั้น สิ่งที่หลินเฟยสนใจจริงๆ คือเ้าหนูทองของเว่ยฟงมากกว่า แม้จะหาสมบัติไม่เก่งเหมือนเทียนกุ่ยซึ่งเกิดจากเหรียญทองที่หาสมบัติได้ แต่ก็ถือว่าเป็ของล้ำค่าหายาก จึงไม่แปลกใจเลยที่เกาชิวยอมพาเว่ยฟงมาด้วย ที่แท้ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง...
ถ้าเดาไม่ผิด เคล็ดวิชาในการฝึกหนูทองจะต้องไม่ใช่เคล็ดวิชาทั่วไปเป็แน่ เกรงว่าเบื้องลึกของเว่ยฟงจะต้องลึกลับกว่าเกาชิวเป็แน่ หากคิดจะข้ามฝั่งแล้วทำลายสะพาน*ละก็ เกรงว่าเกาชิวนั่นแหละ ที่จะเป็ฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า...
(*ข้ามฝั่งแล้วทำลายสะพาน หมายถึง พอใช้งานจบแล้วก็ไม่เห็นค่า คิดทำลายทิ้ง)
หลังจากนั้นทั้งวันพวกเขาก็ปักหลักอยู่ที่เกาะทางใต้ โดยการนำทางของหนูทองนี้เอง จึงทำให้เจอของดีไม่น้อยเลย แต่เก้าในสิบล้วนกลับถูกเกาชิวใช้เหตุผลต่างๆนานาเก็บเข้ากระเป๋าเฉียนคุนของตัวเองไปคนเดียว เหลือเพียงของส่วนน้อยที่ไม่เข้าตาแบ่งมาให้หวังหลงกับเว่ยฟง ส่วนหลินเฟยก็ยังคงไม่สนใจเช่นเดิม...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------