ทว่าในตอนนั้นเอง เื่ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิด
เปรี๊ยะๆๆๆ!
เสียงะเิดังมาเป็ระลอกอย่างไร้สัญญาณบอกกล่าว
เืะเิพุ่งพราดออกจากอกสวี่เกออย่างไม่น่าเชื่อ
สวี่เกอก้มหน้ามองรูโบ๋เล็กฉ่ำเืแต่ละรูราวกับรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ใบหน้าเผยยิ้มขื่นขม ร่างกายค่อยๆ ล้มคว่ำ เขาเอ่ยด้วยความเสียดาย “หากไม่ได้ประมือกับฉินอู๋ซวงคนนั้นเพื่อทำลายอักขระนั่นเสียก่อน รอยจันทร์เพ็ญ จันทร์เพ็ญโค่นนภาของข้าผลาญกำลังภายในไปครึ่งหนึ่ง ข้าก็ไม่มีทางแพ้เ้าหรอก”
เ่ิูตอบไป “แต่นี่คือสมรภูมิ มิใช่การประลองยุทธ์”
“ข้าจะกลับมาอีกครั้ง” สวี่เกอทรุดลงเต็มคราบ พลังชีวิตตัดขาด ิญญาหลอมละลายเป็ลำแสงสีเขียว ตรงสู่กองบัญชาการฝั่งหงส์ฟ้าไป
ฉินอู๋ซวงเบิกตากว้าง ยากที่จะปกปิดความตระหนกใอย่างยิ่งยวด
เขารู้ในฉับพลันว่าตอนที่เ่ิูกับสวี่เกอประมือกันนั้น ตอนที่หอกนั่นสาดเป็สายฝนพรำ สวี่เกอก็ได้รับาเ็สาหัส ทว่าได้ใช้กำลังภายในกดแผลไม่ให้ะเิออกมา ทว่าพอสนทนาง่ายดายไม่ทันไร แผลที่อัดอั้นอยู่ก็ะเิออกมาจนได้ สวี่เกอไม่อาจกดดันมันไว้ได้อีกต่อไป...
สวี่เกอพ่ายแล้ว?
สวี่เกอพ่ายแล้วจริงๆ หรือ?
ตอนที่โรมรันอยู่กลางอากาศนั้น เกิดเื่บ้าอะไรกันขึ้น?
ลำพังแค่พึ่งกำลังสายตาเขาอย่างเดียว ก็ไม่อาจบอกได้ชัดเจนว่าเ่ิู ณ ตอนนั้นโจมตีสวี่เกออย่างไร ว่าโอกาสสังหารที่หอกสาดกระเซ็นเป็ดั่งห่าฝนรับหน้าวสันต์นั้น มีหอกทั้งหมดกี่สายกันแน่
ความรู้สึกหดหู่ครั้งมโหฬารเกินจะหาใดเปรียบ เกาะกุมใจฉินอู๋ซวงไว้จนสิ้น
ตัวเขาทุ่มเทกำลังถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่อาจล้มศัตรูผู้นี้ได้ ทว่ากลับถูกเ่ิูสังหารใน่ห้ำหั่นอันรวดเร็ว หนำซ้ำเมื่อการต่อสู้จบลงแล้ว เขายังไม่อาจมองออกในทันทีว่าผลแพ้ชนะท้ายสุดแล้วเป็เช่นไร...หรือระดับระหว่างเขากับเ่ิูจะไกลกันถึงเพียงนี้หรือไร?
ไกลออกไป
เ่ิูราวกับมองไม่เห็นฉินอู๋ซวงยืนตัวแข็งเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง แล้วก็มิได้ปรับลมปราณหรือคิดจะเยียวยาาแ กลับใช้หอกหักๆ ในมือเป็ไม้ตะบองอย่างลวกๆ เด็กหนุ่มะโกวัดแกว่งมันเข้าสังหารทหารปีศาจอักขระหลายสิบตนในสมรภูมิจนเกลี้ยง รับเอารางวัลแห่งการฆ่ามา
กำลังภายในที่ผลาญไปตอนสู้ศึกกับสวี่เกอได้ฟื้นฟูขึ้นมาส่วนหนึ่งแล้ว
หลังจากนั้น สนามรบก็เงียบงันลง
นักรบอักขระถอยร่นกลับไปในแดนไกล
เมื่อสวี่เกอกลับคืนสมรภูมิอีกครั้ง นักรบอักขระพวกนี้ก็จะถูกเทวรูปปกปักฝั่งหงส์ฟ้าฆ่าหมดแล้ว สำหรับสวี่เกอ เขาได้สูญเสียสิทธิ์ในการเก็บเกี่ยวรางวัลพลังอักขระที่แอบซ่อนในกายนักรบพวกนี้จนหมดสิ้น นับว่าเป็ความสูญเสียอันใหญ่หลวงอีกเช่นกัน
เ่ิูหันกลับแล้วเดินมาหาฉินอู๋ซวง
“อักขระแช่แข็งดวงนั้น เป็ของวิเศษที่เ้าได้มาตอนลงสนามจริงสองสามเดือนก่อนน่ะหรือ?” เ่ิูถามไถ่
ตอนที่เขาถูกกักตัวอยู่ในหอพิจารณ์นั้น เด็กหญิง่เี่ิได้เคยบอกว่า ตอนที่ฉินอู๋ซวงออกไปฝึกประสบการณ์อย่างโชกโชนมานั้น เขาได้ของวิเศษชิ้นหนึ่งมาด้วย พลังเพิ่มพูนมาก ถึงได้กล้าท้าประลองเยี่ยนสิงเทียน พอมาดูๆ ในตอนนี้แล้ว อักขระแช่แข็งเช่นนี้ กระทั่งสวี่เกอยังเกือบจะเพลี่ยงพล้ำ น่าจะเป็ของวิเศษที่นางบอกเป็แน่
ฉินอู๋ซวงสีหน้ายุ่งเหยิง เขาพยักหน้าราวกับคิดอะไรออก ถึงได้ถามอย่างไม่สู้ดี “หากไม่ใช่เพราะข้าผลาญพลังสวี่เกอไปมากก่อนหน้านี้ เ้าก็ไม่มีทางชนะเขาได้ง่ายๆ อย่างนี้หรอก”
เ่ิูยักไหล่ “ทำไมเล่า เ้าอยากให้ข้าเอ่ยขอบคุณหรือไง?”
ฉินอู๋ซวงไม่ตอบ
เขารู้ดีว่าพูดอะไรออกไปก็ไร้ประโยชน์ เด็กหนุ่มถึงได้หันกายเดินกลับไปเทวรูปปกปัก แล้วนั่งอยู่ในเขตอารักขา เริ่มปรับลมปราณ ฟื้นฟูาแ หลับตาไม่เอ่ยสิ่งใดอีกเลย
เ่ิูส่ายหน้า เขาหันหลังจะเดินไปทิศพงไพรไพศาล
“อ้อ อีกอย่างหนึ่ง เ้าพึ่งพาพลังของอักขระนั่นเอาชนะเยี่ยนสิงเทียนใช่หรือไม่?” เด็กหนุ่มถามเมื่อหันหลังเดินจากไป
ฉินอู๋ซวงสะดุ้งเล็กน้อย เขายืนขึ้นมาฉับพลัน ใบหน้าแดงเถือกเป็ริ้ว “ข้ารู้ว่าเ้าจะถามอะไร ข้าจะพูดอีกครั้งเดียว เื่ที่เยี่ยนสิงเทียนหายตัวไปนั่นไม่เกี่ยวอะไรกับข้า...”
เ่ิูพยักหน้าแล้วว่าต่อ “เอาเถอะ...เปลี่ยนเื่คุยดีกว่า หากข้าเป็เ้า ข้าจะไม่ผลักดันแนวรบอีก แต่จะรักษาสถานการณ์สมดุลของกำลังทหารทั้งสองฟากไว้ต่อไป...”
ฉินอู๋ซวงไหวตัวเล็กน้อยพลันก็เข้าใจแจ่มแจ้ง “เ้าจะกลับมาอีกใช่ไหม? เ้าจะเป็หมาในฉวยโอกาสงาบเหยื่อตอนราชสีห์สู้กันอย่างนั้นใช่ไหม?”
เขาหันกลับมามองพลางตอบกลับ “หากเ้าอยากชนะการแข่งขันใหญ่คราวนี้จริงๆ ก็ควรจะพิจารณาคำแนะนำของข้าให้ดี”
เอ่ยจบกายก็หายวับไป
เ่ิูมาปรากฏตัวอยู่ในพงไพรไพศาลที่ซึ่งต้นไม้เบียดเสียดกันแน่นขนัด
ฉินอู๋ซวงยืนอยู่ที่เดิม ไม่อาจล่วงรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ผ่านไปอึดใจหนึ่งถึงได้กลับไปใต้เทวรูปปกปักอีกครั้ง ปรับลมปราณ ฟื้นฟูกำลังภายในแข่งกับเวลา เยียวยาาแ ทว่าคราวนี้นั้นกลับพบว่าจิตใจขึ้นๆ ลงๆ ยากจะสงบนิ่งลงได้ ยากจะรวบรวมปณิธานเข้าสู่สภาพแห่งความปลอดโปร่ง
เ่ิูฆ่าสวี่เกอในเวลาฟ้าผ่ายังไม่ทันได้ยิน ภาพเ่าั้นำความตระหนก แตกตื่นและกระแทกอย่างจังมาสู่เด็กหนุ่มมากมายเหลือเกิน
ก่อนหน้านี้เขาแสนจะเชื่อมั่น วางแผนการไว้ดิบดีว่าจะท้าสู้เ่ิูต่อหน้าทั้งสำนัก ให้เหมือนกับตอนที่เ่ิูตะลุยศิษย์พี่ศิษย์น้องบนสังเวียนจนราบคาบ จะทำลายชื่อเสียงเกียรติยศทั้งหมดของาามารเย่ให้สิ้น ฉินอู๋ซวงคิดไว้แม่นมั่นว่าเ่ิูมิใช่คู่มือของเขาอีกต่อไป ถูกกักตัวไว้ในหอพิจารณ์ถึงสามเดือนเต็ม ไม่มีอาจารย์คอยให้คำชี้แนะสั่งสอน แล้วตัวเขาเองยังเจอเื่อัศจรรย์อีก...
ทว่าพอมาคิดดูอีกที ณ ตอนนี้ สิ่งอัศจรรย์ที่เ่ิูพานพบเหมือนจะมากกว่าเขาไม่รู้กี่เท่าตัว
“ข้าจะมีโอกาสโค่นเ้าตัวประหลาดชนชั้นล่างนี่ได้จริงๆ ใช่ไหม?”
ฉินอู๋ซวงถามตัวเองในใจ
...
...
กลางลานแสดงยุทธ์ปีหนึ่ง
หน้ากระจกศิลา
หมู่ชนบนลานกว้างทั้งหมดราวกับเข้าสู่มหกรรมการโห่ร้องกันคึกคักจนบ้าคลั่ง กอปรเสียงเพรียกหาและคำรามขึ้งทุกชนิดที่จะจินตนาการออก ราวกับพายุสลาตันสยายปีกไปทั่วสารทิศ เงาคนะโโลดเต้นประหนึ่งคลื่นั์สีทมิฬ ราวกับว่าการกระทำหรือคำพูดใดก็ไม่อาจแสดงอารมณ์ในใจพวกเขาออกมาได้ดีเท่าสองอย่างนี้อีกแล้ว
เหล่าศิษย์ปีหนึ่งบ้ากันไปแล้ว
“เห็นแล้วใช่ไหม? เบิกตามองไว้เป็บุญตาซะ อัจฉริยะคับโลกของพวกเ้า ศิษย์พี่สวี่เกอที่พวกเ้าโพนทะนาว่าไร้พ่าย ตายไปแล้วรอบหนึ่งเห็นไหม...” ใบหน้าแดงก่ำของสงเหยียนราวกับทาเืไก่มา เขาฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเอง คำรามโกรธเกรี้ยวต่อหน้าศิษย์สำนักหงส์ฟ้าตางามนางนั้น “ใครฆ่าเขากันนะ? ฮ่าๆๆ มองดูชัดๆ ซิ ไม่ใช่ภาพลวงตานะ ทุกคนบอกนางซิ ว่าใคร?”
“ศิษย์พี่เ่ิู!”
“ฮ่าๆ าามารเย่ฆ่าสวี่เกอเรียบร้อย!”
“าามารเย่ มีแค่าามารเย่เท่านั้นแหละคืออัจฉริยะที่แท้จริง!”
“ฮ่าๆๆ ข้ารู้อยู่แล้ว ข้ารู้อยู่แล้วโว้ย าามารเย่ไม่มีทางทำให้พวกเราผิดหวัง เขาสร้างปาฏิหาริย์มาตลอดั้แ่เริ่ม ไม่มีใครลบหลู่าามารเย่แล้วจะมีชีวิตรอดครบสามสิบสองหรอก...นี่ต่างหาก ที่เรียกว่าอัจฉริยะตัวจริง!”
“ฮ่าๆ ข้าพูดไว้นานนมแล้วใช่ไหม ศิษย์พี่เย่ให้ตายก็ไม่มีทางยอมแพ้หรอก”
ใบหน้าของศิษย์สำนักกวางขาวคนแล้วคนเล่า ตื้นตันยินดีส่ายไปส่ายมาอยู่หน้าศิษย์สำนักหงส์ฟ้าที่เหมือนเด็กกำพร้าถูกทิ้ง หลั่งรวมกับการถูกยั่วยุและเหยียดหยามให้บัดสีก่อนหน้านี้แล้ว ก็ราวกับูเาไฟที่อัดอั้นมานับปีไม่ถ้วนได้สะสมกำลังจนะเิออกมาจนหมดทุกหยาดหยด ทำลายล้างอุปสรรคและพันธนาการทุกอย่างที่ขวางหน้า
ศิษย์หญิงสำนักหงส์ฟ้าตางามจ้องกระจกศิลาอย่างจะเป็จะตาย
นางไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น
ศิษย์พี่สวี่เกอ คือการมีอยู่ของคนที่นางเชื่อมั่นมาเสมอว่าไม่มีทางพ่ายแพ้ ไม่มีทางมีใครอาจหาญพอเป็ศัตรู เป็คนที่โค่นล้มอัจฉริยะวัยเยาว์มาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน มีศิษย์พี่ศิษย์น้องนับไม่ถ้วนเป็ประจักษ์พยาน แท้จริงแล้ว.. ถูกสังหาร...แล้วจริงๆ!
เมื่อกระจกศิลากะพริบบอกผลการแข่ง ศิษย์หญิงพลันรู้สึกเหมือนฟ้าดินจะสลาย
เป็ความรู้สึกคลับคล้ายกับความศรัทธาพังทลาย
คนๆ นั้น...ศิษย์พี่สวี่เกอ แพ้ได้อย่างไรกัน?
าามารเย่ที่คนกวางขาวพูดถึง ผู้ชายที่ชื่อว่าเ่ิูเป็ตัวประหลาดอะไรกันแน่? เขาโผล่มาจากไหน ทำไมถึงฆ่าศิษย์พี่สวี่เกอได้ง่ายดาย? สำนักกวางขาวแห่งนี้มีตัวประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วยได้อย่างไร?
เหล่านักเรียนหงส์ฟ้ารอบด้าน ต่างก็ก้มหน้าก้มตาเหมือนตายสนิท และจิกเล็บแน่น
ความหยิ่งยโสในฐานะอันดับแรกๆ ของสิบยอดสำนักนั้น ราวกับถูกขยี้แหลกลาญไปในวินาทีนี้ ก่อนหน้ายามนี้ พวกเขาเผชิญหน้าสำนักหงส์ฟ้าได้ชนิดไร้ความหวาดหวั่นใด เป็เพราะมีเกียรติยศและศรัทธาคอยค้ำจุนอยู่ ทว่าตอนนี้ เมื่อได้มองเห็นใบหน้ายินดี ทระนง เปี่ยมเต็มด้วยสีหน้ายั่วยุ จองหองราวจะประกาศศักดาทั่วพิภพ ศิษย์หงส์ฟ้าก็ได้แต่จิกหมัดตัวเอง สุดท้ายก็ต้องปล่อยลง
ความระทมและะเืใจที่ไม่เคยคาดฝันว่าจะได้ยล กลายเป็ทอดถอนใจยาวอย่างห่อเหี่ยว
ณ บัดนี้นั้น สิ่งที่พวกเขาทำได้นอกจากการเงียบ ก็คือการเงียบ
...
...
ศาลาขึ้นฟ้า
เหล่าคณาจารย์ที่สีหน้าเคร่งขรึม บัดนี้สดใสขึ้นมามากมายนัก
เบื้องสูงของสำนักเองก็จับจ้องภาพอักขระตาเป็มัน ดวงตาวาววับสว่างไสว เมื่อได้เห็นการต่อสู้รวดเร็วประหนึ่งมีฟ้าแลบสองครั้งติด ทั้งสองครั้งต่างก็พึ่งเ่ิูปิดบัญชีทั้งสิ้น ทำให้เหล่าอาจารย์ที่เดิมทีเลิกคิดจะรอคอยและวาดหวัง เห็นแสงอรุณแห่งชัยชนะบนขอบฟ้าไกลๆ
หากเ่ิูยังทำได้เหมือนเช่นสองครานี้ไปเรื่อยๆ หากคอยรีบเข้าสนับสนุนทุกครั้งไป เช่นนั้นแล้ว...อาจจะพลิกสถานการณ์ได้หรือเปล่านะ?
เี๋เี่ายืนก้มหน้าอยู่กลางฝูงชน
ครานี้นางไม่เอื้อนเอ่ยอันใด
เพราะนางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงสายตาของหัวหน้าหมวดหวังที่เหลือบมองนาง เยือกเย็นจนหนาวสะท้านประหนึ่งมีดดาบ เป็คำเตือนเลือนรางอย่างที่สุด แต่เี๋เี่ากลับอ่านความหมายได้หมดสิ้น หากนางพูดอะไรออกไปอีกแม้แต่ประโยคเดียว หรือแม้แต่คำเดียว น่ากลัวว่าหวังเยี่ยนจะบี้นางจนเละคามือแน่
อยู่ในสำนักกวางขาวมาสามปีไม่เคยมีเื่บาดหมางใดกับอาจารย์ นางเป็ศิษย์รักเสมอมา ยังไม่เคยเผชิญกับสายตารังเกียจเคลือบแฝงจิตสังหารเช่นนี้มาก่อนเลย
เวลานั้นเองที่เี๋เี่าถามตัวเองในใจ ว่าตัวนางทำผิดไปจริงหรือไม่?
เ่ิูเพื่อนเล่นวัยเด็กของนางเองก็ไม่เคยยั่วยุหาเื่อะไรนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทว่าหลังวินาทีแห่งความลังเล นางก็เปลี่ยนเป็แข็งกระด้างไร้ใครเปรียบ
สิ่งที่นางทิ้งขว้าง คนอื่นก็ห้ามอยากได้ สิ่งที่นางไม่ได้ ควรจะแหลกสลายไปซะ...นางถูกต้องเสมอ เ่ิูไม่ได้เป็เศษสวะกากเดนเช่นที่นางคาดคิดไว้ กลับกันดันผงาดขึ้นอย่างนึกไม่ถึง หากมิใช่คิดตั้งตนเป็ปรปักษ์กับนางแล้วจะเรียกว่าอะไรได้เล่า?
เพราะเหตุนั้น เขาจึงสมควรตาย