อวี๋ฉี่เจ๋อมองอวี๋เจียวอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง เขาใช้มือประคองใบหน้าเล็กของนางขึ้นอย่างแ่เบาแล้วขยับนางลงจากตนเอง ครั้นจะหยิบเสื้อคลุมบนตัวหมายจะคลุมให้อวี๋เจียว เขาพลันพบว่าตนเองสวมเพียงเสื้อตัวใน
ใบหูพลันร้อนผ่าว เขาจึงตั้งใจคลุมเสื้อคลุมให้อวี๋เจียวอย่างนึกอยากแกล้ง จากนั้นหยิบเสื้อคลุมอีกตัวที่ผิงไฟจนแห้งมาสวมให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปนอกถ้ำ
ทั้งสองไม่ได้กินอะไรั้แ่เมื่อวานจนกระทั่งตอนนี้ อวี๋ฉี่เจ๋อคิดจะล่ากระต่ายหรือไก่ป่าเพื่อรองท้อง แต่เพราะกลัวว่าอวี๋เจียวจะตื่นขึ้นมาแล้วเป็กังวลเมื่อหาเขาไม่พบ อวี๋ฉี่เจ๋อจึงไม่กล้าเดินไปไกล เขาเดินวนอยู่รอบหนึ่งก็ไม่พบกระต่ายหรือไก่ป่าสักตัว
เขาพบต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อมองจากไกลๆ ตามกิ่งมีผลสีส้มห้อยอยู่จำนวนหนึ่ง เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงพบว่าเป็ต้นอิงเถา กิ่งที่อยู่ต่ำลงมาสักหน่อยมีผลแต่ยังไม่สุกดี อวี๋ฉี่เจ๋อเด็ดมาลองชิม รสชาติค่อนข้างเปรี้ยว
เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลิกชายแขนเสื้อยัดเข้าไปบริเวณเอว มือทั้งสองข้างแนบกับลำต้นแล้วเริ่มปีนขึ้นไป
แม้ว่าผลอิงเถาที่อยู่ตามกิ่ง้าจะสุกแล้ว แต่มีจำนวนไม่น้อยถูกนกป่าจิกกินจนเละ อวี๋ฉี่เจ๋อเลือกเด็ดมาบางส่วน เขาใช้ชายแขนเสื้อห่อเอาไว้ก่อนจะะโลงมา มือเท้าคล่องแคล่วไม่เหมือนคนป่วยเรื้อรังสักนิด
อวี๋ฉี่เจ๋อเดินกลับไปยังถ้ำพร้อมกับผลอิงเถาที่เก็บมาได้
อวี๋เจียวตื่นแล้ว เมื่อเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อไม่อยู่ในถ้ำ นางเดาว่าเขาคงออกไปข้างนอก นางไม่กล้าออกไปตามหาเขาเพราะกลัวว่าป่าจะใหญ่เกินไปจนคลาดกัน
นางจัดข้าวของภายในถ้ำ ดับกองไฟที่เหลือประกายไฟเพียงเล็กน้อย วางหม้อเล็กกลับเข้าที่เดิมและออกไปเก็บฟืนเปียกจำนวนหนึ่งมากองรับลมที่หน้าปากถ้ำ คาดว่าอีกหน่อยฟืนเหล่านี้คงจะถูกลมพัดจนแห้ง วันหน้าเมื่อมีคนมาค้างแรมที่นี่จะได้มีฟืนใช้
ขณะอวี๋ฉี่เจ๋อเดินเข้ามาจากนอกปากถ้ำ อวี๋เจียวกำลังตรวจดูต้นเหยาเฉ่าในโถเล็ก เมื่อพบว่ามันยังมีชีวิตอยู่ในน้ำเป็อย่างดีจึงถอนหายใจโล่งอก
“เ้าตื่นแล้ว? ข้าไปหาผลไม้มาได้เล็กน้อย” อวี๋ฉี่เจ๋อส่งผลอิงเถาในมือไปทางอวี๋เจียว
อวี๋เจียวดีใจเมื่อเห็นผลอิงเถา นางหยิบเข้าปากหนึ่งลูก ยังไม่ลืมเอ่ยถามว่า “ร่างกายของท่านเป็อย่างไรบ้าง? ไข้ลดแล้วหรือไม่?” นางเขย่งปลายเท้าเพื่อแตะหน้าผากของอวี๋ฉี่เจ๋อ
อวี๋ฉี่เจ๋อย่อเข่าเล็กน้อย ปล่อยให้นางแตะหน้าผากของตนตามอำเภอใจ “หลังจากตื่นไข้ก็ลดแล้ว”
ครั้นฝ่ามือมีอุณหภูมิปกติแผ่ซ่านเข้ามา อวี๋เจียวจึงเบาใจและมีกะจิตกะใจเอ่ยวาจาเรื่อยเปื่อย “ท่านไปเก็บผลอิงเถาเหล่านี้มาจากที่ใด? ข้าขึ้นเขามาตั้งหลายครั้งก็ยังไม่เคยเห็นต้นอิงเถา”
อวี๋ฉี่เจ๋อยัดผลอิงเถาหนึ่งกำมือใส่มือนาง “ข้าเจอตรงเนินฝั่งทางเหนือ ให้ข้าพาไปดูหรือไม่?”
อวี๋เจียวหยิบใส่ปากอีกหนึ่งลูก ดวงตาผลซิ่งยกโค้งขึ้นเป็รูปจันทร์เสี้ยว “หวานไม่น้อยเลย ไม่ไปแล้ว พวกเรารีบลงเขากันเถิด”
"ได้" อวี๋ฉี่เจ๋อพยักหน้าตอบรับแล้วแบกตะกร้าที่อยู่บนพื้นเดินออกจากถ้ำ
แสงแดดส่องผ่านผืนป่าจนเกิดลายพาดลงบนกายผู้คน เพราะหาต้นเหยาเฉ่าพบแล้ว อวี๋เจียวจึงอารมณ์ดีอย่างมาก ฝีเท้าคล่องแคล่วเบาหวิว อวี๋ฉี่เจ๋อเห็นนางกินผลอิงเถาในมือหมดแล้วจึงส่งส่วนที่เหลือให้นาง
“ผลอิงเถานี่อร่อยนัก ท่านก็กินด้วยกันสิ” อวี๋เจียวเห็นผลอิงเถาที่อวี๋ฉี่เจ๋อเก็บมาแทบทั้งหมดอยู่ในปากของตน นางยกมือขึ้นยื่นผลอิงเถาให้อวี๋ฉี่เจ๋อ
อวี๋ฉี่เจ๋อชะงักชั่วครู่ก่อนจะโน้มกายใช้ริมฝีปากเม้มผลอิงเถาเอาไว้ ริมฝีปากอุ่นของเขาััผ่านปลายนิ้วของอวี๋เจียว ใบหน้าของอวี๋เจียวแดงระเรื่อโดยพลัน นางรีบหันหน้าหนีทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดวงตาดอกท้อของอวี๋ฉี่เจ๋อยังคงจ้องมองนาง ครั้นกัดผลอิงเถาในปาก รสชาติเปรี้ยวหวานคละคลุ้งไปทั่ว เขาอมยิ้มพลางเอ่ยว่า “หวานมาก”
อวี๋เจียวมองใบหน้าเจือความเ้าชู้ของเขา หัวใจของนางเต้นกระหน่ำ กัดฟันเอ่ยเสียงเบาว่า “เ้าปีศาจเด็กจอมยั่วยวน ความสามารถในการยั่วยวนผู้อื่นชักจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้ว ข้าคือหลิวเซี่ยฮุ่ย [1] ไม่มีทางหวั่นไหวเพราะความงามได้ง่ายๆ หรอก”
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่เข้าใจสักนิดว่านางกำลังบ่นพึมพำจนฟังไม่ได้ศัพท์ว่าอย่างไร ทว่ารับรู้โดยสัญชาตญาณว่าไม่ใช่คำพูดที่ดีแต่อย่างใดจึงจงใจเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “แม้ถือจอกร่ำสุราก็ยังยากจะทัดทานมืออรชรป้อนผลเถา”
“หุบปากนะ” อวี๋เจียวตำหนิด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ทว่าน้ำเสียงกลับไร้เดียงสาน่าเอ็นดูจนไม่มีความน่าเกรงขามแม้แต่นิด
อวี๋ฉี่เจ๋อหัวเราะเสียงเบา เขาชอบมองท่าทางของนางยามใบหน้าแดงก่ำเพราะถูกตนเกี้ยวพาราสียิ่งนัก
เจียงชิงเหอนั่งรถม้ามายังหมู่บ้านชิงอวี่ เมื่อเช้าเด็กรับใช้สกุลเหอเชิญเขาไปตรวจชีพจรนายท่านผู้เฒ่าที่จวนสกุลเหอ เจียงชิงเหอถึงกับตื่นตะลึงเพราะวิชาหมอของอวี๋เจียวจริงๆ
แม้จะรู้ว่าเทียบยาของนางยอดเยี่ยมเป็อันมาก แต่เจียงชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าการรักษาจะได้ผลทันตาเห็นเช่นนี้ เพียงไม่กี่วัน ร่างกายของนายท่านผู้เฒ่าเหอดีขึ้นมาก ตรวจไม่พบชีพจรพร่องและพิษคั่งเสียแล้ว แผลพุพองบนศีรษะแค่ต้องรอให้ตกสะเก็ด ก็สามารถกล่าวได้ว่าหายดีแล้ว
เมิ่งอวี๋เจียวมักทำให้เขารู้จักนางในแง่มุมใหม่เสมอ หลังออกจากจวนสกุลเหอ เจียงชิงเหอตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดที่ สั่งให้คนเตรียมรถม้ามุ่งหน้ามายังหมู่บ้านชิงอวี่โดยไม่หยุดพัก
โบราณมีการไปเยือนเพื่อเชื้อเชิญถึงกระท่อมสามหน เมิ่งอวี๋เจียวคือคนที่ควรค่าให้เขาเชื้อเชิญสามครั้งดังคำกล่าวโบราณนั้น
รถม้าจอดอยู่หน้าจวนสกุลอวี๋ เจียงชิงเหอเลิกม่านรถม้า ปล่อยให้เด็กจัดยาประคองลงไป
เด็กรับใช้สกุลเหอที่คอยเฝ้าประตูจวนทั้งสองคนเคยพบเจียงชิงเหอจึงเดินเข้ามากล่าวทักทาย “ท่านหมอเจียง เหตุใดท่านถึงมาที่นี่เล่า?”
“ข้ามาหาแม่นางเมิ่ง” ครั้นเจียงชิงเหอพบว่าสกุลเหอยังให้คนเฝ้าอยู่ที่นี่จึงค่อนข้างงุนงงเล็กน้อย เมื่อเช้าตอนเขาไปจวนสกุลเหอ นายท่านเหอเอ่ยถึงอวี๋เจียวด้วยใบหน้าชื่นชมระคนซาบซึ้ง ท่าทางดูไม่เหมือนจะหาเื่สกุลอวี๋อีก
เด็กรับใช้ได้ฟังจึงเอ่ยว่า “เมื่อวานแม่นางเมิ่งขึ้นเขาไปหาสมุนไพรแล้วขอรับ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา!”
เจียงชิงเหอปรายตามองไปทางเขาชิงเหยียนด้วยความเป็ห่วงอย่างไม่อาจเลี่ยง “แม่นางเมิ่งขึ้นเขาคนเดียว? เมื่อวานฝนตก เหตุใดนางจึงขึ้นเขาไปหาสมุนไพรกันเล่า”
เด็กรับใช้รีบเอ่ย “ไม่ได้ไปคนเดียวขอรับ คุณชายห้าของครอบครัวรองผู้เป็สามีของนางก็ตามไปด้วยกัน”
เจียงชิงเหอขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าร่างกายของคุณชายห้าสกุลอวี๋อ่อนแอยิ่งนัก เป็คนอายุสั้นผู้หนึ่ง คนสกุลอวี๋ช่างไม่ได้เื่เสียจริง เหตุใดจึงปล่อยให้คุณชายห้าขึ้นเขาไปกับเมิ่งอวี๋เจียว
เขาคิดว่าไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องช่วยอวี๋เจียวออกจากทะเลเพลิงอย่างจวนสกุลอวี๋ให้จงได้ เจียงชิงเหอสาวเท้าเดินเข้าประตูจวนสกุลอวี๋ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อวี๋หรูไห่ได้ยินเสียงสนทนานอกประตูจวนั้แ่แรกแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็เจียงชิงเหอสีหน้าพลันผ่อนคลายลงบ้าง เอ่ยด้วยสีหน้าแย้มยิ้มว่า “ท่านหมอเจียง เหตุใดถึงมาที่นี่เสียแล้ว? รีบนั่งลงเถิด”
ครั้นเทียบท่าทีในยามนี้กับเมื่อครั้งก่อนตอนเจียงชิงเหอมาขอซื้อเทียบยา เรียกได้ว่าดีขึ้นว่าเดิมมาก
เจียงชิงเหอไม่มัวเกรงอกเกรงใจอวี๋หรูไห่ เขาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใบสัญญาซื้อขายตัวของแม่นางเมิ่งอยู่ในมือของเ้ากระมัง? เ้าบอกราคามาเถิด ข้า้าซื้อ”
ภายในดวงตาชราของอวี๋หรูไห่มีประกายวูบผ่าน เขาเดาไม่ถูกว่าเจียงชิงเหอมาซื้อใบสัญญาซื้อขายตัวของอวี๋เจียวในยามนี้ทำไมกัน
เขาคิดจะหลอกล่อให้อีกฝ่ายพูดความจริง จึงแสร้งเอ่ยปากอย่างฉลาดเฉลียวว่า “เื่สกุลเหอเมื่อครั้งก่อนนับว่าโชคดีที่ท่านหมอเจียงออกปากช่วยเหลือ ในใจของข้ารู้สึกซาบซึ้งมาโดยตลอด ขอบังอาจถามว่าเหตุใดท่านหมอเจียงจึง้าซื้อใบสัญญาซื้อขายตัวของอวี๋เจียวเล่า? เทียบยาที่นางจัดขึ้นมาเกือบจะคร่าชีวิตผู้เฒ่าเหอ ทุกคนต่างรู้กันโดยทั่ว”
ทั้งยังเอ่ยหยั่งเชิงว่า “ข้าดูแล้วคล้ายท่านหมอเจียงจะไปมาหาสู่กับสกุลเหออยู่ไม่น้อย ขอบังอาจถามว่ายามนี้ร่างกายของท่านผู้เฒ่าเหอเป็อย่างไรบ้าง? นายท่านเหอแค้นเคืองสกุลอวี๋เพราะเมิ่งอวี๋เจียวอยู่หรือไม่?”
.......
เชิงอรรถ
[1] 柳下惠 หลิ่วเซี่ยฮุ่ย หรือ “坐怀不乱” (จั้วไหวปู๋ร่วน) หมายถึงชายที่มีคุณธรรมและจิตใจแน่วแน่มั่นคง
