“พี่ใหญ่ นั่นคืออะไรน่ะ? น่ารักจัง” กู้เหยาเห็นตุ๊กตาหิมะที่แขวนอยู่ตรงทางเดินปลิวไสวไปตามสายลม นางอยากถามั้แ่เข้ามาแล้ว แต่องค์ชายสิบสองกำลังพูดอยู่ นางจึงพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้
“คุณหนูสี่ นั่นเป็ตุ๊กตาหิมะที่คุณหนูใหญ่ปักด้วยมือตัวเองเ้าค่ะ” ชุนหงเอ่ยตอบแทนคุณหนูของนาง
องค์หญิงสิบเอ็ดวิ่งไปแล้วะโขึ้นคิดจะหยิบมาเล่น สาวใช้ที่ของนางเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบเก้าอี้มาให้ “บ่าวหยิบให้องค์หญิงเองเ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง ข้าจะทำเอง” องค์หญิงสิบเอ็ดปีนขึ้นไปบนม้านั่ง นางหยิบเอาตุ๊กตามากอดไว้ในอ้อมแขนหลายตัว
กู้เจิงคิดในใจว่า ถ้าองค์หญิงผู้นี้รู้จักมารยาทเสียหน่อย มาถามนางก่อนหยิบตุ๊กตาหิมะ ก็จะยิ่งน่ารักมากขึ้น
“ใต้ทางเดินของลานนี้ยังมีคูน้ำเล็กๆ ไว้เลี้ยงปลาด้วยหรือ? ฉางชิง คูน้ำนี้คล้ายกับคูน้ำในบ้านของเ้านัก” องค์ชายสิบสองกล่าวกับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยที่เงียบมาตลอดหลังจากเข้ามา
เซี่ยฉางชิงเป็เด็กหนุ่มรูปงาม เขาสูงที่สุดในบรรดาเด็กๆ ทั้งสามคน แต่ร่างกายของเขากลับดูอ่อนแอที่สุด
“แม้แต่ก้อนกรวดในน้ำก็คล้ายๆ กัน”
“จริงหรือ?” เมื่อถูกองค์ชายสิบสองพูดถึงขนาดนี้ เซี่ยฉางชิงจึงต้องเดินไปดู
ทางนี้ทั้งสองคนกำลังไปดูที่คูน้ำ ส่วนกู้เหยากับองค์หญิงก็กำลังเล่นตุ๊กตาหิมะกัน กู้เจิงเลยเดินตรงเข้าไปหากู้เจิ้งชิน
สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“ตอนนี้น้องรองเป็สหายร่วมเรียนขององค์ชายสิบสอง เ้ายังอยู่ใน่ปรับตัวหรือ?” กู้เจิงถามอย่างเป็ห่วง
"แม้ในวังจะมีกฎมากมาย แต่ก็มีตำรามากมายเช่นกัน อีกทั้งอาจารย์ที่เชิญมาล้วนเป็คนที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า หลังจากข้าเข้าวังแล้วก็ได้ประสบการณ์มากมายเลยขอรับ” กู้เจิ้งชินกล่าว
กู้เจิงพยักหน้ายิ้มๆ น้องรองผู้นี้แม้จะอายุยังน้อย แต่มีนิสัยสุขุม เขาคงได้เรียนรู้อะไรมามากแน่ๆ
กู้เจิ้งชินพูดต่อ “วันหน้าพี่ใหญ่จะมาอยู่ที่นี่ ถ้ามีเวลาก็กลับไปเยี่ยมที่บ้านบ่อยๆ นะขอรับ”
“อยากให้ข้ากลับบ้านบ่อยๆ หรืออยากให้ข้าพาพี่เขยใหญ่ของเ้ากลับกันแน่?” กู้เจิงหยอกล้อ
“ถ้าพี่เขยใหญ่มาที่บ้านได้บ่อยๆ ก็คงจะดีขอรับ” กู้เจิ้งชินนับถือพี่เขยคนนี้มาก เขาเรียนหนังสือมาหลายปีแต่ความรู้ก็ยังสู้พี่เขยใหญ่ไม่ได้
“พี่ใหญ่” กู้เหยาลากองค์หญิงสิบเอ็ดวิ่งมาหา “ตุ๊กตาหิมะสองตัวนี้มอบให้ข้ากับองค์หญิงได้ไหมเ้าคะ?”
“ได้สิ” กู้เจิงยิ้มพลางพยักหน้า
ขณะนั้นเอง องค์ชายสิบสองกับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยก็เดินมา กู้เจิงรีบถอยไปด้านข้าง
องค์ชายสิบสองไม่ได้สนใจกู้เจิงอีก เขาถามกู้เจิ้งชินกับกู้เหยาว่า “ไปได้แล้วหรือยัง?”
กู้เจิ้งชินกับกู้เหยาพยักหน้ารับ โดยเฉพาะกู้เหยา นางดีใจมากที่ได้ตุ๊กตาเป็ของขวัญ
พอองค์หญิงสิบเอ็ดเดินผ่านกู้เจิงก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ขอบคุณสำหรับของขวัญ”
กู้เจิงมองแผ่นหลังขององค์หญิงที่เดินจากไปด้วยความแปลกใจที่องค์หญิงสิบเอ็ดกล่าวขอบคุณนาง
หลังพวกเขาจากไป ชุนหงก็นำชามาให้คุณหนูหนึ่งถ้วย นางกล่าวอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ไม่รู้ว่าองค์ชายสิบสองกับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมาทำอะไร ชาที่ชงยังไม่ทันได้ดื่มสักถ้วย ก็พาคุณชายรองกลับไปเสียแล้ว”
“พวกเขาก็แค่ตามน้องรองกับน้องสี่มาร่วมสนุกด้วยเท่านั้น” กู้เจิงดื่มชาพลางเอ่ยว่า “เ้าไปเอาตุ๊กตาคุณชายกับคุณหนูที่ข้าปักไว้ออกมาแขวนแทนอันที่ให้กู้เหยาไปหน่อยสิ”
ชุนหงพยักหน้า ก่อนเอ่ยว่า “ตุ๊กตาหิมะจะแขวนก็ต่อเมื่อหิมะตกเท่านั้น แต่ตุ๊กตาคุณชายและคุณหนูสามารถแขวนได้ตลอดทั้งปีเลยเ้าค่ะ” พูดจบนางก็เดินเข้าห้องไปหยิบตุ๊กตา
กู้เจิงได้ปักตุ๊กตาคุณชายผู้สง่างามสามตัวและคุณหนูโฉมงามอีกสามตัว
“คุณหนู สวยไหมเ้าคะ?” ชุนหงแขวนเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกให้กู้เจิงดู
กู้เจิงแหงนหน้ามอง ตุ๊กตาร่างคนตัวเล็กๆ กระพือไปตามแรงลม ทำให้เรือนเล็กดูอบอุ่นขึ้นหลายส่วน “ไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่ยังเข้ากับเรือนนี้ด้วย”
ตอนเย็น เสิ่นเยี่ยนก็มารับกู้เจิงที่เรือนใหม่และพากันกลับบ้าน วันนี้เขาเลิกงานเร็ว เพราะตอนเย็นได้รับเชิญไปกินข้าวเย็นที่บ้านของผู้นำตระกูลเสิ่น วันนี้ผู้นำตระกูลเสิ่นได้เชิญคนหนุ่มสาวทุกคนที่มีชื่อเสียงในตระกูลไปร่วมมื้ออาหาร
“คนที่ไปมีทั้งหมดสิบหกคนหรือเ้าคะ? ” กู้เจิงถามขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่ท่านพ่อจะบอกว่าตระกูลเสิ่นเป็ตระกูลใหญ่ในชนชั้นสามัญ
“เื่นี้เกี่ยวกับการที่ท่านผู้นำตระกูลได้ดูแลและช่วยเหลือลูกหลานในตระกูลในการเรียนหนังสือใน่หลายสิบปีที่ผ่านมา” คำพูดของเสิ่นเยี่ยนแฝงไว้ด้วยความชื่นชมต่อผู้นำตระกูล
กู้เจิงรู้จักผู้นำตระกูลไม่มากนัก แต่ั้แ่พ่อแม่ของเหมาเอ๋อร์จากไป เขาก็คอยวิ่งเต้นให้เด็กคนนี้มาตลอด จึงดูออกได้ว่าเขาใส่ใจเด็กๆ ในตระกูลมาก
เสิ่นเยี่ยนก้าวข้ามประตูใหญ่ จู่ๆ เขาก็ชะงักสายตามองไปยังจุดหนึ่งตรงนอกประตู
กู้เจิงมองตามไป นางเห็นรถม้าคันหนึ่งเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา ที่บอกว่ามันไม่ธรรมดา เพราะมีผู้คุ้มกันพกดาบหลายคนอยู่รอบรถม้า “ใครกัน?”
ในหมู่พวกเขามีคนหนึ่งเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับคนในรถม้า ผ่านไปสักพัก ผู้คุ้มกันคนนั้นก็เลิกม่านขึ้น ชายในรถเดินออกมา ตอนที่เขาก้าวลงมา กู้เจิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย เป็เขานั่นเอง
บุรุษคนนั้นที่นางพบในจวนตวนอ๋อง ที่นางเข้าใจผิดว่าเป็เสิ่นเยี่ยน ก่อนจะมาพบบนถนนอีกครั้ง ร่างกายของชายคนนี้ให้ความรู้สึกกดดันที่ยากจะเข้าใจ รอบตัวเขามีบรรยากาศที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว กู้เจิงสงสัยมาตลอดว่าเขาใช่เซี่ยอวิ้นที่ชาวบ้านพูดถึงหรือไม่ คิดไปคิดมาน่าจะมีเพียงเทพาแห่งต้าเยว่เท่านั้นที่มีกลิ่นอายเช่นนี้
เสิ่นเยี่ยนพากู้เจิงเดินเข้าไปหา เขาประสานมือคารวะอีกฝ่าย “เสิ่นเยี่ยนคารวะท่านแม่ทัพเซี่ยขอรับ”
กู้เจิงรีบทำตาม ก่อนจะเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้า เขาเป็เทพาเซี่ยอวิ้นจริงๆ น่ะหรือ?
สายตาเ็าของเซี่ยอวิ้นกวาดมองกู้เจิง เขาเห็นสายตาที่อยากรู้อยากเห็นผสมกับความนับถือจากนาง นี่เป็สายตาที่ชาวต้าเยว่ส่วนใหญ่มองเขา ไม่ใช่เื่แปลกอะไร แต่ที่แปลกคือชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้
รองแม่ทัพบอกกับเขาว่า แผ่นหลังของเขาคล้ายคลึงกับชายหนุ่มผู้นี้
“เ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็ข้า?” ข่าวการกลับมาของเขายังไม่แพร่สะพัดออกไป เซี่ยอวิ้นมองสำรวจชายหนุ่มคนนี้
“ในต้าเยว่คนที่มีกลิ่นอายเช่นนี้ มีเพียงแม่ทัพเซี่ยกงเจวี๋ยเท่านั้นแล้วล่ะขอรับ”
กู้เจิงมองสามีด้วยความแปลกใจ เสียงของเขายังคงเ็าเช่นเคย ไม่สิ ยิ่งเ็ากว่าเดิม
“รองแม่ทัพของข้าบอกว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนได้พบกับคนที่มีด้านหลังคล้ายข้า ตอนนี้มองดูเ้า ข้าว่าก็คล้ายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะทำให้จำคนผิดได้” เซี่ยอวิ๋นหันมองลูกน้องสองคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเคร่งขรึม “ไปสั่งการในกองทัพให้โบยยี่สิบไม้”
“ขอรับ” ทั้งสองขานรับเสียงดัง
แค่จำคนผิดก็ต้องโบยยี่สิบไม้เลยหรือ? กู้เจิงนึกถึงตอนตัวเองโดนโบย เพียงแค่นึกนางก็รู้สึกเจ็บแล้ว แต่พอนางได้มองชายหนุ่มข้างกายเซี่ยอวิ้นชัดๆ ก็ประหลาดใจ นี่ไม่ใช่สองคนนั้นที่นำเงินไปให้ที่บ้านลุงใหญ่วันนั้นหรอกหรือ?
“เสิ่นเยี่ยนเป็แค่ขุนนางเล็กๆ เท่านั้น จะกล้าเทียบเคียงกับท่านแม่ทัพได้ยังไงขอรับ” เสิ่นเยี่ยนกล่าว
ท่าทางไม่อ่อนไม่แข็งของสามีทำเอากู้เจิงรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ
“แค่ขุนนางเล็กๆ หรือ? เดิมทีเ้าเป็ถึงจ้วงหยวน แต่เพราะบุญคุณที่ตวนอ๋องช่วยชีวิตมารดาเ้าไว้ เ้าจึงต้องเข้าร่วมกับเขา เ้าไม่รู้สึกได้รับความไม่เป็ธรรมบ้างหรือ?” น้ำเสียงของเซี่ยอวิ้นทั้งทุ้มต่ำและแข็งกระด้าง ตรงกันข้ามกับเสียงของเสิ่นเยี่ยนโดยสิ้นเชิง
“ดูเหมือนว่าแม่ทัพเซี่ยจะตรวจสอบประวัติของข้ามาอย่างดี”
“คนที่สามารถทำให้รองแม่ทัพที่ติดตามข้ามาสิบกว่าปีจำผิดว่าเป็ข้าได้ คนเช่นนี้ข้าย่อมต้องทำความรู้จักเสียบ้าง”
“ถ้าท่านแม่ทัพเซี่ยไม่มีอะไรอื่น เสิ่นเยี่ยนขอตัวก่อนขอรับ”
“ช้าก่อน”
เสิ่นเยี่ยนกับกู้เจิงหันกลับมามองเขา
คราวนี้เขามองมาที่กู้เจิง และเอ่ยเสียงเรียบว่า “ต่อไปอย่าได้จำคนผิดอีก คืนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะข้ายั้งมือไว้ ชีวิตน้อยๆ ของเ้าคงจบสิ้นไปนานแล้ว”
กู้เจิงตะลึงงัน คืนนั้นที่นางรู้สึกได้ว่าเขาจะฆ่านางเป็เื่จริงหรอกหรือ?
เสิ่นเยี่ยนขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
“ดูท่า ฮูหยินของเ้าคงไม่ได้เล่าเื่ที่นางจำคนผิดในคืนที่ตวนอ๋องแต่งงานสินะ” เซี่ยอวิ้นเห็นปฏิกิริยาของสองสามีภรรยาคู่นี้ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ
กู้เจิงมองใบหน้าหล่อเหลาของเสิ่นเยี่ยนที่ค่อยๆ แข็งทื่อ กู้เจิงแอบรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้ดูจะแปลกๆ ไป เสิ่นเยี่ยนกับเซี่ยอวิ้นทําให้นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ชุนหงกำลังรอคุณหนูและท่านบุตรเขยอยู่ที่รถม้า แต่เมื่อทั้งสองเดินกลับมา นางก็เห็นใบหน้าเ็าของท่านบุตรเขย และสีหน้ากระอักกระอ่วนของคุณหนู เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
พอขึ้นรถม้า กู้เจิงก็คิดจะเอนกายพิงเขาดังปกติ แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เสิ่นเยี่ยนจะมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ
กู้เจิง “...” ข้าก็แค่จำคนผิดเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะต้องโกรธถึงขนาดนี้กระมัง?