แสงอาทิตย์ยามสายทอดเงาของขุนเขาลงบนหุบเขาเขียวขจีเบื้องล่าง หลินเว่ย หลิวซิน และ เมิ่งหลิง เดินทางลัดเลาะตามเส้นทางแคบที่ทอดลงจากเขตต้องห้าม มีบางสิ่งในตัวเด็กหญิงที่ดูผิดแปลกไปจากความเป็เด็กทั่วไป แม้รูปร่างและใบหน้าจะเป็เด็กอายุไม่เกินเก้าขวบ แต่ดวงตาสีน้ำตาลอำพันนั้นกลับฉายแววของความเข้าใจลึกซึ้งและปัญญาอันเก่าแก่ราวกับผู้ที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปี
แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านใบไม้ทำให้ร่างของเธอดูล่องลอยและมีประกายบางอย่างที่มองเห็นได้เพียงจากหางตา ราวกับมีแสงนวลเรืองออกมาจากภายใน เสียงที่เปล่งออกมานั้นใสกังวานและทรงพลังเกินวัย บางจังหวะสั้นๆ เมื่อเธอเคลื่อนไหว มันราวกับภาพลวงตา—เหมือนร่างของเธอปรากฏอยู่ในหลายตำแหน่งพร้อมกัน ก่อนจะกลับมาเป็ปกติอีกครั้ง แต่ไม่มีใครในกลุ่มแน่ใจว่าตาตัวเองเล่นตลกหรือไม่
ขณะเดินทาง ภาพความทรงจำของโรงพยาบาลผุดขึ้นในใจหลินเว่ย...เสียงกรีดร้องของผู้ป่วย...ดวงตาของเพื่อนร่วมงานที่กลายเป็สีแดงก่ำ...แผลเปิดปริแยกบนิัจากไวรัสที่ลุกลามรวดเร็วจนเนื้อดำคล้ำมีเส้นเืสีม่วงปูดโปน...
ใบหน้าของคนไข้เด็กที่ร้องไห้เรียกหาแม่ขณะิัค่อยๆ หลุดลอกเป็แผ่น...เขาสั่นสะท้านเล็กน้อยกับความทรงจำเ่าั้ "เป็อะไรไปหรือเปล่า?" เมิ่งหลิงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเขา หลินเว่ยสูดหายใจลึก "แค่...นึกถึงคนที่เราทิ้งไว้เื้ั ที่โรงพยาบาล...ที่เมือง พวกเขาเหลือเวลาอีกแค่ไหนกัน?" หลิวซินวางมือบนบ่าของหลินเว่ย "นั่นคือเหตุผลที่เราต้องเดินทางต่อไป เพื่อหาทางหยุดมันให้ได้ เพื่อคนเ่าั้" ความกังวลเื่การไล่ล่าบรรเทาลงบ้างหลังจากข้ามผ่านเทือกเขาที่เชื่อว่าแม้แต่องค์กรเทียนซื่อก็ไม่กล้าเข้าไป
หลังจากเดินทางลงจากเขาได้สองชั่วโมง หลินเว่ยหยุดชะงักและยกมือให้ทุกคนหยุดเดิน เขาใช้ท่า ัสยายปีก ที่เพิ่งฝึกฝนมา ปล่อยให้พลัง ชี่ แผ่กระจายออกไปเพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวโดยรอบ
"มีอะไรเหรอ?" เมิ่งหลิงถามเสียงเบา
"มีใครสักคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ไม่ไกล" หลินเว่ยตอบ ดวงตายังหลับสนิท "ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อหรือทหาร แต่อะไรบางอย่างที่...แปลกไป"
หลิวซินกระชับความระมัดระวัง มือเลื่อนไปจับมีดที่เหน็บไว้ที่เอว "อาจเป็สัตว์ป่า หรือชาวบ้านในละแวกนี้"
"ไม่..." หลินเว่ยค่อยๆ ลืมตา แววตาสงสัย "พลังงานแปลกไป ไม่เหมือนคนทั่วไป"
เสียงกิ่งไม้หักดังแกร๊กจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ทั้งสามคนหันขวับไปทางต้นเสียง เมิ่งหลิงถอยหลังด้วยความใ ขณะที่หลินเว่ยและหลิวซินเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะปรากฏตัว
จากพุ่มไม้ เด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุราวแปดถึงเก้าขวบก้าวออกมา เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวแบบโบราณ ผมดำยาวสลวยปล่อยสยาย ดวงตาสีน้ำตาลอำพันมองมาที่พวกเขาอย่างเป็มิตร
"สวัสดีค่ะ" เด็กหญิงทักทายด้วยน้ำเสียงใสกังวาน "ฉันรู้ว่าพวกคุณกำลังจะมาเสียอีก"
ทั้งสามคนชะงักด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะพบเด็กหญิงตัวคนเดียวในป่าลึก
"หนูมาทำอะไรที่นี่คนเดียว?" เมิ่งหลิงถามด้วยความเป็ห่วง "ที่นี่อันตรายนะ มีผู้ติดเชื้อและทหารเต็มไปหมด"
เด็กหญิงยิ้มบางๆ "ไม่ต้องกังวล พี่สาว ฉันรู้จักที่นี่ดี ไม่มีอันตรายอะไรสำหรับฉันหรอก" เธอหันไปมองหลินเว่ยโดยตรง "คุณคือคนที่ฉันรอคอย ผู้ที่ถือพลัง ชี่ บริสุทธิ์"
หลินเว่ยขมวดคิ้ว "หนูรู้จักฉันได้ยังไง? และรู้เื่พลัง ชี่ ด้วย?"
"ฉันชื่อเสี่ยวลี่" เด็กหญิงแนะนำตัวพลางก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น "ฉันรู้ว่าคุณชื่อหลินเว่ย เธอคือหลิวซิน และเธอคือเมิ่งหลิง พวกคุณหนีมาจากเมืองที่ถูกโจมตีด้วยไวรัสประหลาด และกำลังหาทางไปที่ปลอดภัย"
หลิวซินก้าวขึ้นมาข้างหน้า สายตาระแวดระวัง "เธอรู้เื่พวกเรามากเกินไป บอกมาซิว่าเธอเป็ใคร แล้วรู้เื่พวกเราได้ยังไง?"
เสี่ยวลี่หัวเราะเบาๆ เสียงใสราวกับระฆังแก้ว "พี่สาวไม่ต้องกลัวฉันหรอกนะ ฉันเป็คนพื้นเมืองแถวนี้ อยู่กับคุณยายที่รู้เื่ดีทุกอย่าง คุณยายบอกว่าจะมีคนพิเศษสามคนเดินทางผ่านเขตต้องห้ามมา และคุณยายสั่งให้ฉันมารอรับพวกคุณ พาไปพบท่าน"
หลินเว่ยและหลิวซินสบตากัน ความสงสัยยังคงอยู่ แต่ก็ไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายจากเด็กหญิงตรงหน้า
"คุณยายของเธออยู่ที่ไหน?" หลินเว่ยถาม
"หมู่บ้านหยินเฉิง" เสี่ยวลี่ตอบ "อยู่ในหุบเขาเล็กๆ ไม่ไกลจากนี่ เป็ที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุดจากองค์กรเทียนซื่อ" เธอชี้ไปยังทิศทางทางทิศตะวันออก "แค่เดินไปตามทางนี้ประมาณสามชั่วโมง เราก็จะถึง"
เมิ่งหลิงดูกังวล "ไม่แน่ใจว่าเราควรไว้ใจเด็กคนนี้ไหม อาจเป็กับดักก็ได้"
"ฉันเข้าใจความระแวงของพวกคุณ" เสี่ยวลี่พูด สีหน้าจริงจังขึ้น "แต่พวกคุณมีทางเลือกอื่นไหม? ทางเหนือมีหน่วยลาดตระเวนของทหาร ทางใต้เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อที่หลบหนีมาจากเมือง หมู่บ้านของเราเป็ที่เดียวที่ยังปลอดภัย"
หลินเว่ยเพ่งมองเด็กหญิงตรงหน้า แล้วลงนั่งยองๆ ให้อยู่ระดับสายตาเดียวกับเธอ "ฉันขอใช้พลัง ชี่ ตรวจสอบเธอได้ไหม? เพื่อความมั่นใจของพวกเรา"
เสี่ยวลี่ยิ้มและพยักหน้า "ได้สิคะ ทำตามสบาย"
หลินเว่ยหลับตา ใช้ท่า ัสยายปีก ปล่อยพลัง ชี่ ออกไปรอบตัวเด็กหญิง เขารู้สึกถึงพลังงานแปลกประหลาดแต่บริสุทธิ์แผ่ซ่านออกมาจากร่างเล็กๆ นั้น ไม่มีร่องรอยของไวรัสหรือเจตนาร้ายแฝงอยู่ แต่มีบางสิ่งที่พิเศษ...บางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
เขาลืมตาขึ้น สบตากับเด็กหญิง "เธอไม่ใช่เด็กธรรมดา..."
เสี่ยวลี่ยิ้มอีกครั้ง "คุณก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน คุณหลินเว่ย ฉันรู้ว่าคุณกำลังมองหาคำตอบ และคุณยายมีคำตอบที่คุณ้า"
หลิวซินพิจารณาสถานการณ์แล้วถอนหายใจ "เราคงไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าเธอพูดความจริงเื่หน่วยลาดตระเวนและผู้ติดเชื้อ ก็ควรไปดูหมู่บ้านนี้"
"ฉันเห็นด้วย" หลินเว่ยลุกขึ้นยืน "เรานำทางไปเถอะ เสี่ยวลี่"
เด็กหญิงพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น "ตามฉันมาค่ะ!"
พวกเขาเดินตามเสี่ยวลี่ไปตามเส้นทางที่ทอดลงเชิงเขา เด็กหญิงเดินนำหน้าอย่างคล่องแคล่ว ราวกับรู้จักทุกนิ้วของป่าแห่งนี้
"เธออยู่แถวนี้มานานแค่ไหนแล้ว?" หลินเว่ยถามขณะเดิน
"ฉันเกิดที่นี่ค่ะ" เสี่ยวลี่ตอบ "หมู่บ้านของเราอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว แยกตัวออกจากโลกภายนอก คนภายนอกเรียกที่นี่ว่าเขตต้องห้าม แต่สำหรับพวกเรา มันคือบ้าน"
"แล้วพวกเธอรู้เื่สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไหม? เื่ไวรัสและองค์กรเทียนซื่อ?" เมิ่งหลิงถาม
"คุณยายรู้ทุกอย่าง" เสี่ยวลี่ตอบอย่างภาคภูมิใจ "คุณยายเป็ผู้เฒ่าผู้รู้ ท่านคือหนึ่งในผู้พิทักษ์ความลับโบราณ และรู้มานานแล้วว่าวันนี้จะมาถึง"
"วันนี้?" หลินเว่ยทวนคำพูด "วันอะไร?"
เสี่ยวลี่หันมายิ้มให้เขา "วันที่ผู้ถือพลัง ชี่ คนใหม่จะมาถึง เพื่อช่วยปกป้องโลกจากภัยคุกคาม"
ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขา ท้องฟ้าเริ่มปกคลุมด้วยเมฆสีเทา อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว บรรยากาศดูลึกลับและน่าขนลุกยิ่งขึ้น แต่เสี่ยวลี่ยังคงร่าเริงและผ่อนคลาย เธอเริ่มร้องเพลงเบาๆ เป็ทำนองโบราณที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกสงบแปลกๆ
"นั่นเป็เพลงอะไร?" หลินเว่ยถาม ขณะที่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเริ่มบรรเทาลงอย่างประหลาดเมื่อได้ยินทำนองนั้น
"เพลงขับไล่ปีศาจ" เสี่ยวลี่ตอบยิ้มๆ "คุณยายสอนให้ร้องเวลาเข้าป่า มันช่วยให้สิ่งชั่วร้ายอยู่ห่างไกล"
หลิวซินดูสนใจขึ้นมาทันที "เพลงเก่าแก่มากสินะ ฟังคล้ายกับเพลงที่ตระกูลของฉันเคยใช้ประกอบการฝึกวิชาัทะยานฟ้า"
"ใช่แล้วค่ะ" เสี่ยวลี่พยักหน้ารับ "คุณยายบอกว่ามันมาจากยุคเดียวกัน เป็ทำนองที่ช่วยทำให้พลัง ชี่ สงบและมั่นคง"
พวกเขาเดินทางต่อไปอีกราวสองชั่วโมง ผ่านป่าทึบที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็ป่าโปร่งที่มีต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ ใบไม้ร่วงลงมาปูพื้นเป็พรมสีน้ำตาลทอง กลิ่นอายของธรรมชาติและความเก่าแก่อบอวลไปทั่วบริเวณ
"เราใกล้ถึงแล้ว" เสี่ยวลี่บอก ขณะที่พวกเขาเดินลงไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดลงสู่หุบเขาลึก
และแล้ว เมื่อพวกเขาเดินผ่านแนวต้นไม้ใหญ่ หมู่บ้านเล็กๆ ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เป็บ้านไม้โบราณสไตล์จีนราวยี่สิบหลัง เรียงรายอยู่ริมลำธารที่ไหลผ่านใจกลางหมู่บ้าน ควันจากปล่องไฟลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสีเทา ภาพที่เห็นราวกับย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปี
"นี่คือหมู่บ้านหยินเฉิง" เสี่ยวลี่แนะนำด้วยความภาคภูมิใจ "บ้านของพวกเรา"
ชาวบ้านในชุดพื้นเมืองโบราณเริ่มออกมามองด้วยความสนใจ เมื่อเสี่ยวลี่พาคนแปลกหน้ามาถึง แม้ดวงตาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่มีท่าทีเป็ศัตรู
"คนแปลกหน้า" ชายชราในชุดสีน้ำเงินเข้มเอ่ย ขณะก้าวออกมาจากกลุ่ม "เสี่ยวลี่ เ้าพาใครมา?"
"พวกเขาคือคนที่คุณยายทำนายไว้ค่ะ" เสี่ยวลี่ตอบ "คนที่ข้ามเขตต้องห้ามมาได้ และถือพลัง ชี่ บริสุทธิ์"
เสียงซุบซิบดังขึ้นในกลุ่มชาวบ้าน บางคนถอยห่างด้วยความกลัว บางคนก้าวเข้ามาใกล้ด้วยความสนใจ
เสี่ยวลี่จับมือหลินเว่ย "มาค่ะ คุณยายรออยู่" แล้วพาพวกเขาเดินผ่านกลุ่มชาวบ้านที่จับกลุ่มมองอย่างสงสัย
พวกเขาเดินไปตามทางแคบในหมู่บ้าน จนมาถึงบ้านไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่แยกออกไปทางท้ายหมู่บ้าน มีต้นหลิวขนาดใหญ่โน้มกิ่งลงบ่อน้ำหน้าบ้าน บรรยากาศรอบบ้านหลังนี้ดูสงบและลึกลับเป็พิเศษ
"นี่คือบ้านของคุณยาย" เสี่ยวลี่บอก ก่อนจะเคาะประตูสามครั้ง "คุณยายคะ หนูพาแขกที่ท่านรอคอยมาพบแล้วค่ะ"
ประตูเปิดออกเองโดยไม่มีใครเปิด เสี่ยงลี่ยิ้มและเชิญให้ทุกคนเข้าไปข้างใน
ภายในบ้านมืดสลัว มีแสงเพียงจากตะเกียงน้ำมันเก่าๆ และเตาฟืนที่มีไฟลุกโชน อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพรและธูปหอม เครื่องเรือนไม้โบราณจัดวางอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม
ที่มุมหนึ่งของห้อง มีหญิงชรานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลัก ผมขาวยาวของนางรวบไว้เป็มวยสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยและประสบการณ์ แต่ดวงตายังคงเปล่งประกายด้วยความมีชีวิตชีวาและปัญญา
"ยินดีต้อนรับ" นางเอ่ยเสียงใสแต่แหบเล็กน้อยตามวัย "ข้ารอพวกเ้ามานานแล้ว โดยเฉพาะเ้า หลินเว่ย ผู้ถือพลัง ชี่ ที่ถูกเลือก"
หลินเว่ยยืนนิ่ง รู้สึกถึงพลังงานแปลกประหลาดแผ่ออกมาจากร่างของหญิงชรา พลัง ชี่ ในตัวเขาตอบสนองโดยไม่รู้ตัว เหมือนมีสายใยบางอย่างเชื่อมระหว่างพวกเขา "ท่านรู้จักข้าได้อย่างไร? และทำไมถึงรู้ว่าข้าจะมา?"
หญิงชรายิ้มบางๆ "นั่งลงกันก่อนเถิด การเดินทางของพวกเ้ายาวนานและเหน็ดเหนื่อย ดื่มชาสมุนไพรนี่เพื่อฟื้นฟูพลัง"
เสี่ยวลี่รินชาจากกาน้ำชาทองเหลืองลงในถ้วยกระเบื้องเคลือบโบราณ ส่งให้แต่ละคน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรลอยขึ้นมา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายทันทีที่สูดดม
"ข้าชื่อหม่าเหมย" หญิงชราแนะนำตัว "เป็ผู้ดูแลหมู่บ้านแห่งนี้มาห้าสิบปี และเป็ผู้พิทักษ์ความลับโบราณของตระกูลหม่า"
หลินเว่ยจิบชาเล็กน้อย ความร้อนและรสชาติอ่อนๆ ของสมุนไพรทำให้ร่างกายเขารู้สึกมีพลังขึ้นทันที "ความลับโบราณอะไรหรือ? เกี่ยวข้องกับเขตต้องห้ามและวิชาัทะยานฟ้าหรือไม่?"
หญิงชราพยักหน้า แววตาเปล่งประกายด้วยความพึงพอใจ "ถูกต้อง เ้าฉลาดดี การเดินทางผ่านเขตต้องห้ามและการพบตำราในอุโมงค์ใตู้เาไม่ใช่เื่บังเอิญ ทุกอย่างถูกวางแผนไว้นานแล้ว"
เมิ่งหลิงวางถ้วยชาลง สีหน้าใ "ท่านรู้เื่ตำราในอุโมงค์ด้วย?"
"ข้ารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเขตต้องห้าม" หญิงชราตอบ "ตระกูลของข้าเป็ผู้พิทักษ์ความลับนั้นมาั้แ่เริ่มต้น พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยผู้ถูกเลือก ผู้ที่จะฟื้นฟูพลัง ชี่ และต่อสู้กับภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง"
หลิวซินวางถ้วยชาลงช้าๆ น้ำเสียงระมัดระวัง "ตระกูลของข้าเป็ผู้พิทักษ์วิชาัทะยานฟ้า และไม่เคยได้ยินเื่ตระกูลหม่าเลย ทำไมถึงเป็เช่นนั้น?"
"เพราะเราแยกเก็บความลับต่างส่วนกัน" หม่าเหมยอธิบาย "ตระกูลหลิวเก็บรักษาวิชาัทะยานฟ้า แต่ตระกูลหม่าเก็บรักษาความรู้ว่าทำไมวิชานั้นถึงถูกสร้างขึ้น และมันจะถูกใช้ต่อสู้กับภัยคุกคามอะไร"
หลินเว่ยนั่งตรงขึ้น ความอยากรู้เพิ่มขึ้น "ภัยคุกคามอะไร? องค์กรเทียนซื่อหรือ?"
หญิงชราส่ายหน้า "องค์กรเทียนซื่อเป็เพียงอันตรายเบื้องต้น พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับอะไรอยู่ การทดลองของพวกเขากำลังเปิดประตูมิติ ทำให้สิ่งมีชีวิตจากอีกด้านหนึ่งของความเป็จริงแทรกซึมเข้ามา"
"สิ่งมีชีวิตจากมิติอื่น?" เมิ่งหลิงถาม สีหน้าไม่เชื่อ "ฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์"
หม่าเหมยหัวเราะเบาๆ "วิทยาศาสตร์ของพวกเ้าเพิ่งเริ่มเข้าใจสิ่งที่บรรพบุรุษเรารู้มาหลายพันปี จักรวาลนี้มีหลายชั้น หลายมิติซ้อนทับกันอยู่ ในอดีต มีการรุกรานครั้งใหญ่ แต่บรรพบุรุษของเราใช้พลัง ชี่ สร้างสิ่งที่พวกเ้าเรียกว่า 'เขตต้องห้าม' เพื่อปิดประตูมิติ"
หลินเว่ยนึกถึงภาพที่เขาเห็นในนิมิตตอนััตำราในอุโมงค์ "ข้าเห็นภาพาโบราณในนิมิต... นั่นคือาระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่น?"
"ใช่แล้ว" หญิงชราพยักหน้า "นิมิตนั้นคือความทรงจำที่ถูกฝังอยู่ในตำรา และตอนนี้อยู่ในตัวเ้าแล้ว มันเป็การเตือนและการเตรียมพร้อม"
หญิงชราลุกขึ้นช้าๆ เดินไปที่ตู้ไม้เก่าในมุมห้อง หยิบกล่องไม้แกะสลักเก่าแก่ออกมา แล้วนำมาวางตรงหน้าหลินเว่ย
"ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นว่ากำลังเผชิญกับอะไร" นางเอ่ย ขณะค่อยๆ เปิดกล่อง
ภายในกล่องมีหยกรูปัวางอยู่บนผ้าไหมสีแดง หยกนั้นเป็สีเขียวอมน้ำเงิน มีลวดลายแกะสลักซับซ้อน เมื่อแสงตะเกียงส่องกระทบ มันดูเหมือนมีแสงประกายภายในเนื้อหยก
"นี่คือ 'ตาแห่งั'" หญิงชราอธิบาย "เป็อัญมณีโบราณที่ใช้มองข้ามมิติ ด้วยพลัง ชี่ ของเ้า เราจะเปิดการมองเห็นให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น"
หญิงชราวางหยกลงบนโต๊ะตรงกลาง "หลินเว่ย วางมือของเ้าบนหยก และปล่อยพลัง ชี่ เข้าไปในนั้น"
หลินเว่ยลังเลเล็กน้อย แต่ความอยากรู้ชนะความกลัว เขายื่นมือออกไปวางบนหยกตามคำแนะนำ ปล่อยให้พลัง ชี่ ไหลเข้าไปในอัญมณี
ทันทีที่พลังงานของเขาััหยก มันก็เริ่มเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆ ก่อนจะสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงนั้นกระจายขึ้นเป็ภาพสามมิติเหนือโต๊ะ
ภาพแสดงให้เห็นสถานที่ซึ่งดูเหมือนห้องทดลองทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ในชุดป้องกันกำลังทำงานกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีพลังงานสีม่วงเข้มหมุนวนอยู่ตรงกลาง
"นี่คือห้องทดลองขององค์กรเทียนซื่อ" หญิงชราอธิบาย "พวกเขากำลังใช้พลังงานควอนตัมพยายามสร้างอาวุธชีวภาพรุ่นใหม่ แต่โดยไม่รู้ตัว พวกเขากำลังทะลุผ่านเยื่อกั้นระหว่างมิติ"
ภาพเปลี่ยนไปแสดงให้เห็นสิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของพลังงานสีม่วงนั้น เป็มิติที่ดูแปลกประหลาด ท้องฟ้าสีแดงอมม่วง แผ่นดินเป็หินผาแหลมคมสีดำ และสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็มนุษย์กำลังเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ รอยแยกในอากาศที่ส่องแสงสีม่วงเดียวกัน
ทุกคนในห้องถอยห่างจากภาพนั้นโดยสัญชาตญาณ แม้แต่หลิวซินที่ดูเข้มแข็งมั่นคงก็ยังหน้าซีด
"นี่คือ...มิติอื่น?" เมิ่งหลิงถามเสียงสั่น
"ใช่" หม่าเหมยตอบ "ที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตเ่าั้รอคอยโอกาสบุกเข้ามาในโลกของเรา พวกมันเคยมาครั้งหนึ่งเมื่อพันปีก่อน ทำให้เกิดาใหญ่ที่แทบทำลายอารยธรรมมนุษย์ แต่บรรพบุรุษของเราใช้พลัง ชี่ เพื่อขับไล่พวกมันและปิดประตูมิติ"
ภาพเปลี่ยนอีกครั้ง แสดงให้เห็นสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็ผู้นำ มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ผิดรูปผิดร่าง ิัเหมือนโลหะสีเทาอมม่วง ดวงตาสีแดงเรืองแสง และมีรอยแยกที่ศีรษะที่เปล่งแสงสีม่วงเช่นกัน
"นั่นคือ...ผู้บัญชาการอูเอ๋อร์" หม่าเหมยเอ่ยเสียงเครียด "ผู้นำการรุกรานครั้งแรก บรรพบุรุษของเราคิดว่ามันถูกทำลายแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับมาอีกครั้ง และกำลังสื่อสารกับนักวิทยาศาสตร์ของเทียนซื่อในนามของ 'อัจฉริยะจากอนาคต'"
"อัจฉริยะจากอนาคต?" หลินเว่ยทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
"ใช่ มันหลอกพวกเทียนซื่อว่าเป็มนุษย์จากอนาคตที่มาช่วยพัฒนาเทคโนโลยี แต่ความจริงมันกำลังใช้พวกเขาเปิดประตูมิติ ทั้งไวรัสและการกลายพันธุ์ คือส่วนหนึ่งของแผนการของมัน"
หลินเว่ยนึกถึงสิ่งที่ได้เห็นในโรงพยาบาล คนไข้ที่ติดเชื้อและมีดวงตาสีแดงเรืองแสง "ผู้ติดเชื้อ...พวกเขากำลังถูกควบคุมโดยสิ่งมีชีวิตเหล่านี้?"
"ถูกต้อง" หญิงชราพยักหน้า "ไวรัสไม่ได้แค่ทำให้ผู้คนกลายพันธุ์ แต่เป็การเปิดประตูเล็กๆ ในตัวพวกเขา ให้พลังงานและจิตของสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นเข้ามาควบคุม"
ภาพเหนือหยกดับไปอย่างช้าๆ หญิงชราถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า "นี่คือสิ่งที่พวกเ้ากำลังเผชิญ ไม่ใช่แค่องค์กรเทียนซื่อหรือไวรัส แต่เป็การรุกรานจากสิ่งมีชีวิตที่มาจากอีกมิติหนึ่ง"
ห้องตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ ทุกคนพยายามทำความเข้าใจข้อมูลมหาศาลที่ได้รับ
"แล้ว...เรา...จะทำอย่างไรต่อไป?" เมิ่งหลิงถามเสียงสั่น "พวกเรามีแค่สามคน จะต่อกรกับภัยคุกคามใหญ่แบบนี้ได้อย่างไร?"
หม่าเหมยหันไปมองหลินเว่ย "นั่นคือเหตุผลที่เรา้าเ้า หลินเว่ย เ้าถูกสร้างขึ้นมาพิเศษ ในร่างกายของเ้ามีพลัง ชี่ บริสุทธิ์ที่ทรงพลังมากพอจะต่อกรกับพวกมันได้ แต่เ้าต้องฝึกฝนให้มากขึ้น และเรียนรู้ที่จะใช้พลังนั้นอย่างเต็มที่"
หลินเว่ยก้มมองมือของตัวเอง รู้สึกถึงพลังที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน พลังที่ยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ "ท่านหมายความว่า ข้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนี้?"
"ใช่" หญิงชราตอบ "องค์กรเทียนซื่อได้ความรู้บางส่วนจากตำราโบราณ และพยายามสร้างมนุษย์ที่มีพลัง ชี่ เพื่อใช้เป็อาวุธ พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำตามคำทำนายโบราณโดยไม่ตั้งใจ คำทำนายที่ว่าในยามที่ประตูมิติเปิดอีกครั้ง จะมีนักรบพลัง ชี่ เกิดขึ้นเพื่อปกป้องมนุษยชาติ"
เสี่ยวลี่เข้ามานั่งข้างๆ หลินเว่ย "พี่ไม่ต้องกังวลนะคะ พี่ไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้พิทักษ์อีกมากมายที่รอคอย่เวลานี้"
"แต่เรามีเวลาอีกเท่าไหร่?" หลิวซินถาม "องค์กรเทียนซื่อกำลังพัฒนาเร็วขึ้นทุกที"
"ไม่มากนัก" หม่าเหมยตอบ สีหน้าเคร่งเครียด "ตาม 'ตาแห่งั' แสดงให้เห็น พวกเขาใกล้จะเปิดประตูมิติอย่างสมบูรณ์แล้ว อาจเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือน"
หลินเว่ยลุกขึ้นยืน ความมุ่งมั่นปรากฏชัดในดวงตา "ข้าต้องเรียนรู้อะไรอีกบ้าง? ทำอย่างไรถึงจะใช้พลังของข้าต่อสู้กับพวกมันได้?"
หม่าเหมยยิ้มบางๆ พอใจในปฏิกิริยาของหลินเว่ย "เ้าต้องฝึกฝนวิชาัทะยานฟ้าให้สมบูรณ์ ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลัง ชี่ ในระดับที่สูงขึ้น และต้องพบพันธมิตรที่จะร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน"
"พวกเ้าจะอยู่ที่นี่สักระยะ" หญิงชราเสริม "พักผ่อนและฟื้นฟูพลัง เรียนรู้เพิ่มเติม จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไปยังที่ซึ่งมีคนที่จะช่วยเหลือพวกเ้าได้"
เมิ่งหลิงที่ยังคงใกับสิ่งที่ได้เห็นเอ่ยถาม "ท่านบอกว่าไวรัสนี้ช่วยให้สิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นควบคุมคนธรรมดาได้ แล้วทำไมหลินเว่ยถึงไม่ถูกควบคุม แม้จะติดเชื้อแล้ว?"
"เพราะพลัง ชี่ ที่อยู่ในตัวเขาต่อต้านไวรัส" หม่าเหมยตอบ "และนั่นคือความหวังของเรา หากเราผลิตวัคซีนที่มีพลัง ชี่ ของหลินเว่ยเป็ส่วนประกอบ อาจป้องกันมนุษย์จากการควบคุมได้"
"ฉันเป็นักวิจัยการแพทย์" เมิ่งหลิงบอก "ถ้ามีอุปกรณ์ที่เหมาะสม ฉันอาจช่วยพัฒนาวัคซีนนั้นได้"
"ในหมู่บ้านของเรามีสมุนไพรโบราณที่มีคุณสมบัติพิเศษ" หม่าเหมยพยักหน้า "พรุ่งนี้เราจะเริ่มทำงานร่วมกัน"
ขณะนั้น เสียงร้องใดังมาจากนอกบ้าน ตามด้วยเสียงวิ่งเข้ามาหา ชาวบ้านวัยกลางคนวิ่งเข้ามาในบ้าน สีหน้าตื่นตระหนก
"ผู้เฒ่า! มีบางอย่างเกิดขึ้น!" เขาร้องบอก "เสี่ยวจง...เขาเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดง แล้วเขาก็...เขาก็โจมตีครอบครัวของเขาเอง!"
หญิงชราลุกขึ้นทันที "พามาที่นี่เร็ว!"
ไม่นาน ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็ลากร่างของชายหนุ่มที่ดิ้นรนอยู่เข้ามา เขามีดวงตาสีแดงเรืองแสงและิัเปลี่ยนเป็สีเทา เส้นเืสีม่วงปูดโปนทั่วใบหน้าและลำคอ
"ละ...ละช่วยผมด้วย" ชายหนุ่มพูดเสียงสั่น ดูเหมือนยังมีสติอยู่บ้าง "มีบางอย่าง...ในหัวผม...พยายามควบคุม..."
หม่าเหมยหันไปหาหลินเว่ย "นี่คือโอกาสให้เ้าได้เห็นพลังที่แท้จริงของวิชาัทะยานฟ้า เ้าต้องช่วยขับสิ่งนั้นออกจากร่างเขา"
หลินเว่ยก้าวถอยหลัง ความไม่มั่นใจปรากฏชัด "ข้า...ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ข้าเพิ่งเริ่มฝึกวิชานี้"
"ตอนนี้ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว" หม่าเหมยบอก เสียงเด็ดขาด "ใช้สัญชาตญาณของเ้า ใช้พลัง ชี่ ที่อยู่ในตัวเ้า"
ชายหนุ่มเริ่มชักกระตุก แล้วกรีดร้องด้วยเสียงที่ไม่ใช่มนุษย์ ดวงตาสีแดงเรืองแสงจ้าขึ้น "ช้าไปแล้ว! ร่างนี้เป็ของเราแล้ว! เร็วๆ นี้ทั้งโลกจะเป็ของเรา!" เสียงที่ดังออกมาไม่ใช่เสียงของชายหนุ่มอีกต่อไป แต่เป็เสียงแหลมสูงและแปร่งพิกล
ชายหนุ่มกระชากตัวเองออกจากการจับกุมของชาวบ้าน และพุ่งเข้าใส่หลินเว่ยอย่างรวดเร็ว
โดยสัญชาตญาณ หลินเว่ยใช้ท่า ัทะยานน้ำ หลบการโจมตีอย่างง่ายดาย ร่างของเขาเคลื่อนไหวราวกับน้ำไหล ลื่นไหลและเปลี่ยนทิศทางได้อย่างฉับไว
"หลินเว่ย! ใช้ ัสยายปีก โจมตี!" หลิวซินะโแนะนำ "มุ่งพลังไปที่ศูนย์กลางของร่างเขา!"
หลินเว่ยลังเลเพียงชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจ เขาเริ่มทำท่า ัสยายปีก กางแขนออกและรวบรวมพลัง ชี่ จากภายใน จินตนาการว่ามันเป็แสงสีทองที่แผ่ขยายออกจากร่างกาย
เมื่อชายหนุ่มผู้ถูกครอบงำพุ่งเข้ามาอีกครั้ง หลินเว่ยปล่อยพลัง ชี่ ออกไปราวคลื่นกระแทก ปะทะกับร่างของชายหนุ่มพอดี
เสียงกรีดร้องดังขึ้น แต่ไม่ใช่จากปากของชายหนุ่ม เป็เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นในอากาศราวกับมาจากอีกมิติหนึ่ง ควันสีม่วงเริ่มลอยออกมาจากดวงตา ปาก และรูจมูกของชายหนุ่ม ก่อนจะรวมตัวเป็รูปร่างคล้ายมนุษย์ขนาดเล็กที่มีแต่ส่วนบนของร่างกาย
"เ้าคิดว่าเ้าชนะเราได้หรือ?" เสียงแหลมสูงดังมาจากรูปร่างควันสีม่วงนั้น "นี่เป็เพียงจุดเริ่มต้น เราจะกลับมาพร้อมกองทัพ และทำลายล้างพวกเ้าทั้งหมด!"
หม่าเหมยก้าวไปข้างหน้า ในมือถือกระดาษสีเหลืองที่มีอักขระโบราณเขียนไว้ "กลับไปสู่มิติของเ้า สิ่งชั่วร้าย อย่าได้กลับมาอีก!" นางเผากระดาษและพ่นควันใส่รูปร่างสีม่วงนั้น
ควันสีม่วงบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป ก่อนจะสลายหายไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องสุดท้าย
ชายหนุ่มล้มลงกับพื้น ดวงตากลับเป็ปกติ หน้าอกยังขยับตามจังหวะการหายใจ เขาเพียงแค่หมดสติไป หลินเว่ยจ้องมองมือของตนเองที่ยังสั่นเทาเล็กน้อย ความรู้สึกหลากหลายปะทุขึ้นในใจ—บางส่วนเป็ความโล่งใจที่ช่วยชายหนุ่มได้ทัน แต่อีกส่วนเป็ความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เขาเพิ่งเผชิญ ภาพของควันสีม่วงนั้นยังติดตาเขา และเสียงแหลมสูงอันไม่ใช่มนุษย์ยังก้องอยู่ในหู เขาไม่เคยรู้สึกถึงความเกลียดชังอันบริสุทธิ์มากขนาดนี้มาก่อน—ความเกลียดชังที่แผ่ออกมาจากสิ่งนั้น
สิ่งที่้าทำลายล้างชีวิตทั้งปวง เขานึกถึงครอบครัวของชายหนุ่มที่ถูกโจมตี—ภรรยาที่ใบหน้าฉีกขาด ลูกน้อยที่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว พ่อแม่ที่พยายามปกป้องพวกเขาแต่ถูกลูกชายของตัวเองทำร้าย—ภาพที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังระหว่างนำชายหนุ่มเข้ามา น้ำตาร้อนวูบวาบในดวงตาของหลินเว่ย เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงต้องแข็งแกร่งขึ้น—ไม่ใช่เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่เพื่อทุกชีวิตที่กำลังทนทุกข์ "ไม่มีอะไรสำหรับพวกเขาแล้วหรือ?" หลินเว่ยถามเสียงแ่ "ผู้ติดเชื้อทั้งหมดนั่น...พวกเขาเป็เหยื่อ ไม่ใช่ศัตรู ไม่ใช่เหรอ?" "บางคนเราช่วยได้ หากทันเวลา" หม่าเหมยตอบเสียงเครือ
ความเศร้าฉายชัดในดวงตาอันเก่าแก่ "แต่ส่วนใหญ่...เมื่อพวกมันร่างแล้ว มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะปลดปล่อยจิติญญาที่ถูกทรมาน"
"พาเขาไปพักผ่อน" หม่าเหมยสั่งชาวบ้าน "ให้เสี่ยวหลินดูแลเขา เตรียมชาสมุนไพรตามที่ข้าเคยสอน"
เมื่อชาวบ้านพาชายหนุ่มออกไปแล้ว หม่าเหมยหันมาหาหลินเว่ย "เ้าทำได้ดีมาก ในการขับไล่สิ่งนั้นออกจากร่างเขา แต่นี่เป็เพียงการแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เรากำลังเผชิญ พวกมันกำลังแพร่กระจายไปทั่ว แม้แต่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้"
"แต่...มันเข้ามาในหมู่บ้านได้อย่างไร?" เมิ่งหลิงถาม "พวกคุณอยู่ห่างไกลจากเมือง"
เสี่ยวลี่ตอบแทนหญิงชรา "ชายที่ชื่อเสี่ยวจงออกไปล่าสัตว์เมื่อสามวันก่อน อาจไปใกล้เขตต้องห้ามมากเกินไป"
"เขตต้องห้ามคือพื้นที่ที่มิติซ้อนทับกันบางที่สุด" หม่าเหมยเสริม "เป็ทั้งสิ่งปกป้องและจุดอ่อนของเรา แต่ตอนนี้พลังที่ปกป้องเขตนั้นกำลังอ่อนลง ทำให้สิ่งจากมิติอื่นเล็ดลอดเข้ามาได้มากขึ้น"
หลินเว่ยนั่งลงอย่างเหนื่อยล้า การใช้พลัง ชี่ อย่างเข้มข้นทำให้เขาอ่อนแรง "แล้วตอนนี้เราควรทำอย่างไรต่อไป?"
"พวกเ้าต้องพักผ่อน" หม่าเหมยตอบ "พรุ่งนี้เราจะเริ่มการฝึกฝนที่เข้มข้นขึ้น และสอนให้เ้าใช้พลัง ชี่ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
"แต่ก่อนอื่น" หญิงชราเสริม "พวกเ้า้าอาหารและการพักผ่อน เสี่ยวลี่ พาแขกของเราไปยังบ้านพักด้านหลัง"
ระหว่างที่เสี่ยวลี่นำทางพวกเขาออกไป หญิงชราเรียกหลินเว่ยให้ชะลอเพื่อพูดเป็การส่วนตัว
"เ้าต้องระวัง" นางกระซิบ "พลังของเ้ายิ่งเติบโต ยิ่งดึงดูดความสนใจของพวกมัน ราตรีนี้จงฝันดี แต่ระวังสิ่งที่อาจมาเยือนในความฝันของเ้า" ขณะที่หลินเว่ยจะเดินตามเสี่ยวลี่ออกไป หญิงชราส่งม้วนผ้าไหมเล็กๆ ให้เขา
"ก่อนนอน อ่านและฝึกท่า 'ัปกป้อง' นี้" นางกระซิบ "มันจะช่วยปกป้องจิตใจของเ้ายามหลับใหล สิ่งที่อยู่ในความฝันอาจอันตรายยิ่งกว่าสิ่งที่อยู่ในความเป็จริง"
คืนนั้น ในห้องพักเล็กๆ ที่ถูกจัดเตรียมให้ หลินเว่ยคลี่ม้วนผ้าไหมออก แสงตะเกียงน้ำมันส่องให้เห็นอักษรจีนโบราณและภาพวาดแสดงท่าทางการเคลื่อนไหวแปลกตา เขาอ่านบทกวีที่เขียนไว้:
"เมื่อร่างสงบนิ่ง จิตเป็ด่านสุดท้าย ที่ต้องปกป้อง
ัโอบล้อมตัวด้วยวงกำบัง ชี่บริสุทธิ์คือเกราะแกร่ง
ภายนอกเงียบสงัด ภายในัคำราม ผู้บุกรุกย่อมหวาดเกรง
ภวังค์มิใช่จุดอ่อน หากคือสมรภูมิอีกแดนหนึ่ง
ัปกป้อง ศิลป์แห่งการตื่นรู้ในความฝัน"
หลินเว่ยฝึกฝนตามท่าทางที่วาดไว้ หมุนฝ่ามือเข้าหากัน รู้สึกถึงพลัง ชี่ ที่ก่อตัวเป็ทรงกลมระหว่างมือทั้งสอง จากนั้นค่อยๆ แยกมือออกและวาดเป็วงกลมรอบกาย ขณะที่กระแสพลังค่อยๆ แผ่ขยายออกไป ห่อหุ้มร่างกายในโดมแห่งพลังงานที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและปลอดภัย
เมื่อเขาลงนอนบนเสื่อที่ปูไว้ เขากระซิบมนตราสุดท้ายตามที่ระบุไว้ในม้วน "จิตข้าเป็ของข้า ไม่มีผู้ใดล่วงล้ำได้ แม้ในยามหลับใหล จิตยังเฝ้าระวัง"
แสงนวลอ่อนๆ สีทองปรากฏรอบกายเขาชั่วครู่ ก่อนจะจางหายไป เขาหลับตาลง ด้วยความรู้สึกถึงพลังใหม่ที่จรดจิตและการเดินทางอันยาวไกลที่รออยู่เบื้องหน้า
หลินเว่ยพยักหน้ารับ ความกังวลและคำถามมากมายยังคงวนเวียนในใจ แต่ความเหนื่อยล้าเริ่มครอบงำ เขาตัดสินใจที่จะพักผ่อนและตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางและการต่อสู้ที่รออยู่เบื้องหน้า
เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า หมู่บ้านหยินเฉิงจมอยู่ในความเงียบและความมืด แต่ในความมืดนั้น มีบางสิ่งกำลังเฝ้ามองอยู่ รอคอยโอกาสที่จะเข้ามาใกล้ชิดผู้ถือพลัง ชี่ ที่ถูกเลือกให้มาปกป้องมนุษยชาติ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้