ระหว่างทางไปโรงประมูลเจ็ดดวงดารา โหยวเสี่ยวโม่หาซื้อของกินได้มากมาย
อ้อยอิ่งตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงทันเวลาประมูลพอดี ขณะที่พวกเขามาปรากฏตัวที่หน้าทางเข้างานประมูล จากเมื่อวานที่มีเพียงคนน้อยนิดวันนี้กลับเบียดเสียดกันแน่น ทั้งยังมีเสียงจอแจเต็มไปหมด บรรยากาศคึกคักทีเดียว
โหยวเสี่ยวโม่อ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า เขากำลังคิดว่าหากตัวเองแทรกเข้าไปตอนนี้ ร่างที่ผอมบางอยู่แล้วจะถูกเบียดจนแบนกระดาษหรือไม่ คำตอบชัดเจนมาก เพราะตอนนี้คนที่ยืนเบียดกันอยู่ล้วนเป็คนรูปร่างกำยำใหญ่โต
“ศิษย์พี่หลิง พวกเราจะเข้าไปยังไงดี?” โหยวเสี่ยวโม่กลืนน้ำลาย พลางโยนคำถามให้หลิงเซียว
หลิงเซียวยื่นมือมาทางเขา “เอาป้ายนั้นออกมา”
โหยวเสี่ยวโม่ชะงัก รีบเอาป้ายดำออกมาให้เขา สงสัยว่าเขาจะทำอย่างไร
หลิงเซียวรับป้ายมาแล้วเดินอ้อมไปอีกทาง ทางนั้นคนน้อยนิด อีกอย่างตรงทางเข้ามีชายองอาจยืนอยู่สี่คน จากพลังที่แผ่ออกมารับรู้ได้เลยว่าต้องเป็จอมยุทธ์ชั้น์แน่ ทั้งสี่คนปล่อยหลิงเซียวและโหยวเสี่ยวโม่ผ่านเข้าไปโดยง่าย
มีคนเห็นพวกเขาเข้าไป จึงคิดเดินตามแต่กลับถูกคนทั้งสี่ดักไว้ก่อน คนพวกนั้นจึงต้องไปต่อแถวเบียดกับผู้คนเช่นเดิม
ทางเดินนั้นเป็ทางชันทั้งมืดสนิททั้งคดเคี้ยวไปมา คงเป็ทางขึ้นชั้นสอง
โหยวเสี่ยวโม่เดินตามติดหลิงเซียว ขณะที่กำลังเดินถึงโค้งสุดท้าย ทางเดินแคบจู่ๆ ก็มีแสงสว่างจ้า ลานงานประมูลอันกว้างใหญ่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา แม้จะเตรียมใจไว้บ้าง แต่พอเห็นกับตาก็รู้สึกตะลึงงันไปเลย
เบื้องล่างคือที่นั่งเรียงรายมากมาย เป็ที่นั่งที่ทำจากหินขาว ให้ความรู้สึกหรูหรามาก ด้านหน้ามีแท่นประมูลที่ทำจากคริสตัลสีขาวแผ่นใหญ่ประกอบกัน เป็ประกายระยิบระยับ ได้อารมณ์เพ้อฝันบางอย่าง
โหยวเสี่ยวโม่เห็นแวบแรกก็รู้สึกว่าสิ้นเปลือง ขณะที่เขามองภาพนี้อย่างประหลาดใจ หญิงรับใช้หน้าตาสะสวยก็เดินมาหาพวกเขา เอ่ยอย่างยินดี “ท่านทั้งสอง ไม่ทราบว่าได้เลขที่นั่งเท่าไหร่เ้าคะ?”
หลิงเซียวเอาป้ายมายื่นให้นางดู หญิงรับใช้พยักหน้า พลันพาพวกเขาไปยังที่นั่งหรูหรากว้างขวาง ที่นั่งของแขกพิเศษลำดับสองนั้นเป็คริสตัลสีฟ้าประกอบขึ้น ้ามีเบาะขนนุ่มปูอีกชั้นหนึ่ง นั่งแล้วรู้สึกสบายตัว อีกทั้งตำแหน่งนั้นอยู่ใกล้แท่นประมูลมาก มองปราดเดียวก็เห็นสิ่งของล้ำค่าได้ชัดเจน
โหยวเสี่ยวโม่นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นชะเง้อคอมองสี่ทิศ
ฝั่งที่นั่งแขกพิเศษนั้นอยู่บนชั้นสองของโรงประมูลเจ็ดดวงดารา แต่ยิ่งเข้าใกล้แท่นประมูลมากเท่าใด ลำดับแผ่นป้ายสมาชิกก็ยิ่งสูงตามเท่านั้น อีกอย่างที่นั่งฝั่งแขกพิเศษนั้นไม่มีอะไรกั้น คนทั่วไปจึงมองเห็นคนบนฝั่งที่นั่งพิเศษได้
ขณะที่โหยวเสี่ยวโม่กำลังสำรวจรอบๆ คนอื่นก็กำลังสำรวจพวกเขา เพราะถึงยังไงคนที่ไปนั่งอยู่บนนั้นได้ต่างก็เป็พวกมีหน้ามีตา จู่ๆ ก็มีคนอ่อนแอแบบนี้อยู่บนนั้น พลันทำให้คนอึ้ง แต่พอทุกคนเห็นคนข้างๆ นั้นคือหลิงเซียว จึงคลายความตกตะลึงไปได้บ้าง
“คุณหนู ท่านกำลังจ้องอะไรอยู่?” ผู้เฒ่าสังเกตเห็นสายตาของหญิงสาวจึงเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ผู้เฒ่าอวิ๋น ท่านดูสิ สองคนนั้นเป็คนพวกเดียวกับที่เราเห็นในโรงเตี๊ยม คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันเร็วเช่นนี้ เห็นทีว่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกัน!” หญิงสาวจ้องพวกเขาไม่วางตา บอกไม่ถูกว่านางสนใจพวกเขาจริงหรือไม่
ผู้เฒ่าอวิ๋นส่ายหัว มีวาสนาอะไรกัน คุณหนูนั้นดีไปหมด เว้นเสียแต่ว่าชอบทำเื่อะไรแผลงๆ เวลาส่วนใหญ่นั้นยังดูห้าวหาญกว่าผู้ชายอีก ไม่มีความเป็หญิงเอาเสียเลย
แต่เพราะเหตุผลนี้ ประมุขพรรคจึงเห็นว่านางเหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดตำแหน่งของพรรคเซียวเหยา พรรคนี้ไม่ได้้าคนที่เรียบร้อย ทำอะไรอยู่ในกรอบ คุณหนูจึงเป็ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ขณะที่หญิงสาวกับผู้เฒ่าอวิ๋นถอนสายตากลับมา ตอนนั้นเองหลิงเซียวก็ชำเลืองมาทางพวกเขา
หญิงสาวไม่ได้เผยท่าทีอะไร เพียงแค่ยิ้มอย่างนึกสนุกอยู่เงียบๆ เพียงแต่หลิงเซียวนั้นรับรู้ได้ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังจำได้ว่าหญิงสาวและผู้เฒ่าคนนี้คือแขกที่เจอที่โรงเตี๊ยม ตอนนั้นทั้งสองอยู่โถงกลาง หญิงสาวมองพวกเขาด้วยสายตาเช่นนี้
หลิงเซียวยักคิ้วเบาๆ ช่างเถอะ ขอแค่ไม่ยุ่งกับเขาเป็พอ จากนั้นมองมาที่โหยวเสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างๆ อีกฝ่ายนั้นไม่ได้รับรู้อะไรเลย สองตาใสแจ๋วฟุบอยู่ตรงคานกั้นสำรวจด้านล่าง
เข้าใกล้เวลาการประมูลทุกเมื่อ คนก็ยิ่งประดังเข้ามายังลานประมูล ไม่ว่าจะเป็ชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง ล้วนถูกนั่งเต็มหมดแล้ว เสียงพูดคุยดังทั่วทุกทิศ จนตอนที่กลองดังขึ้นเพื่อเป็สัญลักษณ์การเริ่มประมูล ทันใดลานประมูลก็เงียบลง ทุกคนต่างมองไปยังแท่นเวทีการประมูล
ขณะนี้ บนแท่นเวทีก็มีผู้เฒ่ายืนยิ้มแย้มอยู่ั้แ่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผู้เฒ่าท่าทางอ่อนโยน แต่ก็เป็จอมยุทธชั้นจันทรา เขาก็คือผู้ขายประมูลในครั้งนี้ มีชื่อเสียงพอควรในเมืองฮุยจี๋ คนมากมายต่างรู้จักเขา
เมื่อเสียงครึกครื้นเงียบซาลงไปพร้อมกับเสียงกลอง สายตายิ้มแย้มนั้นกวาดตามองไปยังผู้ชม เปล่งเสียงดังชัดเจนให้ผู้คนได้ยินโดยทั่วกัน “ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การประมูลที่สามปีมีหนของเมืองฮุยจี๋ ข้าจะไม่พูดให้มากความ ตอนนี้ข้าขอประกาศ การขายประมูลเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้”
พอจบคำ เสียงเฮและเสียงปรบมือก็ดังขึ้น
หลายครั้งที่การประมูลนั้นผู้ขายประมูลจะพูดพล่ามยาวก่อนเริ่มการประมูล แต่สำหรับผู้ที่รอซื้อสินค้าอย่างใจจดใจจ่อนั้น มันช่างน่ารำคาญสิ้นดี ดังนั้นผู้เฒ่าผู้ฉลาดหลักแหลมที่มีประสบการณ์โชกโชน จึงเอ่ยเพียงประโยคสั้นๆ กระชับเพื่อกล่าวต้อนรับทุกคน
ไม่กี่วินาทีจากนั้น ก็มีหญิงรับใช้แต่งกายสุภาพเดินออกมาจากด้านหลังเวที หญิงรับใช้วางสินค้าประมูลไว้แล้วเดินกลับไป ผู้เฒ่าเดินไปปลดผ้าแดงที่คลุมของนั้น เผยให้เห็นถึงหญ้าเซียนหลายสิบต้นที่อยู่ในกล่องใส
“ในนี้คือหญ้าเซียนขั้นสี่ยี่สิบต้นและขั้นห้ายี่สิบห้าต้น จากที่ท่านเห็นเชื่อว่าคงดูออก ทั้งสี่สิบห้าต้นนั้นเป็สุดยอดหญ้าเซียนชั้นปานกลาง อย่าเห็นว่ามันเป็เพียงหญ้าเซียนชั้นปานกลางธรรมดา สุดยอดหญ้าเซียนชั้นปานกลางนี้ก็สามารถหลอมยาเซียนตันคุณภาพสูงได้เช่นกัน เชื่อว่านักหลอมโอสถที่วิจัยเื่การหลอมยานั้นต้องรู้ดีแน่นอน หากว่าท่านสนใจ อย่าลังเลกับการควักเงินจากในกระเป๋า จะได้ไม่เสียโอกาส”
ผู้เฒ่าพูดจบก็มองไปยังผู้ชม แม้จะเป็หญ้าเซียนขั้นไม่สูงมาก แต่เขาก็ไม่ห่วงว่าจะไม่มีแย่งกัน เพราะสำหรับนักหลอมโอสถแล้ว หญ้าเซียนที่สามารถหลอมยาเซียนตันคุณภาพสูงได้ต่างก็เป็สิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน พลันยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “ราคาขั้นต่ำหนึ่งแสนห้า ทุกท่านเริ่มได้”
ลานประมูลเงียบอยู่ชั่วครู่ ทันใดก็มีคนเสนอราคา คนที่หนึ่ง ตามด้วยคนที่สอง คนที่สาม…ในลานมีเสียงแข่งขันราคาขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากลานประมูลนักหลอมโอสถนั้นน้อยกว่านักฝึกตนเยอะ เพียงไม่กี่นาที หญ้าเซียนสี่สิบห้าต้นก็ถูกนักหลอมโอสถขั้นห้าซื้อประมูลไปได้ในราคาสามแสนหนึ่งหมื่นตำลึงทอง
โหยวเสี่ยวโม่อ้าปากค้าง ตาโต หญ้าเซียนสี่สิบห้าต้นขายได้ราคาสูงเพียงนี้เชียว กำไรเน้นๆ!
เขารู้สึกว่า การประมูลครั้งนี้เปิดกว้างเื่การหาเงินอย่างง่ายๆ ให้เขาได้อีกวิธีหนึ่ง ที่แท้เขาสามารถหาเงินได้โดยไม่ต้องหลอมหญ้าเซียนให้กลายเป็ยาเซียนตัน งั้นก็ขายหญ้าเซียนในห้วงมิติโดยตรงเลยก็ได้นี่นา นี่มันง่ายกว่าหลอมยาเยอะเลย เขาไม่เคยคิดมาก่อน ช่างเสียดายจริง!
การประมูลเริ่มร้อนแรงขึ้น ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม บนเวทีประมูลนั้นมีสิ่งของล้ำค่ามากมายถูกขายออกไป ทั้งหญ้าเซียน ยาเซียนตัน เกราะ อาวุธ เคล็ดวิชายุทธ์ สัตว์วิเศษและอื่นๆ แต่เพราะขั้นนั้นไม่สูง ดังนั้นการแย่งชิงมีเพียงกลุ่มคนจากชั้นหนึ่งเท่านั้น ที่มีงบน้อย
ในส่วนของแขกพิเศษชั้นสอง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครลงมือ คนทั้งหลายต่างรอของล้ำค่าที่แท้จริงในตอนท้าย หลับตาพริ้มรอคอย แต่ก็มีความระอาอยู่บ้าง
โหยวเสี่ยวโม่กลับไม่รู้สึกเบื่อ เขาเข้าร่วมการประมูลเป็ครั้งแรก ดังนั้นจึงกระตือรือร้นเป็พิเศษ ดูอะไรก็น่าสนใจไปหมด
ครึ่งชั่วยามผ่านไป บนเวทีประมูลก็มีเสียงกลองดังขึ้นอีกหน ผู้เฒ่าดึงผ้าคลุมสินค้าออก บนถาดนั้นมีขวดหยกห้าขวดวางเรียบร้อย ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเป็ยาเซียนตัน
โหยวเสี่ยวโม่ส่งเสียงดัง “เอ๊ะ” ดวงตากลมใสเบิกกว้าง มือข้างหนึ่งสะกิดเรียกหลิงเซียว “ศิษย์พี่หลิง ท่านดูสิ นั่นเหมือนกับยาเซียนตันที่ข้าขายให้กับร้านคลังโอสถเลย”
“ไม่ใช่เหมือน แต่นั่นคือยาเซียนตันที่เ้าหลอมจริงๆ” หลิงเซียวหันมามองเขา เอ่ยท่าทีเกียจคร้าน
“แล้วทำไมพวกเขาต้องเอามาขายประมูลด้วยล่ะ?” โหยวเสี่ยวโม่ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ
หลิงเซียวยิ้มแล้วเอ่ยอย่างรู้ดี “เ้าขายมันออกไปแล้ว จะจัดการยังไงมันก็เื่ของพวกเขา”
ขณะที่โหยวเสี่ยวโม่กำลังจะเอ่ย ผู้เฒ่าก็เริ่มประกาศขาย
“เหอะๆๆ เชื่อว่าทุกท่านในที่นี้คงสงสัยว่ายาที่อยู่ในขวดนี้คืออะไร ข้าก็ไม่ให้พวกท่านรีรอ ในนี้คือยาเซียนตันขั้นสองห้าขวด…” เมื่อพูดถึงขั้นสอง เสียงโห่ร้องจากด้านล่างก็ดังขึ้น ผู้เฒ่าหาได้เอะใจ จึงเอ่ยต่อ “คิดว่าทุกท่านคงสงสัย ทำไมยาเซียนตันขั้นสองถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ อันที่จริงยาเซียนตันขั้นสองพวกนี้ล้วนเป็ยาคุณภาพสูง ทั้งหมดมีสองร้อยห้าสิบเม็ด จากสีและพลังปราณแล้ว นับได้ว่าเป็ยาคุณภาพสูงที่ดีที่สุด”
พูดจบ ผู้เฒ่าก็หยิบขวดยาขึ้นมาแล้วเทเม็ดยาออกมาให้พวกเขาดู
เมื่อเห็นเม็ดยาที่กลิ้งไปมาอยู่บนถาด เบื้องล่างก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้น
จำนวนนี้นับว่าเยอะทีเดียว อีกทั้งคุณภาพดีเช่นนี้ ไม่แปลกที่โรงประมูลจะรับยาเซียนตันขั้นสองชิ้นนี้เข้าประมูลขายด้วย จากมูลค่าของยาเซียนตันพวกนี้ มีค่ามากพอที่จะมาขายในนี้ได้
ผู้เฒ่าเห็นผู้คนฮือฮาจากสิ่งที่เขากล่าว พยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นผายมือเอ่ย “หากมีผู้สนใจ อย่าได้ลังเลเลย หากพลาดโอกาสนี้แล้วก็ไม่มีอีก ตอนนี้เริ่มการประมูลได้ สนนราคาเริ่มต้นที่ หนึ่งแสนสาม”
“หนึ่งแสนสี่!”
เมื่อพูดจบ ก็มีคนแข่งขันราคาทันที
“หนึ่งแสนห้า!”
“หนึ่งแสนหก!”
……
ฝั่งที่นั่งแขกพิเศษ คางของโหยวเสี่ยวโม่ห้อยลงมาตรงคานกั้นเรียบร้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้