ซูเต๋อเหยียนครุ่นคิดไปสักครู่ก็ตบโต๊ะอย่างแรงทันที “เฟยซื่อ เ้าทำให้พ่อผิดหวังมากเกินไปแล้ว คิดอาศัยความบากบั่นของตนบุกเบิกได้ฟ้าดินผืนหนึ่งในจวนอัครมหาเสนาบดีเป็เื่ถูกต้องแต่เ้ามิอาจร่วมมือกับท่านอ๋องมาจัดการกับครอบครัวของตนเองได้”
ซูเฟยซื่อยิ่งมีปณิธานการต่อสู้ก็ยิ่งดีสำหรับเขา
แต่ก่อนหน้านี้ปณิธานการต่อสู้ของซูเฟยซื่อไม่ได้มีผลร้ายต่อจวนอัครมหาเสนาบดี มิฉะนั้น...
“อะไรนะ?ร่วมมือกับท่านอ๋อง?ปรักปรำแล้วเ้าค่ะในเมืองหลวงมีคุณหนูตระกูลขุนนางมากมายขนาดนั้น ต่อให้ท่านอ๋องจะหาคนร่วมมือคงไม่ต้องตาข้าซึ่งเป็ลูกอนุคนนี้หรอกเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อโต้แย้งอย่างลนลาน
ความจริงด้วยอำนาจของอวี้เสวียนจีเดิมไม่มองซูเฟยซื่อ แต่...
ซูเต๋อเหยียนขมวดคิ้วแล้ว“ถ้าเช่นนั้น เ้าควรอธิบายเื่ท่านอ๋องลงมือช่วยเ้าหลายครั้งอย่างไร?”
“ท่านพ่อท่านไตร่ตรองให้รอบคอบ ใช่ท่านอ๋องกำลังช่วยข้าจริงหรือเ้าคะ? ครั้งที่แล้วฮ่องเต้ถูกลอบสังหารในจวนอัครมหาเสนาบดีเป็หข้าช่วยฮ่องเต้ต้านกระบี่ไว้ ด้วยสถานการณ์ตอนนั้น ข้ามีโอกาสได้เข้าวังอย่างสมบูรณ์แบบถึงแม้ไม่ได้เข้าวัง แต่ยังสามารถได้รับพระราชทานรางวัลด้วยทว่าเป็เพราะท่านอ๋องช่วยพูดให้ข้าจึงเป็เหตุทำให้ฮ่องเต้ทรงยกเลิกความคิดนี้ไปเ้าค่ะในที่สุดเป็คุณความดีชดเชยความผิด ท่านพ่อท่านว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้จึงทรงล้มเลิกความคิดให้ข้าเข้าวังด้วยเหตุที่ท่านอ๋องช่วยพูดให้ข้าหรือ? ข้าดูไปแล้วท่านอ๋องไม่ได้คิดช่วยข้าหรอกเ้าค่ะแต่คิดอยากให้ฮ่องเต้ทรงสงสัยว่าท่านอ๋องกับจวนอัครมหาเสนาบดีมีการสมรู้ร่วมคิดกันส่วนตัวจนทรงเกิดการตื่นตัวและสงสัยต่อจวนอัครมหาเสนาบดีมากกว่านะเ้าคะ”ซูเฟยซื่อกล่าวด้วยความคับข้องใจ ดูเหมือนเสียดายโอกาสที่ดีจะได้เข้าวังแบบนี้
“นี่...”วาจารอบนี้บวกกับสีหน้าของซูเฟยซื่อ เหมือนเป็จริงมาก
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขามักรู้สึกว่าซูเฟยซื่อไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เห็นแบบนี้ซูเฟยซื่อทำท่าเบ้ปากเหมือนถูกปรักปรำทันที “ในเมื่อท่านพ่อไม่เชื่อข้า ถ้าเช่นนั้นวันข้างหน้าข้าก็จะอยู่แต่ในสวนปี้หวินไม่ออกมาแล้วเพียงขออาหารสามมื้อกินอิ่ม สวมเสื้อผ้าอบอุ่น ไม่คิดอื่นใดอีกแล้วเ้าค่ะ”
“ไม่ได้ไม่ได้” ซูเต๋อเหยียนลนลานบ้างแล้วอย่างอดไม่ได้
ตอนนี้ตำแหน่งของจวนอัครมหาเสนาบดีในราชสำนักกำลังล่อแหลมอยู่ในอันตรายซูจิ้งโหยวเป็ลูกสาวแท้ๆ ของนางแซ่หลี่ ต้องได้รับผลกระทบจากเื่นี้แน่นอน
ถ้าซูเฟยซื่อไม่ลงมืออีกจวนอัครมหาเสนาบดีไม่ใช่จบสิ้นแล้วหรือ
ซูเต๋อเหยียนยิ่งคิดยิ่งไม่ได้การรีบเอ่ยปาก “พ่อไม่ใช่ไม่เชื่อเ้า แต่ตอนนี้พ่อก็แก่แล้ว ที่สามารถพึ่งพาได้มีเพียงพวกเ้าแล้ว ข้าหวังว่าพวกเ้าจะร่วมมือร่วมใจกันจัดการคนภายนอกแต่ไม่ใช่ต่อสู้ในรังกันเอง”
“ท่านพ่อท่านวางใจเถิด ขอเพียงพี่ใหญ่กับน้องสี่ไม่เอาเื่ของแม่ใหญ่มาคิดบัญชีกับข้าคิดทำร้ายข้าล้างแค้นให้แม่ใหญ่ ข้าต้องคำนึงถึงมิตรภาพระหว่างพี่น้องแน่เ้าค่ะ”วาจานี้กล่าวได้ชัดเจนมากแล้ว แม้ว่านางสามารถปล่อยให้พวกนางทั้งสองไปพวกนางทั้งสองก็ไม่ปล่อยนางไปด้วย
ตาทั้งคู่ของซูเต๋อเหยียนหรี่เล็กน้อยถึงกับปรากฏแววอำมหิตที่น้อยครั้งจะมีออกมาแล้ว “ไม่ว่าจะเป็ใครก็ตามที่กล้าจัดการกับพี่น้องของตนเองข้าก็ไม่ปล่อยไปทั้งหมด เ้าก็ด้วย โหยวเอ๋อร์เถียนเอ๋อร์ก็ด้วย เข้าใจหรือไม่?”
ประโยคเดียวแสดงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจนยิ่งเป็การกำลังเตือนซูเฟยซื่อให้ทำสิ่งต่างๆ อย่างระมัดระวังในภายหน้า
ถ้าทำร้ายซูจิ้งโหยวกับซูจิ้งเถียนาเ็แล้วเขาไม่ปรานีเด็ดขาด
ไม่คิดว่าแก้ปัญหาตระกูลหลี่จบซูเต๋อเหยียนยังเพ่งเล็งนางอีกแล้ว
ดูไปแล้วมีเพียงล้มล้างโลกใบนี้ ให้นางมาครองความเป็ใหญ่ จึงไม่มีปัญหาใดๆ อีก
คิดมาถึงตรงนี้แววแข็งกร้าวในดวงตาของซูเฟยซื่อกะพริบผ่านไป แต่กลับหลุบตาซ่อนปิดบังมันไว้ข้างใต้“เข้าใจแล้วลูกต้องจดจำการสอนของท่านพ่ออย่างเคร่งครัดเ้าค่ะ”
“อืมเ้ามีเพียงซางจื่อกับจือฉินสาวรับใช้สองคนน้อยเกินไปแล้วจริงๆ ในเมื่อนังสารเลวนั่นได้ตายไปแล้วสิ่งของและบ่าวไพร่ที่นางทิ้งไว้ในเรือนพอดีนำไปขยายสวนปี้หวินของเ้าอีกสักพักข้าให้พวกเขามากันทั้งหมด” ซูเต๋อเหยียนคิดๆ แล้วพลางกล่าวออะมา
ตามที่คาดเขายังไม่ไว้ใจซูเฟยซื่อ ถึงกับคิดเอาคนของนางแซ่หลี่มาวางไว้ที่สวนปี้หวินให้หมด
นางแซ่หลี่เสียชีวิตเพราะซูเฟยซื่อคนที่เคยรับใช้ปรนนิบัตินางมาก่อนย่อมไม่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อซูเฟยซื่อ
เมื่อถึงเวลาที่นกปากซ่อมกับหอยกาบทะเลาะกันเขาก็ฉวยโอกาสสืบความตื้นลึกหนาบางของซูเฟยซื่อให้ละเอียด
ซูเฟยซื่อย่อมเข้าใจเจตนาของซูเต๋อเหยียนในใจหัวเราะอย่างเ็า แต่บนใบหน้ากลับแสร้งมีความสุขยินดี แต่ความสุขได้จางหายไปอย่างรวดเร็วก็กลายเป็ทุกข์ระทมแล้วโดยเร็ว
เห็นแบบนี้ซูเต๋อเหยียนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “เป็อะไรแล้วบ่าวไพร่หลายคนให้เ้าใช้สอยไม่มีความสุขหรือ?”
“ดีใจก็ดีใจเพียงแต่ท่านพ่อเพิ่งสอนไปว่าให้เราพี่น้องอยู่ด้วยกันดีๆ ถ้าข้าถือครองสิ่งของกับบ่าวไพร่ในเรือนของแม่ใหญ่ตามลำพังในใจน้องสี่ต้องไม่มีความสุขแน่ๆ ถึงเวลาไยมิใช่ฝ่าฝืนเจตนาของท่านพ่อแล้ว? ก็เอาสิ่งของกับบ่าวไพร่ในเรือนของแม่ใหญ่มาแบ่งสองส่วนข้ากับน้องสี่แบ่งกันคนละครึ่งดีหรือไม่เ้าคะ?”ซูเฟยซื่อกล่าวเสนอ
ซูเต๋อเหยียนเพียงคิด้าให้แน่ใจว่าซูเฟยซื่อเชื่อถือได้หรือไม่เท่านั้นไม่ได้คิดมากแบบนั้น
ตอนนี้ถูกนางเตือนคราหนึ่งแบบนี้กลับรู้สึกว่านางพูดถูก ดังนั้นจึงพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามที่เ้าบอกเถิด”
“ขอบคุณท่านพ่อเ้าค่ะ”ซูเฟยซื่อขยับริมฝีปากยิ้มบาง
“พ่อยังมีเื่ใหญ่ในราชสำนักอีกหลายอย่างที่ต้องไปจัดการพ่อต้องไปแล้ว” บรรลุเป้าหมาย ซูเต๋อเหยียนก็ไม่รำลึกถึงด้วย
แต่เมื่อรอจนเขาจากไปซางจื่อจึงเดินเข้ามาด้วยความโกรธ “คุณหนู ซูเต๋อเหยียนนี่ไหนเลยจะเป็ห่วงใยท่านเห็นได้ชัดว่ากำลังคิดทำร้ายท่านให้ตาย ทำไมท่านยังเห็นด้วยล่ะเ้าคะ?”
“ไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอะไรได้? หรือว่าให้ซูเต๋อเหยียนจับจุดอ่อนได้? ถ้าแบบนั้นวันข้างหน้าเรายังจะใช้ชีวิตอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีได้อย่างไร?” ซูเฟยซื่อกล่าวอย่างเ็า
ก่อนที่นางยังไม่มั่นใจว่าสามารถกำจัดอัครมหาเสนาบดีให้สิ้นซากไปถึงที่สุดนางไม่ปล่อยให้ซูเต๋อเหยียนเห็นพิรุธออกมาอย่างเด็ดขาด
“นี่...แล้วตอนนี้ท่านคิดทำอย่างไรดีเ้าคะ? ให้บ่าวไพร่ในเรือนของนางแซ่หลี่เข้ามาแทบเป็การชักนำหมาป่าเข้ามาในห้อง เมื่อถึงเวลาเป็เื่ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่ายเกาทัณฑ์ลับยากระวังแล้วจริงๆ” ซางจื่อร้อนใจจนกระทืบเท้า
“สภาพการณ์กลับไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เ้าว่าในเมื่อซูเต๋อเหยียนเห็นด้วยที่จะให้ข้ากับซูจิ้งเถียนแบ่งกันคนละครึ่งหนึ่งถ้าเช่นนั้นเราก็มีโอกาสที่จะเลือกครึ่งหนึ่งของเราขอเพียงเลือกเอาสาวรับใช้ชั้นสามที่เข้าจวนมาเป็เวลาสั้นให้หมดก็ควรสามารถเลี่ยงปัญหาในระดับที่มากที่สุด ทั้งนี้่เวลาที่พวกเขาเข้าจวนมาสั้นัันางแซ่หลี่น้อยด้วย ยังพูดไม่ได้ว่าจงรักภักดีหรือไม่ทั้งสิ้นกล่าวไปสำหรับพวกเขา ปรนนิบัติเ้านายคนไหนหรือไม่ปรนนิบัติก็ไม่ต่างกัน”ซูเฟยซื่อคิดวิเคราะห์พลางกล่าว
ซางจื่อเพียงดวงตากระจ่างทันที“คุณหนูฉลาดจริงๆ ตามคาด เพียงแต่ซูจิ้งเถียนนั้น...”
“ซูจิ้งเถียนไม่รู้เจตนาในการเคลื่อนไหวของซูเต๋อเหยียนครั้งนี้เราเลือกสาวรับใช้ชั้นสามไปหมด นางกลับยิ่งมีความสุข”
“ถ้าเช่นนั้นบ่าวก็ไปดูว่าสาวรับใช้ชั้นสามที่เข้าจวนมาเป็เวลาสั้นที่สุดเป็คนไหนนะเ้าคะ”ซางจื่อกล่าวจบ รีบวิ่งออกไปทันที
เป็อย่างที่ซูเฟยซื่อคิดไว้ซูจิ้งเถียนรู้ว่าซูเฟยซื่อ้าที่จะแบ่งปันสิ่งของกับบ่าวไพร่ในเรือนของนางแซ่หลี่ก็โกรธมากจริงๆแต่ได้ยินว่าบ่าวไพร่ที่ซูเฟยซื่อเลือกไปต่างเป็บ่าวไพร่ชั้นสามพลันสีหน้าก็ผ่อนปรนไปมาก
หลินมามานำสาวรับใช้ชั้นหนึ่งชั้นสองคุกเข่าลงตรงหน้าซูจิ้งเถียนน้ำตาเฒ่าหลั่งพรู “บ่าวน้อมคารวะคุณหนูสี่ นายหญิงเสียชีวิตแล้ววันข้างหน้าเราก็เป็คนของคุณหนูสี่แล้วหากมีงานการยังขอคุณหนูสี่โปรดสั่งการเต็มที่เ้าค่ะ”
ซูจิ้งเถียนรู้ว่าหลินมามาซื่อสัตย์กับนางแซ่หลี่ยิ่งรู้ว่าหลินมามาพอมีฝีมือบ้าง ในใจยินดีเป็ล้นพ้นอย่างอดไม่ได้