“ข้าลองถามกับทุกคนแล้ว ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาไม่มีใครพบเห็นเ้าหนูของตระกูลเ้าเลย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เป็เื่ที่แปลกประหลาดเป็อย่างมาก ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเ้าพวกหนูกลืนศิลาเมื่อพวกเ้ามาถึงก็พลันเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถือเป็เื่ที่แปลกประหลาดมากหรือว่าจะมีเื่เลวร้ายอะไรเกิดขึ้นอีกในไม่ช้านี้?” หลงเฟยหัวหน้าผู้นำกองกำลังของเมืองัเมื่อเห็นหนูกลืนศิลาถอยกลับไปจนหมดจึงถอนหายใจพร้อมกับพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย
“ถูกต้อง แปลกประหลาดมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพอพวกเ้ามาถึงหนูกลืนศิลาก็พลันเลือนหายไปทั้งหมด? เมื่อสักครู่พวกข้ายังต่อสู้อย่างดุเดือดกับพวกมันอยู่เป็ชั่วโมง!” เฟิงเซียวเซียวหัวหน้าผู้นำกองกำลังของตระกูลเฟิงกำลังเช็ดเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเืนั้นพูดขึ้นอีก
เยว่โหรวไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาทำเพียงส่ายหัวไปมาแสดงออกให้รู้ว่านางไม่ได้พบและหาเย่ชิงหานไม่เจอเลยสีหน้าอาการของนางก็ร้อนใจเป็อย่างมากเช่นเดียวกัน เยว่โหรวเป็คนรุ่นเดียวกันกับเยว่เอียนเอ๋อร์นางเฝ้ามองดูเยว่ชิงเฉิงเติบโตมาโดยตลอด แน่นอนว่าปรารถนาที่จะหาเย่ชิงหานให้พบเพื่อไม่ให้เยว่ชิงฉิงต้องเ็ปเศร้าเสียใจ
เย่ชิงอวี่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เห็นว่าทุกคนหาเย่ชิงหานไม่พบสีหน้าอาการยิ่งดูไม่ดีขึ้นกว่าเดิม ทุกๆ ด่านที่ผ่านมานางล้วนคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะได้เจอกับเย่ชิงหาน แต่ผลที่ตอบกลับมากลับมีเพียงความเ็ปและเศร้าเสียใจเพียงเท่านั้น...
“ข้าขอเสนอว่าทุกคนไม่ควรแยกกันเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้แปลกประหลาดจนเกินไป พวกเราหยุดพักกันสักหน่อยจากนั้นค่อยออกเดินทางไปพร้อมกันจะดีกว่า ความปลอดภัยต้องมาก่อนเป็อันดับแรก!” ฮวาลิ่วที่นิ่งเงียบมาตลอดพลันเอ่ยปากพูดขึ้น ทุกคนปรึกษาหารือกันอยู่ชั่วครู่จึงตัดสินใจว่าควรที่จะเดินทางไปพร้อมกันดีที่สุด เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่คล้ายกับเขาวงกตเช่นนี้ หากมีฝูงหนูกลืนศิลาปรากฏออกมาอีกก็ยังสามารถช่วยกันรับมือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยสภาพของด่านที่เป็อยู่ในตอนนี้ คาดว่าคนของนครแห่งเทพ เกาะเร้นลับ และอีกสองเขตปกครองคงจะต้องยังติดอยู่ภายในด่านแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งถ้าหากพบเจอเข้าก็สามารถร่วมมือกันต้านทานได้
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่ายอดฝีมือของเขตปกครองเทพาต่างเริ่มเคลื่อนตัวออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ภายในช่องเขาเพื่อเสาะหาปากทางเชื่อมต่อเพื่อออกไปยังด่านต่อไป
เพียงแต่ว่าพื้นที่เขาวงกตแห่งนี้ใหญ่จนเกินไปอีกทั้งสลับซับซ้อนเป็อันมาก พวกเขาทั้งหมดเดินวนอยู่หลายรอบก็หาทางออกไม่พบเสียที ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือตลอดระยะทางที่เดินกันผ่านมาไม่พบหนูกลืนศิลาแม้แต่ตัวเดียว
ส่วนทางด้านนครแห่งเทพ เกาะเร้นลับ เผ่าปีศาจ และเผ่าคนเถื่อน ในตอนที่คนของตระกูลเย่มาถึงยังด่านที่เก้าหนูกลืนศิลาที่กำลังโจมตีพวกเขาอยู่ก็พลันถอยร่นกลับไปทั้งหมด จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มออกเสาะหาปากทางเชื่อมเพื่อออกไปจากด่านที่เก้า
ที่แปลกก็คือกองกำลังทั้งหมดที่เดินวนเวียนไปมาภายในช่องเขาเขาวงกตแห่งนี้กลับไม่เคยเดินมาสวนทางกันเลยสักครั้ง แม้กระทั่งหนูกลืนศิลาตัวเดียวก็ไม่พบเจอ
ภายในห้องโถงใหญ่ในด่านที่สิบสอง ลู่ซีหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ เขามองดูกองกำลังขนาดเล็กทั้งหลายที่อยู่บนหน้าจอซึ่งกำลังเดินไปข้างหน้าตามเส้นทางที่เขาได้กำหนดเอาไว้ หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาดละก็ คาดว่าอีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ กองกำลังขนาดเล็กทั้งสี่สายจะต้องเดินมาพบกันที่ลานกว้างขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางช่องเขาวงกตอย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ สนุกจริงๆ! อืม...เวลาเหลือไม่มากแล้วเ้าหนูหานใกล้จะหลอมเชื่อมต่อกับแหวนเสร็จแล้ว ได้เล่นครั้งนี้เป็ครั้งสุดท้ายแล้วต้องเล่นให้ใหญ่สักหน่อยแล้วแบบนี้!” ลู่ซีราวกับเด็กเล็กฉันนั้น ดวงตาเล็กเรียวของเขาจับจ้องอยู่บนหน้าจอ สีหน้าอาการแสดงออกถึงความกระหยิ่มยิ้มย่องและสนุกสนาน
.................................
เย่เชียงรู้สึกงุนงงสงสัยเป็อย่างมาก เขารู้สึกสงสัยว่าตนเองกำลังเดินวนไปมารอบๆ ภายในสถานที่แห่งนี้ฉันนั้น
พวกเขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอยู่หลายชั่วโมงแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย ไม่ว่าจะเป็คนหรือแม้กระทั่งหนูกลืนศิลาสักตัวก็ไม่พบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหารูปากทางเชื่อมเพื่อออกไปให้เจอเลย
หัวหน้าผู้นำของตระกูลอื่นๆ ต่างก็สังเกตสภาพแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างชัดเจน เพียงแต่อยู่ในสถานที่เช่นนี้พวกเขาต่างก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ต้องทำการเดินหน้าต่อไปเพื่อเสาะหารูปากทางเชื่อมให้เจอเพียงเท่านั้น
แม้ช่องเขาจะค่อนข้างใหญ่แต่กองกำลังมีจำนวนหลายร้อยคนรูปขบวนจึงถูกบีบให้เป็แถวยาวราวกับัที่เลื้อยทอดตัวโดยอัตโนมัติ คนของตระกูลฮวาและเมืองัทำหน้าที่สำรวจเส้นทางอยู่ด้านหน้า คนของตระกูลเยว่อยู่ตรงกลาง ส่วนคนของตระกูลเย่และตระกูลเฟิงทำหน้าที่รั้งท้ายขบวน
สิบนาทีต่อมาช่องเขาเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ รูปขบวนของกองกำลังที่เดินทอดตัวยาวเริ่มกลายเป็รูปสามเหลี่ยมหัวลูกศรขึ้น ลักษณะภูมิประเทศที่กว้างใหญ่เช่นนี้พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรกั้แ่เข้ามาภายในช่องเขาวงกตแห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงระมัดระวังเป็อย่างมาก จังหวะฝีเท้าลดระดับช้าลงอาวุธถือพร้อมไว้ในมือ พลังปราณรบโคจรขึ้นอยู่ตลอดเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้น
ยิ่งเดินไปข้างหน้าลักษณะภูมิประเทศยิ่งกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เพื่อความปลอดภัยรูปขบวนของกองกำลังจึงเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งเป็รูปแบบการป้องกันวงกลมขนาดใหญ่ ผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิล้วนถูกจัดให้ไปอยู่ด้านหน้าทั้งหมด หญิงสาวของตระกูลเยว่และนักกระบี่ของตระกูลเฟิงล้วนถูกห้อมล้อมเอาไว้ตรงกลาง ระดับความเร็วในการเคลื่อนพลถูกลดระดับช้าลงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หนึ่งร้อยเมตร สองร้อยเมตร ห้าร้อยเมตร...
หลังจากที่กองกำลังเลี้ยวออกมาจากโค้งทางเลี้ยวมุมหนึ่ง ระดับสายตาการมองเห็นของพวกเขามองก็ขยายกว้างมากยิ่งขึ้น เบื้องหน้าปรากฏลานกว้างราบเรียบขนาดใหญ่ที่พอๆ กับลานกว้างด้านหน้าเมืองั
“นั่นมันอะไร?”
ฮวาลิ่วในฐานะที่เป็นักฆ่าสายตาจึงแหลมคมเป็อย่างมาก แค่กวาดสายตามองผ่านก็จับสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น สีหน้าตื่นเต้นคึกคักร้องอุทานออกมาเบาๆ
“อาาา! สมบัติล้ำค่า? สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์?”
เย่เชียงสาดสายตามองไปยังบริเวณใจกลางของลานกว้างพลันมองเห็นมีของสามชิ้นวางอยู่ ชิ้นแรกเป็เสื้อเกราะป้องกันที่แผ่รังสีพลังสีเขียวออกมา ชิ้นที่สองเป็หอกยาวสีทองทั่วทั้งด้าม และชิ้นสุดท้ายเป็กริชสั้นเล่มหนึ่ง ของทั้งสามชิ้นมองจากไกลๆ ยังเห็นได้ถึงรังสีพลังแสงพิเศษเฉพาะตัวที่แผ่พุ่งออกมาทำให้ทุกๆ คนแค่มองก็คาดเดาได้ว่าของทั้งสามชิ้นนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน สามารถแผ่รังสีพลังออกมาได้เช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็สมบัติล้ำค่าระดับวิเศษคุณภาพระดับสูง หรืออาจจะเป็ระดับศักดิ์สิทธิ์ดิ์ก็เป็ได้
ฟิ้ว!
ฮวาลิ่วตอบสนองขึ้นในทันทีร่างกายพลันเลือนหายไปในอากาศใช้วิชาอำพรางกายเคลื่อนตัวเข้าหาสมบัติล้ำค่าทั้งสามชิ้นทันที ในเวลาเดียวกันผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิของตระกูลฮวาก็ใช้วิชาอำพรางกายเลือนหายไปด้วยเช่นกัน ส่วนผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตาาจักรพรรดิคนหนึ่งของเมืองัก็พุ่งตรงออกไปยังสมบัติล้ำค่าทั้งสามชิ้นเช่นเดียวกัน
“ทุกคนกลับมาให้หมด!”
เย่เชียงเดิมทีปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกกำลังเตรียมตัวที่จะพุ่งทะยานออกไปยังสมบัติล้ำค่าเ่าั้เช่นเดียวกัน แต่หางตาของเขากลับเหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างขึ้น เขาจึงรีบหยุดชะงักร่างของตนเองลงในทันที ในขณะเดียวกันก็ร้องะโบอกออกไปแก่ยอดฝีมือของตระกูลฮวาและเมืองั
สมาชิกกองกำลังที่อยู่ด้านหลังพลันหยุดชะงักร่างลงไปตามๆ กัน พร้อมกับมองสำรวจไปโดยรอบทั้งสี่ทิศอย่างงุนงงสงสัย
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในเวลานี้เองทิศทางอื่นๆ ของลานกว้างพลันปรากฏเสียงแหวกอากาศดังลอยมา ในเวลาเดียวกันนั้นมีอยู่สองทิศทางที่ปรากฏแสงสว่างสีขาวขึ้นมานับไม่ถ้วน แสงสว่างเ่าั้ดูคล้ายกับเป็การโจมตีของพลังปราณรบที่แข็งแกร่งลอยตรงเข้ามา ซึ่งพลังปราณเ่าั้ล้วนพุ่งเข้าหาทุกๆ คนที่กำลังมุ่งเข้าไปยังสมบัติล้ำค่าที่อยู่ตรงกลางลานกว้าง
เอ๊ะ!
ยอดฝีมือของเมืองัรีบหยุดชะงักร่างของตนเองลงพร้อมกับรีบถอยหลังกลับโดยทันที ส่วนฮวาลิ่วและยอดฝีมือคนอื่นๆ ของตระกูลฮวากลับไม่ได้หยุดเงาร่างลงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับเพิ่มระดับความเร็วที่อำพรางกายเข้าไปให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“สมบัติล้ำค่าที่อยู่ตรงหน้านี้เป็ของนครแห่งเทพ ใครกล้าเข้ามาแย่งฆ่าไม่มีละเว้น!” ถูเฮยร้องตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดัง เขาพุ่งทะยานมาจากทางด้านซ้ายมืออย่างรวดเร็วพร้อมจำนวนคนสิบกว่าคน
“สมบัติล้ำค่าเหล่านี้เป็เขตปกครองเทพปีศาจของพวกข้าเจอก่อน! พวกเ้าอย่าคิดเข้ามาแย่งเด็ดขาด มิฉะนั้นละก็จะหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!” คนของเขตปกครองเทพปีศาจโผล่ออกมาจากทางด้านขวาในเวลาไล่เลี่ยกัน หัวหน้าผู้นำของเผ่าปีศาจใบหน้าเต็มไปด้วยขนรุงรัง ดวงตาทั้งคู่ทอประกายแสงสีเขียวร้องตวาดออกมาด้วยเช่นกัน
“เ้าพวกปีศาจตายซาก พวกเ้าจะไม่หน้าหนาจนเกินไปหน่อยรึ เป็พวกข้าคนเถื่อนที่เห็นก่อนแท้ๆ เด็กๆ ของข้าบุกเข้าไป!” หัวหน้าผู้นำของเผ่าคนเถื่อนก็คือหมันก้าน หมันก้านวันนี้สวมใส่เสื้อเกราะสีทองอีกครั้ง ลักษณะท่าทางกำเริบเสิบสานอย่างถึงที่สุดโบกมือพุ่งนำคนเถื่อนบุกทะลวงเข้าไปโดยไม่สนใจต่อสิ่งใดๆ
“ข้าว่าพวกเ้าทั้งหมดสมองคงมีปัญหากันเป็แน่แท้ พูดจาไร้สาระทำไมมากมาย? ล้วนเป็พวกฆาตกรปล้นฆ่าชิงทรัพย์คลานตามก้นกันออกมาทั้งนั้นยังจะมาเสแสร้งทำเป็เทพบุตรใสซื่อบริสุทธิ์กันอยู่ทำไม? พี่น้องของข้าเริ่มงานกันได้แล้ว มองดูเนื้อชิ้นโตวางอยู่ตรงหน้านี้ ดูไว้ให้ดีๆ ใครที่หยิบสมบัติล้ำค่าไปรุมสับมันให้เละในทันที!” หัวหน้าผู้นำของเกาะเร้นลับเป็คนของเผ่ามนุษย์สวมชุดเสื้อลายดอกดูท่าทางนักเลงอันธพาลสุดๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้