หลังจากการสอบเสร็จสิ้น นักเรียนจำนวนมากต่างทยอยออกมาจากประตูมิติแห่งการทดสอบ บางคนเต็มไปด้วยความดีใจและความภาคภูมิใจ ในขณะที่บางคนเดินออกมาพร้อมใบหน้าที่หมองเศร้าและผิดหวัง
ทันทีที่พวกเขาออกมาสู่ด้านนอก เสียงพูดคุยจากกลุ่มนักเรียนที่รออยู่ก่อนแล้วก็ดังขึ้นทันที
"เฮ้! พวกนายรู้รึเปล่า!? คุณหนูลี่จวน น้องสาวของนายน้อยกู่ ได้คะแนนระดับ SSS+ ถึงสามการสอบเลยนะ!!" นักเรียนกลุ่ม A ะโขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
นักเรียนจากกลุ่ม B ก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
"ไม่ใช่แค่ลี่จวนเท่านั้นนะ! คุณหนูเมิ่งหลิน ผู้นำกิลด์กุหลาบดำ ก็ได้ SSS+ ครบทั้งสามฐานสอบเลย! นกสีครามของเธอแทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทานเลยด้วยซ้ำ!"
เสียงพูดคุยเหล่านี้ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก นักเรียนต่างแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยความตื่นเต้น แต่ทว่า... เมื่อพวกเขาหันไปมองนักเรียนจากกลุ่ม C ที่เดินออกมา สีหน้าของนักเรียนกลุ่มนั้นกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
"เกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้นน่ะ? ทำไมถึงทำหน้าเหมือนเพิ่งผ่านามาอย่างนั้น?" นักเรียนบางคนเริ่มซุบซิบกัน
นักเรียนจากกลุ่มอื่นๆ พยายามเข้าไปสอบถามด้วยความสงสัย แต่ไม่มีใครตอบอะไรเลย
"เฮ้ๆ พวกนายทำไมถึงเงียบแบบนี้? พวกนายไปเจออะไรมากันแน่?"
แต่ไม่ว่าจะพยายามถามแค่ไหน นักเรียนกลุ่ม C ก็เพียงแค่เดินผ่านไปโดยไม่ตอบอะไรเลย
ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดนั้น หนึ่งในนักเรียนจากกลุ่ม C ก็พูดขึ้นมาเบาๆ
"เปิดโทรศัพท์ของพวกนายแล้วเช็คข่าวดูสิ"
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น นักเรียนที่เหลือก็หันไปมองกันเองด้วยความสงสัย ก่อนจะรีบเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อดูข่าวล่าสุด แต่ก็มีบางส่วนที่ถามขึ้น
"อะไรกัน? แค่ข่าวเหรอ ทำไมต้องให้ดูด้วย?"
"ใช่แล้ว! ถ้าเจออะไรสุดยอดมากก็น่าจะบอกมาตรงๆ สิ ในกลุ่มของพวกนายมีแต่คนเก่งๆไม่ใช่เหรอ!"
แต่แล้ว... เสียงะโของนักเรียนบางคนก็ดังขึ้นมา
"เฮ้ย! ดูนี่สิ! ข่าวแจ้งเตือนเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้!"
"เขาบอกว่ามีนักเรียนจากเมืองแห่งสายฝนทำลายสถิติการทดสอบด้านพลังโจมตีและความเร็ว!!"
"ชื่อของกู่เทียน อู๋ซวง เย่เฟิง และเสินหย่า ขึ้นเป็หัวข่าวเลย!!"
นักเรียนจำนวนมากเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนกว่านั้น
"ไม่ใช่แค่ทำลายสถิตินะ! หุ่นทดสอบก็ถูกทำลายลงไปด้วย!!"
เสียงพูดคุยเริ่มแพร่กระจายเป็วงกว้างในหมู่นักเรียน "นี่มันข่าวจริงเหรอ!?"
"แน่นอนสิ! คิดว่าข่าวใหญ่แบบนี้จะเป็ข่าวปลอมรึไง!?"
ภายในเวลาไม่กี่วินาที ข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว ทำให้ชื่อของ กู่เทียน เย่เฟิง เสินหย่า และ อู๋ซวง กลายเป็ที่พูดถึงไปทั่วสนามสอบ กู่เทียนเองก็ได้รับความสนใจจากนักเรียนมากมายที่เข้ามาทักทายและแสดงความยินดีให้กับเขา
แต่กู่เทียนก็เพียงแค่ ยิ้มรับก่อนจะเดินจากไปทันที ใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็จริงจัง ก่อนจะเดินตรงไปหาพ่อแม่ของเขา
ที่อีกมุมหนึ่ง เสินหย่ามองไปที่กู่เทียนที่กำลังเดินจากไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรหาใครบางคน
ในขณะเดียวกัน...
อู๋ซวงก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยหญิงสาวมากมาย ที่เข้ามาแสดงความยินดีกับเขา
"นายน้อยอู๋คะ! คุณเก่งมากเลย!"
"ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ!?"
อู๋ซวงเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลง
กู่เทียนเดินตรงไปยังห้องพักรับรองที่พ่อและแม่ของเขารออยู่ แต่ระหว่างทางก็ต้องชะงัก เมื่อมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ หลายแห่งพากันเข้ามาล้อมรอบเขา พวกเขาต่างพยายามเชิญชวนกู่เทียนให้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของตัวเอง พร้อมยื่นข้อเสนอที่แสนล่อตาล่อใจ
แม้แต่ มหาวิทยาลัยทองคำ อันดับที่ 10 ก็ส่งตัวแทนมา มหาวิทยาลัยการค้า อันดับที่ 5 ก็เช่นกัน และที่ทำให้กู่เทียนต้องหันมาฟังจริงจังก็คือ มหาวิทยาลัยทะเลสีดำ อันดับที่ 4 ซึ่งมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีและการวิวัฒนาการสัตว์ร้าย
แต่แม้จะมีข้อเสนอมากมาย กู่เทียนก็ยังคงนิ่งสงบ เขารับฟังอย่างใจเย็น พร้อมรอยยิ้มเป็มิตร ก่อนจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ "ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติและโอกาส ผมจะนำไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนครับ"
เมื่ออาจารย์เ่าั้ได้รับคำตอบ พวกเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร พวกเขารู้ว่ากู่เทียนเป็นักเรียนที่มีศักยภาพมหาศาล และการตัดสินใจของเขาย่อมมีน้ำหนัก พวกเขาจึงเดินจากไปเพื่อไปหานักเรียนคนอื่นๆ ต่อ
เมื่อเดินทางมาถึงห้องพักรับรอง กู่เทียนเห็นพ่อแม่ของเขานั่งรออยู่ กวงเยว่และกู่หลงเตรียมจะกล่าวแสดงความยินดี แต่เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของลูกชาย ความยินดีก็ถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึม
กู่เทียนไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่หยิบ หินก้อนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ วางลงบนโต๊ะ
ทันใดนั้น บรรยากาศภายในห้องก็เงียบสงัด
หินก้อนนี้ คืออุปกรณ์ปิดเสียงและการดักฟังทุกประเภท แม้แต่ ผู้ควบคุมสัตว์ร้ายระดับจักรพรรดิ ก็ไม่อาจแอบฟังบทสนทนาในห้องนี้ได้
ห้านาทีผ่านไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กู่หลงและกวงเยว่สบตากันก่อนจะพยักหน้า ทั้งสามคนเข้าใจตรงกัน
กู่หลงกล่าวเสียงเรียบ "เข้ามาได้"
ทันทีที่ประตูเปิดออก ร่างของหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีเงินและั์ตาอันเฉียบคม ก็ปรากฏขึ้น เสินหย่า ก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยบอดี้การ์ดสองคนและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอันดับที่ 2 มหาวิทยาลัยแห่งสายฟ้าา
กู่หลงเป็คนแรกที่กล่าวทักทาย "สวัสดี มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?"
เสินหย่ายิ้มบางๆ ก่อนตอบ "หนูมีเื่ที่อยากคุยกับกู่เทียนนิดหน่อยค่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู่หลงและกวงเยว่ก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้ารับ และกวงเยว่ก็เดินไปชงชาให้ทุกคนดื่มทันทีเพื่อเป็การแสดงมารยาท ผ่านไปสักพักกวงเยว่ก็นำชาไปวางไว้ที่โต๊ะ
"งั้นพวกเราจะออกไปหาซื้อกินอะไรข้างนอกก่อนก็แล้วกัน" กู่หลงกล่าว ก่อนจะหันไปทางกู่เทียน "แล้วเจอกันที่รถนะ เ้าตัวแสบ" สิ้นเสียงนั้น ทั้งสองก็เดินจากไปทันที
เสินหย่า ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดของเธอออกไปจากห้อง แต่เหลือ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยสายฟ้าา ไว้ด้วย เธอเดินไปนั่งลงบนโซฟา พร้อมกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยสายฟ้าา และบนโต๊ะนั้นก็มีชาที่กวงเยว่ชงไว้ให้ทั้งสองคนด้วย จากนั้น เสินหย่าก็หยิบม้วนสัญญาบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะพูดขึ้น
"กู่เทียน ฉันมีข้อเสนอให้นาย นายสนใจฟังไหม?"
กู่เทียนที่กำลังดื่มน้ำส้มปั่นอยู่ วางแก้วลง ก่อนจะยิ้มรับ "ได้สิครับ"
เสินหย่าหัวเราะเบาๆ "ฉันอยากให้นายทำงานให้ฉัน" เธอพูดพลางวางสัญญาลงบนโต๊ะ "ถ้านายตกลง ฉันจะสนับสนุนให้นายกลายเป็จักรพรรดิเอง"
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของกู่เทียนก็หยุดนิ่ง! เขารู้สึกได้ว่าร่างของเขา ไม่สามารถขยับได้ราวกับถูกตรึงด้วยพลังลึกลับ
"คุณหนูเสินนี้มันหมายความว่าอย่างไงงั้นเหรอครับ?" กู่เทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็มิตร
เสินหย่ากระตุกยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบ "อย่าใไปเลย กู่เทียน นี่เป็เพียงมาตรการป้องกันของฉันเอง"
เสินหย่ากล่าวใช้ปลายนิ้วแตะสัญญาที่อยู่ตรงหน้าเบาๆ "นายเป็คนฉลาด ถ้านายอ่านข้อเสนอนี้ นายจะรู้ว่ามันเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนายอย่างแน่นอน แต่ว่าไม่อ่านก็ดีเหมือนกัน…"